Skip to main content
sharethis

25 ..50 - "พลังงานหมุนเวียน ผนวกกับการใช้พลังงานอย่างฉลาดสามารถตอบสนองความต้องการพลังงานกว่าครึ่งหนึ่งของโลกภายในปี 2593 ได้" นี่คือส่วนหนึ่งของแผนการเพื่อสรรหาพลังงานหมุนเวียนในอนาคต ซึ่งได้ประกาศในวันนี้ จากรายงานเรื่อง ปฏิวัติพลังงาน : เส้นทางอันยั่งยืนสู่อนาคตพลังงานสะอาดโดยสภาอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนแห่งยุโรปและกรีนพีซ


กรีนพีซระบุว่า รายงานนี้ชี้ให้เห็นความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโลกลงเกือบครึ่งหนึ่งภายใน 43 ปีข้างหน้าด้วยพลังงานยั่งยืนในราคาถูก


และที่สำคัญยังช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจโลกต่อไปได้ โดยไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มประเทศองค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศกำลังพัฒนาอย่าง ประเทศไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย จีน อินเดียและบราซิล


เป็นที่น่าสังเกตว่าแผนการนี้ได้รวมเอาภูมิภาคที่มีความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน อินเดีย และแอฟริกา เข้าไว้ด้วย และเน้นไปที่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากแผนการปฏิวัติพลังงานว่าเป็นตัวจักรสำคัญของเศรษฐกิจโลก


"การปฏิวัติพลังงานคือการวิเคราะห์อย่างครอบคลุมถึงเปลี่ยนแปลงระบบพลังงานของโลกและโดยคำนึงถึงกระบวนการเติบโตทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาไม่ได้กระทบต่อสถานการณ์โลกร้อน"


ธารา บัวคำศรี นักรณรงค์ด้านพลังงาน กรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวว่า "รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการปรับแผนการพัฒนาพลังงาน และนักวางแผนด้านพลังงานของไทยควรคำนึงถึงแผนการปฏิวัติพลังงานนี้ ซึ่งผนวกกับอัตราการเติบโตที่สูงกว่าสำหรับพลังงานหมุนเวียน และมาตรฐานการประหยัดพลังงานที่สูงขึ้น นี่เป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะเลิกใช้พลังงานถ่านหินที่สร้างมลพิษและพลังงานน้ำมันกำลังหมดไปอย่างรวดเร็ว"


รายงานฉบับนี้ยังได้เน้นถึงความเร่งด่วนในการตัดสินใจที่ถูกต้องต่อรูปแบบพลังงานซึ่งจะกระทำโดยรัฐบาล สถานบันการลงทุน และหน่วยงานสาธารณะ ในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า แหล่งพลังงานจำนวนมากที่มีอยู่ในประเทศองค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจจะหมดไปและต้องการการทดแทน ในขณะที่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย จีน อินเดียและบราซิลต่างกำลังสร้างพลังงานรูปแบบใหม่อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศของตน


อาร์ทูรอส เซอร์วอส ประธานสภาอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนแห่งยุโรป กล่าวว่า "ตลาดสำหรับพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกสามารถเติบโตเป็นสองเท่าได้ในปี 2593 และเทียบเท่ากับปริมาณของอุตสาหกรรมน้ำมันในปัจจุบัน ธุรกิจพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์มีมูลค่าถึง 38 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ


และจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวในทุกๆ สามปี การเจริญเติบโตเป็นไปแนวทางเดียวกับอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ เพราะฉะนั้นเราจึงเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจจากทั่วโลก ทำแนวคิดนี้ให้เป็นจริง"


"การตัดสินใจทางการเมืองในไม่กี่ปีจากนี้จะส่งผลถึงสภาวะสิ่งแวดล้อมและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในอีกหลายทศวรรษต่อมา พลังงานหมุนเวียนสามารถเป็นผู้นำของพลังงานโลกในอนาคต ที่ผ่านมามิใช่ปัญหาทางด้านเทคโนโลยีที่ขัดขวางความเป็นไปได้นี้ แต่กลับเป็นปัญหาทางการเมือง" เซอร์วอสกล่าว


อนึ่ง รายงานฉบับนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทีมผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันเทคโนโลยีพลังงานกลแห่งศูนย์ศึกษาด้านบรรยากาศแห่งประเทศเยอรมัน หรือดีแอลอาร์ และนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรกว่า 30


คนจากมหาวิทยาลัย สถาบันต่างๆ รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนจากทั่วโลก ซึ่งได้เสนอแนวคิดให้เกิดการวิเคราะห์หาวิธีการวางรูปแบบพลังงานโลก โดยมีพื้นฐานจากการประเมินในแต่ละภูมิภาค เพื่อหาแหล่งพลังงานหมุนเวียนประสิทธิภาพทางพลังงาน และระบบกระจายศูนย์พลังงาน


แผนการปฏิวัติพลังงานได้เปรียบเทียบในรายงานถึงผลกระทบจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (รวมถึงภาวะโลกร้อน) หากเรายังคงปฏิบัติในรูปแบบเดิม แผนการนี้ถูกเสนอโดยสำนักงานย่อย 10 ภูมิภาคทั่วโลกขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ เพื่อใช้สำหรับเป็นแผนการพลังงานในอนาคต สามารถดาวโหลดรายงาน ปฏิวัติพลังงาน : เส้นทางอันยั่งยืนสู่อนาคตพลังงานสะอาดได้จากเว็บไซต์www.greenpeace.org และ www.erec.org





ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net