การเมือง

มท.สั่งลุยคนขัดคำสั่งคปค.

ผู้จัดการ--ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทย มอบหมายผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด ดูแลความเคลื่อนไหวของนักการเมือง พรรคการเมือง และกลุ่มการเมือง ไม่ให้ฝ่าฝืนคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15 และ 27 หลังจากที่มีพรรคการเมืองบางพรรค เคลื่อนไหวทางการเมืองในระดับพื้นที่อยู่ในขณะนี้

 

"ทุกจังหวัดจะต้องหารือในประเด็นข้อกฎหมาย ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัด และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัด หากมีการฝ่าฝืนคำสั่งคณะปฏิรูปฯ ทั้ง 2 ฉบับ ให้พร้อมดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยทันที" ม.ล.ปนัดดา กล่าว

         

 

คมช.ปัดส่ง "สพรั่ง" สกัด "แม้ว" จ้อที่เมืองผู้ดี

ผู้จัดการออนไลน์--ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการจะเดินทางไปบรรยายพิเศษเรื่อง "ประชาธิปไตยที่ทางแยก" ณ สถาบันไอไอเอสเอส กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ช่วงคืนวันที่ 2 มีนาคมนี้ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยากพูดก็ให้พูดไป เพราะเป็นตัวตนของท่าน แล้วสิ่งที่ท่านบอกผ่าน นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัว ว่า ท่านจะไม่พูดเรื่องที่เป็นผลลบกับประเทศชาติและเศรษฐกิจ รวมถึงประชาชนคนไทย ซึ่งหาก พ.ต.ท.ทักษิณ บรรยายพาดพิงถึง คมช.คงไม่มีผลกระทบภายในประเทศ แต่ต่างประเทศคงต้องให้กระทรวงการต่างประเทศที่รับผิดชอบเป็นผู้ชี้แจงที่ถูกต้องให้กับประเทศต่างๆ

 

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า การที่ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ.และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช.เดินทางไปประเทศอังกฤษนั้น ไม่ได้ติดตาม หรือสกัดการดำเนินการกิจกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ พล.อ.สพรั่ง ไปปฏิบัติภารกิจในฐานะประธานบอร์ด ทอท.ในการไปดูกิจการรักษาความปลอดภัยสนามบินที่เยอรมนีและอังกฤษ ซึ่งได้แจ้งอย่างเป็นทางการกับ พล.อ.สนธิ ตามขั้นตอนแล้ว ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ของ พล.อ.สพรั่ง ทาง พล.อ.สนธิ รับรู้ทุกอย่าง

         

โฆษก คมช.ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่ คมช.ต้องการให้ปรับคณะรัฐมนตรีหลายตำแหน่ง ว่า คมช.ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปรับ ครม.ทั้งสิ้น เพราะเราไม่ได้ต้องการอะไร เราต้องการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เพื่อต้องการให้กระบวนการทางศาล นิติบัญญัติ มีความก้าวหน้า รวมถึงการทำงานของ ป.ป.ช. คตส.เดินหน้าไปจนถึงวันเลือกตั้ง และเราไม่ได้กดดันให้ประชาชนลงประชามติ เพื่อให้รัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ต่อให้ประชามติจะผ่านหรือไม่ผ่าน คมช.ก็มีหนทางที่จะส่งคืนอำนาจอธิปไตยให้กับประชาชน ซึ่ง ผบ.ทบ.ตอกย้ำเสมอว่าจะไม่ถอยหลังเข้าคลอง และยังยืนยันว่า จะจัดการเลือกตั้งในปลายปีนี้ สำหรับพรรคการเมืองสามารถแสดงความคิดเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญได้ แม้จะมีประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 ก็ตาม

         

 

"อนุฯกิจการศาสนา สนช." หนุนระบุศาสนาประจำชาติ ในร่าง รธน.ใหม่

ผู้จัดการ-- นายนิพนธ์ นาคสมภพ โฆษกคณะอนุกรรมาธิการพิจารณา ติดตาม ตรวจสอบ และส่งเสริมกิจการศาสนา ในคณะกรรมาธิการการศาสนา จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯ ที่ห้อง 311 อาคารรัฐสภา 2 เมื่อเร็วๆ นี้ พล.ร.อ.สุรินทร์ เริงอารมณ์ ประธานคณะนุกรรมาธิการฯ และคณะอนุกรรมาธิการฯ ได้สรุปผลการประชุมเพื่อเสนอคณะอนุกรรมาธิการกฎหมายเกี่ยวกับพุทธศาสนา เพื่อให้มีการพิจารณาประเด็นที่จะบรรจุในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ดังต่อไปนี้

          1.รับรองสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา และลัทธิความเชื่อของประชาชน

          2.รับรองพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

          3.รับรองยืนยันว่าพระมหากษัตริย์เป็นพุทธมามกะ และทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก

          4.รัฐจะต้องให้การสนับสนุนกิจการศาสนาทุกศาสนา

       

สำหรับประเด็นการรับรองพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ และยืนยันว่า พระมหากษัตริย์เป็นพุทธมามกะ นั้น ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และได้ข้อสรุปว่า รัฐธรรมนูญก่อนปี 2540 ได้มีบทบัญญัติไว้ทุกฉบับ โดยที่ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหากับศาสนาอื่นๆ แต่อย่างใด และพบว่า หลังจากปี 2540 ที่มีการตัดบทบัญญัติดังกล่าวออกไป กลับทำให้พระภิกษุรู้สึกว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาชั้น 2 ขณะเดียวกัน การตัดประเด็นดังกล่าวออก ก็ไม่ได้ช่วยให้ปัญหาความขัดแย้งในภาคใต้เบาบางลงแต่อย่างใด ดังนั้นจึงเห็นควรให้มีบรรจุประเด็นดังกล่าวไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย

 

 

รักษาการผบช.น.สั่งตำรวจลงพื้นที่หาข่าว PTV เตรียมชุมนุมท้องสนามหลวง

ไอ.เอ็น.เอ็น. --รักษาการ ผบช.น.สั่งตำรวจลงพื้นที่หาข่าว PTV เตรียมชุมนุมท้องสนามหลวงพล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ รักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รก.ผบช.น.) กล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่มพีทีวีจะรวมตัวกันที่บริเวณสนามหลวงเพื่อเปิดไฮปาร์ก หลังจากที่ไม่สามารถออกอากาศได้ ว่าตนได้สั่งให้ตำรวจท้องที่รับผิดชอบ ทั้งกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 และ 6 ลงพื้นที่หาข่าวถึงท่าทีและความเป็นไปได้ หากมีการชุมนุมจริงก็ต้องชุมนุมด้วยความสงบ รวมทั้งผู้ชุมนุมต้องขออนุญาตการใช้พื้นที่จากกรุงเทพมหานคร และขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงจาก สน.ชนะสงคราม ตามระเบียบก่อนอย่างไรก็ตาม ได้กำชับห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรง ยกเว้นผู้ชุมนุมจะฝ่าฝืนกฎหมายตำรวจก็ต้องทำตามกฎหมายเช่นกัน

 

 

พล.อ.สนธิ ให้สัมภาษณ์TIME/มั่นใจเอาผิด'แม้ว'คดีคอร์รัปชั่น

ผู้จัดการ--ไทม์นิตยสารชื่อดังตีพิมพ์บทสัมภาษณ์พิเศษ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ระบุมั่นใจคตส.สามารถเอาผิดกับทักษิณ ในคดีคอร์รัปชั่น ย้ำไม่เชื่อลมปาก'แม้ว'ที่บอกว่าจะวางมือทางการเมือง

         

พล.อ.สนธิ ได้เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวของนิตยสารไทม์ ฮันนาห์ บีชและ โรเบิร์ต ฮอร์น สัมภาษณ์ เมื่อวันอังคาร(27 ก.พ.) โดยไทม์ ระบุว่าประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติใส่ชุดสูทสีดำ เนคไทสีเหลือง ไม่มีภาพลักษณ์ของทหารแต่อย่างใด

         

ในการท่อนหนึ่งสัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวถามถึงความกังวลถึงผลการสำรวจคะแนนนิยมของ พล.อ.สนธิ และ นายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

 

พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "เราคนไทย ชอบใครง่ายและเบื่อหน่ายรวดเร็วเช่นกัน คุณต้องพิสูจน์ม้าที่ระยะทาง คุณต้องตัดสินคนด้วยเวลา เวลาจะเป็นเครื่องตัดสินการกระทำของคุณ"

         

ผู้สื่อข่าวของไทม์ได้สอบถามถึงมาตรการทางเศรษฐกิจของไทย ที่สร้างความตื่นตะหนกให้กับนักลงทุนรวมทั้งการเสนอให้มีแก้ไขการครอบครองของธุรกิจของชาวต่างชาติ ซึ่งทั้งสองส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

         

ประธานคมช.กล่าวว่านักลงทุนจะกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพและความปลอดภัยก่อนการลงทุน ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและคมช.ที่จะสร้างความมั่นใจให้กับพวกเขา และตั้งแต่หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน รัฐบาลไทยได้ชี้แจงอย่างชัดเจนต่อนักลงทุนต่างชาติว่าการทำสัญญาใดๆจะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย เราต้องการให้เป็นการทำธุรกิจแบบปกติ

         

เกี่ยวกับคดีความของ ทักษิณ ชินวัตร ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าทำไมถึงใช้เวลานานในการดำเนินการฟ้องร้องในคดีคอร์รัปชั่น พล.อ.สนธิ ระบุว่า "เหตุผลที่เราต้องใช้เวลานานคือคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นองค์กรเล็กๆ เหตุผลที่เล็กเพราะเจตนาให้องค์กรนี้ไม่มีคนทำงานมาก เนื่องจากต้องการความมั่นใจว่าข้อมูลข่าวสารจะถูกจำกัดในกลุ่มเล็กๆ รัฐบาลชุดก่อนและนายกรัฐมนตรีคนก่อน มีคนมากมายที่ฝังตัวในหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ดังนั้นจึงต้องมีการระมัดระวังไว้ก่อนด้วยใช้กลุ่มคนที่ไม่มากนัก"

         

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความมั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดกับ ทักษิณ ทาง พล.อ.สนธิ กล่าวสั้นๆว่า "ใช่ แน่นอนที่สุด"

 

จากการที่ ทักษิณ เคยบอกว่าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก ผู้สื่อข่าวนิตยสารไทม์ ได้ถาม พล.อ.สนธิ ว่าเชื่อในคำพูดของอดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ประธานคมช. กล่าวว่า "มีวิธีเข้าสู่การเมืองได้หลายทาง คุณสามารถอยู่เบื้องหลังควบคุมการเมือง สิ่งสำคัญที่สุดของการเมืองคือเงิน ถ้าคุณมีเงิน คุณสามารถหาคนที่ทำบางอย่างเพื่อคุณ ผมเชื่อเช่นนั้นแม้ว่าเขาจะบอกว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก เขายังสามารถควบคุมพรรคการเมืองได้อยู่ ใครเป็นคนอยู่ข้างหน้า ผมไม่สามารถบอกได้"

         

 

"สดศรี"เสนอผุดศาลเลือกตั้ง แต่ให้ กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งตามเดิม

แนวหน้า-- นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง และ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าววา ตนได้เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จัดตั้ง 3 องค์กรอิสระ คือ ศาลเลือกตั้ง โดยศาลเลือกตั้งจะทำหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือให้มีอำนาจหน้าที่ในการให้ใบแดง-ใบเหลือง ซึ่งประกอบด้วย ศาลเลือกตั้งสูงสุดและศาลเลือกตั้งภาค

         

นางสดศรี กล่าวต่อว่า ส่วนคณะกรรมการการเลือกตั้ง จำนวน 5 คน มีอำนาจหน้าที่ควบคุมและดำเนินการจัดหรือจัดให้มีการเลือกตั้งและประกาศผลการเลือกตั้ง รวมทั้งการออกเสียงประชามติตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และแต่งตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด 76 จังหวัด ทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยมีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ดำเนินการด้านงานบริหารทั่วไปและงานธุรการของคณะกรรมการการเลือกตั้งและคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด

         

นอกจากนี้ นางสดศรียังได้เสนอจัดตั้งคณะกรรมการอัยการสูงสุดและศาลคดีการเมือง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่นได้โดยตรง โดยผู้เสียหายสามารถยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการอัยการสูงสุดและเมื่อคณะกรรมการอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่าคำร้องนั้นมีมูลพอฟ้องคดีได้ก็ให้ยื่นฟ้องต่อศาลคดีการเมือง ทั้งนี้ เพื่อลดขั้นตอนและกระบวนการในการยื่นฟ้องคดี และทำให้คดีที่ขึ้นสู่ศาลคดีการเมืองสามารถพิจารณาได้รวดเร็วขึ้น

 

 

ปชช.เชื่อ "หม่อมอุ๋ย"ลาออก ไม่กระทบความเชื่อมั่นรัฐบาล อยากเห็น"สมคิด-หม่อมเต่า"นั่ง รมว.คลัง

แนวหน้า --สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นนักธุรกิจ/นายธนาคาร และประชาชนทั่วไปในเขต กทม.และปริมณฑล จำนวน 1,195 คน เรื่อง "คิดอย่างไรต่อกรณีการลาออกของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล" สำรวจระหว่างวันที่ 1-2 มีนาคม 2550 พบว่า ในภาพรวมกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 50.72 เห็นว่ามีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล โดยให้เหตุผลว่า ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยต้องชะงัก ความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลลดลง ภาพลักษณ์ของรัฐบาลขาดความน่าเชื่อถือ ขณะที่ร้อยละ 37.15 เห็นว่าไม่มีผลกระทบ โดยให้เหตุผลว่า เชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรีว่าจะสามารถหาผู้แทนมาดำรงตำแหน่งนี้ได้ ทุกวันนี้ก็ไม่เชื่อมั่นอยู่แล้ว และร้อยละ 12.13 ไม่แน่ใจ โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลอยู่แล้ว ไม่มีความเด็ดขาดพอ ยังไม่รู้สาเหตุที่แน่นอนว่าเกิดจากอะไร

         

เมื่อสอบถามถึงการลาออกของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร มีผลดี-ผลเสียต่อรัฐบาลมากกว่ากัน พบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 58.89 เห็นว่ามีผลเสียมากกว่าผลดี โดยให้เหตุผลว่า ขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาลชุดนี้ เสียเวลาที่จะต้องมาหาบุคคลที่จะมาสานต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจ ขณะที่ ร้อยละ 28.03 เห็นว่าไม่มีผล โดยให้เหตุผลว่า รัฐบาลน่าจะหาบุคคลที่มีคุณสมบัติดีพร้อมมาดำรงตำแหน่งได้ เศรษฐกิจของประเทศมีฐานดีอยู่แล้ว และร้อยละ 13.09 เห็นว่ามีผลดีมากกว่าผลเสีย โดยให้เหตุผลว่า ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งคนใหม่อาจจะบริหารงานดีกว่า ลดความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

         

สำหรับบุคคลที่ประชาชนอยากให้มาทำหน้าที่แทน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร พบว่า กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 33.99 ต้องการนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ขณะที่ร้อยละ 19.62 ต้องการ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ร้อยละ 16.15 ต้องการนายวีรพงษ์ รามางกูร นอกจากนี้ ยังมีนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ นายบัณฑูร ล่ำซำ ใครก็ได้ที่มีความรู้ความสามารถ นายสมหมาย ภาษี นายเอกกมล คีรีวัฒน์ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ตามลำดับ

 

 

คุณภาพชีวิต

"พลังงาน"ยันเอาแน่ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์

แนวหน้า-- นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)เมื่อวันที่2มีนาคม ได้มีการหารือถึงการมีโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทย โดยที่ประชุมมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ ความเหมาะสม และเตรียมการ โดยเฉพาะในด้านกฎหมายและกฎระเบียบ หากประเทศไทยต้องมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในอีก 13 ปีข้างหน้า หรือในปี 2563  ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดดังกล่าวมีดร.กอปร กฤตยากีรณ ที่ปรึกษาอาวุโสสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ในสมัยรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน ซึ่งดร.กอปร เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีความรู้ในเรื่องนี้เป็นอย่างดีและเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับ พร้อมทั้งมีกรรมการอื่นๆที่มาจากผู้แทนของส่วนราชการต่างๆ 

 

นายปิยสวัสดิ์ ระบุว่า ที่ผ่านมากระทรวงพลังงาน และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้หารือร่วมกันถึงกรณีที่ไทยจะมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในอีก 13 ปีข้างหน้า ซึ่งมีความจำเป็นต้องมีการศึกษา โดยคาดว่าการศึกษาจะใช้เวลาประมาณ 7 ปี ก่อนจะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาตัดสินใจว่าไทยควรจะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรือไม่ ขณะที่การก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะใช้เวลาประมาณ 7 ปี  "เรื่องพลังงานนิวเคลียร์ผมมองแล้วว่า น่าจะมีความจำเป็นที่ต้องเปิดเป็นทางเลือก แต่ถ้าเราไม่เริ่มศึกษาวันนี้ อีก 13 ปีไทยก็จะยังไม่สามารถมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ เพราะการศึกษาต้องใช้เวลาเตรียมการ 7 ปี ซึ่งถ้าศึกษาวันนี้ อีก 13 ปีไทยจะมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้"

 

นายปิยสวัสดิ์กล่าว  สำหรับเชื้อเพลิงที่ผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยส่วนใหญ่มาจากก๊าซธรรมชาติ และในวันหนึ่งก๊าซธรรมชาติก็จะหมดไป รวมถึงพลังงานน้ำมัน ขณะที่การผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงถ่านหินนั้น แม้ถ่านหินในโลกนีเจะมีปริมาณมาก แต่ถ่านหินเมื่อใช้ไปแล้วก็มีวันหมด และถ่านหินยังเป็นเชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดมลภาวะมากกว่าก๊าซ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้าน เพราะการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 

 

นอกจากนี้ที่ประชุมกพช. มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.... โดยนำความเห็นบุคคลต่างๆ เช่นสหภาพการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ (สร.กฟผ.) องค์กรเอกชน ฯลฯมาปรับปรุงร่างพ.ร.บ.ในบางประเด็น เช่น อำนาจในการกำหนดการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า  ส่วนข้อกังวลใจของสร.กฟผ. ในประเด็นต่างๆนั้น ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อกฎหมายได้มีการแก้ไขแล้ว โดยยืนยันว่าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ พ.ร.บ.การไฟฟ้านครหลวง และพ.ร.บ.การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องการลดอำนาจส่วนราชการในกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหรรม และรมว.พลังงาน ในกิจการไฟฟ้า เช่น การขอใบอนุญาต เป็นต้น 

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมกพช.ยังเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ...ที่แก้ไขเพิ่มเติมตามมติกพช.ในการประชุมครั้งที่แล้ว โดยหลังจากนี้จะมีการเสนอ ร่างพ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.... และ ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ...ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาต่อไป

 

 

พลังงานคลอดเกณฑ์ปล่อยมลพิษมาบตาพุด

กรุงเทพธุรกิจ--ดร.พรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษ และกำหนดการพัฒนาในพื้นที่มาบตาพุด วานนี้ ( 2 มี.ค.) ว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯได้วางแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษในพื้นที่ระยอง (2550 -2554) โดยมีแผนลดการปล่อยมลภาวะทุกประเภท ประกอบด้วย 1.ไนโตรเจนออกไซด์ และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ในสัดส่วน 10 -20 % จากฐานการปล่อยสูงสุดของปี 2549 ซึ่งต้องดำเนินการภายในปี 2551 2.ควบคุมสารอินทรีย์ระเหย หรือ VOC ไม่ให้มีการรั่วไหล ภายในปี 2551

         

3. ลดการปล่อยน้ำทิ้งของโรงงานอุตสาหกรรม เหลือ 7 แสนลบ.ม.ต่อปี ภายในปี 2551 และลดเป็น 1.3 ล้านลบ.ม.ต่อปี ภายในปี 2554 จากปัจจุบันที่มีการปล่อยน้ำทิ้งวันละ 1 แสนลบ.ม.ต่อวัน

         

ทั้งนี้แผนปฏิบัติการดังกล่าวจะเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อพิจารณาต่อไป ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมใหม่จะสามารถเข้าไปตั้งได้หรือไม่ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมจะเป็นผู้พิจารณา เนื่องจากคณะอนุกรรมการฯชุดนี้มีหน้าที่หาแนวทางลดมลภาวะเท่านั้น

         

อย่างไรก็ตามแนวทางการลดการปล่อยมลภาวะดังกล่าวเป็นแผนระยะสั้น ซึ่งไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากนัก เพียงแต่ผู้ประกอบการเปลี่ยนประเภทเชื้อเพลิง หรือวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตเท่านั้น เช่น กรณีโรงกลั่นก็เปลี่ยนประเภทของน้ำมันดิบที่ใช้มาเป็นน้ำมันดิบที่มีซัลเฟอร์ไดออกไซด์ต่ำ ส่วนแผนระยะยาวนั้นจะต้องรอให้โมเดลใหม่ที่จะนำมาใช้วัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงแล้วเสร็จก่อน เพื่อนำไปสู่การวางแผนระยะยาวต่อไป

         

นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้อนุมัติให้มีการควบคุมกากของเสียที่เกิดจากภาคอุตสาหกรรม 100% โดยให้ควบคุมตั้งแต่ออกจากโรงงาน การขนส่ง จนถึงการกำจัด ไม่ให้เกิดการหลุดรอดออกไปนอกระบบ รวมถึงจะมีการต่อท่อน้ำทิ้งจากบ้านเรือนประชาชนให้ครบทุกหลังคาเรือน จากปัจจุบันที่มีท่อต่อเชื่อมเพียง 10 % เท่านั้น

         

นอกจากนี้จะดูแลปัญหาการกัดเซาะ และการบุกรุกป่าชายเลน รวมถึงดูแลให้มีน้ำประปาครบทุกหมู่บ้าน ส่วนภาคสังคมนั้น จะให้ผู้ประกอบการเข้าไปพัฒนาพื้นที่ให้มากขึ้น เช่น การจัดกิจกรรมทางด้านการศึกษา ต่างๆ

 

นายสุพัฒน์ กล่าวว่าวันที่ 7 มีนาคมนี้ จะหารือกับผู้ประกอบการทั้งหมด เพื่อทำความเข้าใจ และรับทราบแผนการลดการปล่อยมลภาวะของคณะอนุกรรมการฯ จากนั้นจะมีคณะทำงานขึ้นมาดูแลในพื้นที่ออกตรวจสอบเป็นระยะทุกๆ เดือน และภายในเดือนมีนาคม 2551 เพื่อให้การลดมลภาวะจะต้องเป็นไปตามแผนปฏิบัติการที่มีการกำหนดไว้

         

โดยวันที่ 8 มีนาคมนี้นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางลงพื้นที่โรงงานต่างๆในมาบตาพุด ซึ่งแต่ละโรงงานจะต้องนำเสนอแผนการลดมลภาวะให้รับทราบ

 

 

"ก.ม.ควบคุมเหล้า"ผ่านกฤษฎีกา เครือข่ายฯล่า6ล้านชื่อผลักดัน

กรุงเทพธุรกิจ--เครือข่ายรณรงค์ป้องกันแอลกอฮอล์ 264 องค์กร นำโดยเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ชมรมแพทย์ชนบท สมาพันธ์ชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพไทย สมาคมหมออนามัย เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ สภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย แถลงถึงการ "วิ่งต้านเหล้า ทำความดีปีมหามงคล" เพื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่ม

 

ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผอ.สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เสนอโดยรัฐบาล มีสาระสำคัญเพื่อให้มีกลไกระดับชาติและระดับจังหวัดดูแลนโยบาย การจำกัดสถานที่จำหน่าย ที่ดื่ม เวลาขาย และอายุผู้ซื้อให้ไม่ต่ำกว่า 20 ปี การห้ามโฆษณาในทุกสื่อ และการจัดบริการบำบัดรักษาผู้ติดเหล้า ได้ผ่านการพิจารณาของ ครม. แล้ว และยังมี ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกฉบับ ที่เสนอโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีเนื้อหาที่สอดคล้องกัน คาดว่าร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ จะเสนอเข้าสู่ สนช.ในราวกลางเดือนมีนาคมนี้ เพื่อพิจารณาออกเป็นกฎหมายต่อไป

 

"ขณะนี้ มีความพยายามของผู้เสียประโยชน์ ที่มีกำลังเงินและอิทธิพลมหาศาล ที่จะวิ่งเต้นเพื่อล้ม หรือแก้ไขร่าง พ.ร.บ.นี้ให้ด้อยประสิทธิภาพลง โดยเฉพาะมาตราที่ห้ามการโฆษณา จึงขอให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวัง ดังนั้น ขอให้รัฐบาลและ สนช.ถือผลประโยชน์ของประชาชนมากกว่ากลุ่มธุรกิจไม่กี่ตระกูล ประเทศไทยถูกน้ำเมา บ่อนทำลายมากแล้ว ทั้งด้านเศรษฐกิจ สุขภาพ สังคม วัฒนธรรม ไม่อาจประมาณค่าได้" ผอ.สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวและว่า กฎหมายนี้ไม่ได้ไปห้ามการดื่มแต่อย่างใด เพียงแต่ควบคุมดูแลปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ไม่ให้เกิดผลกระทบจากการดื่มน้ำเมาอย่างวิกฤติรุนแรง

 

น.พ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า มั่นใจว่า ประชาชนไทยจะให้การสนับสนุน พ.ร.บ.ฉบับนี้ ซึ่งเครือข่ายภาคประชาชนด้านศาสนา เยาวชน ชุมชน สุขภาพกว่า 200 องค์กร จึงขอใช้โอกาสก่อนวันมาฆบูชา ชวนทุกคนร่วมทำความดี ในโครงการ วิ่งต้านเหล้า ทำความดีปีมหามงคล จาก 4 ภาคทั่วประเทศ โดยเริ่มวิ่งในวันที่ 8 มีนาคม จนเข้าสู่ท้องสนามหลวงในวันที่ 18 มีนาคมนี้ เพื่อรวบรวมรายชื่อผู้สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มอบให้กับนายกรัฐมนตรี และประธาน สนช. โดยเชื่อมั่นว่า จะมีผู้ร่วมลงนามไม่น้อยกว่า 6 ล้านรายชื่อ

 

"ที่ผ่านมา ในปี 2530 ชมรมแพทย์ชนบทเคยจัดการวิ่งรวบรวมรายชื่อคนไทย 6 ล้านรายชื่อ เพื่อส่งมอบเจตนารมณ์ให้มีกฎหมายคุ้มครองสิทธิผู้ไม่สูบบุหรี่ต่อสภาผู้แทนราษฎรมากแล้ว และในปีมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา จึงขอให้คนไทยทำความดี ร่วมลงชื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นี้ โดยร่วมลงนามได้ที่โรงพยาบาลอำเภอ โรงพยาบาลจังหวัดทุกแห่ง และสถานีอนามัยทั่วประเทศ หรือทางเวบไซต์ www.stopdrink.com"

 

นายณรงค์ เทียมเมฆ ผู้แทนสมาพันธ์ชมรมนักวิ่งแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การวิ่งครั้งนี้เป็นการรวมตัวของเครือข่ายนักวิ่งเพื่อสุขภาพจากทั่วประเทศ ที่ตระหนักถึงภัยต่อสุขภาพและสังคมของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

 

จากรายงานในแต่ละปี จะมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร 13,000 ราย พิการราว 40,000 ราย โดยในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งมีการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนขับขี่ รวมทั้งยังเป็นต้นเหตุปัญหาความรุนแรงในสังคม ทางชมรมจึงไม่อาจนิ่งเฉยได้ และขอร่วมเป็นพลังรักสุขภาพ จัดวิ่ง 4 ภาค ผ่าน 35 จังหวัด โดยขบวนวิ่งแต่ละภาค จะมีผู้ได้รับผลกระทบจากเหล้ามาร่วมรณรงค์ เชิญชวนให้คนร่วมสนับสนุน

 

ด้าน น.พ.สมาน ฟูตระกูล หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมการบริโภคยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดเผยถึง ความคืบหน้าร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ล่าสุด ว่า ขณะนี้ ร่าง พ.ร.บ.ซึ่งจัดทำโดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ผ่านการพิจารณาของทางคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีการแก้ไขเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างเช่น ถ้อยคำ นิยาม เป็นต้น ไม่มีการปรับเปลี่ยนประเด็นซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ. แต่อย่างใด โดยเฉพาะการควบคุมการโฆษณาที่หลายฝ่ายต่างกังวลก่อนหน้านี้ ซึ่งในวันอังคารที่ 10 มีนาคมนี้ ทางกฤษฎีกาจะส่งร่าง พ.ร.บ.เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ก่อนนำเสนอเข้าสู่ สนช. ในวันที่ 14 มีนาคม เพื่อพิจารณาต่อไป

         

"ถึง ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะผ่านการพิจารณาของทางกฤษฎีกาแล้ว แต่ในขั้นการพิจารณาของ สนช. ถือว่าหืดขึ้นคอเหมือนกัน โดยในฐานะคนทำกฎหมายย่อมมั่นใจในเนื้อหากฎหมาย แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่การพิจารณาของทางสมาชิก สนช." น.พ.สมานกล่าว

 

 

กทช.โยนก.ล.ต.-พาณิชย์ยันขายดาวเทียมไม่ผิด

ผู้จัดการ-- กทช.อ้างไม่มีอำนาจที่จะดำเนินการเรื่องสัมปทานดาวเทียม จนกว่าจะมีสัมปทานรายใหม่ ระบุสอบถามไปยัง กลต.และก.พาณิชย์ ต่างยืนยันว่าการขายชินคอร์ปพ่วงสัมปทานดาวเทียมให้เทมาเส็กไม่ผิดกฎหมาย ขณะที่ อ.ศิลปากร ระบุ กทช.อยู่ใต้อำนาจรัฐบาลชุดที่แล้วจึงเอามือปิดตาไม่ดำเนินการทั้งที่ผิด ด้าน "รสนา" แนะตั้งทีมกฎหมายภาคประชาชนดำเนินการยกเลิกสัมปทาน ด้าน พีทีวี โวยไม่เลิกหลังไม่ได้แพร่ภาพ

 

 

สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท อสมท จำกัด(มหาชน)  ออกแถลงการณ์ให้คณะกรรมการบริหาร อสมท.คิดให้รอบคอบก่อนจ่ายเงินทดรอง 400 ล้าน เพื่อบริหาร T-ITV

กรมประชาสัมพันธ์ --สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท อสมท จำกัด(มหาชน) ออกแถลงการณ์เตรียมยื่นต่อคณะกรรมการบริหาร อสมท. โดยขอให้คำนึงถึงความเสี่ยงและความเหมาะสมของการออกเงินทดรองจ่าย 400 ล้านบาท เพื่อบริหารงานสถานีโทรทัศน์ T-ITV หรือสถานีโทรทัศน์ ITV เดิม ซึ่งคณะกรรมการบริหารต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อผลที่จะเกิดขึ้นทุกด้านโดยแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายว่าจ้างอสมทเข้าบริหารสถานีโทรทัศน์ไอทีวี (ITV) ตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.50 โดยให้ค่าว่าจ้าง อสมท.ร้อยละ10 ของผลกำไร แต่ อสมท.ต้องทดรองค่าใช้จ่ายเดือนละ 100 ล้านบาท เป็นเวลา 4 เดือน ดังนั้น สหภาพฯ มีจุดยืนว่าไม่ขัดข้องต่อแนวนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือพนักงานไอทีวี ในฐานะเพื่อนร่วมวิชาชีพสื่อสารมวลชนและการว่าจ้าง อสมท. ไปบริหารสถานีโทรทัศน์ไอทีวี โดยพร้อมสนับสนุนไอทีวีให้เป็นสื่อเสรีเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณชนแทนการเป็นสถานีโทรทัศน์ของรัฐอีกช่องหนึ่ง

 

อย่างไรก็ตาม  ในฐานะตัวแทนของพนักงานอสมท.เรียกร้องให้ คณะกรรมการบริหารพิจารณาอย่างรอบคอบในประเด็นดังต่อไปนี้ คือ สถานะทางการเงินของ อสมท. และหลักประกันของเงินยืมทดรองจ่ายเกี่ยวกับเรื่องของกรอบเวลาที่ชัดเจนในการส่งคืน และผลตอบแทนที่ควรได้รับนอกเหนือจากค่าจ้างวาน

 

 

รมว.แรงงาน สั่งกำชับนายจ้างไอทีวีจ่ายค่าชดเชยพนักงานไอทีวีกว่า 1 พันคน จำนวนไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาทภายในวันที่ 9 มีนาคมนี้

กรมประชาสัมพันธ์ --นายอภัย จันทนะจุลกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือพนักงานไอทีวี ว่า ขณะนี้กระทรวงได้สั่งการให้ผู้อำนวยการกลุ่มงานคุ้มครองแรงงานและสวัสดิการสังคมเขตพื้นที่ 2 เชิญนายจ้างมาพูดคุยรายละเอียดบัญชีพนักงาน พร้อมกำชับให้ปฎิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เพราะถือเป็นนโยบายของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีที่ไม่อยากให้พนักงานที่ถูกเลิกจ้างได้รับความเดือดร้อนหลังจากรัฐบาลยึดสัมปทาน ทั้งนี้ หลังวันที่ 6 มีนาคมนี้สถานการณ์การเลิกจ้างจะชัดเจนตามกฎหมาย โดยจะมีพนักงานจำนวน 1,070 คนที่จะถูกเลิกจ้าง และต้องได้รับค่าชดเชยจำนวนไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงได้กำชับให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้เสร็จวันที่ 9 มีนาคมนี้

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวด้วยว่า ส่วนนายจ้างรายใหม่รัฐบาลได้มอบหมายให้บริษัทอสมท.จำกัดเข้าไปดำเนินการ และหากมีรัฐบาลเข้าไปถือหุ้นไอทีวีเป็นส่วนใหญ่สภาพการจ้างจะเปลี่ยนเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่ถ้าเป็นการจ้างงานภายใต้เงื่อนไขรูปแบบเอกชนสามารถใช้พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน 2541 เข้าไปคุ้มครองดูแลได้

 

นศ.เสนอปรับครม.'เอนก'เป็นรมว.ศธ.แทน'วิจิตร'

กรุงเทพธุรกิจ --นายภาคิไนย์ ชมสินทรัพย์มั่น นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.บูรพาในฐานรองประธานเครือข่ายสหพันธ์นิสิต นักศึกษาและประชาชนเปิดเผยว่า วันนี้(2มี.ค.)เวลา 10.00 น. ตนพร้อมด้วยนายมาโนช ชูทุ่งยอ ประธานที่ปรึกษาสหพันธ์นักศึกษาแห่งชาติและสมาชิกรวม 6 คนได้เดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือถึงพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีเพื่อเสนอให้ปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรีรับหนังสือไว้

         

นายภาคิไนย์ กล่าวอีกว่า เครือข่ายฯเสนอให้นายกฯปรับครม.ในตำแหน่งรมว.ศธ. เนื่องจากเห็นว่าศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการผลักดันการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ซึ่งสวนกระแสสังคมที่มีอาจารย์ นิสิต นักศึกษาและประชาชนออกมาคัดค้าน และในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องม.นอกระบบ เมื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ศ.ดร.วิจิตรมักปัดความรับผิดชอบไปให้หน่วยงานอื่น

         

"เครือข่ายฯเสนอต่อนายกฯปรับครม.ให้นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ มาเป็นรมว.ศึกษาธิการแทนศ.ดร.วิจิตร เพราะไม่ต้องการรมว.ศธ.คนนี้แล้ว และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองเพราะผมไม่รู้จักกับนายเอนก แต่ที่เครือข่ายฯเสนอเพราะเห็นว่าเป็นคนที่มีผลงานทั้งด้านการเมือง สังคมและการศึกษา เป็นที่เชื่อถือของสังคม แต่มีเงื่อนไขขอให้กำหนดนโยบายและการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาโดยยึดเอาปัญหาสังคมเป็นที่ตั้ง ไม่ยึดเอาเศรษฐกิจแบบทุนนิยมมาเป็นตัวตั้ง ถ้ายกเลิกนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบได้ ก็เป็นสิ่งที่ดีมากเพราะเป็นความปรารถนาสูงสุดของเครือข่ายฯ" นายภาคิไนย์ กล่าว

         

นายภาคิไนย์ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 6 มี.ค.นี้ นายประพาส โคกสูงเนิน ประธานเครือข่ายฯจะเสนอรายชื่ออาจารย์ นิสิต นักศึกษาประมาณ 8 คน เพื่อขอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)พิจารณาตั้งเป็นอนุกรรมาธิการร่วมพิจารณาร่างพ.ร.บ.ม.ออกนอกระบบของมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยมีอำนาจในการพิจารณาและมีสิทธิโหวตให้ร่างพ.ร.บ.ผ่านหรือไม่ผ่านการพิจารณาได้

 

 

ความมั่นคง

 

ไฟไหม้ร.ร.ที่เชียงใหม่วอดเสียหายเกือบ 2 แสน/เร่งสอบหวั่นฝีมือคลื่นใต้น้ำ

ผู้จัดการออนไลน์-- เมื่อช่วงเย็น วันนี้ (2 มีนาคม 2550) พ.ต.ต.สุทธิพร จงวัฒนา สารวัตร เวร สภ.อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนชุมชนบ้านท่าข้าม หมู่ที่ 2 ต.หางดง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ หลังจากได้รับแจ้งเหตุจึงได้รายงานให้ ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นได้รีบรุดไปสอบสวนยังสถานที่เกิดเหตุ

         

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า อาคารเอนกประสงค์ที่ใช้เป็น ห้องประชุม กำลังถูกเพลิงไหม้ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังระดมฉีดน้ำ สกัดเพลิง โดยมีกลุ่มนักเรียน ครูอาจารย์ และกลุ่มชาวบ้านออกมามุงดูเหตุการณ์จำนวนมาก ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

         

จากการสอบสวนเบื้องต้นอาคารที่ถูกเพลิงไหม้ เป็นห้องที่ใช้ในการเก็บอุปกรณ์เครื่องเล่นดนตรี ของโรงเรียน ในช่วงที่ เกิดเหตุนักเรียนกำลังเรียนหนังสือ ต่อมมาได้ยินเสียงคล้ายระเบิดขึ้น และมีเพลิงไหม้ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิง มาช่วยสกัดเพลิงดังกล่าว เบื้องต้นค่าเสียหายประมาณ 180,000 บาท

         

สำหรับสาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นน่าในเบื้องต้นทางเจ้า หน้าที่สันนิษฐานไว้ 3 ประเด็นคือ ประเด็นแรกอาจจะมาจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร ประเด็นที่สองเป็นการวางเพลิงเนื่องจากการขัดแย้งภายใน ส่วนประเด็นสุดท้ายเป็นปัญหาคลื่นใต้น้ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่วิทยากาเชียงใหม่ ได้เดินทางมาตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้แล้ว

 

 

ตั้ง "พล.ต.สำเร็จ ศรีหร่าย" นั่ง ผบ.พตท. โฆษก คมช. เผย "สนธิ" กังวลถูกมองไม่สนใจปัญหาใต้

แนวหน้า-- รายงานข่าวจากกองทัพบก แจ้งว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.รมน.) ลงนามในคำสั่ง กอ.รมน. เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่งตั้ง พล.ต.สำเร็จ ศรีหร่าย ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาและพิทักษ์ทรัพยากร ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการกองกำลังผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) ตามโครงสร้างใหม่ จากเดิมที่ พล.ต.กสิกร คีรีศรี รองแม่ทัพภาคที่ 4 ทำหน้าที่ ผบ.พตท. ในช่วงเริ่มต้นเป็นการชั่วคราวไปก่อน ทั้งนี้ พล.อ.สนธิ ต้องการปรับงานยุทธการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สอดคล้องต่อเหตุการณ์ และ ลักษณะการก่อเหตุในพื้นที่ใหม่ จึงต้องการให้ พล.ต.สำเร็จ ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผบ.กองกำลังศรีสุนทร มาดูแลภาพรวมในการทำงานของ พตท. เพื่อประสานงานกับพลเรือน และ ตำรวจ ในการจัดกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยให้สัมฤทธิ์ผล

         

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา พล.อ.สนธิ ได้มีการพบปะกับ 4 แกนนำเยาวชนพีเอ็นวายเอสในกรุงเทพมหานคร แต่ไม่เปิดเผยว่าเป็นสถานที่ใด ท่ามกลางกระแสข่าวการเคลื่อนไหวกลุ่มก่อความไม่สงบจากต่างประเทศ ที่กำลังแทรกซึมเข้ามาก่อเหตุในช่วงวันสำคัญ

         

ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เปิดเผยว่า ประธาน คมช. มีนโยบายให้ตนนำข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาชี้แจงให้สื่อมวลชนทราบ เนื่องจากที่ผ่านมาประชาชนไม่ได้รับข่าวสารเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาของเจ้าหน้าที่ จะมีแต่ข่าวสารข้อมูลที่รับทราบในพื้นที่เท่านั้น ทำให้คนส่วนอื่นของประเทศยังได้รับทราบข้อมูลไม่ทั่วถึงว่า คมช.ได้ให้ความสนใจปัญหานี้ด้วย ไม่ใช่แต่มุ่งแต่เรื่องการเมืองอย่างเดียวตามที่วิจารณ์

         

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า จากการที่ คมช. ประสานกับทาง กอ.รมน.ภาค 4 พตท. ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ส่งเข้ามา พบว่าประชาชนเริ่มไม่ยอมรับกลุ่มก่อการร้าย เพราะกลุ่มเหล่านี้มุ่งทำร้ายเด็กและสตรี เป็นการกระทำที่คนในพื้นที่เห็นว่าไม่มีศีลธรรม ประชาชนจึงเริ่มให้ความร่วมมือและให้ข่าวสารกับเจ้าหน้าที่มากขึ้น จึงทำให้สามารถจับผู้ก่อความไม่สงบได้มากขึ้น จากสถิติจะพบว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประสบความสำเร็จพอสมควร เพราะไม่ใช่แค่ฝ่ายเราที่สูญเสีย แต่ฝ่ายเขาก็สูญเสียมากเช่นกัน อย่างวันนี้ที่ทหารปะทะกับกองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายที่ อ.ระแงะ ทำให้ผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิต 5 คน ซึ่ง 2 คนเคยเป็นผู้เข้าร่วมประท้วงที่หน้า สภอ.ตาบใบ จ.นราธิวาส

 

 

ทหารปะทะกลุ่มป่วนใต้ดับ5ศพที่เทือกเขาตะเวจ.นราฯ

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ --พ.อ.สมพล ปานกุล รองผบ.ฉก.3 นราธิวาส เปิดเผยว่า วันนี้(2มี.ค.)เวลา 10.00 น.กองกำลังทหารพรานปะทะกับผู้ก่อเหตุความไม่สงบไม่ทราบจำนวน ขณะออกลาดตระเวณบริเวณเขาตะเว พิกัด RG 092807 พื้นที่จ.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จากการปะทะ ร้อยทหารพราน 4509 สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้

         

ทั้งนี้ปฏิบัติการครั้งนี้ สืบเนื่องจากได้รับแจ้งข้อมูลจากประชาชนบริเวณบ้านตีนเขา เทือกเขาตะเว ระบุว่าผมกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งแต่งกายคล้ายทหาร เดินทางลงจากเขาเพื่อมาซื้อหาอาหาร เครื่องอุปโภค จึงเข้าแผนเพื่อเข้าลาดตระเวณโจมตีและพิสูจน์ทราบกลุ่มโจรบริเวณเทือกเขาตะเว

        

ส่วนการปะทะกันนานประมาณ 30นาที โดยเมื่อควบคุมสถานการณ์ไว้ได้เข้าตรวจสอบพบผู้เสียชีวิต จำนวน 5คน และพบบัตรประชาชนตกในที่เกิดเหตุจำนวน 8 ใบ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ว่า บัตรประจำตัวดังกล่าวเป็นของใครและตรงกับผู้ตายรายใด

         

สำหรับอาวุธปืนเอ็ม 16 ที่ยึดได้ในที่เกิดเหตุตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นอาวุธปืนที่ถูกปล้นออกจากค่ายกองพันพัฒนาที่4(ค่ายปิเหล็ง)เมื่อวันที่ 4มกราคม 2547 ซึ่งคนร้ายนำมาใช้ก่อการในครั้งนี้ นอกจากนี้ยังสามารถยึดอุปกรณ์ภาคสนาม อุปกรณ์ใช้ฝึกร่างกายเช่นบาร์เดี่ยว อุปกรณ์ใช้งัดข้อ เครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสารอาหารแห้ง เต็นท์ ไวท์บอร์ด และเอกสารภาษายาวีจำนวนหนึ่ง ที่สำคัญพื้นที่ดังกล่าวถูกดัดแปลงเป็นสนามฝึก ซึ่งคาดว่ากลุ่มผุ้ก่อความไม่สงบคงใช้วิธีชักชาวนเยาวชนที่หลงเชื่อให้ขึ้นมาบนเขาตะเว และฝึกฝนร่างกาย

         

พ.อ.สมพล คาดว่าผู้ก่อความไม่สงบที่ปะทะกันครั้งนี้เป็นกองกำลังติดอาวุธ ระดับดูแลพื้นที่ ซึ่งคาดว่ามีการเคลื่อนไหวอยู่บนเขาตะเวไม่เกิน 40คน ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 20-30 ปี ตั้งค่ายฝึกอาววุธ และร่างกาย ส่วนกลุ่มที่พบและเกิดการปะทะน่าจะเป็นกลุ่มแนวร่วมย่อย ส่วนที่เหลือมีการหลบหนีไปแล้วซึ่งช่วงนี้ฝ่ายตรงข้ามอาจมีการฝึกทบทวนในพื้นที่ดังกล่าว แต่มีชาวบ้านสังเกตุเห็นและแจ้งข้อมูลให้ทางการเข้าพิสูจน์ทราบ

 

 

ต่างประเทศ

 

USจะตั้งเรดาร์จับ'นุก'เพิ่มแถบคอเคซัส

ผู้จัดการ--แผนการของสหรัฐฯที่จะขยายระบบป้องกันขีปนาวุธเข้าไปในยุโรปตะวันออก ซึ่งทำให้รัสเซียโกรธเกรี้ยวมองว่าเป็นพฤติการณ์แบบไม่เป็นมิตรอยู่แล้วนั้น อันที่จริงยังจะมีการตั้งระบบเรดาร์ในประเทศแถบเทือกเขาคอเคซัสอีกด้วย พล.อ.ท.เฮนรี โอเบอริง ผู้อำนวยการสำนักงานด้านขีปนาวุธของกองทัพอากาศสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี(1) ทางด้านผู้บัญชาการทหารอากาศหมีขาวได้ออกมาแสดงปฏิกิริยาทันทีว่า ไม่วิตกเพราะมีทุกอย่างพร้อมตอบโต้รับมืออยู่แล้ว

 

เรดาร์ส่วนหน้าชุดนี้ จะทำหน้าที่ติดตามร่องรอยขีปนาวุธของฝ่ายศัตรูใดๆ ได้ล่วงหน้า ก่อนจะไปเป็นหน้าที่ของระบบเรดาร์ที่ใหญ่กว่าซึ่งตั้งอยู่ที่สาธารณรัฐเช็ก โอเบอริงบอก

 

ทางด้านสำนักข่าวของรัสเซียรายงานว่า พล.อ.อ.วลาดิมีร์ มิคาอิลอฟ ผู้บัญชาการทหารอากาศรัสเซีย ได้ออกมาแถลงวานนี้ ถึงการที่สหรัฐฯทำท่าจะติดตั้งระบบเรดาร์ในประเทศแถบคอเคซัส ซึ่งล้วนเคยเป็นรัฐในอดีตสหภาพโซเวียต โดยกล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกวิตกอะไร

    

"เรามีทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อการตอบโต้รับมืออย่างเหมาะสมกับการติดตั้งประจำการยุทโธปกรณ์ทั้งหมดเหล่านี้" ผบ.ทอ.รัสเซียบอกและกล่าวต่อไปว่า "พวกเขามีเงินเยอะแยะ ก็ปล่อยให้พวกเขาใช้จ่ายไปเถอะ"

    

มิคาอิลอฟกล่าวด้วยว่า คำตอบของรัสเซียต่อแนวความคิดของสหรัฐฯก็คือ เอส-400 เครือข่ายระบบป้องกันขีปนาวุธรุ่นล่าสุดของรัสเซีย ซึ่งมีพิสัยทำการ 400 กิโลเมตร และมีศักยภาพรับมือการถูกโจมตีจากอวกาศได้

 

 

กัมพูชามั่นใจ การร่างกฏบัตรASEAN จะสำเร็จทันเวลา

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค --การประชุมของรัฐมนตรีต่างประเทศของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ในการร่างกฎบัตรของสมาคม ที่มีขึ้นในเมืองเสียมเรียบของกัมพูชาในวันนี้ ซึ่งตามกำหนดการแล้ว การร่างกฏบัตรดังกล่าวต้องเสร็จสิ้นภายใน เดือนตุลาคมเพื่อให้ทันในการประชุมใหญ่ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนั้น นาย ฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชากล่าวว่า ต้องเสร็จทันกำหนดการที่วางไว้อย่างแน่นอน ซึ่งในขณะนี้ คณะทำงานของอาเซียนกำลังหารือกันถึงรายละเอียดต่างๆแต่ นาย ฮอร์ นัม ฮง ก็ไม่ได้มีการเปิดเผยว่าเป็นประเด็นใน

 

ส่วนประเด็นที่เกี่ยวกับพม่า ทั้งกระบวนการประชาธิปไตยและการมาตรการลงโทษจากอาเซียนต่อการพม่าที่ได้ละเมิดสิทธิมนุษย์ชน รวมถึงการปล่อยตัวนาง อองซาน ซูจี ซึ่งประชาคมโลกและองค์กรสิทธิมนุษยชน เฝ้าสังเกตการณ์และกดดันอยู่นั้น รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา กล่าวว่า ยังไม่อยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะนำประเด็นดังกล่าวขึ้นมาหารือ สำหรับ กฏบัตรของอาเซียน มีแม่แบบมาจาก กฏบัตรของสหภาพยุโรป ซึ่งมาตรการที่รุนแรงที่สุด หากสมาชิกฝ่าฝืน คือการแทรกแซงหรือขับออกจากกลุ่ม โดยหากได้มีการประกาศใช้ก็จะเป็นบรรทัดฐานในการบริหารจัดการ องค์กรของอาเซียน ให้เด็ดขาดยิ่งขึ้น เนื่องจากในปัจจุบัน มาตรการที่ใช้ในการ บริหารจัดการและปกครอง ได้ใช้การลงมติที่เป็นเอกฉันท์ โดยคาดว่า เพื่อเป็นการรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศสมาชิก

 

 

อุตสาหกรรมเพลงขู่นศ.หยุดโหลดเพลงเถื่อน

กรุงเทพธุรกิจ --สมาคมอุตสาหกรรมเพลงแห่งอเมริกา (อาร์ไอเอเอ) เผยว่า ทางสมาคมฯได้ส่งจดหมาย 400 ฉบับไปยังมหาวิทยาลัย 13 แห่งในสหรัฐ เพื่อแจ้งเตือนถึงโทษที่จะนักศึกษาจะได้รับในกรณีที่ใช้เครือข่ายในมหาวิทยาลัยแชร์และดาวน์โหลดไฟล์เพลงที่ละเมิดลิขสิทธิ์

    

พร้อมทั้งร้องขอให้ทางมหาวิทยาลัยแจ้งให้นักศึกษารับทราบว่าการละเมิดลิขสิทธิ์เพลงโดยเครือข่ายของมหาวิทยาลัยอาจถูกฟ้องร้องดำเนินดคีในชั้นศาล แต่ก็สามารถเจรจาประนีประนอมยอมความกันได้

     

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่มีข้อมูลระบุว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยมากกว่าครึ่งหนึ่งนิยมดาวน์โหลดเพลง และภาพยนตร์แบบผิดกฎหมาย โดยทางอาร์ไอเอเอได้เสนอทางเลือกให้นักศึกษาที่ละเมิดลิขสิทธิ์จะต้องจ่ายค่าปรับ และให้คำมั่นสัญญากันว่าจะไม่ดาวน์โหลดเพลงที่ผิดกฎหมายอีก

    

"เราจำเป็นต้องเริ่มต้นจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นแบบเน้นเจาะกลุ่ม โดยพฤติกรรมของนักศึกษานี้ อาจติดตัวไปชั่วชีวิตแม้พวกเขาจบการศึกษาไปแล้ว"

    

อาร์ไอเอเอได้เตรียมส่งจดหมายเตือนอีกหลายร้อยฉบับต่อเดือน เพื่อหวังจะยุติปัญหาการดาวน์โหลดไฟล์เพลงที่ผิดกฎหมายในกลุ่มนักเรียน-นักศึกษา และก่อนหน้านี้ทางกลุ่มอุตสาหกรรมเพลงได้ดำเนินคดีฟ้องร้องผู้ใช้รายบุคคลที่ละเมิดลิขสิทธิ์แชร์ไฟล์เพลงผ่านเครือข่ายเช่น "คาซ่า (KaZaa) และ "ไลม์ไวร์ (Limewire)" ซึ่งค่ายเพลงในอุตสาหกรรมอ้างว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้อุตสาหกรรมสูญเสียเงินหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ

    

ข้อมูลจากบริษัทบิ๊ก แชมเปญ ที่ติดตามความเคลื่อนไหวบนเวบไซต์ระบุว่า มีการแชร์ไฟล์เถื่อนผ่านบริการต่างๆบนเวบมากกว่า 1 พันล้านเพลงต่อเดือน และอุตสาหกรรมเพลง ต้องเผชิญกับยอดขายตกมากกว่า 23% ในช่วงปี 2543-2549 โดยออกมาเรียกร้องให้บรรดาคอเพลงหันมาซื้อเพลงดิจิทัลจากเวบไซต์ถูกกฎหมาย เช่น "ไอทูนส์ มิวสิค สโตร์" ของแอปเปิล หรือ "ราฟโซดี้" ของเรียลเน็ตเวิร์คส อิงค์

 

 

จีนเพิ่มโทษ เจ้าของเหมืองถ่านหิน หากละเลยมาตรารักษาความปลอดภัย

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค--จีนจะเพิ่มความเข้มงวดกับกฎระเบียบในการรักษาความปลอดภัยในเหมืองถ่านหินมากขึ้น โดยจะมีการใช้บทลงโทษด้วยการสั่งจำคุกเป็นเวลาถึง 7 ปีต่อผู้ดำเนินการเหมืองถ่านหินที่ผิดกฎหมาย สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ศาลสูงประชาชนจีนและศาลประชาชนได้กำหนดกฎหมายใหม่ที่เกี่ยวกับการลงโทษหากเกิดอุบัติเหตุด้านความปลอดภัยขึ้น

    

โดย กฎระเบียบที่กำหนดใหม่ ระบุว่า ผู้ประกอบการเหมืองถ่านหินและผู้เป็นเจ้าของร่วมจะต้องถูกจำคุกถึง 3 ปี หากพบว่าการดำเนินการเหมืองถ่านหินที่ผิดกฎหมายนี้ทำให้เกิดอุบัติเหตุจนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 ราย หรือบาดเจ็บมากกว่า 3 ราย หรือทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 1 ล้านหยวน

    

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจะถูกจำคุกเป็นเวลาถึง 7 ปี หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นและมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 3 คน หรือบาดเจ็บ 10 คน หรือเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 3 ล้านหยวน

 

 

ศาลตัดสินให้ไต่สวนคดีการสิ้นพระชนม์เจ้าหญิงไดอานาใหม่

คมชัดลึก --ศาลสูงอังกฤษตัดสินวันนี้ ให้คณะลูกขุนทำหน้าที่พิจารณาคดีการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอานา และนายโดดี้ อัล-ฟาเอ็ด เพื่อนชายของพระองค์ใหม่ตามคำอุทธรณ์ของนายโมฮัมเหม็ด อัล-ฟาเอ็ด บิดาของนายโดดี้ ซึ่งเป็นเจ้าของห้างแฮร์ร็อด ห้างสรรพสินค้าชื่อดังของอังกฤษ

 

ก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้นตัดสินให้ผู้พิพากษาเพียงรายเดียวรับฟังการไต่สวนคดีการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอานา และนายโดดี้ใหม่ ทั้งนี้ นายโมฮัมเหม็ด อัล-ฟาเอ็ด บิดาของนายโดดี้ ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีเจ้าของห้างแฮร์ร็อด ห้างสรรพสินค้าชื่อดังในกรุงลอนดอน ของอังกฤษได้ยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอให้คณะลูกขุนพิจารณาคดีการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอานาและการเสียชีวิตของบุตรชายของเขาใหม่ โดยนายโมฮัมเหม็ด อัล-ฟาเอ็ด สงสัยว่าเจ้าหญิงไดอานา และบุตรชายของเขาจะเสียชีวิตด้วยแผนการฆาตกรรม ไม่ใช่อุบัติเหตุทางรถยนต์ตามรายงานอย่างเป็นทางการ

 

เจ้าหญิงไดอานา อดีตพระชายาของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ และนายโดดี้ เพื่อนชายคนสุดท้ายของพระองค์ สิ้นพระชนม์จากรถยนต์พระที่นั่งชนเสาในอุโมงค์แห่งหนึ่งในกรุงปารีส นครหลวงของฝรั่งเศส เมื่อเดือนสิงหาคม 2540

 

 

สองเกาหลีจับมือ สร้างสันติภาพบนคาบสมุทร

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค -- นายคิม ยอง นัม ประธานสภาเปรซิเดียม แห่งสมัชชาประชาชนสูงสุดของเกาหลีเหนือ ได้เปิดการเจรจาหารือกับนายลี แจ จัง รัฐมนตรีรวมชาติเกาหลีใต้ที่กรุงเปียงยาง หลังการหารือสิ้นสุดลง นายคิมกล่าวว่า ความต้องการที่จะเห็นคาบสมุทรเกาหลี กลายเป็นดินแดนปลอดนิวเคลียร์นั้น เป็นความหวังของนายคิม อิล ซุง บิดาผู้ให้กำเนิดประเทศเกาหลีเหนือ

    

ขณะที่นายลีได้กล่าวชื่นชมที่เกาหลีเหนือ ยึดมั่นในข้อตกลงที่บรรลุผลในการประชุม 6 ฝ่ายที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ซึ่งเกาหลีเหนือยอมปิดโรงงานนิวเคลียร์ภายใน 60 วันและล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์ทั้งมวลในระยะต่อไป นายคิมได้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เดินหน้า เพื่อการรวมชาติให้ประสบผลสำเร็จให้ได้ ขณะเดียวกันที่นครนิวยอร์ค ของสหรัฐ คณะผู้แทนของเกาหลีเหนือ ได้เดินทางไปเตรียมการประชุมเจรจาลดอาวุธ เพื่อหารือกันถึงก้าวแรกที่จะนำไปสู่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เป็นที่น่าสังเกตว่า ไม่มีนายคิม เย กวาน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ร่วมคณะมาด้วยแต่อย่างใด