Skip to main content
sharethis

สนธิ ลิ้มทองกุล ได้เวลาไพร์มไทม์ช่อง 11 จัดรายการยามเฝ้าแผ่นดิน ประเดิมอัดทักษิณ ธีรภัทร์ปฏิเสธ ไม่ใช่แบ่งเค้กกลุ่มต้านทักษิณ แต่หวังให้เป็นรายการนำร่อง ด้านสนธิพูดผ่านรายการ "ทำงานเพื่อชาติ มีหน้าที่เอาความรู้ลงไปให้ประชาชน"

 

ประชาไท - 14 ก.พ. 50 ตอนแรกของรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกอากาศแล้วเมื่อเวลา 20.30 น. ทางช่อง 11 ขณะที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวปฏิเสธคำครหาเรื่องแบ่งเค้ก แต่ตั้งใจทำเป็นรายการนำร่อง แนะให้สื่ออื่นๆ ดูรายการสนธิเป็นตัวอย่าง

 

นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เริ่มต้นรายการร่วมกับจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ โดยชี้แจงถึงเหตุผลที่ใช้ชื่อรายการว่า "ยามเฝ้าแผ่นดิน" เพราะแผ่นดินไทยนั้น การเมืองภาคประชาชนไม่เกิดขึ้น และสื่อมวลชนส่วนใหญ่ไม่ได้ทำหน้าที่ที่ควรจะทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รายการต่างๆ ทางโทรทัศน์ ที่รายงานข่าวด้านเดียว โดยเฉพาะรายงานข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

 

เขากล่าวต่อว่า ยุคของอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นยุคที่มีการจำกัดสิทธิเสรีภาพ ยกเว้นตัวเขาเองที่จัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์อยู่ที่ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. "ผมกล้าพูดในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าพูด ผมจึงถูกถอดรายการออกไป"

 

นายสนธิกล่าวต่อว่า เมื่อมาทำรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" ก็ต้องให้เกียรตินายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ (รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี) ซึ่งกล่าวว่า เสียดายที่รายการที่นายสนธิทำนั้นไม่ได้ออกอากาศทางฟรีทีวี แต่นายสนธิเองก็ไม่อยากถูกครหานินทา เพราะที่ผ่านมาเขายังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่พนักงานอ.ส.ม.ท.ก็ออกมาหาว่า เขาไปเข้าร่วมแบ่งเค้กด้วย

 

"ทำงานไม่ได้เงินสักบาท ทำงานเพื่อชาติ มีหน้าที่เอาความรู้ลงไปให้ประชาชน" นายสนธิระบายผ่านรายการของเขา

 

"ผมทำเพื่อช่วยสังคมไทย เพราะผมมีความรู้สึกว่า สังคมไทยหิวข่าวสาร แต่แทนที่จะได้อาหารมีประโยชน์ มีคุณค่า กลับได้รับข่าวสารน้ำเน่าไร้สาระ"

 

"บาทนึงก็ไม่ได้ เหนื่อยก็เหนื่อย ยังโดนกระแนะกระแหน งานนี้ผมควักเนื้อ ผมไม่เคยได้เงินได้ทองจากใคร ผมทำงานเพื่อชาติจริงๆ" นายสนธิกล่าว

 

หลังจากนั้น จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ นำรายการเข้าสู่ประเด็นข่าว โดยแจ้งแก่ผู้ชมทางบ้านว่า จะเล่าประเด็นข่าวก่อน จากนั้น นายสนธิจึงจะอธิบายให้ฟัง และเมื่อเล่าประเด็นข่าวเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น นายสนธิกล่าวว่า

 

"ที่ร้ายที่สุดก็คือว่า ไปให้สัมภาษณ์ที่สิงคโปร์ โดยให้สัมภาษณ์ผ่าน CNN พูดจาบิดเบือนและไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงที่แท้จริง และพูดจาในเชิงที่ไม่เคารพในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ หลายๆ เรื่อง อย่างเช่น เรื่องหลังสุดนี่ก็บอกว่า เมื่อพวก คปค. ได้ทำการรัฐประหารแล้ว พระเจ้าอยู่หัวก็เห็นชอบด้วย คือ คุณทักษิณเนี่ยไม่เข้าใจ ...คือ...คุณทักษิณนี่เข้าใจ แต่เจตนาพูดว่าเห็นชอบ เพื่อโยงไปว่าพระเจ้าอยู่หัวนั้นเห็นด้วยกับการรัฐประหาร โดยไม่เข้าใจว่าเป็นหน้าที่ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่จะโปรดเกล้าฯ เมื่อเสนอเรื่องอะไรขึ้นไปแล้ว พระองค์ท่านก็โปรดเกล้าให้ เหมือนสมัยคุณทักษิณเสนอไปพระองค์ท่านก็ต้องโปรดเกล้าฯ ใช่ไม่ใช่ ฉันใดก็ฉันนั้น แต่คุณทักษิณไปทำให้ต่างชาติเข้าใจ ว่าเค้าเนี่ยถูกล้มล้างรัฐบาลชุดนี้ เค้าพยายามโยงไปว่าพลเอกเปรมเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง และการให้สัมภาษณ์จาก CNN และก็ TIMES Magazine ก็โยงไปถึงสถาบันกษัตริย์เบื้องสูง นอกจากนั้นยังไม่พอ ยังมีการว่าจ้างหนังสือพิมพ์ต่างๆ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ฝรั่งให้เขียนโจมตีเศรษฐกิจพอเพียงโดยผ่านบริษัทล็อบบี้ยิสต์ คุณทักษิณไปจ้างบริษัทฝรั่ง ไปจ้างหนังสือพิมพ์ต่างๆ ไปจ้างให้เขียนว่า ระบบทักษิโณมิกส์นี่ ดีกว่าระบบเศรษฐกิจพอเพียง ตรงนี้ผมคิดว่าประชาชนคนไทยรับไม่ได้ ตรงนี้จาบจ้วงมากเกินไป"

 

หลังจากนั้น นายสนธิ้ ลิ้มทองกุล ยังพูดถึงกรณีสนามบินสุวรรณภูมิว่า เนื่องจากมีคนกล่าวหาว่าเขาดีใจที่สนามบินสุวรรณภูมิมีปัญหา จึงอธิบายปัญหาสนามบินสุวรรณภูมิผ่านทางรายการช่อง 11 ว่า

 

"ตอนนี้ไม่มีใครกล้าบอกผมว่า ลานบินหรือแท็กซี่เวย์ปลอดภัยหรือเปล่า ไม่มีใครกล้ารับรอง เพียงแต่บอกว่ายังใช้การได้ เท่าที่ทราบมาเนี่ย โครงสร้างข้างล่างมันเสียหมดแล้ว ผมกำลังบอกว่า มันเป็นลานซีเมนต์ลอยอยู่บนเลน โอกาสที่จะหัก โอกาสที่จะทรุดอย่างชนิดเห็นได้ชัดมันมี เพราะงวงต่างๆ ที่คนจะขึ้นเครื่องบินใช้ไม่ได้ประมาณ 10-11 งวง เดี๋ยวนี้คุณจะเห็นว่าเครื่องบินจะไม่จอดที่งวงแล้ว แต่จะจอดตรงกลางลานบินที่เขาเรียกว่าเบย์ จอดกันเต็มไปหมด ผู้โดยสารแทนที่จะเดินสบายเข้างวงก็ไม่ได้แล้ว ต้องขึ้นรถบัส และแท็กซี่เวย์ตอนนี้ก็ทรุดไปเยอะ กระทั่งพื้นที่ๆ ใช้ในแท็กซี่เวย์เหลือ 20% ใช้ได้ 20% อีก 80% กำลังซ่อม แน่นอนไม่มีอะไรที่ซ่อมไม่ได้

 

คำถามที่ผมถามคือ 1.ถ้าซ่อมได้ซ่อมด้วยราคาเท่าไหร่ ซ่อมแล้วต้องซ่อมอีกไหม หรือว่าซ่อมแล้วจะรออีก 5-10 แล้วค่อยซ่อม ซ่อมแล้วจะปลอดภัยไหม ไม่มีใครกล้าตอบผม เมื่อไม่มีใครกล้าตอบ ผมก็จะถามต่อ ว่าถ้าอย่างนั้นที่คุณว่าแท็กซี่เวย์ รันเวย์ที่คุณว่าไม่มีปัญหา ก็อยากถามว่าแล้ววันที่ 25 มกราคม ที่จู่ๆ เครื่องบินมันจะลง แล้วมันไม่ลง ที่มันเชิดหัวไป แล้วบินไปลงที่สนามบินอู่ตะเภาเพราะอะไร เพราะว่ารันเวย์เกิดแตกร้าวขึ้นกะทันหัน เห็นรึยัง เห็นรึยัง! ทีนี้ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ถ้ายังปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป โอกาสจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 1 ครั้ง ต่อ 10,000 เที่ยวบิน อุปมาอุปมัยเดือนละ 2 ครั้ง"

 

ถ้าอย่างนั้นมันจะดีกว่าหรือเปล่า ถ้าเราปิดสุวรรณภูมิเป็นการชั่วคราว กลับมาดอนเมือง ใช้เวลา 1 ปีตรวจสอบ นายสนธิกล่าว

 

"อาคาร 60 จุดมี 30 จุดที่อันตราย สนามบินสุวรรณภูมิมีกระจกเยอะใช่ไหม และกระจกเริ่มเลื่อน เหตุผลเพราะร้อน ก็แสดงว่ากระจกขึ้นไปทำความสะอาดไม่ได้แล้ว มันจะบาดมือเอา แล้วพอมันร้อน ขยายตัวปั๊บกระจกจะแตก ถ้ามันมีที่ยึดดีก็ดี ถ้ามันยึดไม่ดีมันจะหล่นลงมาทั้งแผ่นเลย และโอกาสไฟไหม้ก็มีสูง เพราะฉะนั้นเป็นสนามบินที่อันตรายมาก ท่านผู้ชมก็บอกว่า ผมนี้สะใจที่จะต้องการให้ปิด ผมไม่ต้องการให้ปิด ไม่ใช่เรื่องสะใจ ผมต้องการเอาความปลอดภัยเป็นที่ตั้งเท่านั้นเอง

 

ท่านผู้ชมครับทั้งหมดนี้คือผลงานรัฐบาลชุด พ...ทักษิณ ชินวัตร ถ้าท่านจำได้ คุณทักษิณเคยพูดตลอดเวลาว่า ถ้าสนามบินนี้เสร็จ สนามบินนี้จะปลอดภัยที่สุด จะสวยที่สุด จะทันสมัยที่สุด วันนี้เป็นสนามบินที่อันตรายที่สุด อัปลักษณ์ที่สุด แล้วก็ห่วยที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วในการจัดอันดับสนามบินทั่วโลก ปรากฏว่าสนามบินสุวรรณภูมิอยู่อันดับสุดท้าย ได้สองดาว สุดท้าย บ๊วยเลย แปลว่า 140,000 ล้านบาทเพิ่งเปิดได้ 4 เดือนนะ เราอยู่อันดับสุดท้าย ได้แค่สองดาว มันพิสูจน์ชัด มันเกิดจากการโกงกิน การคอรัปชั่น และนี่คือหนึ่งในคำถาม 40 คำถามที่ผมถามคุณทักษิณ และคุณทักษิณไม่กล้าตอบ

 

ที่น่าเสียดายคือ ทำให้เกษตรกรที่ทำเรื่องหอมกระเทียมต้องตกงานเพราะไทยรักไทย เพราะ ท่าน พ...ทักษิณ ชินวัตร น่าเสียดายท่านเป็นคนเหนือ แต่ทำร้ายทำลายคนเหนือ นี่คนเหนือไม่รู้นะ ต้องรู้ว่าที่ท่านขายกระเทียมไม่ออก เป็นผลของการทำการค้าเสรีไทยกับจีน แล้วจีนได้อะไร แล้วไทยได้อะไร ไทยที่ได้คือ จีนรับปากจะซื้อช่องสัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์ ซึ่งเป็นของคุณทักษิณตอนนั้น ไม่เกี่ยวกับชาวบ้านเลย เอาชีวิตชาวบ้านไปแลกกับธุรกิจส่วนตัวของคุณทักษิณ นี่คือผลงานของคุณทักษิณที่ทำกับคนเหนือไว้เยอะ ผมอยากให้คนเหนือรู้มากขึ้น"

 

"ผมคิดว่าเราจะต้องเห็นว่า คำว่าสภากับประชาธิปไตยกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเราต้องทบทวนประเด็นนี้กันใหม่ ว่างๆ จะคุยกับคุณแอน (ผู้ดำเนินรายการหญิง) ใหม่เรื่องประชาธิปไตย 4 วินาที อธิบายให้ฟัง เพราะคุณทักษิณชอบพูดตลอดเวลาว่า ผมมาจากการเลือกตั้ง คุณจาตุรนต์ ฉายแสง ก็บอกว่ามีการเลือกตั้งสิ ผมพร้อมจะลงเลือกตั้ง ทุกคนต้องการแข่งขันในการเลือกตั้ง แล้วผมจะอธิบายว่าการเลือกตั้งนั้นมีข้อดีข้อเสีย และประชาธิปไตยแบบคุณทักษิณนั้น ถ้ามีประชาธิปไตยแบบทักษิณ อย่าเลือกตั้งดีกว่า"

 

ขณะที่นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การร่วมงานระหว่างสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กับเอเอสทีวี โดยมีนายสนธิ ลิ้มทองกุลเป็นผู้ดำเนินรายการนั้น ไม่ใช่เรื่องธุรกิจและไม่มีผลตอบแทนใดๆ ในเชิงธุรกิจ ซึ่งตรงนี้สื่อต้องช่วยกันนำเสนออย่างไม่ควรมองอะไรในแง่ลบ เขาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องของการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แต่เป็นเรื่องที่เราเห็นว่า ถ้ามีผู้จัดรายการใดที่พร้อมในการใช้ความเป็นวิชาชีพของตนในด้านการนำเสนอข้อมูลที่หลากหลายได้มากขึ้น ก็เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน เช่นเดียวกับกรณี อ.ส.ม.ท.ที่ตนได้นำเสนอไปในตอนแรกๆ ก็เพื่อที่จะทำให้เกิดความหลากหลายในข้อมูลข่าวสาร ตอนนั้นผู้ที่เสนอให้จัดก็มีตั้ง 4-5 คน สื่อมวลชนก็ไม่ค่อยกล้าที่จะทำอะไร

 

"ผมไม่เข้าใจว่า ในเมื่อเราพยายามจะเปิดประตูเสรีภาพให้กับสื่อ แต่สื่อยังไม่ออกจากประตูที่กักขังเสรีภาพไว้ แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องให้สื่อได้ใช้เสรีภาพบนความรับผิดชอบของสังคม สื่อกลับไม่ทำ เรื่องนี้ผมคิดว่าสื่อต้องมองและประเมินตัวเอง โดยใช้วิจารณญาณด้วยความเป็นธรรมว่า ทำประโยชน์อะไรให้สังคมบ้าง ผมคิดว่าการกล้าริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาจะเป็นเรื่องสร้างสรรค์ แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย แล้วบอกว่าใครมาแตะไม่ได้ ผมคิดว่าเราต้องให้ความเป็นธรรมกับคนอื่นด้วย" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าว

 

นายธีรภัทร์ กล่าวต่อว่า รายการของนายสนธิจะเป็นรายการชั่วคราวเท่านั้น คือประมาณ 3 เดือน ที่จะให้นายสนธิได้นำเสนอสิ่งที่เป็นข้อมูลที่มีความหลากหลายมากขึ้น ขณะเดียวกัน ใครที่ไม่เห็นด้วยกับรายการของนายสนธิ ก็สามารถเขียนจดหมายหรือข้อคิดเห็นไปที่นายสนธิโดยตรงก็ได้

 

"การให้เวลานายสนธิจัดรายการเพียง 3 เดือน เป็นเพราะว่าต้องการให้เป็นรายการตัวอย่างกับทีวีช่องอื่นว่า ควรจะจัดรายการในลักษณะเชิญบุคคลมาสนทนาหรือเป็นลักษณะของการวิเคราะห์ข่าวบ้าง โดยช่อง 11 มีแนวทางจะเชิญนักวิชาการมาให้ความรู้เพื่อสร้างความหลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่เป็นทีวีที่อยู่ภายใต้รัฐบาล แล้วต้องออกรายการของรัฐบาลอย่างเดียว ซึ่งรัฐบาลที่แล้วผมไม่เคยเปิดฟรีทีวีดูเลย เพราะไม่รู้จะดูอะไร แต่พอมาสมัยนี้เมื่อมีเสรีภาพ รัฐบาลเปิดประตูให้แล้ว แต่สื่อไม่กล้าออกมา ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจ" นายธีรภัทร์ กล่าว

 

นายธีรภัทร์ กล่าวอีกว่า รายการดังกล่าวถือเป็นการนำร่องให้ทีวีช่องอื่น ตั้งคำถามกับตัวเองว่า เหตุใดจึงไม่เชิญผู้จัดรายการที่มีคุณภาพอย่าง นายสมเกียรติ อ่อนวิมล นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง หรือ นายเสรี วงศ์มณฑา หรือคนอื่นๆ ที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิมาจัดรายการในลักษณะนี้บ้าง

 

"ผมขอถามว่า เราแบ่งเค้กอะไร คนที่มองว่า การเปิดโอกาสให้นายสนธิมาจัดรายการครั้งนี้เป็นการแบ่งเค้กนั้น หัดดูตัวเองและหัดใช้วิจารณญาณในเรื่องประเภทที่วิจารณ์แบบที่ไม่เข้าท่าบ้าง เรื่องนี้มีผลประโยชน์ตรงไหน มันไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรเลย เพราะช่อง 11 ไม่มีโฆษณา และรายการนี้ก็ไม่มีโฆษณา นายสนธิก็ไม่ได้รับค่าจ้าง ผมต้องชี้แจงก่อน เพราะว่าถ้าไปวิจารณ์ มันจะเสียหาย และยิ่งไม่มีมูลข้อเท็จจริงก็ยิ่งเสียหาย" นายธีรภัทร์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การให้จัดรายการครั้งนี้เป็นการแบ่งเค้ก

 

 

 

.........................................................................

ข้อมูลบางส่วนจากเวบไซต์แนวหน้า

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net