คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส) ออกแถลงการณ์กรณีอนาคตไอทีวีหลัง ครม. มีมติให้ สปน.บอกเลิกสัญญาหากไอทีวีไม่จ่ายค่าสัมปทานค้างจ่ายและค่าปรับ 1 แสนล้านบาทภายใน 6 มี.ค. นี้ หวั่นรัฐแทรกแซงสื่อ-เสนอให้ประชาชนลงได้ลงมติตัดสินเรื่องนี้เอง
แถลงการณ์ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส)
อนาคตไอทีวี ต้องเป็นทีวีเสรี ไม่ใช่สื่อภายใต้การกำกับของรัฐ
จากมติคณะรัฐมนตรี เรื่องการที่จะดำเนินการยึดสัมปทานคืนจากบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) และให้รัฐเข้าไปควบคุมการบริหารจัดการ ดังที่คุณหญิง
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส) เกรงว่า สภาพการณ์ดังกล่าวจะนำไปสู่การแปรสภาพสถานีโทรทัศน์ไอทีวีซึ่งเป็นสื่อเอกชน (Private media) ให้กลายไปเป็นของสื่อของรัฐ (State media) ที่ขาดอิสรภาพทางการเมืองแต่ให้เอกชนดำเนินการทางธุรกิจบนฐานการเลือกปฏิบัติโดยปราศจากกติกาการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรมเฉกเช่นสื่อโทรทัศน์ของรัฐช่องอื่นๆในปัจจุบัน
สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ตามเจตนารมณ์หลังเหตุการณ์ พฤษภาคม 2535 คือการเป็นสถานีโทรทัศน์เอกชน ที่มีความเป็นอิสระจากอำนาจรัฐ ทว่าตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมาได้มีการปรับเปลี่ยนเจตนารมณ์เดิมของไอทีวีไปอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาไอทีวีควรต้องเป็นการปฏิรูปไอทีวีให้กลับไปเป็นสถานีโทรทัศน์เสรีซึ่งมีโครงสร้างที่เป็นอิสระจากอำนาจรัฐอย่างแท้จริง ไม่ใช่กลับไปสู่การเป็นสื่อภายใต้อาณัติของรัฐอีก
คปส. ไม่เห็นด้วยที่รัฐจะทำการยึด ไอทีวี แล้วให้ สปน. เข้าไปควบคุมการบริหารจัดการ ซึ่งจะส่งผลต่อการควบคุม กองบรรณาธิการและทิศทางของไอทีวี ซึ่งถือเป็นการแทรกแซงสื่อทางตรง อีกทั้งรัฐไมได้ประกาศสัญญาประชาคมเรื่องการจะคืนไอทีวีให้กลับเป็นทีวีเสรีอย่างชัดเจนต่อสังคม
ดังนั้น คปส. เห็นว่า มติคณะรัฐมนตรี ดังกล่าวมีวาระซ่อนเร้นและสะท้อนถึงการที่รัฐไม่มีเจตจำนงในการปฏิรูปสื่อแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงการใช้โอกาสและอำนาจทางการเมือง เพื่อเข้าไปควบคุมการบริหารจัดการในไอทีวี ด้วยการเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหารใหม่จากบริษัทเอกชน ไปเป็นหน่วยงานรัฐ คือ สปน. ซึ่งจะนำไปสู่ความสับสน ลักลั่น ของกติกาสื่อในสังคมไทยอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ การที่ รัฐ ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลสื่อ (Regulator) จะก้าวเข้าไปเป็นผู้บริหารสื่อเอกชน (Operator) ถือว่าขัดแย้งทั้งหลักวิชาการ เจตนารมณ์การปฏิรูปสื่อและส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ของ ไอทีวี รัฐต้องให้สัญญาประชาคมในการปฏิรูปไอทีวีตามสองแนวทาง คือ
1) ต้องยืนยันให้ไอทีวีเป็นสื่อเอกชน บนพื้นฐานกติกาการแข่งขันที่เสรีเป็นธรรมในการจัดสรรสัมปทานใหม่ หรือ 2) ปฏิรูปไอทีวีให้มีโครงสร้างเป็นสื่อสาธารณะ ที่เป็นอิสระจากอำนาจรัฐ และบริหารจัดการโดยภาคประชาสังคม หรือ สาธารณชน โดยตรง
ข้อเสนอสำหรับเหตุการณ์เฉพาะหน้านี้ คปส. เห็นว่ารัฐต้องให้เวลาสำหรับการเปลี่ยนผ่านของไอทีวี ประมาณ 4-6 เดือน โดยให้มีการออกอากาศต่อไปในโครงสร้างเดิม โดยรัฐไม่แทรกแซงกองบรรณาธิการ รัฐต้องเปิดเวที ให้ทุกฝ่ายได้เสนอทางออกของไอทีวี และเปิดพื้นที่สื่อของรัฐให้ประชาชนลงประชามติ เสนอแนะอนาคตของไอทีวีในช่วงเวลา 4-6 เดือนนี้ รวบรวมข้อเสนอในการปฏิรูปไอทีวี เพื่อผลักดันให้เป็นนโยบายของพรรคการเมือง และ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งดำเนินการ ปฏิรูปไอทีวี ให้เป็นทีวีเสรีต่อไป พร้อมไปกับการผลักดันจากภาคธุรกิจสื่อและภาคประชาชน
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.)
27 กุมภาพันธ์ 2550