ปะติดปะต่อจิกซอว์การเมืองไทย

หนังสือที่ไม่ได้ "ฉะ" และ "แฉ" นักการเมือง (ฉาว) อย่างเดียว แต่เป็นหลักไมล์บอกระยะก้าวของสังคมไทยด้วย

แม้หนังสือจะพะชื่อหน้าปกให้ดูมีลับลมคมในว่า "ฉะ แฉ ฉาว นักการเมืองไทย" เพื่อให้เข้ากับเทรนด์ในแวดวงพ๊อกเก็ตบุ๊กไทยปีที่ผ่านมา (ที่วนเวียนอยู่กับการ "สาวไส้" ตัวเองและคนอื่นออกมาให้นักเสพเรื่องคาวๆ ได้อ่านกัน) แต่ในความเป็นจริงแล้ว หนังสือเล่มนี้มีความดีในตัวของมันมากกว่าการแฉเรื่องฉาวๆ ของนักการเมืองมากนัก และอาจเรียกได้ว่านี่คือ "หลักไมล์" บอกระยะก้าวของสังคมไทยที่อ่านง่ายที่สุดเล่มหนึ่ง

 

ก่อนที่ใครจะเบือนหน้าไปจากหนังสือเล่มนี้เพียงเพราะหน้าปกระบุว่าเป็นการฉะ แฉ ฉาว นักการเมือง ขอบอกก่อนว่านักการเมืองที่ "ทีมข่าวการเมืองมติชน" รวบรวมไว้ ไม่ได้หมายถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติ (?) เพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงอดีตนายกฯ นายทหาร ตำรวจ และผู้มีบทบาทขับเคลื่อนให้สังคมไทยเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้ด้วย...

 

 

จริง-ไม่จริงไม่รู้ แต่ต้องลองอ่านดูระหว่างบรรทัด…

เรื่องราวของแต่ละบุคคลที่ปรากฏอยู่ใน ฉะ แฉ ฉาวฯ เป็นบทสัมภาษณ์ที่เปิดโอกาสให้คนถูกสัมภาษณ์ได้บอกเล่า "เรื่องจริง" เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตของตัวเอง ซึ่งเราคงไม่มีทางรู้หรอกว่า "ความจริง" ที่แท้นั้นเป็นอย่างไร แต่ทัศนคติที่มีต่อเหตุการณ์นั้นๆ ซึ่งออกมาจากปากคำของคนให้สัมภาษณ์ จะเป็นตัวบ่งชี้ให้รู้เองว่านักอ่านควรจะให้น้ำหนักหรือตั้งคำถามในเรื่องไหน

 

การติดตามมุมมองของบุคคลที่ถูกสัมภาษณ์ จึงเป็นการฝึกให้นักอ่านใช้วิจารณญาณควบคู่ไปด้วยอย่างสนุกสนาน เพราะเรื่องราวแต่ละเรื่องที่เล่าในเวอร์ชั่นของแต่ละคนอาจแตกต่างกันสุดขั้ว แม้ว่าจะพูดถึงเหตุการณ์เดียวกันก็เถอะ!

 

ที่สำคัญก็คือเราต้องไม่ลืมอ่านเรื่องราวระหว่างบรรทัดที่คนให้สัมภาษณ์หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงด้วย...

 

บทเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้พาเราย้อนกลับไปก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ" เป็นบทสัมภาษณ์ ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ บุตรชายของ พล.อ.ชาติชาย ผู้ถูกรัฐประหารจากคณะ รสช.เมื่อปี พ.ศ. 2534

 

แม้บทสัมภาษณ์จะไม่มีอะไรใหม่ และไม่มีอะไรมา "แฉ" ให้คนไทยรู้มากขึ้น เป็นแค่การปล่อยให้ "อาจารย์โต้ง" หรือ ไกรศักดิ์ บอกเล่าความสัมพันธ์ในทีมที่ปรึกษานายกฯ ชาติชายในสมัยนั้น (หรือที่รู้จักกันในนามของ "ทีมบ้านพิษฯ") อันประกอบด้วย วิษณุ เครืองาม, พันศักดิ์ วิญญรัตน์, ชัยอนันต์ สมุทรวณิช, บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, สุรเกียรต์ เสถียรไทย, ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร, นิคม จันทรวิทุร และสังศิต พิริยะรังสรรค์

 

ถึงวันนี้ อดีตที่เคยหวานชื่นของทีมบ้านพิษฯ จะกลายเป็นเรื่องเก่าที่ไม่มีใครอยากเอามาเล่าใหม่ แต่จะเห็นได้ว่าตัวละครที่เล่นอยู่บนเวทีการเมืองไทยตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ไม่ได้มีตัวละครใหม่ๆ เพิ่มมาสักเท่าไหร่เลย...

 

"กลุ่มคน" เพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่ยึดครองพื้นที่ในแวดวงการเมืองเอาไว้ จากนั้นก็หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันมาสร้างสีสันและสร้างแรงเหวี่ยงในบางจังหวะและบางโอกาสที่แตกต่างกันไป

 

นอกจากเรื่องราวของกลุ่มปัญญาชนทีมบ้านพิษฯ เราจะได้ยิน (ได้อ่าน) มุมมองที่แตกต่างระหว่างเวอร์ชั่นอาทิตย์ อุไรรัตน์ กับเวอร์ชั่นของ พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์ ที่มีต่อเหตุการณ์วัน "หักดิบ" ที่อาทิตย์ อุไรรัตน์ เสนอชื่อ "อานันท์ ปันยารชุน" ขึ้นมาเป็นนายกฯ ขัดตาทัพอีกรอบ หลังจากเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

 

ครั้งนั้นสื่อมวลชนไทยพากันคาดเดาต่างๆ นานาว่าใครจะขึ้นมาเป็นนายกฯ แทน พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่ถูกพลังประชาชนต่อต้านให้ลงจากตำแหน่งในวันที่ 23 พฤษภาคม 2535 (หลังจากเกิดเหตุการณ์นองเลือดไปแล้ว...) เพราะถึงแม้ว่า "นายทหารชั้นผู้ใหญ่คนนั้น" จะลงจากตำแหน่งไปแล้ว ก็ยังมีฝ่ายสนับสนุนทหารที่ต้องการให้ พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์ ขึ้นมาเป็นนายกฯ คนต่อไปแทน

 

แต่แล้วอาทิตย์ อุไรรัตน์ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ ในขณะนั้น กลับเสนอชื่ออานันท์ ปันยารชุน โดยให้เหตุผลว่าต้องการป้องกันความไม่พอใจของประชาชน แถมยังบอกอีกด้วยว่าฝ่ายสนับสนุน พล.อ.อ.สมบุญ ตามไปประกบและขู่เขาถึงเชียงราย แต่เขาก็ตัดสินใจ "ทำเพื่อประชาชน" จนกลายเป็นที่มาของฉายา "วีรบุรุษประชาธิปไตย" ที่คนไทยนำมาใช้เรียกขานเขาอยู่ระยะหนึ่ง

 

ถัดจากบทสัมภาษณ์อาทิตย์ อุไรรัตน์ มาไม่กี่หน้า ก็ถึงตาของ พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์ บอกเล่าถึงวันที่พลาดตำแหน่งนายกฯ พร้อมกับยืนยันชัดเจนว่าการที่ตนเองพลาดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นเรื่องที่ คาดเดาได้ เพราะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว และตนก็ไม่เคยคิดอยากเป็นนายกฯ เลยแม้แต่นิดเดียว

 

ส่วนที่แต่งชุดขาวเต็มยศรออยู่ที่บ้านจนนักข่าวไปสัมภาษณ์ถึงการแต่งตั้งนายกฯ แบบพลิกโผถึงได้รู้ว่านายกฯ แต่งตั้งหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ชื่อ "อานันท์ ปันยารชุน" เป็นเพราะมี "คนวงใน" คนหนึ่งโทร.มาบอกให้เตรียมตัวก็เท่านั้น ก่อนจะตบท้ายว่า "เมื่อจบเรื่อง คนอื่นตกใจ แต่ผมหัวเราะ เหมือนยกภูเขาออกจากอก คืนนั้นหลับสบายเลย เช้าผมก็ประชุมสภาตามปกติ รู้สึกว่ามัน หมดเวร แล้ว"

 

อีกหลายเรื่องที่น่าสนใจก็คือวิวาทะระหว่าง "ชาวนา" กับ "งูเห่า" หรือ สมัคร สุนทรเวช อดีตเจ้าสำนัก (พรรค) ประชากรไทย และลูกพรรคที่ปันใจเป็นอื่นอย่าง วัฒนา อัศวเหม จนกลายเป็นตำนานอันลือลั่นเรื่องชาวนากับงูเห่า

 

รวมถึงเรื่องราวของวิษณุ เครืองาม "ผู้สัมผัส 7 นายกฯ 9 รัฐบาล" ซึ่งถ้าไปอ่านก็จะรู้ว่าอดีตอาจารย์จากจุฬาฯ คนนี้ "มีดี" อย่างไร ถึงได้อยู่รอดปลอดภัยถึงขั้นที่มีนายกฯ เรียกใช้บริการไม่ขาดสาย

 

(และเรื่องของ "ม้า" กับ "จ๊อกกี้" ก็ยังเป็นคำเปรียบเทียบที่ใช้ได้ดีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเสียด้วย)

 

000

 

นอกเหนือไปจากนักเล่นการเมืองมืออาชีพ ผู้ที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับสังคมไทยอย่างเอกอุอีกกลุ่มหนึ่งก็ได้แก่บุรุษในเครื่องแบบทั้งหลาย ตอนต่อๆ มาของหนังสือ ฉะ แฉ ฉาวฯ จึงได้แก่การสัมภาษณ์นายทหารและตำรวจมากหน้าหลายตา และบทสัมภาษณ์หลายตอนที่คัดมา สามารถสะท้อนวัฒนธรรมในแวดวงคนมีสีได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 

ที่ดุเด็ดเผ็ดมันที่สุดน่าจะเป็นปากคำ (ให้สัมภาษณ์) ของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี บอกเล่าถึงเหตุการณ์ "ถูกหลอกให้ปฏิวัติ" เมื่อครั้งที่เกิดกรณี "เมษาฯ ฮาวาย" ขึ้นในปี 2524

 

ครั้งนั้น พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ได้รับโทรศัพท์จาก พล.อ.มนูญกฤต รูปขจร ที่มาพร้อมกับวลีว่า "ป๋าสั่ง"

 

ไม่ต้องฟังอีร้าค่าอีรม "ทหารมืออาชีพ" อย่าง พล.อ.พัลลภ ที่มีประสบการณ์โชกโนจนถูกเรียกว่าสายเหยี่ยว กระโดดเข้าร่วมการปฏิวัติแต่โดยดี นำรถถังกว่า 100 คัน และทหาร 4 กองพัน จากอรัญประเทศ มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อทำการปฏิวัติทันที

 

แล้วเหตุการณ์ก็กลับตาลปัตร... ซึ่ง พล.อ.พัลลภ อธิบายถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า

 

"ผมมารู้ภายหลังว่า การตัดสินใจปฏิวัติเกิดขึ้นตอนบ่าย 3 โมง วันที่ 1 เมษายน 2524 โดยก่อนจะทำได้มีการวางแผนให้ พ.อ.แสงศักดิ์ (มงคละสิริ) พ.อ.ประจักษ์ (สว่างจิตร) และ พ.อ.บวร (งามเกษม) ไปจับตัวป๋าที่บ้านสี่เสาร์เทเวศน์

 

แต่ปรากฏว่าป๋าสามารถหลอกล่อจนสามารถหลบหนีเข้าไปในวังได้ พร้อมทูลเชิญในหลวงและพระราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่กองทัพภาคที่ 2 จ.นครราชสีมา ก่อนตั้งกองบัญชาการสู้ปฏิวัติ จากนั้นใช้อำนาจประกาศปลดผู้ทำการปฏิวัติทั้งหมด…ผมรู้เลยว่าชีวิตข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น..."

 

แต่แล้ว พล.อ.พัลลภ ก็ได้รับการนิรโทษกรรม ด้วยความช่วยเหลือจากเครือข่ายทหารด้วยกัน และถึงวันนี้ความผันผวนทางการเมืองก็ย้อนกลับมาพัวพันกับชีวิตของนายทหารผู้นี้อีกในคดี "คาร์บอมบ์"

 

น่าเสียดายที่บทสัมภาษณ์ใน ฉะ แฉ ฉาวฯ เป็นการพูดคุยกับ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ก่อนที่จะมีกรณีคาร์บอมบ์เกิดขึ้น ไม่งั้นเราอาจจะได้รู้ว่าคราวนี้เขาถูกใครหลอกมาอีกหรือเปล่า...

 

ส่วนเรื่องราวของ "พล.อ.สุรยุทธ์ จุลลานนท์" ก็มีเหมือนกัน แต่เป็นบทสัมภาษณ์ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่ง "นายกฯ คนดี" แห่งประเทศไทย พูดถึงการนำกองกำลังพิเศษเข้าวิสามัญฆาตกรรม "ก๊อดส์อาร์มี่" หรือกองกำลังนักศึกษาพม่าที่บุกเข้ายึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี เมื่อปี 2543

 

การวิสามัญฆาตกรรมครั้งนั้นมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่ประปรายว่ารุนแรงเกินกว่าเหตุ เพราะถึงจะเป็นพม่า แต่นักศึกษาเหล่านั้นก็ยังเป็นมนุษย์เหมือนเราๆ ท่านๆ (เว้นแต่ใครจะมีคำขวัญประจำใจว่า "ฆ่าพม่า-ไม่ผิด" เหมือนกับที่หลายคนเคยใช้เป็นธงในการจัดการกับคนที่เห็นต่าง...)

 

หากความสำเร็จที่ พล.อ.สุรยุทธ์และกองกำลังพิเศษของไทยสามารถช่วยตัวประกันกว่า 300 ชีวิตให้เป็นอิสระโดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ (นอกจากกองกำลังพม่าที่ตายไปเลย..) ก็เป็นผลงานที่สังคมไทยของเราให้อภัยได้อย่างไม่ลำบากยากเย็น

 

ส่วนคำถามว่า-เหตุไฉนกองกำลังติดอาวุธที่เคยบุกยึดสถานฑูตพม่ากลางย่านธุรกิจของไทยจึงสามารถกระทำการอุกอาจซ้ำด้วยการบุกยึดโรงพยาบาลที่ราชบุรีได้เป็นครั้งที่ 2 (และที่สำคัญก็คือ อาวุธครบมือขนาดนั้น ทำไมไม่มีใครระแคะระคายมาก่อนเลย?) ยังคงไม่มีคำตอบจนทุกวันนี้...

 

000

 

โดยรวมแล้ว หนังสือเล่มนี้คือจิกซอว์แต่ละตัวที่สะท้อนให้เห็นภาพรวมของเหตุการณ์ที่ผ่านมาในเวทีการเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น การปฏิวัติรัฐประหาร พฤษภาทมิฬ การยุบสภาในสมัยของนายกฯ แต่ละคน รวมถึงการ "เล่น" การเมืองโดยไม่มีมิตรแท้ ไม่มีศัตรูถาวร และไม่มีหลักอะไรให้ยึดเลย

 

แม้ใครจะเอ่ยอ้างถึง "ประชาชน" "ประชาธิปไตย" หรือ "ความมั่นคงของชาติ" ในวันที่ได้สัมภาษณ์เอาไว้ พอกาลเวลาผ่านไป คำพูดเหล่านั้นจะพิสูจน์ตัวมันเองว่าจริงหรือไม่ - ด้วยการกระทำของแต่ละบุคคล

 

แต่ตราบใดที่เรายังปล่อยให้การเมืองไทยมีแต่จิกซอว์หน้าซ้ำๆ เดิมๆ เหล่านี้ คงไม่มีวันที่เราจะสามารถปะติดปะต่อภาพ "สังคมที่ดี" ให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ เพราะมันยังมีช่องโหว่อีกมากมายที่ต้องช่วยกันเติมให้เต็ม…

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท