Skip to main content
sharethis

โทนี แบลร์ จะลงจากเก้าอี้นายกฯอังกฤษในเดือนพฤษภาคม ระหว่างนี้...อเมริกาจะมีความเคลื่อนไหวอะไรเพิ่มเติมบ้าง? นาวาอากาศเอก แซม การ์ดิเนอร์ นักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธวิธี จะมาวาดภาพการเตรียมพร้อมของอเมริกาให้เราฟัง...อุทัยวรรณ เจริญวัย คัดสรร เรียบเรียง และแปล

 

 

 

 

Uncensored

อุทัยวรรณ เจริญวัย

 

 

 

สัญญาณเรื่อง wider war หรือ "การโจมตีอิหร่าน" ยังไม่จบง่ายๆ

 

ชิ้นส่วนต่างๆ กำลังถูกจัดวางเคลื่อนไหว และถ้าทำเนียบขาวมีอะเจนดาที่ว่านี้อยู่ในใจ...การเตรียมพร้อมทั้งหมดถูกคาดหมายว่าจะเสร็จสิ้นประมาณปลายกุมภาพันธ์

 

โทนี แบลร์ จะลงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอังกฤษในเดือนพฤษภาคม ช่วงเวลามีนาคม-เมษายน...จึงถูกประเมินว่าเป็นจังหวะที่มี "ความเสี่ยงสูง" ชวนให้เกิดอาการลุ้นระทึกเป็นพิเศษ

 

ระหว่างนี้...อเมริกาจะมีความเคลื่อนไหวอะไรเพิ่มเติมบ้าง? นาวาอากาศเอก แซม การ์ดิเนอร์ (Col. Sam Gardiner) นักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธวิธี สอนหนังสืออยู่ที่ National War College, Air War College และ  Naval War College จะมาวาดภาพการเตรียมพร้อมของอเมริกาให้เราฟังคร่าวๆ ใน The Pieces Are Being Put in Place, CounterPunch, January 16, 2007

 

ชิ้นหลัง ไมเคิล คาร์ไมเคิล (Michael Carmichael) ผู้อำนวยการ The Planetary Movement, Oxford, UK ได้หยิบแง่มุมน่าสนใจจากอาหรับไทมส์และที่อื่นๆ มาบอกเล่าให้ฟัง ใน Planned Attack on Iran: Bush Will Expand War Before Blair Resigns, Global Research, January 16, 2007

 

o o o

 

อเมริกาเตรียมพร้อม : ชิ้นส่วนต่างๆ กำลังจะเข้าที่

นาวาอากาศเอก แซม การ์ดิเนอร์

16 มกราคม 2007

 

ชิ้นส่วนต่างๆ กำลังเคลื่อนไหว มันจะถูกจัดวางจนเข้าที่ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ถึงตอนนั้น อเมริกาก็จะพร้อมแล้ว...สำหรับปฏิบัติการทางทหารต่ออิหร่าน

 

เรือบรรทุกเครื่องบินชุดที่สอง ออกจากชายฝั่งตะวันตกของอเมริกาไปในวันที่ 16 มกราคม (1) มันจะไปรวมกลุ่มกับ เรือเคลียร์ทุ่นระเบิด ทั้งของอเมริกาและอังกฤษต่อไป พร้อมกันนั้น ระบบป้องกันทางอากาศแพทเทรียต ก็ถูกสั่งให้เคลื่อนย้ายไปยังบริเวณอ่าวเปอร์เชีย

 

และอาจจะเป็นเพราะเกาหลีเหนือเห็นว่าอเมริกากำลังวุ่นวายอยู่กับอิหร่าน จึงฉวยโอกาสแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวตามมา ด้วยเหตุนี้ ฝูงบิน F-117 Stealth Fighter จึงถูกเคลื่อนย้ายไปประจำการที่เกาหลีด้วย

 

สิ่งเหล่านี้ล้วนหมายถึง...ความขัดแย้งที่กำลังเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้น เราต้องไม่ลืมว่า ขณะที่อิหร่านให้การสนับสนุนกลุ่มต่างๆ ในอิรัก อเมริกาก็ยื่นมือเข้าไปสนับสนุนกลุ่มต่างๆ ในอิหร่าน และขณะที่อิหร่านมีทหารปฏิบัติการพิเศษอยู่ในอิรัก อเมริกาก็มีปฏิบัติการพิเศษในอิหร่านเช่นกัน

 

ขณะที่อิหร่านให้ความช่วยเหลือ กลุ่มฮามาส สองสัปดาห์ก่อน เราพบว่า อเมริกาก็ให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธกับ อับบาส (มาห์มูด อับบาส ฟาตาห์/ปาเลสไตน์) ขณะที่อิหร่านและซีเรียสนับสนุน เฮซบอลเลาะห์ ในเลบานอน ทำเนียบขาวก็ได้เซ็นอนุมัติให้ซีไอเอเข้าไปช่วยฝ่ายตรงข้ามเฮซบอลเลาะห์ในเลบานอน และขณะที่อิหร่านช่วยเหลือซีเรีย อเมริกาก็กำลังควักกระเป๋าให้ทุนฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลซีเรีย

 

และในสัปดาห์นี้เอง เราก็เพิ่งจะได้ยินว่า ประธานาธิบดีอเมริกาอนุมัติการโจมตีสำนักงานประสานงานของเจ้าหน้าที่อิหร่าน (สถานกงสุล) ในเมือง อีร์บิล (Irbil)

 

ทำเนียบขาวมักจะย้ำอยู่บ่อยๆ ว่าไม่มีแผนโจมตีอิหร่าน แต่ข้อเท็จจริงต่างๆ กลับบ่งชี้ไปในทางตรงข้ามอ ย่างชัดเจน และที่ชัดพอกันก็คือ ชาวอิหร่านกำลังจับตาที่การกระทำ-ไม่ใช่คำพูด-ของคณะผู้บริหาร

 

เป็นไปได้ว่า ยุทธศาสตร์ของทำเนียบขาวอาจมีความหมายแค่มาตรการกดดันอิหร่านหลายๆ ด้านพร้อมกัน และความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นก็อาจจะไม่นำไปสู่อะไรเลยก็ได้ แต่ถ้ามันไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าทำเนียบขาวกำลังอยู่บนเส้นทางที่มุ่งโจมตีอิหร่าน เราจะได้เห็นขั้นตอนต่างๆ ต่อไปนี้ ค่อยๆ คลี่คลายตัวเองออกมา

 

อันดับแรก เรารู้ว่ามีกลุ่มทำงาน - นำโดยเจ้าหน้าที่ของ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Council) - ซึ่งภารกิจของพวกเขาได้แก่ การปลุกเร้าสร้างกระแสความโกรธเกลียดไม่พอใจต่ออิหร่านขึ้นในระดับโลก เช่นเดียวกับช่วงก่อนสงครามอ่าวครั้งที่สอง กลุ่มทำงานด้านสื่อสารเหล่านี้จะเริ่มปล่อยข่าวและเรื่องราวต่างๆ เพื่อ "ขาย" สงครามหรือการโจมตีอิหร่านที่จะมีขึ้น ให้ลองจับตาดูกระแสที่ว่า

 

นอกจากนั้น พ้นไปจากระบบป้องกันอากาศแพทเทรียตที่จะถูกเคลื่อนย้ายไปยังรัฐอาหรับใน กลุ่มจีซีซี (GCC - Gulf Cooperation Council) (2) เพื่อไปเสริมกับระบบป้องกันอื่นๆ แล้ว ผมคาดว่าเราจะได้เห็นการเคลื่อนย้ายระบบป้องกันมิสเซิลของเราจากยุโรปไปอิสราเอลเป็นบางส่วน เช่นเดียวกับช่วงก่อนสงครามอ่าวครั้งที่สอง

 

และผมยังคาดว่า เราจะได้เห็นการเคลื่อนย้ายเครื่องบินรบของกองทัพอากาศเพิ่มเติมไปยังฐานทัพในอิรัก และบางส่วนไปยังอัฟกานิสถาน

 

ผมคิดว่าเราจะได้เห็นทหารอเมริกากองพลน้อยที่เพิ่มใหม่เข้ามาในอิรัก...ถูกส่งไปประจำการแถวชายแดนติดกับอิหร่าน ภารกิจของพวกเขาก็คือการเฝ้าระวังไม่ให้ฝ่ายต่างๆ ของอิหร่านเข้ามาในอิรักได้

 

และหนึ่งในขั้นตอนท้ายๆ ก่อนการโจมตี เราจะได้เห็นเครื่องบิน แท็งเกอร์ (Tanker - เครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศ) ถูกเคลื่อนย้ายไปยังที่ที่ไม่ค่อยปกตินัก อย่างเช่น บัลแกเรีย เป็นต้น มันจะถูกใช้เพื่อเติมน้ำมันให้กับ B-2 Bomber ในภารกิจโจมตีอิหร่าน (นอกจากทิ้งระเบิดธรรมดา  B-2 Bomber ยังจัดเป็นตัวเลือกแรกสำหรับมินินุก B61-11 อีกด้วย) เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นก็แปลได้ว่า การโจมตีกำลังจะตามมา...ภายในไม่กี่วัน

 

ทำเนียบขาวอาจจะพูดความจริงกับเราก็ได้ บางที...มันอาจจะไม่มีแผนอะไรที่จะรุกอิหร่านไปมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม เชื้อเพลิงสำหรับก่อไฟถูกจับมาวางอยู่ในที่ของมันแล้ว เหลือก็แต่การจุดสปาร์คอย่างเดียวเท่านั้น อันตรายของเรื่องทั้งหมดมีอยู่ว่า เราเพิ่งจะสร้างเงื่อนไขทุกอย่างขึ้นมา...เพื่อนำไปสู่สงครามในตะวันออกกลางที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม o

 

----------------------

 

โจมตีอิหร่าน : บุชจะขยายสงครามก่อนแบลร์ลาออก

ไมเคิล คาร์ไมเคิล

16 มกราคม 207

           

บรรณาธิการใหญ่ของ Arab Times รายงานว่า "แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้" ในวอชิงตัน ได้ให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับ...การโจมตีอุตสาหกรรมน้ำมันและนิวเคลียร์ของอิหร่านโดยการใช้กำลังอย่างหนักของอเมริกาที่จะมาถึง

 

ตามคำกล่าวของแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อของอาหรับไทมส์ ตารางเวลาที่วางไว้ถูกขับเคลื่อนโดยตรงจากจังหวะการรีไทร์ของ โทนี แบลร์ นายกฯ อังกฤษ พันธมิตรคนสำคัญของจอร์จ บุช

 

นายกฯ อังกฤษ ต้องสูญเสียความนิยมในหมู่ประชาชนอันเนื่องมาจากการสนับสนุนบุชในสงครามตะวันออกกลาง เพราะความอ่อนแอทางการเมืองบังคับ แบลร์จึงออกมาประกาศต่อสาธารณชนไว้ว่า เขาจะก้าวออกจากทำเนียบ - บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิง - ในเดือนพฤษภาคมนี้

 

หลังบวกลบคูณหารสมการต่างๆ ดูแล้ว แหล่งข่าวแจ้งอาหรับไทมส์ว่า เดือนเมษายนน่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดสำหรับการโจมตี เพราะมันเปิดโอกาสให้โทนี แบลร์ ได้ (ช่วย) เล่นบทบาทผู้นำ ยืนยันถึงความมีหลักการและเหตุผลของโลกตะวันตก สำหรับการใช้กำลังที่เพิ่มขึ้น...ในสงครามที่ประชาชนไม่เอาด้วยมาตลอด

 

นักวิเคราะห์ที่ทำงานให้ทำเนียบขาวของบุชและเชนีย์ ทำนายว่า การโจมตีเป้าหมายในอิหร่านด้วยกำลังทางทหารที่ระดมโจมตีหนักพร้อมๆ กันหลายจุด จะทำให้ระบอบปกครองในอิหร่านต้องอ่อนแอลง นำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาลซีเรียไปด้วย

 

ตามคำกล่าวที่เชื่อกันว่ารองประธานาธิบดี ดิก เชนีย์ เป็นคนพูด ที่ปรากฏในรายงานของอาหรับไทมส์ ประเทศซาอุดิอาระเบียถูกคุกคามด้วยระบอบปกครองอิหร่าน ในส่วนที่เกี่ยวกับปัญหาภายในของตัวเอง อันเนื่องมาจากชาวชีอะต์ในซาอุดิอาระเบียจำนวนมาก อยู่อาศัยเป็นกลุ่มใหญ่ๆ หนาแน่นตามภูมิภาคที่เป็นแหล่งผลิตน้ำมัน เดือนที่แล้ว ดิก เชนีย์เดินทางไปถึงริยาร์ดเพื่อพบปะพูดคุยแบบเห็นหน้าเห็นตากับ กษัตริย์อับดุลลาห์ เป็นกรณีพิเศษ ถึงตอนนี้มันก็ชัดเจนว่า...หัวข้อหลักๆ ที่คนทั้งสองถกกันเป็นส่วนตัวนั้น น่าจะได้แก่เรื่องการเพิ่มทหารในอิรักและการโจมตีอิหร่านที่จะมาถึง

 

ในบทความอีกชิ้น น.อ. แซม การ์ดิเนอร์ (กองทัพอากาศ เกษียณแล้ว) ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงของอเมริกาซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างมาก ได้นำเสนอลำดับเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวทางด้านยุทธวิธีที่จะเกิดขึ้นก่อนการโจมตีเป้าหมายในอิหร่าน - ความเคลื่อนไหวแบบซุ่มเงียบ ไม่เป็นที่สังเกต ที่ น.อ. การ์ดิเนอร์ลงความเห็นไว้ว่า มันหมายถึงการเพิ่มระดับของความขัดแย้งและพร้อมจะนำไปสู่สงครามที่กว้างขึ้นในตะวันออกกลางตามมา

 

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธวิธี น.อ. การ์ดิเนอร์ ทำนายว่า         

 

"และหนึ่งในขั้นตอนท้ายๆ ก่อนการโจมตี เราจะได้เห็นเครื่องบิน แท็งเกอร์ ถูกเคลื่อนย้ายไปยังที่ที่ไม่ค่อยปกตินัก อย่างเช่น บัลแกเรีย เป็นต้น มันจะถูกใช้เพื่อเติมน้ำมันให้กับ B-2 Bomber ในภารกิจโจมตีอิหร่าน เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นก็แปลได้ว่า การโจมตีกำลังจะตามมา...ภายในไม่กี่วัน"

 

ในปี 2003 บุชและเชนีย์สั่งให้เริ่มสงครามในอิรัก วันที่ 18  และ 19 มีนาคม ดูเหมือนวันที่ดังกล่าวจะตกอยู่ในช่วงเวลาที่เป็นจังหวะเปิดสำหรับการโจมตีในปีนี้พอดี โดยความตึงเครียดจะพุ่งขึ้นสูงสุด...ระหว่างกลางเดือนมีนาคมไปจนถึงกลางเดือนเมษายน

 

ก่อนจะไปถึงจุดนั้น ระหว่างนี้เราจะได้เห็นการเพิ่มระดับความเข้มข้นของบางสิ่งบางอย่างที่ น.อ. การ์ดเนอร์และนักวิเคราะห์อีกหลายๆ คนได้กล่าวไว้ นั่นก็คือ  perception management (การจัดการกับความคิด/การรับรู้ของสาธารณะ) - การผลิตโฆษณาชวนเชื่อบนความตั้งใจและวางแผนอย่างดีของรัฐบาลบุช-เชนีย์ - งานที่ครั้งหนึ่งเคยมีโอเอสไอหรือ Office of Strategic Influence รับหน้าที่อยู่ช่วงสั้นๆ ภายหลังก่อตั้งขึ้นมาหลังเหตุการณ์ 9/11

 

อดีตรัฐมนตรีกลาโหม โดนัลด์ รัมสเฟลด์ ได้ปิดสำนักงานดังกล่าวลง หลังปฏิบัติการสร้างข้อมูลเท็จ-ให้ข่าวลวงหลายๆ ครั้งของมันได้รับการเปิดโปง และนำไปสู่ความไม่พอใจอย่างรุนแรงในระดับนานาชาติ

 

ตามข้อมูลของ SourceWatch รัมสเฟลด์ได้แอบซุ่มฟื้นกิจการโอเอสไอขึ้นมาใหม่ ในร่างใหม่ที่พรางตาเอาไว้ ดังนี้ : Office of Global Communications ; Information Awareness Office (IAO) ; CounterInformation Team

 

การขยับเคลื่อนไหวทางการทหารในขั้นต่อไป จะเป็นไปตามที่การ์ดิเนอร์วาดภาพเอาไว้คร่าวๆ และมันจะสอดประสานอย่างดีไปกับพายุโฆษณาชวนเชื่อ "แอนตี้-อิหร่าน" ที่มีต้นตอมาจากหน่วยงานด้าน perception management ภายใต้การควบคุมของเพนตากอน

 

หลังการพ่ายแพ้ของตัวแทนฝ่ายเดียวกับประธานาธิบดีอาห์มาดิเนจัด ในการเลือกตั้งท้องถิ่นของอิหร่านเมื่อเร็วๆ นี้ ชัดเจนว่า การโจมตีอิหร่านจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับรัฐบาลอิหร่านที่กระแสความนิยมกำลังเสื่อมลงเรื่อยๆ

 

เสียงโวยวายไม่พอใจประธานาธิบดีอาห์มาดิเนจัดดังขึ้นอย่างรอบด้าน จากทุกซีกอุดมการณ์ทางการเมืองในอิหร่าน เมื่อเขาทิ้งเตหะรานเพื่อไปทัวร์ละตินอเมริกาอย่างสบายใจ นานกว่าที่กำหนดไว้ ด้วยความนิยมที่กำลังทรุดลงฮวบฮาบ อาห์มาดิเนจัดคงจะยินดีอย่างยิ่งสำหรับแผนทำสงครามของบุชและเชนีย์ เพราะมันจะเปิดโอกาสให้เขาเอาธงชาติมาห่มคลุมตัวเอง เล่นบทบาทผู้ปกป้องความเชื่อและศรัทธาของชาวอิหร่าน

 

ตามเอกสารภายในของ ING Wholesale Banking (ในเครือ ING - บริษัทใหญ่ของยุโรปที่ให้บริการด้านการเงิน) การโจมตีอิหร่านของอเมริกาจะส่งผลกระทบร้ายแรงในทางเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์ทางการเงินทำนายว่า จะเกิดปฏิกิริยาโต้ตอบรุนแรงในตลาด และพวกเขายังแนะนำให้ขายหุ้นอิสราเอลอีกด้วย ราคาน้ำมันดิบ (Brent Crude) ถูกประเมินว่าจะขยับขึ้นไปถึง 80 ดอลลาร์/บาร์เรล ควบคู่ไปกับราคาหุ้นที่ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว นักวิเคราะห์ยังทำนายอีกว่า สิ่งต่อไปนี้จะได้รับผลกระทบด้านลบอย่างมากเช่นกัน : ค่าเงินดอลลาร์, ผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาล, ตลาดหุ้น และวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรม อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันและทองคำที่เพิ่มขึ้น

 

ตามโพลล่าสุด สองในสามของชาวอเมริกันสนับสนุนการเจรจาต่อรองกับอิหร่าน และคัดค้านการใช้กำลังทางทหาร ซึ่งจะส่งผลเป็นการขยายวงสงครามที่สร้างกระแสยี้อยู่แล้วให้กว้างชึ้น

 

สัปดาห์ที่แล้ว วุฒิสมาชิกโจเซฟ ไบเดน (เดโมแครต - เดลาแวร์) ได้กล่าวเตือนรัฐมนตรีต่างประเทศ คอนโดลีซซา ไรซ์ ว่า การขยายสงครามอิรักโดยการโจมตีข้ามพรมแดนเข้าไปในอิหร่าน จะจุดชนวนวิกฤติเกี่ยวกับอำนาจตามรัฐธรรมนูญในอเมริกาตามมา

 

สถานการณ์ตอนนี้...ราวกับถูกจัดเวทีไว้สำหรับการเผชิญหน้าทางการเมืองครั้งประวัติศาสตร์ของอเมริกา ซึ่งอาจจะคู่คี่สูสีกับกรณีวอเตอร์เกตในยุค 1970 o

 

 

-------------------------------

อธิบายท้าย

 

(1) เรือบรรทุกเครื่องบินชุดที่สองหรือกรุ๊ปที่สอง หมายถึง USS John C. Stennis (ชื่อย่อ CVN-74) ซึ่งประกอบด้วยฝูงบิน 9 ฝูง บรรทุกเครื่องบินรบประมาณ 70 ลำ ได้แก่  F/A-18 Hornets, F-14 Tomcats, SH-60 Seahawks, S-3B Vikings, E-2C Hawkeyes และ EA-6B Prowlers เป็นต้น ยิ่งกว่านั้น ยังประกอบด้วยเรือในกลุ่มเดียวกันอีก 7 ลำ เรือดำน้ำอีก 2 ลำ ลูกเรือทั้งหมด (รวมเรือและเครื่องบิน) ประมาณ 5,000 คน มีลักษณะคล้ายเมืองเล็กๆ ที่มีทุกอย่างพร้อมในนั้น ตั้งแต่โรงพยาบาลยันร้านตัดผม ราคาลำละแค่ประมาณ 3.5 พันล้านดอลลาร์ (หรือแค่ - กว่าแสนล้านบาทเท่านั้น) - - เรือ USS John C. Stennis ออกจากท่าที่อเมริกาในวันที่ 16 มกราคม และจะไปถึงอ่าวเปอร์เชียประมาณปลายกุมภาพันธ์ เพื่อไปสมทบกับเรือบรรทุกเครื่องบินชุดแรกที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้วคือ USS Dwight D. Eisenhower (ชื่อย่อ CVAN-69/CVN-69) และครั้งสุดท้ายที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินสองชุดอยู่ในอ่าวเปอร์เชียพร้อมกัน ได้แก่ "สงครามอิรัก 2003"

 

 

(หมายเหตุ - บทความชิ้นสิ้นปีของคอลัมน์นี้ ที่เคยบอกว่าเรือกลุ่มที่สองหรือเรือสเตนนิสออกเดินทางไปแล้ว จริงๆ แล้วตอนนั้น แค่มีข่าวจะส่งไป แต่ยังไม่ได้ออกจากท่าไป ต้องขออภัยในความรวบรัด-คลาดเคลื่อน)

 

(2) รัฐอาหรับใน กลุ่มจีซีซี (GCC - Gulf Cooperation Council) ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย คูเวต กาตาร์ บาห์เรน โอมาน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

 

 

 

ข้อมูลสำคัญ (สนใจคลิกอ่านเพิ่มเติม)

 

o Iran: Thinking the Unthinkable, Conn Hallinan, Foreign Policy In Focus, January 16, 2007

 

"ทำเนียบขาวได้จัดตั้งหน่วยงานทางนโยบายที่เรียกว่า Iran Syria Policy and Operations Group (ISOG) ขึ้นมาอย่างลับๆ เพื่อทำหน้าที่ ใช้อิทธิพลกับสื่ออเมริกา ให้ความช่วยเหลือในทางลับกับกลุ่มที่คัดค้านและเห็นต่างในอิหร่าน ตลอดจนหาข้อมูลข่าวกรองจากอิหร่าน อดีตเจ้าหน้าที่อเมริกาบอก Boston Globe ว่า เป้าหมายของกลุ่มคือ "การเปลี่ยนระบอบปกครอง" ในอิหร่าน ผู้ที่เป็นหัวหน้าทีม ISOG ได้แก่ สายเหยี่ยวนีโอคอน 2 คน เจมส์ เอฟ เจฟฟรีย์ (James F. Jeffrey) และ เอลเลียต เอเบริมส์ (Elliott Abrams)"

 

o Next target Tehran, Dan Plesch (Centre for International Studies and Diplomacy), The Guardian January 15, 2007

 

"โดนัลด์ รัมสเฟลด์ และ  American Enterprise Institute (AEI - think tank นีโอคอน) ได้ร่วมกันวางแผนยุทธศาสตร์ "เปลี่ยนระบอบปกครอง" ในอิหร่าน ที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการภาคพื้นดิน การใช้อาวุธทำลายล้างสูงจะเป็นคำตอบที่สมเหตุสมผลสำหรับการโจมตีแบบนี้ แม้ว่ามันจะไม่จำกัดอยู่แค่โรงงานไม่กี่แห่ง และมันจะรวมไปถึงการทำให้อิหร่านหมดความสามารถที่จะโต้ตอบได้ ด้วยการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดทำลาย เป้าหมายที่อาจสูงถึง 10,000 แห่ง ในวันแรกของสงคราม และหลังจากนั้นหน่วยรบพิเศษก็จะเข้าไปทำลายส่วนที่เหลือ

 

ภายหลังการโจมตี อเมริกาจะสนับสนุนการโค่นล้มระบอบเดิม โดยหวังว่าจะแทนที่บรรดาอยาตอลลาห์ด้วยชาวอิหร่านสักคนในภูมิภาคนั้น ขณะนี้ รัฐบาลอเมริกาและอังกฤษได้ให้การสนับสนุนพันธมิตรหลายฝ่ายที่รวมกลุ่มกันเคลื่อนไหวเพื่ออิหร่านในระบบ "สหพันธรัฐ"  ม้สิ่งที่คาดหมายอาจจะเป็นแค่อาการหลงผิดคิดเอาเองของนีโอคอนอีกครั้งหนึ่ง แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น การทำให้อิหร่านต้องวุ่นวายอยู่กับปัญหาภายใน...ย่อมตัดกำลังอิหร่านจากการเคลื่อนไหวในพื้นที่ต่างๆ"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net