Skip to main content
sharethis

 

การเมือง

 

สปน.เตรียมเสนอ อสส.ฟ้องบังคับคดีให้ไอทีวีชำระหนี้

ผู้จัดการออนไลน์ - ที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานการดำเนินการตามสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุและโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ ที่มีนายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้พิจารณาข้อเสนอของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ในการแก้ไขปัญหาสัมปทานส่วนต่างจำนวน 2,210 ล้านบาท โดยมีการเสนอ 5 แนวทางจากไอทีวี คือ ไอทีวีขอชำระหนี้ด้วยการออกหุ้นใหม่ 1,500 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1 บาท และชำระเงินสด 710 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าอยู่นอกเหนือสัญญาที่ให้จ่ายเป็นเงินสดเท่านั้น กรรมการจึงไม่สามรถพิจารณาแนวทางนี้ได้ 2.ไอทีวีขอให้บริษัทเอกชนไทยเข้ามาถือหุ้นแทนบริทชินคอร์ปอเรชั่นทั้งหมด ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าเป็นการบริหารจัดการภายในที่ไอทีวีต้องดำเนินการเอง 3.ไอทีวีขอให้รัฐบาลซื้อหุ้นคืน แต่คณะกรรมการเห็นว่าไม่สามารถพิจารณาได้ เพราะเป็นนโยบายที่รัฐบาลต้องตัดสินใจ 4.ไอทีวีข้อผ่อนผันชำระหนี้สัมปทานซึ่งคณะกรรมการรับไว้พิจารณาเพราะอยู่ในกรอบของสัญญา และ 5.ไอทีวีขอยกเลิกสัญญาณหากชำระหนี้ไม่ได้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีต้องตัดสินใจพิจารณา

 

คณะกรรมการฯ ยังมีมติให้สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ สปน.ทำหนังสือไปยังอัยการสูงสุด เพื่อให้อัยการสูงสุดฟ้องร้องบังคับคดีให้ไอทีวีชำระหนี้ ตามสิทธิเรียกร้องที่ สปน.ดำเนินการได้ และตามคำพิพากษาศาลปกครอง แต่กรณีที่ไอทีวียื่นเรื่องต่อสำนักงานอนุญาโตตุลาการเพื่อข้อระงับข้อพิพาทค่าปรับนั้น สปน.ยืนยันจะไม่นำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการอีก และจัดทำหนังสือคัดค้านไปยังอนุญาโตตุลาการวันพรุ่งนี้ เมื่อครบกำหนดชำระวันที่ 29 มกราคมนี้ สปน.จะทำหนงสือสอบถามไปยังไอทีวีอีกครั้ง เพื่อให้เวลาอีกระยะหนึ่งคาดว่าไม่เกิน 45 วัน

 

 

ลุ้นเก้าอี้"ปธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ"

เว็บไซต์คมชัดลึก - เช้าวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ภายหลังมีกระแสข่าวว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้การสนับสนุนเป็นประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่ถูกกระแสต่อต้านจากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) บางส่วน จึงคาดว่าน่าจะหารือกับ พล.อ.เปรม ถึงเรื่องดังกล่าว หลังการเข้าพบ น.ต.ประสงค์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ยังไม่ขอพูดตอนนี้

 

สนช.รับร่างรง.ผลิตอาวุธเอกชน

ผู้จัดการรายวัน - การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)โดยนาย มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน สนช.ทำหน้าที่ประธาน พิจารณาร่าง พ.ร.บ.โรงงานผลิตอาวุธของเอกชน ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี มีหลักการเพื่อปรับปรุงกฎหมายว่าด้วย โรงงานผลิตอาวุธของเอกชน โดยอ้างเหตุผลคำสั่งของคณะปฎิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 37 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2518 ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว บทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องและเหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน สมควรปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการอนุญาต และมาตรการในการควบคุม และตรวจสอบโรงงานผลิตอาวุธของเอกชน รวมทั้งปรับปรุงบทกำหนดโทษ และอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

 

พล.อ.อู้ด เบื้องบน สมาชิก สนช.อภิปรายสนับสนุนร่างฉบับนี้ว่า จะทำให้เอกชนที่ผลิตอาวุธปืนจะต้องดำเนินการให้อยู่ในกรอบของ พ.ร.บ.และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์ และ พ.ร.บ.อาวุธปืน ซึ่งเอกชนที่ผลิตอาวุธหรือมีอาวุธในครอบครอง เพื่อจัดจำหน่ายจะต้องมีใบอนุญาตจากกระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย จะทำให้การตรวจสอบของสวนราชการมีการตรวจสอบได้ตลอดเวลา และเป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงกลาโหมกำหนดไว้เพื่อให้มีความปลอดภัย

 

นาย แวมาฮะดี แวดาโอะ สมาชิก สนช.ได้อภิปรายสนับสนุนการตรากฎหมายฉบับนี้ว่า จะเป็นการเสริมสร้างความมั่นคง และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินโดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ระเบิดที่ จ.ยะลา พนักงานสอบสวนพยายามโยงว่า อาวุธที่ใช้ก่อเหตุมาจากโรงโม่หิน และมีการจับกุมผู้ต้องหา 3 คนไปคุมขังถึง 2 ปี ในที่สุดอัยการสั่งไม่ฟ้องและไม่มีการอุทธรณ์คดี แสดงให้เห็นว่าเกิดความสับสนในเรื่องของอาวุธ นอกจากนี้การมี พ.ร.บ.ฉบับนี้จะให้รัฐบาลสามารถควบคุมจำนวนการผลิต การตรวจสอบการจัดเก็บและการเคลื่อนย้ายอาวุธ ซึ่งทำให้สามารถตรวจสอบได้หากมีใครลักลอบนำอาวุธไปจำหน่ายเป็นอาวุธเถื่อน หรือนำไปก่อเหตุ ตนเชื่อมั่นว่า พ.ร.บ.นี้ จะบรรเทาปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้บ้าง

 

ด้านนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ สมาชิก สนช.กล่าวว่า ในหลักการสามารถสนับสนุนได้ แต่อยากถามรัฐบาลถึงการควบคุมส่วนใหญ่ ความจริงควรมีกฎหมายนี้มานานในการควบคุม เพราะในอดีตมีผู้สนใจในการลงทุน แต่ติดในเรื่องข้อผูกพันและความสัมพันธ์ที่มีต่อบริษัทที่ผลิตและนำมาจำหน่าย โดยเฉพาะล็อบบี้ยีสต์ และนายหน้าค้าอาวุธ ซึ่งมีขั้นตอนมาตรการในการตัดสินใจ เป็นเรื่องผลประโยชน์กับบริษัทผลิตอาวุธในต่างประเทศ นอกจากนี้ กรณีที่จะมีผู้ขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตอาวุธในประเทศ ทางรัฐบาลจะมีนโยบายให้ บีโอไอ.ที่จะส่งเสริมการผลิตอาวุธหรือไม่ เพราะยังมีพ่อค้า นายหน้า ที่พยายามขายสิ่งเหล่านี้ในทางไม่ถูกต้อง เพราะหากอนุญาตให้ผลิตอาวุธในประเทศยังปล่อยให้มีการนล็อบบี้ซื้อาวุธจากต่างประเทศ สุดท้ายธุรกิจนี้ไม่สามรถยืนบนลำแข้งตัวเองได้

 

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ด้วยเสียง 131 ต่อ 1 และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 15 คน เพื่อพิจารณาแปรญัตติภายใน 7 วัน

 

 

เสธ.แดงฉุน"อนุพงษ์"อุ้มตำรวจ

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ "เสธ.แดง" ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ได้ทำหนังสือเปิดผนึกถึง พล.อ.อนุพงษ์ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับท่าทีของที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผู้ช่วย ผบ.ทบ.) ในฐานะผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ออกมาการันตีผลงานของตำรวจในการคลี่คลายคดีลอบวางระเบิดอย่างน้อย 8 จุดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ว่า ไม่มีการจับแพะอย่างแน่นอนนั้น ได้สร้างความเห็นขัดแย้งขึ้นกับนายทหารระดับสูงในกองทัพด้วยกัน

เนื้อหาในหนังสือของ พล.ต.ขัตติยะ ระบุว่า "เวลาให้สัมภาษณ์ ทหารทั้งกองทัพเขาตกใจว่า ผู้ช่วย ผบ.ทบ.เป็นตำรวจไปแล้วหรือ" พล.ต.ขัตติยะ ระบุตอนหนึ่งในหนังสือเปิดผนึก และยังได้ตั้งคำถามถึง พล.อ.อนุพงษ์ ด้วยว่า "ขอถามเพื่อนว่า...เพื่อนเป็นโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งแต่เมื่อไร แถลงข่าวรับประกันว่าตำรวจไม่จับแพะ" นอกจากนี้ ยังแสดงความไม่พอใจที่มีการนำกำลังตำรวจไปจับกุมทหารถึงในค่าย ทั้งที่นายทหารพระธรรมนูญ และสารวัตรทหาร ก็สามารถทำหน้าที่นี้แทนได้ นอกจากนั้นยังมีการกล่าวโจมตีการทำงานของตำรวจ โดยเฉพาะประเด็นการรวบรวมพยานหลักฐานที่อ้างว่าพบเชื้อปะทุในบ้านของผู้ต้องสงสัย ทั้งๆ ที่ผู้ต้องสงสัยรายนั้นเป็นครูฝึกวิชาสงครามทุ่นระเบิด จึงต้องมีเชื้อปะทุอยู่ที่บ้านเป็นของธรรมดา

 

"ชาญชัย"ยันDSIต้องร่วมคดีบึ้มแม้ตำรวจไม่พอใจ

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ดีเอสไอต้องเข้าไปร่วมสอบสวนคดีลอบวางระเบิด ตามคำสั่งพล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี แม้ทางตำรวจจะไม่ยินยอมให้ดีเอสไอเข้าไปร่วมสอบสวน หรือไม่มอบหมายให้ช่วยทำงานในส่วนใด ดีเอสไอก็ต้องเข้าไปร่วมสอบสวน เพราะถือเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของนายกฯ หากผลการสอบสวนออกมาไม่ตรงกัน ก็ให้รายงานไปตามข้อเท็จจริง

 

 

ผู้พิพากษาแนะดำเนินคดีกลุ่มผู้ชุมนุมด่าคตส.

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - จากกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมที่ให้กำลังใจ น.ส. พินทองทา ชินวัตรที่ได้เข้าชี้แจงต่อ คตส. เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปฯ  ได้ตะโกนด่า กรรมการ คตส. หลายคน ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย  ซึ่งปรากฏว่าผู้ชุมนุมบางคนอยู่ในกลุ่มสนับสนุนอดีต กกต.และศาลอาญาเคยพิพากษาให้จำคุกและรอการกำหนดโทษไว้เป็นเวลา 1 ปี ในคดีละเมิดอำนาจศาล เพราะเคยก่อเหตุวุ่นวายขึ้นหน้าบริเวณศาลนั้น  ซึ่งในการรอการกำหนดโทษไว้ ศาลได้กำหนดเงื่อนไข ห้ามกระทำการหรือเข้าเกี่ยวข้องกับกิจกรรมใดๆ อันจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมืองหรือนำไปสู่ความแตกแยกในหมู่ประชาชน นั้น

 

ผู้พิพากษาท่านหนึ่งให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า บุคคลใดที่พบเห็นเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมตะโกนด่า กรรมการ คตส. อย่างเช่น นักข่าว ก็สามารถมายื่นคำร้องต่อศาลอาญา ให้ศาลทำการไต่สวนว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมืองหรือนำไปสู่ความแตกแยกในหมู่ประชาชน ตามที่ศาลได้มีคำสั่งห้ามไว้หรือไม่ และถ้ามีเทปบันทึกภาพขณะเกิดเหตุการณ์ ก็นำมายื่นแสดงต่อศาลเป็นพยานหลักฐานได้ และศาลจะออกหมายเรียกบุคคลที่ถูกกล่าวหามาชี้แจงต่อศาลด้วย นอกจากนี้ หากกรรมการ คตส.คนใดถูกด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ก็สามารถยื่นฟ้องคนด่า ในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้าได้

 

 

 

เศรษฐกิจ

 

กรมสรรพสามิตหาแนวทางการจัดเก็บภาษีตัวใหม่ ให้สมดุลหลังยกเลิกภาษีโทรคมนาคม

กรมประชาสัมพันธ์ - นายสมหมาย  ภาษี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายให้กรมสรรพสามิตศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีตัวใหม่ เพื่อให้เกิดความสมดุล ภายใน 2 เดือน หลังคณะรัฐมนตรีให้ปรับลดภาษีโทรคมนาคมเป็น 0 เปอร์เซนต์ โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ นอกเหนือจากการพิจารณาแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว พร้อมปรับสมดุลโครงสร้างการจัดเก็บภาษีประเภทต่างๆ ให้สมดุลกัน ส่วนการปรับลดภาษีโทรคมนาคมเหลือร้อยละ 0 นั้น ยอมรับว่ากระทบการจัดเก็บรายได้ของกรมฯที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้กว่า 279,000 ล้านบาท จึงได้มอบหมายให้นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมสรรพสามิต เร่งศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตตัวใหม่ที่เห็นว่าสมควรจัดเก็บให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความสมดุล ภายใน 1 - 2 เดือน

ส่วนกรณีที่มีเอกชนได้ชำระค่าภาษีโทรคมนาคมในเดือนมกราคมนี้กว่า 4,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นการชำระก่อนจะมีมติคณะรัฐมนตรีให้ปรับลดภาษีโทรคมนาคมนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าเป็นเรื่องที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที จะพิจารณาว่าจะให้เอกชนสามารถขอคืนภาษีได้หรือไม่

ต่างประเทศ

 

กองทัพสหรัฐ บุกโจมตีโซมาเลีย ครั้งที่ 2 ในรอบเดือนนี้

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - กรณีการบุกโจมตีโซมาเลีย ของกองทัพสหรัฐ หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ รายงานอ้างคำเปิดเผย ของเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐ ว่า กองทัพอากาศสหรัฐ ส่งเครื่องบินเอซี-130 1 เครื่อง ยิงถล่มเป้าหมายที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายเครือข่ายอัลกออิดะห์ ที่บริเวณภาคใต้ของประเทศโซมาเลีย การโจมตีครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือนนี้ ที่กองทัพสหรัฐบุกโจมตีโซมาเลีย อย่างไรก็ตาม  โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าว

 

เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน สหรัฐ เคยส่งเครื่องบินกันชิป เอซี-130 โจมตีเป้าหมายในโซมาเลีย ซึ่งเป็นปฏิบัติการทางทหารครั้งแรกของสหรัฐในดินแดนโซมาเลีย นับตั้งแต่ยุติปฏิบัติการรักษาสันติภาพในประเทศนี้ เมื่อปี 2537

 

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐ เชื่อว่ากลุ่มมุสลิมโซมาเลียให้ที่หลบซ่อนแก่สมาชิกของเครือข่ายอัลกออิดะห์ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางระเบิดสถานทูตสหรัฐ 2 แห่ง และโรงแรมของอิสราเอลในแอฟริกาตะวันออก

 

 

รมว.พลังงานอินโดนีเซียหวั่นจัดส่งแก๊สให้ญี่ปุ่นไม่ตรงตามอุปสงค์

อินโฟเควสท์ - นายเพอร์โนโม ยุสกิอานโตโร รัฐมนตรีเหมืองแร่และพลังงานอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียไม่สามารถจัดหาก๊าซเพื่อสนองตอบต่ออุปสงค์ก๊าซวันละ 12 ล้านตันของญี่ปุ่นภายในปี 2554 ได้

 

"การส่งมอบก๊าซ 12 ล้านตันต่อปีเป็นเรื่องยากที่จะทำได้ เนื่องจากความสามารถในการผลิตของอินโดนีเซียอยู่ที่ราว 6 ล้านตันต่อปี" ยุสกิอานโตโร กล่าว

 

นอกจากนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียยังต้องการผลิตก๊าซ เพื่อตอบสนองอุปสงค์ก๊าซในประเทศ ซึ่งจะมีการคำนวณตัวเลขในภายหลัง การดำเนินการเพื่อสร้างสมดุลนั้นจะคำนวณจากสถิติการบริโภคก๊าซในประเทศและความสามารถสำรองในการส่งออก

 

รัฐมนตรีพลังงานกล่าวว่า บริษัทผู้ผลิตก๊าซรายใหญ่ที่สุดในประเทศอย่าง โทเทล รายงานว่า การผลิตจะอยู่ที่ราว 5-6 ล้านตันต่อปี ขณะที่ เชฟรอน ยังไม่ได้รายงานตัวเลข ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีสัญญาก๊าซจำนวน 12 ล้านตันต่อปีกับอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตก๊าซแอลเอ็นจีรายใหญ่สุดของโลก และจะหมดอายุสัญญาระหว่างปี 2554-2555

 

 

 

สหประชาชาติ ตั้งกองกำลังรักษาสันติภาพยูเอ็นชุดใหม่ เพื่อควบคุมแผนสันติภาพ

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - การดูแลและควบคุมแผนสันติภาพระหว่างรัฐบาลเนปาลกับอดีตกลุ่มกบฏลัทธิเหมา และช่วยเตรียมการเลือกตั้งทั่วไปในเนปาล คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) มีมติให้จัดตั้งกองกำลังรักษาสันติภาพชุดเล็กในเนปาล

รายงานระบุว่า  มติการจัดตั้งกองกำลังรักษาสันติภาพยูเอ็นชุดใหม่ในเนปาลนี้ เป็นไปตามคำร้องขอของทั้งฝ่ายรัฐบาลเนปาล และอดีตกลุ่มกบฏลัทธิเหมา เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานราว 1 ทศวรรษ ของทั้ง 2 ฝ่าย ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วถึงกว่า 13,000 คน และมีผู้หายสาบสูญไปอีกราว 1,000-5,000 คน อีกทั้งทำให้มีผู้อพยพพลัดถิ่นอีกหลายพันคนด้วย

 

ทั้งนี้ ตามมติที่ 1740 ซึ่งผ่านความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ของสมาชิกถาวรทั้ง 15 ประเทศ ของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น กองกำลังรักษาสันติภาพชุดเล็กของยูเอ็น ซึ่งประกอบด้วย ทหาร 186 นาย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนอีก 60 คน จะปฏิบัติภารกิจอยู่ในเนปาลในระยะ 12 เดือนข้างหน้า หลังจากนั้น อาจขยายหรือยุติภารกิจ ขึ้นอยู่กับการร้องขอของรัฐบาลเนปาล และภารกิจหลักของกองกำลังรักษาสันติภาพยูเอ็นชุดนี้คือ ควบคุมข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกองกำลังรัฐบาลเนปาลกับอดีตกลุ่มกบฏลัทธิเหมา ตามข้อตกลงที่ทั้ง 2 ฝ่ายลงนามร่วมกัน เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว อีกทั้งควบคุมการส่งมอบอาวุธแก่ยูเอ็นของอดีตกลุ่มกบฏด้วย นอกจากนี้ กองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นจะช่วยเตรียมกระบวนการเลือกตั้งทั่วไปในเนปาลให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม

 

คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม

 

กรีนพีซจี้ล้อมคอก มาบตาพุดเสื่อม

เว็บไซต์ไทยโพสต์ - จากมติของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้เลื่อนเวลาประกาศเขตอุตสาหกรรมมาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษออกไป ทำให้องค์กรที่รณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะมูลนิธิกรีนพีซได้ออกแถลงข่าวตอบ ระบุว่า  ถือเป็นสิ่งที่น่าอัปยศอย่างที่สุด  มตินี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับบริษัทที่สร้างมลพิษมากกว่าสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้  การประกาศให้มาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ  เป็นก้าวแรกที่จำเป็นต้องทำในการแก้วิกฤติมลพิษที่กำลังคุกคามต่อชีวิตของประชาชนในพื้นที่และชุมชนใกล้เคียง  ซึ่งหากมีการประกาศ  รัฐบาลสามารถจัดการตรวจสอบมลพิษทั้งหมดที่ถูกปล่อยออกมาจากนิคมอุตสาหกรรม  และยังสามารถระบุโรงงานที่ปล่อยมลพิษมากที่สุดในเขตนี้อีกด้วย

คำแถลงระบุด้วยว่า  โรงงานอุตสาหกรรมควรจะถูกบังคับให้ลดการปล่อยมลพิษให้เหลือน้อยที่สุด  และสุดท้ายแล้วจะต้องไม่มีการปล่อยมลพิษจากโรงงานทั้งหมด  การซื้อขายการปล่อยมลพิษระหว่างบริษัทไม่ได้เป็นการแก้ปัญหามลพิษ  หากแต่เป็นการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการปล่อยมลพิษในนิคมอุตสาหกรรมต่อไป   กรีนพีซเชื่อว่าวิธีแก้ปัญหามลพิษอย่างแท้จริงและยั่งยืนในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและพื้นที่มลพิษอื่นๆ  ในประเทศ  ขึ้นอยู่กับภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมในการนำการผลิตที่สะอาด  (Clean  Production)  มาปฏิบัติใช้อย่างจริงจัง  ซึ่งจะเป็นการกำหนดและกระตุ้นให้บริษัทต่างๆ  หันมาเลิกใช้สารประกอบที่เป็นพิษ  และเลือกใช้วัสดุที่ปลอดภัยกว่าในกระบวนการผลิต  จนกว่าจะถึงเวลานั้น  รัฐบาลจะต้องระงับการขยายอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษไม่ให้เกิดขึ้นอีกในพื้นที่นี้  เช่น  โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน  และอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่กำลังมีการเสนอให้สร้างเพิ่ม

 

อย่างไรก็ตาม  การตัดสินใจปล่อยให้โรงงานอุตสาหกรรมปล่อยมลพิษต่อไปในพื้นที่นี้  เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลยอมสังเวยสุขภาพอนามัยและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านนับหมื่นที่อาศัยอยู่ในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษ  เพียงเพื่อแลกมาซึ่งผลกำไรจากบริษัทต่างๆ  อย่างน่าไม่อาย

 

อย. เตรียมยกเลิกคำสั่งห้ามโฆษณาเหล้า

เว็บไซต์เดลินิวส์ - นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวถึง การดำเนินการของ อย. ภายหลังการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีคำสั่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรื่องการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ว่า เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีคำวินิจฉัยมาว่า อย.ไม่มีอำนาจที่จะดำเนินการตามคำสั่งนี้ ทาง อย. จะเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และคาดว่าจะประชุมคณะกรรมการอาหาร ซึ่งมี นพ.กิตติศักดิ์ กลับดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อออกประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอด 24 ชม. อย่างเป็นทางการ

 

สำหรับการควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น คงต้องรอให้ ร่าง พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกมาเป็นกฎหมายบังคับใช้ เพราะขณะนี้ คงไม่มีหน่วยงานใดเข้ามารับเผือกร้อนในเรื่องนี้แล้ว หากจะให้กรมประชาสัมพันธ์ขยายเวลาการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสื่อวิทยุและโทรทัศน์ตลอด 24 ชั่วโมง จากเดิมอนุญาตให้โฆษณาได้ในช่วงเวลา 22.00-05.00 น. ก็อาจจะมีความยุ่งยากในการออกประกาศเพิ่ม

 

รมว.แรงงานเผยแผนลงทุนกองทุนประกันสังคมเน้นพันธบัตร

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - นายอภัย จันทนจุลกะ รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ในปี 2550 สำนักงานประกันสังคม (สปส.) จะสามารถจัดเก็บเงินสมทบจากทั้งฝ่ายนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล ได้รวม 98,949 ล้านบาท และคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายจากการดูแลสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกันตนทั้ง 7 กรณี รวม 41,764 ล้านบาท มีเงินคงเหลือให้นำไปลงทุนจำนวน 57,185 ล้านบาท โดยเงินคงเหลือส่วนใหญ่เป็นเงินกองทุนกรณีชราภาพ ซึ่งเป็นเงินออมของผู้ประกันตนจำนวนกว่า 8.5 ล้านคนทั่วประเทศ ที่ สปส. มีหน้าที่นำไปลงทุนเพื่อให้เกิดดอกผล เตรียมพร้อมสำหรับจ่ายบำนาญชราภาพ ซึ่งจะเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2557 เงินลงทุนจำนวน 57,185 ล้านบาทข้างต้น ร้อยละ 80 ของเงินลงทุนนำไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกัน และหุ้นกู้เอกชนที่ได้รับการจัดอันดับเครดิต โดยคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ 4.80-5.00 ต่อปี ส่วนร้อยละ 10 ของเงินลงทุน จะนำไปลงทุนในตราสารหนี้อื่น ๆ และหน่วยลงทุน เพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน และอีกร้อยละ 10 ของเงินลงทุน จะนำไปลงทุนในหุ้นสามัญ โดยเลือกลงทุนเฉพาะบริษัทจดทะเบียนที่มีผลประกอบการมั่นคง มีกำไร และมีแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลสูง เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้า สาธารณูปโภคและการบริโภคของประชาชน

 

 

บินไทยพร้อมกลับดอนเมือง "ชลิต" การันตีแท็กซี่เวย์ร้าวยังซ่อมได้

ผู้จัดการออนไลน์ - พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวในฐานะประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กรณีที่กระทรวงคมนาคมมีนโยบายที่จะย้ายสายการบินในประเทศกลับไปใช้ท่าอากาศยานกรุงเทพแบบจุดต่อจุด การบินไทยพร้อมสนองนโยบาย แม้จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นบ้าง แต่คาดว่าจะเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารในประเทศมากขึ้น

 

ขณะนี้คณะกรรมการการบินไทยกำลังพิจารณาในรายละเอียดของแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 2550-2554) ของการบินไทย ซึ่งตามแผนดังกล่าวจะต้องมีการซื้อเครื่องบินใหม่เพิ่มเติมอีกกว่า 10 เครื่องจากเครื่องบินการบินไทยที่มีอยู่ประมาณ 87 เครื่อง แต่จะซื้อมากน้อยขนาดไหนหรือจะเช่าเหมาลำ ต้องดูฐานะการเงินและรายได้ของการบินไทยด้วย โดยต้องยอมรับว่าตามวงจรของเครื่องบินเมื่อเก่าก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือใช้วิธีเช่าเหมาลำมาเสริมบริการแทน ซึ่งเครื่องบินส่วนใหญ่ของการบินไทยใช้มานานกว่า 20 ปี จะต้องปิดประจำการออกไปตามความเหมาะสม ขณะเดียวกันการบินไทยจะมีการพิจารณาเพิ่มหรือลดจุดบินต่าง ๆ เพื่อสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นของการบินไทยในภาวะการแข่งขันของธุรกิจการบินที่รุนแรง

 

ผู้บัญชาการทหารอากาศ ยังกล่าวในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับดูแลการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชี้ปัญหารอยแตกร้าวในทางวิ่ง (รันเวย์) และทางขับ (แท็กซี่เวย์) ในขณะนี้พบว่าเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไป ทางด้านวิศวกรรมถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา โดยพื้นที่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งเป็นหนองนั้นจะเป็นพื้นที่ที่อุ้มน้ำมากกว่าท่าอากาศยานกรุงเทพ ดังนั้น หากมีการเข้าไปดูแลแก้ไขด้วยการดูดน้ำออกแล้วปรับปรุงก็คาดว่าจะสามารถทำให้ดีขึ้นได้ และเรื่องนี้ทางคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้มีการติดตามแก้ไขปัญหา โดยมีผู้เชี่ยวชาญ เช่น นายต่อตระกูล ยมนาค กรรมการ ทอท. เข้าไปดูแล จึงคาดว่าจะพบปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ไม่ต้องถึงขั้นต้องปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้วกลับไปใช้ท่าอากาศยานกรุงเทพทั้งหมด

 

"ไม่คิดว่าจะต้องมีการปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ลงทุนไปนับแสนล้านบาทแล้วกลับไปใช้ท่าอากาศยานกรุงเทพเหมือนเดิม และปัญหานี้เป็นปัญหาปกติที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาบางจุด ซึ่งแม้จะบกพร่องก็ไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมด มีเพียงบางจุดบางหลุมจอดเท่านั้น แท็กซี่เวย์ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีพื้นที่กว้างมาก จุดไหนมีปัญหาก็ขยับมีการบริหารไปใช้พื้นที่ที่ยังไม่ใช้" พล.อ.อ.ชลิต กล่าว

 

เรื่องความปลอดภัยการใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่มีปัญหาแต่อย่างใด โดยขณะนี้ที่เกิดรอยแตกร้าว เพราะผิวสัมผัสพื้นบนทางวิ่งหรือแท็กซี่เวย์ไปหลุมจุด ซึ่งนักบินของการบินไทยก็ไม่ได้มีการรายงานว่าจะเป็นจุดที่ทำให้ไม่ปลอดภัย เพราะพื้นแท็กซี่เวย์ไม่เหมือนสะพานที่แตกร้าวแล้วเกิดการหักโดยง่าย เพราะยังมีพื้นหินพื้นทรายและดินรองรับอยู่ด้านล่างทางวิ่งหนากว่า 1 เมตร จึงไม่ใช่พื้นบาง ๆ ที่ไม่มีอะไรรองรับแล้วหักง่าย แต่ยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้มีความไม่สะดวกสบายของเส้นทางไปหลุมจอดเท่านั้น ซึ่งคงจะต้องเข้าไปหาสาเหตุของการทรุดตัวลงบางจุดเกิดจากอะไร โดยในส่วนของทหารอากาศพร้อมส่งเจ้าหน้าที่กรมช่างโยธาทหารอากาศ กองนิรภัยการบิน พร้อมเข้าไปดูแลแก้ไข หากได้รับการร้องขอจาก ทอท.

 

พล.อ.อ.ชลิต ในฐานะรองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการทุจริตการก่อสร้างท่าอากาศยานว่า เรื่องนี้มีกระบวนตรวจสอบอยู่แล้ว โดยเฉพาะคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) หากผิด คตส.ก็ดำเนินการทางกฎหมาย--จบ—

 

 

ปท.ยากจนวอนแบ่งยาไข้หวัดนกอย่างเป็นธรรม

ผู้จัดการออนไลน์ - ประเทศกำลังพัฒนาจากเอเชียถึงตะวันออกกลาง เรียกร้องเมื่อวันอังคาร(23) ว่า พวกเขาควรได้รับส่วนแบ่งวัคซีนไข้หวัดนกและยาต้านเชื้อไวรัสซึ่งมีจำกัด "อย่างยุติธรรม" หากโรคระบาดร้ายแรงเกิดขึ้นจริงๆ

 

จีนและไทย ซึ่งถูกโรคไข้หวัดนกเล่นงานอย่างหนัก สัญญาจะจัดหาตัวอย่างไวรัสจากนกและคนให้มากขึ้นอีก ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาวัคซีนและการทดสอบวินิจฉัยโรคไข้หวัดนก

 

คณะกรรมการบริหารองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดการอภิปรายครั้งนี้ โดยเน้นถึงช่องว่างระหว่างประเทศร่ำรวยและประเทศยากจน ซึ่งทางองค์การได้เตือนถึง ภัยคุกคาม "ร้ายแรง" ที่ว่า ไวรัสไข้หวัดนก H5N1 อาจกลายพันธุ์ไปเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ระบาดร้ายแรง

 

"โรคระบาดร้ายแรงจะเกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาอย่างแน่นอน ไม่ใช่ในประเทศพัฒนาแล้ว แต่เราส่ง(ตัวอย่าง)ไวรัสของเราไปให้ประเทศร่ำรวยเพื่อผลิตยาต้านไวรัสและวัคซีน แล้วพอโรคระบาดร้ายแรงเกิดขึ้น พวกเขาก็รอดชีวิต แต่พวกเราตาย" นพ.สุวิทย์ วิบูลผลประเสริฐ ผู้แทนประเทศไทย กล่าวตรงๆ

 

"เป็นการไม่ยุติธรรมที่จะปล่อยให้คนยากจนเสียชีวิต และคนรวยรอดชีวิต" นพ.สุวิทย์ ระบุ

 

นพ.สุวิทย์ระบุว่า นี่เป็น "เรื่องความมั่นคงของชาติ" และกล่าวว่า "เราไม่ได้ต่อต้านการแบ่งปันข้อมูลและไวรัส แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า ทุกประเทศจะต้องมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนและยาต้านไวรัสอย่างเท่าเทียมกัน หากโรคระบาดร้ายแรงเกิดขึ้น"

 

ซัปพลายยาแทมิฟลู ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสระดับแนวหน้าที่ผลิตโดยบริษัทสัญชาติสวิส และกำลังการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบัน คงจะไม่เพียงพอกับความต้องการของโลกในยามเกิดโรคระบาดร้ายแรง

 

กำลังการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาลอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านโดส ซึ่งส่วนใหญ่จะมีฐานอยู่ในประเทศร่ำรวย แผนปฏิบัติการทั่วโลกของฮู ซึ่งเรียกร้องให้มีการโอนถ่ายเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา ได้ประมาณไว้ว่า จะต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าจะผลิตวัคซีนได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการในระดับปัจจุบัน

 

มาร์กาเร็ต ชาน ผู้ซึ่งขึ้นเป็นผอ.ฮูในเดือนนี้ ระบุว่า เธอเข้าใจในความวิตกเหล่านี้ และเธอยังกล่าวในฐานะที่เคยทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านไข้หวัดนกให้กับฮูมาก่อนหน้าว่า เธอรู้สึกประทับใจกับสำนึกในความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัทยาทั้งหลาย

 

"พวกเขาไม่มองโรคระบาดไข้หวัดใหญ่เป็นหนทาง "ทำเงิน" อีกทางหนึ่ง" เธอกล่าว "มีไมตรีจิตมากมายระหว่างหุ้นส่วนและผู้ถือหุ้นทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจว่าโลกเราเตรียมพร้อมยิ่งขึ้น"

 

บาห์เรน เป็นตัวแทนประเทศในตะวันออกกลาง ยกเว้นอิสราเอล กล่าวว่า ภูมิภาคตะวันออกกลางขาดความสามารถในการผลิตวัคซีนไข้หวัดประจำฤดูกาล และคงจะไม่สามารถผลิตวัคซีนต้ายโรคระบาดร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ได้

 

 "เรายังเชื่อว่า...ควรจะมีเปอร์เซนต์ของวัคซีนที่ผลิตสำหรับโรคระบาดร้ายแรงในแต่ละภูมิภาคระบุไว้ตายตัว โดยให้มีสัดส่วนพอเหมาะกับจำนวนประชากรในแต่ละภูมิภาค เพื่อให้แน่ใจว่า จะสามารถเข้าถึงวัคซีนดังกล่าวได้อย่างเสมอภาคและเป็นธรรม" ซาเมียร์ คาลฟาน อธิบดีกรมสาธารณสุขของบาห์เรน กล่าวต่อที่ประชุม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net