ช่วงเย็นวันอังคารที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่อาคารกิจกรรมนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (อ.มช.) สโมสรนักศึกษาคณะสังคมศาสตร์และสโมสรนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เปิดเวทีเสวนา "มช.ออกนอกระบบใครได้-ใครเสีย" โดยมีนักศึกษา มช. เข้าร่วมเป็นจำนวนมากเต็มโรงอาหาร
ออกนอกระบบไม่ห่วงค่าเทอมขึ้น กลัวเสรีภาพทางวิชาการ หวั่นนักศึกษาไม่สนใจสังคม
ทิฆัมพร รอดขันเมือง
ภายหลังการเสวนา "ประชาไท" มีโอกาสพูดคุยกับนักศึกษาที่ร่วมกิจกรรมดังกล่าว โดย นาย
"ตอนนี้คิดว่ามหาวิทยาลัยจะออกหรือไม่ออกนอกระบบไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ ถ้าผมคิด ผมคิดว่าไม่ออกนอกระบบจะดีกว่า เพราะว่าระหว่างสิ่งที่ดีอยู่แล้วมีอยู่แล้วกับเลือกในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นหรือยังไม่มีอะไรรองรับ เรามาเลือกสิ่งที่ดีอยู่แล้วหรือว่าสิ่งที่มีเดิมดีกว่า ออกแล้วแน่นอนมันต้องไหลไปตามกลไกตลาด แต่ละคณะจะต้องผลิตวิชาชีพมากขึ้น วิชาทางสังคมลดลง แต่คณะทางวิทยาศาสตร์ ทางแพทย์ ทางวิศวกรรมศาสตร์ อาจจะผลิตมากขึ้น ประเด็นของการศึกษาที่จะสนใจสังคม สภาพแวดล้อม คนในสังคมหรือว่าสภาพโดยทั่วๆ ไปจะลดลง ทุกคนจะมีสภาพเป็นมนุษย์เงินเดือน" ทิฆัมพรกล่าว
ออกนอกระบบเพื่อความคล่องตัว แต่ออกแล้วต้องเปิดกว้างโอกาสทางการศึกษา
ธัชพงษ์ ไกรวัฒน์นุสรณ์
นาย
"แต่ในประเด็นต่อมา คือถ้ามองว่าออกนอกระบบแล้วมันจะเป็นอย่างไร คือเป็นสิ่งที่ต้องตามดูกันดีกว่าของนักศึกษาว่าจะมีผลอย่างไร เป็นสิ่งที่ต้องตามดูในส่วนของนักศึกษา เพราะว่าโดยที่ผ่านมานักศึกษาเป็นผู้ถูกกระทำ นโยบายอะไรสั่งการออกมานักศึกษาก็ก้มหน้าก้มตายอมรับ โดยไม่รู้ว่านโยบายนั้นออกมาแล้วทั้งๆ ที่มันมีผลต่อเรา"
นายธัชพงษ์กล่าวต่อว่า อีกประเด็นหนึ่งคือตนคิดว่าโอกาสทางการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งถ้าออกนอกระบบไปแล้ว โอกาสทางการศึกษาจะเพิ่มขึ้นหรือเปล่า ถ้ามหาวิทยาลัยสามารถบริหารจัดการเองได้ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจ แต่ถ้าออกนอกระบบไปแล้วโอกาสทางการศึกษานั้นยังลดน้อยลงให้กับผู้ด้อยโอกาส หรือผู้ขาดโอกาสทางสังคม ประเด็นนี้คงจะเป็นสิ่งที่ต้องทำการทบทวน เกี่ยวกับสถาบันอุดมศึกษาในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่จะผลิตคลังสมองให้กับประเทศชาติที่เป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศชาติ คือมันต้องมีผลกระทบที่จะเปลี่ยนแปลงตามมาอยู่แล้ว
ตั้งคำถามแปรญัตติ พรบ.บ่อย หวั่นข้อความตกหล่น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการรีบนำพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายธัชพงษ์ให้ความเห็นว่า ถ้าเราใช้ความคิดของรัฐบาลรักษาการหรือรัฐบาลเฉพาะกาลมาผลักดันตรงนี้ แล้วการจะผลักดันกฎหมายพวกนี้คิดว่ามันเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะเร็วไปไหม เพราะว่าสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลรักษาการหรือรัฐบาลเฉพาะกาลจะทำมันเป็นประเพณีที่ปฏิบัติก็คือจะต้องไม่ทำนโยบายที่จะเป็นการผูกพันหรือส่งผลให้เกิดขึ้นในรัฐบาลต่อๆ ไป "สิ่งที่เกิดขึ้นตามมามันอาจรวดเร็วไปหรือเปล่า?"
"อีกประเด็นที่ผมมองก็คือ ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มันมีระยะเวลานานแล้ว จุดเริ่มต้นมาจากที่มหาวิทยาลัยได้เสนอขึ้นไป ผมไม่แน่ใจว่ามีการปรับแก้ในทุกครั้งที่เสนอขึ้นไปมีการปรับแก้ตลอด คิดว่าแล้วปรับไปปรับมามันจะเหลืออะไร ซึ่งเข้าสภานิติบัญญัติผ่านขั้นตอนไปแล้วคือรับหลักการ ขั้นตอนที่สองคือแปรญัตติ และขั้นตอนที่สามคือลงมติ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าขั้นตอนที่สองจะไปแปรญัตติอะไรกันอีกหรือเปล่า ซึ่งผมคิดว่าถ้าแปรญัตติสุดท้ายจะเหลืออะไร"
"เพราะจุดเริ่มต้นของมหาวิทยาลัยเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ เป็นตัวร่างที่โอเค แต่ได้รับการปรับแก้โดยกฤษฎีกา ได้รับการปรับแก้โดยสภาผู้แทนราษฎร ได้รับการปรับแก้โดยวุฒิสภา แล้วก็จะได้รับการปรับแก้โดยคณะกรรมาธิการร่วมของสองสภา และถ้าจะมีการปรับแก้โดยคณะกรรมาธิการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติอีก ผมคิดว่ามันจะตกหล่นหรือเปล่า แก้แล้วแก้อีกก็จะล่าช้า เพราะระยะเวลาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติก็มีเวลาจำกัด และมีงานที่ต้องทำอีกเยอะ" นายกสโมสรนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มช.กล่าวในที่สุด
ผู้จัดดีใจคนสนใจเยอะ แต่สงสัยผู้บริหารพูดเลยเวลาไม่รู้อยากสื่ออะไร
นางสาว
"วิทยากรที่เชิญมาครึ่งหนึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุน อีกครึ่งเป็นฝ่ายคัดค้าน ถือว่าเป็นการแชร์ความคิดกัน ไม่ใช่เอาแต่คนสนับสนุนมาพูดหรือเอาแต่คนค้านอย่างเดียว ในเรื่องมหาวิทยาลัยออกนอกระบบตนเห็นว่าอยากให้นักศึกษาคิดมากกว่าค่าเทอม ความเป็นอิสระทางวิชาการ อะไรที่สามารถต่อรองกับอำนาจทุนได้ หรือว่าอะไรที่เข้าไปถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายบริหารได้ จะต้องผลักกันให้มาก คิดกันให้มากขึ้น และอยากให้ชุมชนทั้งผู้ปกครองและผู้ได้รับประโยชน์จากมหาวิทยาลัยด้วยให้มาร่วมด้วยช่วยกันในเรื่องตรวจสอบมหาวิทยาลัยออกนอกระบบนี้" นางสาวเนตรชนกกล่าวในที่สุด
ทั้งนี้ ในช่วงที่มีการจัดเสวนาซึ่งมีนักศึกษาและประชาชนที่สนใจเข้าฟังกว่า 500 คนนั้น ภายหลังจากที่วิทยากรที่ผู้จัดงานเชิญมาพูดจบแล้ว นักศึกษาที่มาฟังก็ได้เริ่มทยอยกลับเนื่องจากวิทยากรที่ผู้จัดเชิญได้แก่ คณาจารย์ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ อาทิ รศ.ดร.
โดยในเวทีอภิปรายช่วงสุดท้ายเหลือเพียงฝ่ายผู้บริหารของมหาวิทยาลัยที่สนับสนุนการผลักดันมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ คอยตอบคำถามของผู้ร่วมเสวนา อาทิ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)