Skip to main content
sharethis

 






เศรษฐกิจ


 


ไอเอ็มเอฟเตือนเยนอ่อนกระทบทั่วโลก


 


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ - นายโรดริโก เดอ ราโต ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า การทำแครี เทรด ซึ่งเป็นวิธีที่นักลงทุนกู้เงินที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า กำลังขยายตัวอย่างมาก โดยเฉพาะการทำแครีเทรดเงินเยน ในขณะที่ค่าเงินญี่ปุ่นอ่อนตัวสุดในรอบ 20 ปี ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้กำลังส่งผลกระทบต่อนโยบายในประเทศต่างๆ ตั้งแต่เอเชียไปจนถึงยุโรป


 


นายเดอ ราโต กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบขนาดที่แน่นอนของการทำแครี เทรด โดยรวม แต่มีหลักฐานแสดงถึงกระแสเงินไหลเข้าบางประเทศ อย่าง บราซิล และตุรกี ส่วนสัญญาจำนองสกุลเยนเติบโตในหลายประเทศ ตั้งแต่เกาหลีใต้ไปจนถึงลัตเวีย ขณะที่กระแสเงินไหลออกจากญี่ปุ่นก็เพิ่มขึ้นด้วย สถานการณ์เช่นนี้สะท้อนถึงกระแสโลกาภิวัตน์ของตลาดการเงิน สภาพแวดล้อมปัจจุบันที่มีความผันผวนต่ำ และอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งอาจนำไปสู่อัตราแลกเปลี่ยนที่คลาดเคลื่อนยิ่งขึ้น และทำให้ภาวะโลกไร้สมดุลเลวร้ายมากขึ้น


 


ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟเตือนด้วยว่า ตลาดการเงินและนานาประเทศจะมีสภาพเปราะบาง หากกระแสเงินทุนเปลี่ยนแปลงอย่างทันทีทันใด ซึ่งความเสี่ยงทั้งหมดนี้จะเปลี่ยนแปลงได้หากญี่ปุ่นสามารถกลับมาดำเนินนโยบายการเงินแบบปกติ แต่ก็ต้องอาศัยเวลาสักระยะหนึ่ง ขณะนี้ยังไม่เห็นหนทางชัดเจนที่จะแก้ไขปัญหานี้ แต่ไอเอ็มเอฟเชื่อว่าญี่ปุ่นควรดำเนินนโยบายการเงินและนโยบายต่อต้านภาวะเงินฝืด


 


 


ครม.เห็นชอบกรอบงบปี 51 ขาดดุล 1.2 แสนล้านบาท


 


ผู้จัดการออนไลน์ - คณะรัฐมนตรีไฟเขียวกรอบงบประมาณปี 2551 โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายจำนวน 1.635 ล้านล้านบาท โดยมีรายได้สุทธิ 1.515 ล้านล้านบาท ทำให้เป็นงบประมาณขาดดุล 120,000 ล้านบาท ภายใต้สมมุติฐานเศรษฐกิจปี 2551 ขยายตัวร้อยละ 5 อัตราเงินเฟ้อร้อยละ 3 โดยเน้นใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักพัฒนาและบริหารประเทศ


 


ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2551 จำนวน 1.635 ล้านล้านบาท โดยมีรายได้สุทธิ 1.515 ล้านล้านบาท ทำให้เป็นงบประมาณแบบขาดดุล 120,000 ล้านบาท ภายใต้สมมุติฐานเศรษฐกิจปี 2551 ขยายตัวร้อยละ 5 อัตราเงินเฟ้อร้อยละ 3 โดยการขยายตัวการลงทุนของภาคเอกชนจะเป็นแรงกระตุ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากการทยอยลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2550 รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงจากแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง โดยรัฐบาลเน้นการบริหารจัดการเศรษฐกิจในปี 2551 ด้วยการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการพัฒนาและบริหารประเทศ และที่สำคัญ จะยึดตามนโยบายกรอบความยั่งยืนทางการคลัง โดยควบคุมสัดส่วนหนี้สาธารณะคงค้างต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไม่เกินร้อยละ 50 สัดส่วนภาระหนี้ต่อวงเงินงบประมาณรายจ่ายไม่เกินร้อยละ 15


 


ทั้งนี้ งบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2551 เป็นรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ที่ 51,747 ล้านบาท เป็นรายจ่ายประจำในปีงบประมาณ 2551 จำนวน 1,166,328 ล้านล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 71.3 ของงบประมาณ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 จากปีงบประมาณ 2550 สำหรับรายจ่ายด้านลงทุนจำนวน 416,925 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 25.5 ของงบประมาณ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 จากเดิมที่มีสัดส่วนร้อยละ 24 ของงบประมาณในปีก่อน โดยรัฐบาลยังมุ่งเน้นใช้งบประมาณเพื่อควบคุมอัตราการขยายตัวของรายจ่ายประจำให้เพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสม การใช้งบลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2550 และส่งเสริมการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น โดยเร่งรัดการถ่ายโอนภารกิจให้แก่ท้องถิ่นเร็วขึ้น


 


 


"อุ๋ย" เฮลั่น! ครม.ไฟเขียวแก้ไข กม.การเงิน 3 ฉบับ ล้างหนี้สะสม 8 แสนล.


 


ผู้จัดการออนไลน์ - ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติแก้ไขกฎหมายทางการเงิน 3 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ. ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ร.บ. เงินตรา พ.ศ. 2501 และ พ.ร.บ. คณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยในส่วนของ พ.ร.บ. เงินตรา จะเป็นการเปิดทางให้สามารถนำเงินจากทุนสำรองมาชำระหนี้จากการออกพันธบัตรชดเชยให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 800,000 ล้านบาท เร็วขึ้น โดยจะเป็นการแก้ไขเพื่อจัดทำระบบบัญชีของ ธปท. ให้มีความทันสมัย และสามารถนำเงินไปลงทุนหาผลตอบแทนที่มีความเสี่ยงน้อยในตราสารหรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินในตลาดได้มากขึ้น และที่สำคัญ เมื่อนำเงินไปชดเชยหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จะทำให้แผนการชำระหนี้เป็นไปตามกำหนดและเร็วขึ้น เนื่องจากเดิมเมื่อทุนสำรองระหว่างประเทศมีผลกำไร จะเป็นการแสดงให้เห็นเฉพาะตัวเลขว่ามีผลกำไร แต่ไม่สามารถนำส่งเข้าคลังได้ และหากค่าเงินบาทแข็งค่าจนส่งผลทำให้ขาดทุนทางบัญชี แต่กลับนำผลขาดทุนมารวมในบัญชีผลดำเนินการของ ธปท. ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะทำให้การแก้ไขระบบบัญชีของ ธปท. มีมาตรฐานสากลมากขึ้น


 


 


ครม.มีมติยึดคลื่นไอทีวี 'ปรีดิยาธร'ระบุอีก10วัน'เรียบร้อย'


 


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ - คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่าที่ประชุมครม.ได้พิจารณาข้อพิพาทตามสัญญาเข้าร่วมการงานและการดำเนินงานสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ระหว่างสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) และบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) โดยที่ประชุมครม.มีมติว่าหากวันที่ 6มีนาคมนี้ ทางไอทีวีไม่จ่ายค่าสัมปทานค้างจ่ายและค่าปรับเป็นเงินประมาณ 1 แสนล้านบาท ที่ประชุมครม.มีมติให้สปน.บอกเลิกสัญญากับไอทีวี และให้ยึดคลื่นกลับคืนมาเป็นของรัฐทันที โดยตนได้รับมอบหมายให้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาบริหารคลื่นที่ยึดคืน และให้การดำเนินรายการของไอทีวีเป็นไปตามปกติ


 


รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า สถานภาพปัจจุบันคือสำนักปลัดฯ ได้ยืดเวลาในการขอให้ทางไอทีวีชำระค่าสัมปทานที่ติดค้างและค่าปรับที่จำเป็นต้องจ่ายเนื่องจากผิดสัญญา อย่างไรก็ตามถึงวันนี้ถือว่ายังไม่ครบกำหนดตามที่สำนักปลัดฯ ได้ยืดเวลาให้ ซึ่งจะครบกำหนดระยะเวลาในวันที่ 6 มี.ค. ที่ประชุม ครม.จึงได้หารือกันในลักษณะการให้แนวทางแก่สำนักปลัดฯ ที่จะดำเนินการต่อไป เมื่อครบกำหนดต้องชำระเงินในวันที่ 6 มี.ค. คือเมื่อครบกำหนดแล้วหากไอทีวีไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่สำนักปลัดฯได้ ซึ่งเป็นเงื่อนไขของสัญญาที่สำนักปลัดฯ ได้ผ่อนปรนมาตลอด หากไม่สามารถดำเนินการได้ก็อนุญาตให้ ทางสำนักปลัดฯ ดำเนินการบอกเลิกสัญญาการงานได้ และจะมีผลในวันที่ 7 มี.ค.ทันที และ ครม.ได้มอบหมายให้ตนในฐานะที่กำกับดูแลสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารฯ เพื่อดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป


 


คุณหญิงทิพาวดี กล่าวว่า รัฐบาลจะรอให้ถึงกำหนดตามเงื่อนไขสัญญา หลังจากนั้นจะพิจารณาดำเนินการต่อไป และขอยืนยันว่าเราจะพยายามให้รายการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และทางสำนักปลัดสำนักนายกฯ มีความพร้อมในระดับหนึ่งที่จะให้บริการสาธารณะได้โดยไม่เกิดความขัดข้อง ส่วนพนักงานที่มีความประสงค์จะดำเนินการต่อไป ทางสำนักปลัดฯ ก็ยินดีรับมาที่จะดำเนินการต่อ ทั้งนี้ในการดำเนินการจะใช้มืออาชีพที่มีความสามารถที่จะทำให้ไอทีวีเป็นที่ยอมรับต่อไป นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล


 


ผู้สื่อข่าวถามว่าการยกเลิกสัญญาแล้วจะมีการดำเนินการฟ้องล้มละลายบริษัทไอทีวี ใช่หรือไม่ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เป็นการนำคลื่นกลับมา เพราะในสัญญาทางสำนักปลัดฯ เป็นเจ้าของคลื่น ดังนั้นสิ่งที่เราจะยึดคืนมาคือการบอกเลิกสัญญา เท่ากับว่าไม่มีการให้สัมปทานต่อไปแล้ว เป็นการนำคลื่นของสำนักปลัดฯ คืนมา


 


"ปรีดิยาธร"ชี้ต้องยึดคืน ไม่ทำก็เป็นตัวตลก


 


ด้าน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า เราจำเป็นต้องบอกเลิกสัญญา เพราะเขาไม่จ่ายเงิน ถ้าเขาไม่จ่ายเงินตามคำสั่งศาล ก็แปลว่าเราให้โอกาสเขาถึงที่สุดแล้ว


 


"ถ้าเราไม่เลิกสัญญา เราก็กลายเป็นตัวตลก เพราะฉะนั้นเมื่อเขาไม่จ่ายเงินก็ต้องยกเลิกสัญญา และผมได้กำชับคุณหญิงทิพาวดี ให้รีบตั้งคณะกรรมการขึ้นมา และทำให้รายการโทรทัศน์ของไอทีวีดำเนินการเหมือนเดิมและต่อเนื่อง พยายามจะไม่ให้หยุดแม้แต่วันเดียว อีกทั้งพนักงานทุกคนจะต้องไม่ตกงาน"


 


ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า สำหรับรูปแบบที่จะให้มืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการนั้น จะเป็นกรรมการบริหารกิจการเฉพาะ และเป็นในลักษณะการดำเนินการของรัฐคือทางสำนักปลัดฯเป็นเจ้าของไปก่อน ซึ่งนักกฎหมายกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะดำเนินการอย่างไร เราจะทำให้ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง คาดว่าในอีก 10 กว่าวันนี้ทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อย วันนี้ยังไม่รู้ว่าจะเป็นรูปแบบใด แต่ยืนยันว่าจะเป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพ และรัฐบาลคงต้องพิจารณางบประมาณจากงบกลางเพื่อใช้จ่ายเป็นค่าบริหารจัดการ


 


ผู้สื่อข่าวถามว่าทางสำนักปลัดฯ ได้เสนอชื่อบุคคลที่จะเข้ามาเป็นกรรมการบริหารบ้างหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า มีให้เลือก แต่ยังไม่บอก ขออุบชื่อไปก่อน เดี๋ยวเลือกผิด แต่ยืนยันไม่ใช่ เอเอสทีวี แน่


 


บอร์ดกรรมการบริหารไอทีวีแถลงข่าว


 


ด้านนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ประธานกรรมการบริหาร ITV จะเปิดแถลงข่าวด่วนในเวลาประมาณ 16.30 น.ที่ตึกชินวัตร 3 ภายหลังคณะรัฐมนตรี มีมติอนุญาตให้สำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี(สปน.)บอกเลิกสัญญาสัมปทานได้ หาก ITV ไม่จ่ายค่าปรับและค่าสัมปทานค้างจ่ายประมาณ 1 แสนล้านบาทได้ทันตามกำหนดเวลาในวันที่ 6 มี.ค.นี้


 


นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวว่าทั้งนี้ผู้บริหารไอทีวียอมรับว่าไม่สามารถจ่ายเงินค่าปรับและค่าสัมปทานราว 1 แสนล้านบาทได้ และคาดว่าต้องจ่ายเงินชดเชยให้พนักงานราว 200 ล้านบาท หากถูกบอกเลิกสัญญา


 


"ผู้ถือหุ้นทุกรายอยากให้ไอทีวีเดินหน้าต่อ แต่หากต้องจ่าย 1 แสนล้านบาทก็เป็นไปไม่ได้ แต่หากผ่อนปรนให้จ่าย 2.2 พ้นล้านบาท ก็ยังมีความเป็นไปได้"


 


นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวอีกว่าส่วนอนาคตของไอทีวีต้องถอนออกจากตลาดหุ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของตลาดหลักทรัพย์


 


หาก สปน.ต้องการให้สถานีโทรทัศน์ไอทีวีมีการออกอากาศอย่างต่อเนื่อง บริษัทยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์ของผู้ชมรายการและพนักงาน ซึ่งนอกจากทรัพย์สินที่ไอทีวีจะส่งมอบให้รัฐแล้ว ภาระความรับผิดชอบต่างๆหลังจากที่บริษัทหมดใบอนุญาตแล้วจะเป็นของ สปน.ทั้งสิ้น อาทิการเช่าอาคารที่ทำการ การเช่าอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เฮลิคอปเตอร์ ดาวเทียม รวมทั้งสัญญาต่าง ๆ ที่จำเป็นในการออกอากาศเพื่อให้สถานีออกอากาศได้อย่างต่อเนื่อง


 


ในส่วนของพนักงาน บริษัทคงต้องเลิกจ้างและจ่ายค่าชดเชยให้กับพนักงานตามกฎหมาย และพนักงานสามารถเซ็นสัญญาว่าจ้างกับหน่วยงานใหม่ที่ สปน.จะจัดขึ้นต่อไป สำหรับผู้เช่าเวลาสถานีและผู้ผลิตรายการร่วมก็สามารถเริ่มดำเนินงานกับหน่วยงานใหม่ได้


 


สำหรับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ จะมีการหารือในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 20 มี.ค.นี้


 


 






สังคม - การเมือง


 


คมช. เอาผิด จาตุรนต์ ละเมิดประกาศ คปค.


 


สำนักข่าว INN - คมช. มีมติมอบหมายรักษาการ ผบ.ตร.ดำเนินการทางกฏหมายกับรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยฐานละเมิดคำสั่งคณะปฏิรูป ฯฉบับที่ 15 และ 27พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. กล่าวว่าที่ประชุม คมช.มีมติดำเนินการตามกฎหมายกับ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กรณีลงพื้นที่ภาคอีสานเมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่ง คมช.พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายละเมิดคำสั่งของคณะปฎิรูปการปกครองฯ หรือ คปค. ฉบับที่ 15 และ 27 โดยได้มอบหมายให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ดำเนินการ ขณะเดียวกันในวันนี้ประธาน คมช.ยังได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกับ คมช.ด้วย


 


นอกจากนี้ที่ประชุม คมช.ยังได้มีการหารือถึงการตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวี โดยที่ประชุม คมช.มีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาว่าการออกอากาศของพีทีวีจะผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหากผิดกฎหมายก็สามารถดำเนินการได้ทันที


 


 


ครม.ทุ่มงบ 1.5 พันล้านเพิ่มเบี้ยเลี้ยงทหาร


 


เว็บไซต์เดลินิวส์ - ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า ครม.ให้ความเห็นชอบการปรับปรุงเบี้ยเลี้ยงทหาร เบี้ยเลี้ยงผู้ต้องขัง หรือผู้ถูกควบคุมตัว และค่าอาหารผู้เจ็บป่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการทหาร เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2547 และ 1 ตุลาคม 2548 และเป็นการเสริมสร้างขวัญกำลังใจข้าราชการทหาร โดยเฉพาะพลทหาร สิบตรี จ่าตรี และจ่าอากาศตรี กองประจำการ รวมทั้งนักเรียนทหาร นักเรียนเตรียมทหาร กระทรวงกลาโหม โดยจะใช้งบประมาณจำนวน 1,557 ล้านบาท



ทั้งนี้ อัตราเบี้ยเลี้ยงของพลทหาร สิบตรี จ่าตรี จ่าอากาศตรี กองประจำการ และนักเรียนทหาร ซึ่งสำเร็จการศึกษาแล้วจะบรรจุเป็นนายทหารประทวน เบี้ยเลี้ยงประจำอัตราเดิมได้ 50 บาทต่อคนต่อวัน เพิ่มขึ้นเป็น 75 บาทต่อคนต่อวัน เบี้ยเลี้ยงกรณีเดินทางไปราชการนอกที่ตั้งปกติ เดิมได้ 63 บาท ต่อคนต่อวัน เพิ่มเป็น 94 บาทต่อคนต่อวัน เบี้ยเลี้ยงกรณีไปปฏิบัติราชการเพื่อป้องกันและปราบปรามนอกที่ตั้ง หรือไปปฏิบัติราชการพิเศษเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ เดิมได้ 63 บาทต่อคนต่อวัน เพิ่มเป็น 94 บาทต่อคนต่อวัน



โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปรับปรุงเบี้ยเลี้ยงทหารดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะค่าครองชีพสูงขึ้น และมีการปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการ ค่าจ้าง และค่าตอบแทนพนักงานราชการ รวมถึงการปรับอัตราเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการระดับต้น ลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พนักงานราชการ อาสาสมัครทหารพราน ทั้งนี้ไม่มีการปรับอัตราเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2537


 


 


ทำเนียบฯเขตหวงห้าม! สกัดพีทีวี - เสนอหน้าทำข่าว


 


ผู้จัดการออนไลน์ - หลังจากทีมผู้สื่อข่าวและช่างภาพจากสถานีโทรทัศน์พีทีวี ได้พยายามติดต่อเพื่อจะขอ เข้าทำข่าวภายในทำเนียบรัฐบาล โดยได้ขอแลกบัตรที่ประตู 1 แต่ทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่อนุญาตให้เข้าไปทำข่าวและได้ติดต่อให้เจ้าหน้าที่จากกองงานโฆษกรัฐบาลมาชี้แจง


 


โดยว่าที่ ร.ท.ธีระชัย คูศรีรัตน์ เจ้าหน้าที่กองงานโฆษกทำเนียบรัฐบาล ชี้แจงว่า ไม่สามารถอนุญาตให้พีทีวีเข้ามาทำข่าวภายในทำเนียบรัฐบาลได้ เนื่องจากพีทีวีไม่ได้ทำหนังสือแจ้งจากต้นสังกัดมาล่วงหน้า ถือว่าไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบและขั้นตอนตามปกติ เพราะทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่ทำงาน ของผู้บริหารประเทศจึงจำเป็นต้องรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด หากพีทีวีได้ทำหนังสือจากต้นสังกัด ทางกองงานโฆษกฯ ก็จะเสนอต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการต่อไป


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการเจรจาผู้สื่อข่าวพีทีวีได้ชี้แจงอีกว่า จะทำหนังสือส่งตัวจากต้นสังกัดมาให้กองงานโฆษกฯ ภายในวันนี้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงว่า หากส่งหนังสือมาภายในวันนี้ก็คงไม่สามารถอนุญาตได้ในทันที เพราะต้องนำเรื่องเสนอต่อผู้บังคับบัญชาก่อน ซึ่งทีมงานผู้สื่อข่าวพีทีวีก็พยายามชี้แจงอีก แต่ก็ไม่เป็นผล โดยใช้เวลาในการเจรจากันนานกว่า 20 นาที


 


จากนั้นทีมงานโทรทัศน์พีทีวีได้ขับรถรอบ ๆ ทำเนียบรัฐบาลและได้จอดรถเพื่อทำข่าวนายวสันต์ สิทธิเขต ตัวแทนเครือข่ายศิลปินเพื่อสิ่งแวดล้อม ที่นำภาพของนายธีระ สูตะบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และนายสามารถ โชคคณาพิทักษ์ อธิบดีกรมชลประทาน มาเผาประท้วงที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อไม่ให้ผลักดันโครงการก่อสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นที่จังหวัดแพร่ โดยระหว่างนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมรายหนึ่งได้เดินมาที่รถข่าวของพีทีวีแล้วตะโกนไล่ว่า "ออกไป ไม่ต้องมาทำข่าว ออกไป ๆ ๆๆ สถานีข่าวของพจมานออกไป"


 


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า โดยบุคคลที่ตะโกนไล่รถข่าวพีทีวีดังกล่าว ชื่อ นายฤทธิรงค์ ลิขิตประเสริฐกุล อดีตผู้ถูกรุมทำร้ายผู้ที่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์จนเป็นคดีความให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) ต้องส่งให้อัยการดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา อดีตผู้กำกับการ กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 กองบัญชาการตำรวจนครบาล กับพวกกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีสั่งการให้ควบคุมหรือจับกุม นายฤทธิรงค์ ซึ่งเป็นกลุ่มประชาชนที่ตะโกนขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ส.ค.49


 


 


อนุฯ หวยบนดินได้ฤกษ์ชง คตส.ฟันอาญา 30 นักการเมือง 16 บิ๊กขรก. 6 มี.ค.นี้ เผยผิดกม. 2 ฉบับทำรัฐเสียหายกว่า 1.5 หมื่นล้าน


 


เว็บไซต์แนวหน้า - นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการคตส. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2-3 ตัวกล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมอนุฯได้มีมติสรุปสำนวนเสนอที่ประชุมใหญ่คตส.ในวันที่ 6 มี.ค. เพื่อตั้งอนุกรรมการไต่สวน พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประมาณ 30 กว่าคน และในส่วนข้าราชการระดับสูงในระดับบอร์ดของกองสลากอีก 15-16 คน ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่เป็นผู้ปฏิบัติ อนุกรรมการไม่มีนโยบายที่จะแตะ เพราะผู้ปฏิบัติอยู่ในสภาพจำยอม เนื่องจากต้องทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา



นายอุดม กล่าวว่า โดยมีมูลค่าที่ทำให้รัฐเกิดความเสียหายจากการนำเงินรายได้จากการขายสลากไปใช้จำนวนทั้งสิ้น15,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือความเสียหายจาก คณะกรรมการพัฒนายุทธศาสตร์สำหรับการแก้ไขปัญหาเด็กยากจนและด้อยโอกาสรวมกับโครงการต่าง ๆ อีกรวม 1.3 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 2 พันล้านบาทที่กองสลากจ่ายให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)


 


นายอุดม กล่าวว่า นอกจากความเสียหายดังกล่าวแล้ว ที่ประชุมยังได้ดูในเรื่องความเสียหายที่รัฐควรจะได้จากการจัดเก็บภาษีซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นตัวเลขเท่าใด โดยความเสียหายที่รัฐขาดรายได้จากการเก็บภาษี มีทั้งสิ้น 4 ส่วน คือภาษีมูลค่าเพิ่มภาษีการพนัน ภาษีเงินได้จากการออกสลากรางวัลและภาษีรายได้ที่ได้จากการลดเปอร์เซ็นให้กับเอเย่นต์โดยความผิดดังกล่าวเข้าข่ายขัดกฎหมายอาญา และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือพนักงานของรัฐ พ.ศ.2502 ซึ่งกรณีนี้มันผิดชัดเจน เพราะที่มาของการออกสลากไม่ถือว่าเป็นสลากการกุศล เพราะเป็นสลากกินรวบ การที่ครม.หรือรัฐมนตรีออกมติมา โดยอ้างว่าไม่ต้องจ่ายภาษีตามประมวลกฎหมายรัษฎากรก็ไม่มีสิทธิ์ เพราะโดยสภาพของสลากเป็นสลากกินรวบ ครม.ไม่สามารถมากำหนดกฎเกณฑ์ให้นอกเหนือจากนั้นได้ดังนั้นเงินที่นำไปใช้จ่ายต้องเอามาคืนให้หมด


 


 


 






ต่างประเทศ


 


นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจะจัดการประชุมเพื่อหารือร่วมกันถึงปัญหาน้ำแข็งขั้วโลกที่กำลังละลาย


 


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ - นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจะจัดการประชุมตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปจนถึงวันที่ 9 มีนาคม 2552 ภายใต้โครงการปีขั้วโลกสากล เพื่อหารือกันถึงปัญหาน้ำแข็งขั้วโลกที่กำลังละลาย อันเนื่องมาจากปัญหาโลกร้อน คาดกันว่าการประชุมครั้งนี้จะมีนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 50,000 คนจาก 63 ประเทศ โดยจะมีการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันและร่วมศึกษาผลงานวิจัยกว่า 200 ชิ้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแถบขั้วโลก ทั้งขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้อย่างละเอียด ซึ่งมีการประเมินกันด้วยว่า หากน้ำแข็งขั้วโลกละลายหมด จะทำให้ระดับน้ำทะเลในมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้นถึง 77 เมตร เท่ากับว่าเกาะหลายแห่งและประเทศส่วนใหญ่จะต้องจมหายไปในทะเล



ทั้งนี้ตามรายงานการวิจัยได้ระบุว่า น้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็วกว่าที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังได้ระบุว่า ในศตวรรษนี้อุณหภูมิของโลกจะร้อนขึ้นอีก 1.8 ถึง 4 องศาเซลเซียสจากสาเหตุปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยออกมาในปริมาณมาก.



 


สหรัฐสั่งยกเลิกคำสั่งห้ามการให้ความช่วยเหลือโดยตรงในโครงการต่างๆของรัฐบาลกัมพูชา


 


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ - นายโจเซฟ มูสโซเมลี เอกอัครราชทูตของสหรัฐประจำกัมพูชาแถลงวันนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐจะเริ่มให้ความช่วยเหลือโดยตรงแก่โครงการต่างๆของรัฐบาลกัมพูชาอีกครั้งหนึ่ง หลังประธานาธิบดีจอร์ช ดับเบิ้ลยู. บุช ได้ลงนามยกเลิกคำสั่งห้ามดังกล่าวเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทั้งนี้สหรัฐระงับความช่วยเหลือโดยตรงในโครงการต่างๆของรัฐบาลกัมพูชาเมื่อปี 2540 หลังสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีสั่งขับสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ ในช่วงที่เกิดการก่อรัฐประหาร แต่สหรัฐยังคงให้ความช่วยเหลือในโครงการขององค์กรเอกชนหรือเอ็นจีโอ.ในกัมพูชา ซึ่งเมื่อปีที่แล้วสหรัฐได้จัดสรรเงินผ่านทางเอ็นจีโอ. 54 ล้าน 9 แสนเหรียญสหรัฐ.



 


ญี่ปุ่นมีแผนจะจัดตั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ


 


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ - คณะที่ปรึกษารัฐบาลของญี่ปุ่นเสนอให้ตั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อดูแลเกี่ยวกับนโยบายด้านความมั่นคง หลังจากที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่ากระทรวงต่างๆไม่ได้ประสานความร่วมมือกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติ เนื่องจากมีหลายกระทรวงที่ทำงานเกี่ยวข้องกับนโยบายด้านความมั่นคง โดยคณะที่ปรึกษาเสนอว่า สภาความมั่นคงจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะ และจะมีเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รวมทั้งรัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีต่างประเทศรวมอยู่ด้วย และในการเสนอครั้งนี้คณะที่ปรึกษาไม่ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะตั้งหน่วยงานที่จะรวบรวมข้อมูลข่าวกรองต่างๆตามที่คาดกันไว้ก่อนหน้านี้.



 


โค้กและเป๊ปซี่ เตรียมติดฉลากระบุปริมาณกาเฟอีนบนเครื่องดื่ม


 


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ - หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า บริษัทผลิตเครื่องดื่มหลายราย อาทิเช่น เป๊ปซี่ โค และโคคา โคลา โค (โค้ก) 2 ยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมน้ำอัดลมโลก เตรียมเปิดเผยรายละเอียดของปริมาณกาเฟอีนในฉลากผลิตภัณฑ์น้ำอัดลมของบริษัท ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบปริมาณกาเฟอีนในน้ำอัดลมชนิดต่างๆ ได้ โดยประเดิมกับเครื่องดื่มให้พลังงานชนิดใหม่หลายชนิด ที่มีกำหนดเปิดตัวเร็วๆ นี้


 


ขณะที่กลุ่มสุขภาพจำนวนหนึ่งออกมายกย่องการกระทำนี้ หลายฝ่ายก็กังวลว่า การเปิดเผยปริมาณกาเฟอีนอาจกลายกลายเป็นการกระตุ้นให้มีการบริโภคสารชนิดนี้มากขึ้น โดยนายไมเคิล เอฟ. จาคอบสัน กรรมการบริหารศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อผลประโยชน์สาธารณะ (ซีเอสพีไอ) ซึ่งวิ่งเต้นให้บรรดาผู้ผลิตน้ำอัดลมติดฉลากระบุปริมาณกาเฟอีน มองว่า มีความเป็นไปได้ที่ผู้บริโภคจำนวนหนึ่งจะเลือกซื้อน้ำอัดลม ที่มีกาเฟอีนผสมในอัตราสูงกว่า


 


ทั้งนี้ ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องผลกระทบด้านสุขภาพของกาเฟอีนในน้ำอัดลม โดยวารสารสุขภาพจิตของฮาร์วาร์ด ระบุว่า ขณะที่ผู้ดื่มกาแฟส่วนใหญ่รู้สึกถึงการได้รับการกระตุ้นทางจิตใจ แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า กาเฟอีนสามารถปรับปรุงระบบการรับรู้ได้หรือไม่ และแม้ผู้ที่ไม่ได้ดื่มกาแฟเป็นประจำจะกล่าวว่า กาแฟทำให้พวกเขารู้สึกตื่นตัวมากขึ้น แต่ผลการทดลองก็ชี้ว่า กาเฟอีนไม่ได้ช่วยกระตุ้นพฤติกรรมแต่อย่างใด


 


เวียดนาม ฆ่าไก่ 10,000 ตัว หลังไข้หวัดนกระบาดรอบใหม่


 


เว็บไซต์ศูนย์ข่าวแปซิฟิก - หนังสือพิมพ์ยูธของเวียดนาม รายงานว่า ไก่ในจังหวัดไฮดอง ตายเพราะโรคไข้หวัดนกแล้วกว่า 100 ตัว ซึ่งเป็นการระบาดครั้งแรกในจังหวัดที่อยู่ทางตอนเหนือของเวียดนามในช่วงปี 2549-2550


 


นายดอง วัน ชุค หัวหน้าสำนักงานสัตวแพทย์จังหวัด เปิดเผยว่า ไข้หวัดนกที่ระบาดในฟาร์มเลี้ยงไก่ที่มีไก่มากกว่า 10,000 ตัวในชุมชนดอนทัง ตำบลทานเมียน จังหวัดไฮดองเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์นั้น ส่งผลให้มีลูกไก่ตายมากกว่า 100 ตัว ผลทดสอบเบื้องต้นพบว่า ไก่ที่ตายติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 และได้มีการฆ่าไก่มากกว่า 10,000 ตัว รวมทั้งการฆ่าเชื้อในฟาร์มและพื้นที่ใกล้เคียง


 


กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทเวียดนามจำเป็นต้องเลื่อนแผนการประกาศยุติการระบาดของโรคระดับประเทศออกไป หลังพบการระบาดในจังหวัดไฮดอง ซึ่งเดิมกระทรวงมีแผนจะประกาศเรื่องการยุติการระบาดในวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net