Skip to main content
sharethis


 


วันนี้ (27 ก.พ.) ที่หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ตัวแทนชาวบ้านปางโม่ หมู่ที่ 8 ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ได้ไปรวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึงผู้ว่าราชาการจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายกองเอกวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ และนายชุมพร แสงมณี ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ รับหนังสือพร้อมรับฟังข้อร้องเรียน กรณีการสัมปทานตัดไม้สักขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ในพื้นที่บ้านปางโม่ ไปกว่า 4,000 ต้น


 


นายประสิทธิ์ กันทาซาว สมาชิก อบต.ปิงโค้ง ตัวแทนชาวบ้านปางโม่ กล่าวว่า จริงๆ แล้ว ชาวบ้านได้เรียกร้องให้ทางออป.หยุดการตัดไม้ในเขตป่าต้นน้ำนี้ไปแล้ว เพราะที่ผ่านมามีตัดไปแล้วกว่า 2,000 ต้น ล่าสุดทาง อ.อ.ป.ก็ยังไม่หยุด ซึ่งตอนนี้มีการตัดไม้ไปมากกว่า 4,000 ต้นแล้ว ซึ่งชาวบ้านวิตกกันมากว่าจะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนกันอย่างแน่นอน เพราะจะทำให้ได้รับผลกระทบเกิดความแห้งแล้งในหน้าแล้ง และอาจเกิดปัญหาน้ำท่วมในหน้าฝนนี้ได้


 


"ที่สำคัญ ป่าบริเวณนี้เป็นต้นกำเนิดลำน้ำสาขาของน้ำแม่ปิงหลายสาย เช่น ลำห้วยแม่ป๋อย แม่ป๋าม และแม่มาด ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ใช้ในการทำการเกษตร ดังนั้นหาก อ.อ.ป.ยังเดินหน้าตัดไม้ต่อไปชาวบ้านที่นี่ รวมถึงคนที่ใช้น้ำจากลำน้ำปิงต้องได้รับผลอย่างแน่นอน" นายประสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย


 


นางสายสุนีย์ ชัยชนะ ตัวแทนชาวบ้านปางโม่ ได้ชี้ให้ดูภาพถ่ายกรณี อ.อ.ป.เข้าไปตัดไม้ในป่าต้นน้ำผืนนี้พร้อมกล่าวว่า จะเห็นเลยว่า อ.อ.ป.ไม่ได้สางตัดเหมือนที่กล่าวอ้าง แต่เป็นการตัดมั่ว ไม่ใช่ตัดเพียงแค่ไม้สัก 4,000 ต้นเท่านั้น แต่ได้ตัดไม้ใหญ่ไม้น้อย แม้กระทั่งไม้ไผ่ ไม้ซาง ไม้เหียงไม้ตึงทั้งหมด รวมแล้วเป็นหมื่นๆ ต้น นอกจากนั้นยังมีการเผาต้นไม้ ก่อนใช้รถแทรกเตอร์ไถกลบอีกด้วย


 


"ป่าผืนนี้ ชาวบ้านได้ช่วยกันดูแลรักษา และได้ใช้ป่าผืนนี้เป็นที่เสาะหาแหล่งอาหารจากป่า ไม่ว่าเห็ด หน่อไม้ เลี้ยงชีพและเป็นรายได้เสริมกันมาช้านาน แต่นี่ อ.อ.ป.กลับมาตัดทำลายทั้งหมดสิ้น ดังนั้นจึงอยากขอให้ทางจังหวัดได้ขอให้ทาง อ.อ.ป.ยุติการตัดไม้โดยเร่งด่วน"


 


 


นายกองเอกวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่รับหนังสือจากตัวแทนชาวบ้าน


 


ด้านนายชุมพร แสงมณี ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวภายหลังรับฟังข้อร้องเรียนว่า ปัญหาดังกล่าวดูจากรูปภาพแล้ว ถ้าเป็นไปได้ไม่ต้องตัดจะเป็นเรื่องดี เพราะมันเป็นผืนป่าไปแล้ว แต่ กรณีที่ทาง อ.อ.ป.ได้เข้าไปดำเนินการตัดไปแล้ว ก็อยากจะให้ชาวบ้านได้เข้าไปมีส่วนร่วม โดยชาวบ้านอาจเข้าไปจัดการปลูกป่าดูแลรักษากันเอง


 


"แต่ถ้าอ.อ.ป.อ้างว่าเป็นสมบัติของชาติ แล้วก็ลงมือตัดไม้ หนำซ้ำยังมีการเผาป่าด้วย ถ้าคิดแบบนี้อีกหน่อยป่าไม้มันก็ไม่เหลือแล้ว ซึ่งก็ยอมรับว่า บางทีหน่วยงานรัฐเอง บางทีก็แย่เหมือนกัน"


 


ในขณะที่ นายกองเอกวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า จริงๆ แล้ว เคยมีข้อตกลงกัน ทำ MOU กันแล้วระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ว่าต่อไปหากพื้นที่ใดมีการดำเนินการใดลงไปที่เกี่ยวกับทรัพยากรฯ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอได้มีส่วนรับรู้ ได้มีส่วนในการตรวจสอบด้วย กรณีนี้ ทางอ.อ.ป.อาจถือว่าเป็นบริษัทมหาชน ไม่ได้ขึ้นตรงต่อจังหวัด แต่อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดจะขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่ามีการตัดสางตามระเบียบหรือไม่


 


"ต้องขอขอบคุณชาวบ้านที่ร่วมกันเป็นหูเป็นตา ซึ่งทางจังหวัดจะเรียกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทส.) มาชี้แจง และจะให้นายอำเภอเชียงดาวลงไปตรวจสอบในพื้นที่ว่าได้ทำถูกต้องหรือไม่ โดยเฉพาะการเผาป่าหลังมีการตัดไม้ เพราะทางจังหวัดได้เน้นย้ำในเรื่องนี้เป็นอย่างมากว่าจะต้องไม่มีการเผาป่า" รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ กล่าว


 


ด้านนายชนะชัย เศรษฐพัฒน์ นายอำเภอเชียงดาว กล่าวภายหลังชาวบ้านร้องเรียนว่า จริงๆ แล้ว ทาง อ.อ.ป.ก็ได้เข้ามารายงานกับตนว่า จะเข้าไปทำการตัดไม้สักในพื้นที่ และจะเลือกสางตัดเท่านั้น แต่พอเราเผลอก็อาจตัดมั่วหมด ยังไงพรุ่งนี้ตนจะเข้าไปตรวจสอบดูอีกครั้งหนึ่ง


 


ทั้งนี้ ในหนังสือร้องเรียนฉบับดังกล่าวระบุว่า ขอให้ยุติการตัดไม้ของ อ.อ.ป.ในพื้นที่ดังกล่าวโดยเร่งด่วน อีกทั้งขอให้พิจารณาทบทวนการดำเนินงานของ อ.อ.ป.กับการเข้าไปตัดไม้ในพื้นที่ป่าของภาคเหนือ ซึ่งปัจจุบันเหลือน้อยมาก และพื้นที่ป่าของหมู่บ้านปางโม่นั้น ได้มีมติร่วมกันว่า จะรักษาป่าบริเวณดังกล่าวนี้ไว้ และให้ชาวบ้านร่วมกันดูแลรักษาป่าร่วมกับเจ้าหน้าที่ราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น มีการจัดทำป่าชุมชน มีการกำหนดขอบเขตที่ชัดเจน มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแล มีกฎระเบียบที่ว่าด้วยเรื่องการดูแล รักษา ฟื้นฟู และการใช้ประโยชน์จากป่าในลักษณะที่ไม่ก่อให้เกิดการทำลาย ทั้งนี้เพื่อให้ผืนป่าเป็นแหล่งอาหาร สมุนไพร ไม้ใช้สอยของชุมชน และให้คงสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ต่อไป


 


 






บ้านปางโม่ : การต่อสู้เพื่อหยุดขบวนการสัมปทานป่าไม้


 


ชาวบ้านปางโม่ หมู่ที่ 8 ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มีจำนวนประชากร 140 หลังคาเรือน 395 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและค้าขาย ในอดีตหมู่บ้านปางโม่เป็นหมู่บ้านที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหินปูนที่มีความสำตัญทางระบบนิเวศน์และมีความหลากหลายทางชีวภาพ ชาวบ้านได้อาศัยผืนป่าบริเวณนี้ในการเก็บหาของป่า พืช ผัก สมุนไพร รวมไปถึงไม้ใช้สอยเพื่อการสร้างบ้านเรือน ที่สำคัญ แหล่งน้ำที่ไหลมาจากผืนป่าด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้านยังเป็นแหล่งต้นน้ำ "ลำห้วยแม่ป๋อย" ด้วยก่อนจะไหลลงสู่ลำน้ำแม่ป๋าม ที่ชาวบ้านปางโม่และชุมชนใกล้เคียงใช้ประโยชน์ได้ทั้งปี ซึ่งลำน้ำเหล่านี้ล้วนเป็นลำน้ำสาขาที่สำคัญของลำน้ำปิงด้วย


 


อย่างไรก็ตาม ในปี 2523 ผืนป่าและลำห้วยที่อุดมสมบูรณ์ได้ถูกบุกรุกแผ้วถางเพื่อการปลูกป่าตามนโยบายรัฐบาลในสมัยนั้น ทำให้ลำห้วย ลำน้ำสาขาย่อยที่ชาวบ้านเคยใช้ประโยชน์ อาทิ ลำห้วยแม่ป๋อย ลำน้ำแม่ป๋าม และลำน้ำแม่มาส ประสบปัญหาแห้งแล้งจนชาวบ้านไม่สามารถใช้ประโยชน์ทั้งในการเกษตร การบริโภคในครัวเรือนได้ จนชาวบ้านบางส่วนต้องออกไปทำงานรับจ้างต่างถิ่น ต่อมาในปี 2526 ต้นสักที่ปลูกเริ่มเจริญเติบโต เพราะชาวบ้านช่วยกันดูแลรักษาทำให้สภาพป่าเริ่มฟื้น ลำห้วยต่างๆเริ่มมีน้ำคืนมาอีกครั้ง ชาวบ้านจึงเริ่มทำมาหากินได้ตามปกติ


 


ต่อมาในปี 2549 องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้(ออป.) เข้ามาสัมปทานตัดไม้ในเขตหมู่บ้านปางโม่โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของชาวบ้านแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังสร้างความเสียหายแก่ชุมชนไม่ว่าจะเป็นถนนภายในหมู่บ้าน รถขนไม้ที่เข้า-ออกหมู่บ้าน ที่สำคัญการสัมปทานตัดไม้ของ ออป.ครั้งนี้ได้สร้างความวิตกแก่ชาวบ้านเป็นอย่างยิ่งเพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหาความแห้งแล้งเหมือนในอดีต ที่ผ่านมาปัญหาดังกล่าวชาวบ้านได้มีการประชุมไปแล้วหลายครั้ง มีมติร่วมกันที่จะคัดค้านการดำเนินการดังกล่าวโดยขอให้ยุติการสัมปทานตัดไม้ครั้งนี้ พร้อมกับล่ารายชื่อชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยโดยมีชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านที่วิตกกังวลต่อปัญหาร่วมลงชื่อรวมทั้งหมด 292 คน


 


โดยชาวบ้านได้เรียกร้องให้มีการประสานงานกับหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องให้ยุติการสัมปทานตัดไม้ในพื้นที่ดังกล่าวโดยเร่งด่วน เพื่อให้ผืนป่าเป็นแหล่งอาหาร สมุนไพร ไม้ใช้สอยของชุมชน และชุมชนจะช่วยกันดูแลรักษาให้คงสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ต่อไป


 


 


 


 


อ่านข่าวประกอบ


 


คนเชียงดาวโวย "ออป." โค่นป่าสักบริเวณต้นน้ำสาขาแม่น้ำปิงกว่า 2,000 ต้น, 23 ก.พ. 2550


http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=7042&SystemModuleKey=HilightNews&SystemLanguage=Thai

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net