เครือข่ายชาติพันธุ์จี้สอบ "สมบัติ-อธิการบดี" กรณียุบสถาบันชาติพันธุ์

เครือข่ายเอ็นจีโอชาติพันธุ์จี้สอบ"สมบัติ" และทบทวนคำสั่งยุบสถาบันชาติพันธุ์ศึกษา ชี้อาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน สิทธิชนพื้นเมือง ในขณะที่สมัชชาชนเผ่าฯ เตรียมเข้าร้องเรียน ศธ.ตั้งกรรมการสอบอธิการบดี ที่ออกคำสั่งยุบเลิกสถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา

 

ตามที่มีประกาศมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เรื่อง ยุบเลิกหน่วยงาน ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2550 ลงนามโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มาณพ ภาษิตวิไลธรรม เนื้อหาโดยสังเขป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 31 (1) แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ.2547 จึงให้ยุบเลิกหน่วยงานและโอนภารกิจตลอดจนบุคลากรในสังกัดของ 1.สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา 2.สถาบันวิจัยและพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง ไปเป็นของวิทยาลัยนานาชาติภูมิภาคลุ่มน้ำโขงนั้น

 

ซึ่งหลังจากการออกประกาศยุบเลิกหน่วยงาน สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ทำให้เครือข่ายผู้รู้ภูมิปัญญาชนเผ่า 13 ชนเผ่า สมัชชาชนเผ่าแห่งประเทศไทย และองค์กรชาติพันธุ์ต่างๆ ที่เคยมีส่วนร่วมในการร่างหลักสูตร และร่วมก่อตั้งสถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ต่างพากันออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว

 

ล่าสุด นางจุฑามาศ ราชประสิทธ์ ผู้จัดการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา ซึ่งเป็นตัวแทนเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานกับกลุ่มชาติพันธุ์ได้ทำหนังสือถึง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มาณพ ภาษิตวิไลธรรม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย โดยหนังสือระบุว่า ด้วยเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชน ที่ทำงานกับชาติพันธุ์ได้มีการหารือแลกเปลี่ยนพูดคุยกันในประเด็นสถานการณ์นักศึกษากลุ่มชาติพันธุ์ จำนวน 15 คน ที่ไม่สามารถเรียนหนังสือได้ตามหลักสูตรชาติพันธ์ศึกษา อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ตามที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์นั้น

 

เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชน ที่ทำงานกับกลุ่มชาติพันธุ์ ขอเรียนว่า ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่สังคมเฝ้าติดตามดู และให้ความสนใจในผลการทำเนินการดังกล่าว เครือข่ายฯ เห็นว่าการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย อาจส่งผลกระทบต่อการเคารพในสิทธิมนุษยชน สิทธิชนพื้นเมือง โดยรวม เครือข่ายฯ จึงใคร่ขอให้เร่งดำเนินการดังนี้

 

1). ขอให้มีการพิจารณา เจตนารมณ์ในการจัดตั้งสถาบันชาติพันธุ์ และสันติศึกษา การจัดตั้งหลักสูตรชาติพันธุ์ศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของชนชาติ กลุ่มชาติพันธุ์ ผู้อาวุโสในชุมชนหมู่บ้าน ที่มีความรู้พื้นบ้าน แต่ขาดวุฒิเป็นที่ยอมรับจากทางราชการ มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมขององค์กร/ หน่วยงานที่ทำงานกับพี่น้องชาติพันธุ์ เมื่อมีการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดการรอดพ้นเพียงชั่วคราว มิได้เป็นการแก้ปัญหาที่อยู่บนพื้นฐานการเคารพในภูมิปัญญาของชาติพันธุ์และการมีส่วนร่วมของชาติพันธุ์ ทั้งมวล

 

2).ขอให้มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายรักษาเป้าหมาย เจตนารมณ์ ของการจัดทำหลักสูตรชาติพันธุ์ศึกษา อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา ที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของเครือข่ายผู้รู้ชาติพันธุ์ และองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานกับกลุ่มชาติพันธุ์ แม้ว่าปัจจุบันจะเป็นส่วนหนึ่งของวิทยาลัยนานาชาติ ภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ก็ตาม

 

3). ขอให้มีมาตรการคุ้มครองสวัสดิภาพของนักศึกษาชาติพันธุ์ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งอาจได้รับการคุกคามให้ต้องวิตกกังวล หวาดกลัวต่อการประพฤติปฏิบัติของผู้บริหารในมหาวิทยาลัย และขอให้ร่วมกันหาทางแก้ไขโดยเร็วที่สุดเพื่อให้นักศึกษาสามารถเรียนหนังสือได้จบตามสมควร บรรลุตามความคาดหวังของคนที่ได้วางแผนไว้

 

4). ขอให้มีมาตรการคุ้มครองคณาจารย์ เจ้าหน้าที่ และพนักงานมหาวิทยาลัยราชภัฏ เชียงราย บนพื้นฐานในการเคารพสิทธิมนุษยชน ที่สามารถแสดงความคิดเห็นอย่างชอบธรรมและ แสดงเจตนารมณ์ ในการเคารพกลุ่มชนชาติพันธุ์/นักศึกษาชาติพันธุ์

 

5). ตรวจสอบพฤติกรรมของนายสมบัติ บุญคำเยือง อดีตผู้อำนวยการสถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กรณีการล่วงละเมิดสิทธิทางเพศในกลุ่มนักศึกษาหญิงชาติพันธุ์และอดีตเจ้าหน้าที่สถาบันชาติพันธุ์ฯ

 

นางจุฑามาศ ราชประสิทธ์ ผู้จัดการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา ตัวแทน เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานกับกลุ่มชาติพันธุ์ กล่าวด้วยว่า เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชน ที่ทำงานกับกลุ่มชาติพันธุ์ ขอแสดงเจตนารมณ์ในการพิทักษ์คุ้มครองสวัสดิภาพของคณะนักศึกษาชาติพันธุ์ ชั้นปีที่ 1 สาขาชาติพันธุ์ และสันติศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย ที่ได้มีความกล้าหาญในการแสดงข้อคิดเห็นข้อเรียกร้องของตนเองในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา

 

นางจุฑามาศ ยังได้กล่าวเรียกร้องให้ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มาณพ ภาษิตวิไลธรรมในฐานะของผู้บริการสูงสุดของมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย และขอให้มีเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือจัดการประชุมเพื่อชี้แจงผลการดำเนินการต่อสถานการณ์ประเด็นดังกล่าวด้วย

 

ด้านนายวิวัฒน์ ตามี่ ผู้ประสานกองเลขานุการ สมัชชาชนเผ่าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการเคลื่อนไหวหลังจากนี้ว่า ทางสมัชชาชนเผ่าแห่งประเทศไทยและเครือข่ายฯ เตรียมเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อชี้แจงกับนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ปธ.กมธ.อีกครั้ง โดยพวกตนขอยืนยันข้อเรียกร้อง 4 ข้อตามที่ได้แถลงการณ์

 

"สิ่งที่สมัชชาชนเผ่าฯ เรียกร้อง คือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จะต้องมีมาตรการคุ้มครองสิทธิของนักศึกษาที่ออกมาร้องเรียน ต้องคุ้มครองความปลอดภัยของนักศึกษา ต้องมีหลักประกันในการเรียนให้นักศึกษา คือพวกเขาต้องมีที่เรียน ต้องมีทุนการศึกษา"

 

กรณีที่มีผู้เห็นว่าทางการเรียกร้องต่างๆ ของสมัชชาชนเผ่าฯ และกลุ่มนักศึกษา อาทิ การเรียกร้องให้มีการสอบพฤติกรรมของอดีตผู้อำนวยการสถาบันชาติพันธุ์ฯ และการเรียกร้องให้ทุนการศึกษา เป็นการเรียกร้องที่เกินเลยและเอาแต่ได้นั้น นายวิวัฒน์กล่าวว่า เรื่องเรียกร้องมากไปนี้มันคนละประเด็น เพราะนายสมบัติเคยสัญญากับเด็กๆ กับชนเผ่าเอาไว้ เราเรียกร้องตามที่เขาสัญญา นายสมบัติกับอธิการบดี มรภ.เชียงราย ต้องออกมารีบผิดชอบ

 

มีรายงานแจ้งอีกว่า ทางสมัชชาชนเผ่าฯ จะร้องเรียนไปยังกระทรวงศึกษาธิการ ให้มีการตั้งกรรมการสอบอธิการบดี ที่ออกคำสั่งยุบเลิกสถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา โดยไม่ปรึกษากับชนเผ่าอีกด้วย

 

"เรื่องนี้ตนถือว่าเป็นเรื่องเสียหายและไม่รับผิดชอบ อธิการบดีต้องออกมารับผิดชอบผลกระทบที่เกิดขึ้น เพราะกว่าที่จะมีการจัดตั้งชาติพันธุ์และสันติศึกษาได้ พวกเราชนเผ่าต่างๆ ได้ใช้เวลาร่วม 6-7 ปี ในลงทุนลงแรง และลงทรัพยากรมากมายเพื่อผลักดันและมีส่วนร่วมในการร่างหลักสูตรให้เกิดสถาบันชาติพันธุ์ ดังนั้นใครที่ออกคำสั่งยุบสถาบันฯ โดยประชาชนขาดการตัดสินใจด้วยนั้น คนนั้นต้องรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นตนถือว่าเข้าข่ายหลอกหลวงประชาชน" นายวิวัฒน์กล่าวในที่สุด

 

ทั้งนี้ เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานกับกลุ่มชาติพันธุ์ ประกอบด้วย 1. สมาคมศูนย์รวมการศึกษาและการพัฒนาชาวไทยภูเขา ( IMPACT) 2.ศูนย์กลางการประสานงานองค์กรเอกชนพัฒนาชาวไทยภูเขา (ศอช.) 3. มูลนิธิกระจกเงา 4. มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) 5.เครือข่ายสตรีชนเผ่า 9 เผ่า (เครือข่ายสตรีชนเผ่าลาหู่ เครือข่ายสตรีชนเผ่าปกากญอเครือข่ายสตรีชนเผ่าอาข่า เครือข่ายสตรีชนเผ่าลัวะ เครือข่ายสตรีชนเผ่าลีซู เครือข่ายสตรีชนเผ่าม้งเครือข่ายสตรีชนเผ่าเมี่ยน เครือข่ายสตรีชนเผ่าดาระอั้ง เครือข่ายสตรีชนเผ่าคะฉิ่น) 6.ชมรมไทย-อาข่า 7. เครือข่ายผู้รู้ภูมิปัญญาชนเผ่า 13 ชนเผ่า และ 8. สมัชชาชนเผ่าแห่งประเทศไทย

 

 





 

แถลงการณ์

กรณี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายประกาศยุบสถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา

 

ตามที่นักศึกษากลุ่มชาติพันธุ์ลัวะ ปกาเกอญอ ลีซู ลาหู่ ดาราอั้ง ชั้นปีที่ 1 รุ่นที่ 1 ของสาขาวิชาชาติพันธุ์ศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จำนวน 15 คนได้ยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ เพื่อขอให้ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดจากพฤติกรรมของนายสมบัติ บุญคำเยือง ผู้อำนวยการสถาบันฯ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2550 ที่ผ่านมานั้น

 

บัดนี้การแก้ไขปัญหาตามเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมแต่อย่างใด อีกซ้ำมหาวิทยาลัยฯ กลับมีพฤติกรรมปกป้องการกระทำมิชอบของนายสมบัติ บุญคำเยือง ด้วยการประกาศยุบสถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา ตามประกาศของมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2550 เพื่อกลบเกลื่อนปัญหาที่เกิดขึ้น และโยนความผิดให้กับสถาบันและระบบการศึกษาว่าไม่มีคุณภาพ ซึ่งไม่ใช่ข้อเรียกร้องของกลุ่มนักศึกษาแต่อย่างใด เครือข่ายผู้รู้ 13 ชนเผ่า สมัชชาชนเผ่าแห่งประเทศไทย และองค์กรชนเผ่าต่างๆ ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาชนที่จัดตั้งขึ้น เพื่อปกป้องผลประโยชน์ และเรียกร้องความเป็นธรรมของพี่น้องกลุ่มชนเผ่าและชาติพันธุ์ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐและการพัฒนาที่ผ่านมา ขอแถลงท่าทีและข้อเรียกร้องต่อกรณีละเมิดสิทธิชนเผ่าดังกล่าว ดังนี้

 

1.เราขอคัดค้าน คำสั่งประกาศยุบสถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษาของมหาวิทยาลัยฯ อย่างถึงที่สุด เราเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยทบทวนคำประกาศดังกล่าว ทั้งนี้ เพราะเราเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากความผิดของนักศึกษา หรือความด้อยคุณภาพทางวิชาการหรือการกลั่นแกล้งของกลุ่มบุคคลใด หากแต่เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากความบกพร่องทางศีลธรรมจริยธรรมของบุคคล ซึ่งมหาวิทยาลัยจะต้องตรวจสอบและลงโทษ

 

2.เราขอยืนยันว่า "สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา" มิใช่เป็นสมบัติส่วนตัวของนายสมบัติ บุญคำเยือง แต่เป็นผลพวงจากการผลักดันต่อสู้ของพี่น้องชนเผ่าและชาติพันธุ์ ที่ต้องการให้สถาบันการศึกษาจัดตั้งมีสถาบันทางวิชาการเกี่ยวกับ "ประวัติศาสตร์ ความเป็นมา วิถีวัฒนธรรมและองค์ความรู้" ของชนเผ่าและชาติพันธุ์ เพื่อรองรับการเรียนรู้ของนักศึกษาและประชาชน โดยเฉพาะลูกหลานของพวกเรา ให้มีแหล่งข้อมูลการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาและยกระดับให้เป็นภาควิชาการของภาคประชาชนทั่วโลกได้ศึกษาเรียนรู้

 

3.เราจะได้ประสานไปยัง กลุ่มนักศึกษาสาขาวิชาชาติพันธุ์ศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้ยกเลิกคำประกาศมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เรื่อง ยุบเลิกหน่วยงาน ฉบับลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2550 และขอความกรุณาให้ศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อขอคุ้มครองสิทธิ์ชั่วคราวให้นักศึกษาสามารถศึกษาต่อจนกว่าการพิจารณาคดีจะแล้วเสร็จ

 

4.เราขอเรียกร้องต่อรัฐบาล โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เร่งดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการที่มีความเป็นอิสระ เป็นกลาง และเป็นการยอมรับทางสังคมขึ้นมา ตรวจสอบพฤติกรรมไม่ชอบของผู้บริหารมหาวิทยาลัยในคำประกาศยุบสถาบันดังกล่าว เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาให้เกิดความชอบธรรมให้นักศึกษาและทุกฝ่าย โดยระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการชุดนี้ ให้มีกลไกและมาตรการคุ้มครองสิทธิของกลุ่มนักศึกษาให้ได้รับความปลอดภัย โดยไม่เลือกปฏิบัติ และสามารถศึกษาต่อจนจบหลักสูตร

 

เราขอยืนยันว่า เครือข่ายผู้รู้ภูมิปัญญาชนเผ่า 13 ชนเผ่า สมัชชาชนเผ่าแห่งประเทศไทย และองค์กรชนเผ่าต่างๆ จะได้ติดตามตรวจสอบ และผลักดันให้การแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิกลุ่มนักศึกษาชาติพันธุ์กรณีดังกล่าวให้ได้รับความเป็นธรรม จนถึงที่สุด นอกจากนี้ เราขอเรียกร้องต่อรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ และสภามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จะต้องเปิดโอกาสสร้างพื้นที่และสนับสนุนการจัดตั้งและยกระดับสถาบันทางวิชาการด้านชาติพันธุ์ที่ชนเผ่ามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

 

ด้วยเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยและเคารพศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์

เครือข่ายผู้รู้ภูมิปัญญาชนเผ่า 13 ชนเผ่า, สมัชชาชนเผ่าแห่งประเทศไทย, เครือข่ายสตรีชนเผ่าประเทศไทย, เครือข่ายลีซู, เครือข่ายลาหู่, เครือข่ายม้ง, เครือข่ายอาข่า, เครือข่ายกะเหรี่ยง, เครือข่ายเมี่ยน, เครือข่ายลัวะ, เครือข่ายดาระอั้ง, เครือข่ายคะฉิ่น

 

3 มีนาคม 2550 ณ ห้องประชุมสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่

 

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท