Skip to main content
sharethis


ประชาไทภาคเหนือ รายงาน




วานนี้ (28 ก.พ.) มีการเสวนาข้อหัว "อาชญากรรมทางเพศ เหตุเกิดในมหาวิทยาลัย" ที่ศูนย์สตรีศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยผู้ดำเนินรายการระบุว่าวงเสวนานี้เกิดขึ้นเพื่อสะท้อนกรณีครึกโครมเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริหารของหน่วยงานในสถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นนักมานุษยวิทยาชื่อดัง ที่มีผู้ร้องเรียนว่าพฤติกรรมส่อเค้าล่วงละเมิดทางเพศต่อนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่ส่วนใหญ่เป็นสตรีกลุ่มชาติพันธุ์

โดยวิทยากรร่วมเสวนาได้แก่ ผู้ได้รับความเสียหายจากกรณีผู้บริหารหน่วยงานในสถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่ง (ขอสงวนนาม) รศ.วิระดา สมสวัสดิ์ กรรมการศูนย์สตรีศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ กรรมการหลักสูตร ผู้อำนวยการศูนย์ภูมิภาคด้านสังคมศาสตร์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน (RCSD) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วยคณาจารย์ นักศึกษา และสื่อมวลชนจำนวนมาก
 

ตะลึงมีห้องนอนอยู่ในที่ทำงาน - เผยบันทึกผู้ถูกล่วงละเมิด


โดยระหว่างเสวนาผู้ดำเนินรายการได้สรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมนำเสนอภาพสไลด์ของหน่วยงานในสถาบันอุดมศึกษาดังกล่าว ซึ่งทำให้ผู้ร่วมเสวนาถึงกับตะลึงเมื่อผู้ดำเนินรายการอธิบายไปถึงภาพสำนักงานของหน่วยงานดังกล่าว ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการ ได้มีการระบุว่าบนชั้น 2 มีการจัดห้องเป็นที่ทำงานของผู้บริหาร 1 ห้อง และอีก 1 ห้องจัดไว้เป็นที่นอนสำหรับผู้บริหาร


 


นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยเอกสารขนาด A4 จำนวน 4 ฉบับ เป็นบันทึกของผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยบุคคลที่เป็นผู้บริหารหน่วยงานในสถาบันอุดมศึกษาดังกล่าว โดยข้อความในเอกสารดังกล่าว เปิดเผยหลายกรณีล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้น (ประชาไทขอใช้เครื่องหมาย "@@@" สงวนข้อมูลบางส่วนไว้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ถูกกระทำ) โดยมีข้อความบางส่วนเช่น


 


"แกก็เริ่มลูบหัวหนูก่อน ผู้ชายได้คืบเอาศอก เราก็ไม่ว่าอะไร ก็นึกว่าเป็นพ่อเรา แล้วก็เริ่มลูบตัว... มีวันหนึ่งแกขับรถไป แล้วแกบอกว่า ผมเมารถเฮ้ย หนูก็นึกว่า ครีมทาผิวของหนูทำให้แกเมารถ อยู่ดีๆ แกก็เอามือหนูขึ้นมาดม... หนูคิดว่าอย่างนี้ไม่ใช่แล้ว"


 


"หนูไม่ใช่คนเดียวที่โดน คนแรกเป็นคน@@@ เป็นคนหน้าตาดี แกโทรเรียกไปที่ศูนย์ตอนเช้ามืดตอนฝนตก ผู้หญิง@@@ คนนั้นไม่ได้บอกลึกว่าโดนอะไรบ้าง ตอนที่เพื่อนสนิทของหนูโดนกระทำ (ปลายปี 2548) หนูโทไปเล่าให้เขา (สาว@@@) ฟัง เขาบอกไม่อยากยุ่งเรื่องนี้อีกแล้วเพราะกำลังมีครอบครัว และเขากลัวเสียภาพพจน์"


 


"แต่แล้ว เขาก็เข้ามาข้างหลังเอามือโอบตัวเพื่อจับมือดิฉันถ่ายรูป ... ดิฉันรู้สึกทนไม่ได้กับพฤติกรรมของอาจารย์@@@ ดิฉันสะบัดเหวี่ยงอย่างแรง เดินหนี โกรธ ... ดิฉันไม่ใช่แฟนเขานะถึงจะพาไปไหนมาไหนได้ จะทำอะไรก็ได้จะจับเนื้อต้องตัว โอบกอดอะไรก็ได้ หนูโกรธอาจารย์@@@มาก ... คืนนั้น ดิฉันย้ายที่พักไปนอนกับญาติๆ ไม่อยากพูดกับใคร กระทั่งการเก็บข้อมูลในครั้งนั้นเสร็จสิ้นลง"


 


(หมายเหตุ ตัวเอียงและตัวหนา ผู้ถูกกระทำเน้นในเอกสารเอง)


 


นอกจากนี้ "ผู้ได้รับความเสียหายฯ" (ขอสงวนนามและภูมิลำเนา) รายหนึ่ง ซึ่งเป็นวิทยากรร่วมการเสวนา ยังได้บอกเล่าถึงพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศของผู้บริหารหน่วยงานในสถาบันอุดมศึกษาดังกล่าวกระทำต่อนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานนั้นๆ ที่เกิดขึ้น และกล่าวว่าเรื่องราวที่ออกจากปากตน เพียงขอให้ทุกคนได้รับรู้ถึงกระบวนการเกิดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งถึงขั้นที่ผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศบางรายไม่สามารถทำอะไรได้เลย ไม่ยอมออกมาเรียกร้อง แถมออกมาปกป้องชายที่เป็นผู้ล่วงละเมิดทางเพศอีกด้วย


 




รศ.วิระดา สมสวัสดิ์ (ซ้าย) และ ดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ (ขวา)


 


นักสิทธิสตรีชี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสังคมได้รับความเสียหาย


รศ.ดร.วิระดา สมสวัสดิ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากการกระทำของฝ่ายชายในฐานะปัจเจก แต่เป็นกลุ่มเพศชาย และชาติพันธุ์ที่เหนือกว่า มีชนชั้นทางสังคมที่สูงกว่า มีวัยวุฒิ และคุณวุฒิที่เหนือกว่า เป็นการใช้อำนาจสังคมที่เหนือกว่า และต้องมีการรับผิดชอบในทางสังคมเพราะ เพราะมีผู้เสียหายหลายรายได้แก่ หญิงผู้ถูกกระทำได้รับเสียหายจากการใช้อำนาจของเพศชาย คนเมืองเสียหาย อาจารย์ร่วมวิชาชีพเดียวกันเสียหาย หน่วยงานนั้นเสียหาย และมหาวิทยาลัยนั้นทั้งหมดเสียหาย และชุมชนเป็นผู้เสียหายเพราะภาพหนึ่งของเขาก็มีความใกล้ชิดกับเอ็นจีโอ ดังนั้นหากจะว่าไปแล้วเกิดความเสียหายทางสังคม ส่วนค่าเสียหายที่ผู้บริหารคนนี้จะต้องชดใช้เท่าใดเป็นสิ่งที่สังคมต้องช่วยกันคิด


 


ในด้านกฎหมาย แม้ว่ากฎหมายที่มีอยู่จะไม่ครอบคลุมกับการกระทำที่เกิดขึ้น แต่กฎหมายเท่าที่มีอยู่ผู้ที่กระทำก็ต้องรับผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่ง โดยตามประมวลกฎหมายอาญาเข้าข่ายความผิดฐานทำอนาจาร ซึ่ง Feminists (นักสตรีนิยม) ถือว่าเป็นการคุกคามทางเพศ ยิ่งการข่มขืนและกระทำอนาจาร นักสตรีนิยมถือว่าเป็นการก่ออาชญากรรมทางเพศ ผู้กระทำถือเป็นอาชญากร และส่อกระทำความผิดฐานข่มขืนและกระทำอนาจาร


 


โดยผู้กระทำคือตัวผู้อำนวยการฯ รวมถึงผู้สนับสนุนให้เกิดการกระทำนั้นด้วย หมายถึง ผู้เป็นธุระจัดหา, ผู้เอาตัวไปส่ง หรือทำให้สถานการณ์เช่นว่าเกิดขึ้นได้ โดยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโทษจะต่างกัน แต่กรณีนี้โทษเท่ากันและถ้าเป็นการกระทำต่อศิษย์หรือผู้ที่อยู่ในความดูแล โทษจะยิ่งเพิ่มขึ้น


 


ทั้งนี้กฎหมายได้นำเอาระบบคิดทางศีลธรรมจรรยามาถอดรูปเป็นกฎหมาย ผู้เป็นอาจารย์ที่มีหน้าที่ดูแลผู้อื่นแต่กลับกระทำการเช่นนั้นต้องรับผิดชอบ และมาตรฐานที่ใช้ต่ออาจารย์ผู้นี้ก็จะต่างจากคนอื่นทั่วไปที่มีการกระทำเช่นว่านี้เพราะเป็นถึงอาจารย์


 


การคุกคามทางเพศ ไม่ได้หมายความว่าต้องกระทำตรงไปตรงมา เช่น กอดรัดฟัดเหวี่ยง แต่หมายถึงกิริยา วาจา การประเล้าประโลม จนทำให้ผู้อื่นลำบากถึงกับอึดอัดใจ อย่างกรณีนวดที่มองว่าเหมือนจะไม่มีอะไร แต่มันก็คงไม่เหมาะเพราะตี 2 แล้วคนเป็นอาจารย์ไม่น่าทำแบบนี้ ทั้งนี้ผู้ถูกกระทำรู้สึกอึดอัดใจก็ถือเป็นการคุกคามทางเพศแล้ว


 


เรื่องนี้มันมีกฎหมายแล้ว แต่กฎหมายไม่ได้ครอบคลุมถึงข้าราชการ มีแต่เอกชนกรณีนายจ้างกระทำต่อลูกจ้าง ซึ่งถือว่ากฎหมายยังคับแคบ สถาบันข้าราชการอนุรักษ์นิยมมาก ชายเป็นใหญ่มาก และยังตรวจสอบกันไม่ได้


 


แต่กรณีที่เกิดขึ้นสามารถเอาเรื่องอนาจารได้ และเรื่องการถูกเอารัดเอาเปรียบ การใช้งานในเวลาไม่เหมาะสม และเมื่อตั้งข้อหาทางอาญาแล้ว ในทางแพ่งก็สามารถเรียกค่าเสียหายได้อีก


 


ทั้งนี้การถูกล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ใช่แค่เรื่องเนื้อตัว ร่างกาย แต่ความเสียหายยังเกิดขึ้นทางจิตใจ เช่น เสียโอกาสในการทำงาน ทำให้หน้าที่การงานเสียหาย จิตใจไม่พร้อมต่อการเรียนหรือการทำงาน ทำให้สุขภาพจิตเสื่อม ผู้ถูกกระทำสามารถแถลงได้ว่าเขาได้รับความเสียหายอย่างไร แต่ผู้ถูกกระทำก็ตกอยู่ในวัฏฏะจักรคุณค่าที่สังคมคิดว่า "มันควรจะทนได้" แต่ลึกๆ ก็คงต้องคิดว่าตนเสียหายอะไรบ้าง การถูกมองในทรรศนะว่าตนเป็นข้าวของที่เสียแล้ว สามารถเรียกค่าทดแทนได้ทั้งสิ้น


 


 


ชี้เรื่องละเมิดทางเพศกระทบจิตใจสตรีระยะยาวถ้าไม่ได้เยียวยา


ขอบคุณที่ผู้เสียหายนำเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา ในขณะเดียวกันถ้าเรื่องมันยืดเยื้อความเสียหายที่เกิดขึ้นจะยิ่งพอกพูน เพราะจะถูกบั่นทอนจิตใจ ถูกคุกคาม ตกเป็นข่าว ซึ่งจะมีผลกระทบต่อผู้เสียหายระยะยาว คือสังคมไทยมันลำบากไม่คิดเรื่องความเสียหายข้างใน ซึ่งมันลึก แต่มันมีการวิจัยว่าถ้าไม่ได้รับการบำบัดเยียวยา มันจะเป็นบั่นทอนไปตลอดชีวิต


 


การล่วงละเมิดทางเพศไม่จำเป็นต้องกระทบกระทั่งตัว ไม่ต้องบาดเจ็บ แค่ถูกโอ้โลมปฏิโลมด้วย Dirty Jokes (มุกตลกหยาบโลน) มันก็สามารถทำให้ตกผลึกในจิตใจยาวนานและเยอะมาก สังคมไทยผู้หญิงตกอยู่ในสภาวะจำยอมตลอด นี่เป็นอาชญากรรมต่อผู้หญิง อาชญากรรมทางเพศและเป็นเรื่องการเมืองอีกด้วย


 


ทั้งนี้ตนเห็นว่า ผู้กระทำผิดไม่ได้มีแต่ผู้บริหารคนนี้อย่างเดียว แต่เจ้าพนักงานที่ไม่รับแจ้งความ, ผู้บังคับบัญชาของผู้บริหารคนนี้ที่ถ่วงเวลาก็สามารถตีความได้ว่าให้การสนับสนุนให้เกิดการกระทำความผิด รศ.วิระดา กล่าว


 


นี่ไม่ใช่เรื่องแรก ชี้อำนาจจัดการร่างกายให้อยู่ใต้บงการ


ดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องแรก สถาบันอุดมศึกษาอื่นก็มี แม้แต่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็มี แต่แปลกใจว่าเรื่องนี้ไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณะ ไม่เป็นข่าว แม้แต่สถาบันต้นสังกัดก็มีท่าทีปกป้องคนๆ นี้ ซึ่งตนเห็นว่าถ้ามีเรื่องราวอะไรที่เกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ คนกลุ่มใหญ่กระทำต่อคนกลุ่มน้อยเรื่องราวมักจะไม่ได้รับความสนใจ


 


เรื่องที่เกิดขึ้นสะท้อนความสัมพันธ์เชิงอำนาจอยู่ลึกๆ ทั้งความสัมพันธ์แบบชาติพันธุ์ ระหว่างคนเมืองกับชาติพันธุ์ และยังมีความหมายมากกว่านั้น ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับนักศึกษา เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง เป็นความสัมพันธ์ของผู้มีคุณวุฒิและวัยวุฒิกว่า เป็นความสัมพันธ์เชิงอำนาจ เป็นความสัมพันธ์ชายกับหญิง


 


"ซึ่งความสัมพันธ์เหล่านี้มันผนึกกันเสมือนหนึ่งหล่อหลอมรวมเอาทุกสถานะอำนาจที่เหนือกว่าอย่างมั่นคงและเข้มแข็ง คนๆ นี้เอาแนวคิด Post Modern (หลังสมัยใหม่) มาใช้อย่างแยบยล ทำให้ร่างกายตกอยู่ใต้บงการภายใต้การจัดการความสัมพันธ์เชิงอำนาจ"


 


ชี้เสียจรรยาบรรณนักมานุษยวิทยา เสนอให้บทเรียนแบบ "พระยันตระ"


ผมจะไม่ตั้งตัวเป็นผู้พิพากษาคนๆ นี้ แต่สิ่งที่ผู้เสียหายบอกเล่ามามีรายละเอียดหรือบริบทมากพอที่เราจะต้องชี้ว่าเป็นการละเมิดหรือผิดจรรยาบรรณ ทั้งนี้นักมานุษยวิทยาจะต้องไม่ทำให้คนที่เราทำการศึกษาต้องเจ็บปวด หรือได้รับความเดือนร้อน เช่น คุณไปศึกษาเรื่องของเขาแล้วเอามาลงในงานวิจัย แต่ต้องไม่นำมาสู่อันตรายต่อเขาในภายหลัง ไม่เช่นนั้นถือว่าผิดจรรยาบรรณของนักมานุษยวิทยา คือจรรยาบรรณของนักมานุษยวิทยานั้นเราต้องยืนอยู่ข้างคนที่เสียเปรียบ ต้องพูดแทนคนที่เสียเปรียบ ไม่ว่าเราจะรู้จักเขาหรือไม่ก็ตาม


 


แต่อาจารย์คนที่เราพูดถึง ทำตรงข้ามจรรยาบรรณของนักวิชาการและนักมานุษยวิทยา เขาทำตัวเสมือนหนึ่งว่าอยู่ข้างคนที่เสียเปรียบในสังคม แต่อีกด้านหนึ่งเขาก็ไปทำในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เท่ากับเป็นการหลอกลวง เขาทำให้ชนกลุ่มน้อย และนักศึกษาได้รับความเสียหายซ้ำสอง ดร.ชยันต์กล่าว


 


โดย ดร.ชยันต์ ได้หารือกับที่ประชุมว่าควรมีการ "Excommunication" (คว่ำบาตร) โดยเปรียบเทียบกรณีพระยันตระซึ่งถูกคณะสงฆ์ "บัพพาชนียกรรม"


 


เรื่องนี้เป็นอำนาจที่ใหญ่กว่า คมช. แถมมองไม่เห็นตัว


ในช่วงที่ผู้ร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นนั้น อาจารย์ฉลาดชาย รมิตานนท์ กรรมการศูนย์สตรีศึกษา มช. กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับข้อเสนอของอาจารย์ของอาจารย์ชยันต์ โดยตนเห็นว่าผู้ที่อยู่ในแวดวงเดียวกันควรแสดงออกซึ่งอะไรบางอย่างที่มีนัยยะว่าเราจะไม่ติดต่อ ไม่สนับสนุน และอาจถึงขั้นประณามเลยก็ได้


 


พร้อมกับกล่าวให้กำลังใจนักศึกษาสถาบันอุดมศึกษาดังกล่าวที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ว่า พวกเธอกำลังต่อสู้กับ Power Regime (ระบอบอำนาจ) ที่ใหญ่มาก ใหญ่กว่า คมช. ด้วยซ้ำไป เพราะ คมช. ยังมองเห็นตัว การต่อสู้ครั้งนี้น่าจะส่งผลระยะยาว นำไปสู่ภาวะความสัมพันธ์ทางเพศสภาวะและทางชาติพันธุ์ที่ดีกว่าที่เป็นมา


 


วิระดายันต้องใช้กระบวนการสังคมคู่ยุติธรรมแก้ปัญหา


รศ.วิระดา สมสวัสดิ์ กล่าวในตอนท้ายเสวนาว่า มาตรการทางสังคมที่จะปฏิบัติต่อบุคคลผู้นี้ก็ให้ดำเนินไป และควรขยายไปในหมู่เอ็นจีโอ และนักวิชาการกลุ่มอื่นด้วย นอกจากนี้ รศ.วิระดา ยังเสนอมาตรการ "Excommunication" ว่าอาจจะให้นักวิชาการด้านมานุษยวิทยาเขียนจดหมายไปถึงสถาบันที่รับเขาไปเรียนต่อ หรือให้อาจารย์ที่เคยเขียนหนังสือรับรองคนๆ นี้ไปเรียนต่อถอนหนังสือรับรอง กล่าวคือกระบวนการสังคมก็ทำไป กระบวนการยุติธรรมก็ทำไป มิเช่นนั้นเท่ากับปล่อยให้ผู้ร้ายลอยนวล


 


แต่อย่างไรก็ตามบุคคลผู้นี้ควรถูกดำเนินคดี และควรมีการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม ให้สังคมไทย Establishment (ประดิษฐาน) เรื่องนี้ให้มันใช้ได้จริง และเขาก็ควรมีโอกาสได้รับความยุติธรรมคือเขาต้องมาแสดงข้อมูลด้านของเขาในศาลด้วย รศ.วิระดากล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net