รายงาน "พลเมืองเหนือ" : ตำรวจกลับลำ ห้ามขุดที่รุกน้ำปิง เมินบัญชา "สุรยุทธ์"

 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมินคำสั่งด่วน "สุรยุทธ์" มีมติห้ามเชียงใหม่ขุดขยายลำน้ำปิงในพื้นที่ตำรวจภาค 5 ซึ่งเป็นจุดที่คับแคบที่สุดของลำน้ำ ทั้งที่สมัย "ทักษิณ" รับปากยอมทำเพื่อประชาชน ร่อนหนังสือด่วนถึงจังหวัด อำพรางข้อมูล อ้างได้สร้างอนุสรณ์สถานไว้แล้ว


.......................

ร่อนหนังสือด่วน ห้ามขุดน้ำปิง

กรณีจังหวัดเชียงใหม่ได้เกิดน้ำท่วมหนัก และสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกแม่น้ำปิง เพื่อตรวจสอบแนวลำน้ำระยะทาง 20 เมตรในเขตเมือง ปรากฏมีการรุกล้ำลำน้ำรวมกว่า 600 ไร่ และมีจุดที่คับแคบที่ขวางทางไหลของน้ำอยู่ 7 จุด จุดที่บีบน้ำให้ล้นทะลักเข้าเขตเมืองมากที่สุดคือบริเวณกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 5 จนน้ำปิงที่นั่นมีความกว้างเพียงแค่ 40 เมตร

 

คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกแม่น้ำปิงมีมติให้ขุดขยายลำน้ำตลอดแนวให้ได้ 90 เมตร โดยเริ่มที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ก่อน ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ได้เตรียมเข้าทำการขุดขยายแล้ว แต่ตำรวจภูธรภาค 5 ได้แจ้งขอให้จังหวัดชะลอแผนงานไปก่อนจนกว่าจะได้รับความเห็นชอบจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก่อน

 

ล่าสุด มีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์2550 ลงนาม โดยพลตำรวจโท กิตติธัช เรือนทิพย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค5 แจ้งว่า คณะกรรมการพิจารณากำหนดนโยบายการใช้ที่ดิน และอาคารสถานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประชุมแล้ว ไม่อนุญาตให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการขุดขยายแม่น้ำปิงบริเวณทางลอดใต้สะพานป่าแดดเขตพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 5

 

อำพรางข้อมูล..อ้างอนุสรณ์สถาน

เหตุผลที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุคือมีการสร้างอนุสรณ์สถานตำรวจภูธรภาค5 ไว้แล้ว อย่างไรก็ดี ตำรวจภูธรภาค5 ได้ทำบันทึกข้อความภายในเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาอีกครั้ง เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ในฤดูน้ำหลากนี้

 

นายกองเอกวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ "พลเมืองเหนือ"ว่า เหตุผลที่ระบุคือมีการก่อสร้างอนุสรณ์สถานตำรวจภูธรผู้กล้า แต่หากย้อนไปเมื่อครั้งจังหวัด และอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค5ได้ร่วมกันดูแนวเขตและสรุปนั้น เราจะขอขุดขยายออกเพียง 10 เมตรเท่านั้น ซึ่งยาวไปตามถนนด้านทิศเหนือ 150 เมตร และด้านทิศใต้ 150 เมตร รวม 300 เมตร ซึ่งคือทางลอดใต้สะพานป่าแดด ไม่ถึงอนุสรณ์สถาน

 

ขณะที่สำนักงานทางหลวงก็ได้เตรียมการจะปรับระบบการจราจรและทำทางเข้าจากแฟลตตำรวจมาถึงกองบัญชาการตำรวจภูธรไว้แล้ว ซึ่งทางผู้บัญชาการฯ ก็แจ้งว่าจะนำเรื่องเสนอให้พิจารณาทบทวน ขณะที่จังหวัดก็จะได้นำเรียนผลที่แจ้งไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี ให้พลเอกสุรินทร์ พิกุลทอง ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกแม่น้ำปิงพิจารณาแนวทางดำเนินการต่อไป

 

เมินคำสั่ง "สุรยุทธ์"

แม้ตามมติที่แท้่ บริเวณที่จะต้องขุดขยาย ณ กองบัญชาการนั้นจะต้องขุดออกไปถึง30 เมตร เพราะจุดนั้นแม่น้ำปิงคับแคบที่สุด อย่างไรก็ตามข้อตกลงกันที่สรุปขอขุดขยายเพียง 10เมตร ซึ่งไม่ได้กระทบกับอนุสรณ์สถานหรือสิ่งปลูกสร้างประเภทอาคารเลย

 

นอกจากนั้น พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาตรวจราชการที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2549 และวันที่ 5 ม.ค.2550 ยังได้มีบัญชาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาแม่น้ำปิงที่จังหวัดเชียงใหม่ กับ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แม่ทัพภาคที่ 3 และ ผบช.ภ.5 ให้ดำเนินการเร่งรัดแก้ไขปัญหาการขุดลอกแม่น้ำปิงบริเวณ ภ.5 ตามที่คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจังหวัดเชียงใหม่ ได้กำหนดไว้ โดยจะมีการขุดขยายให้แม่น้ำปิงมีความกว้าง 90 เมตร ตลอดสาย แต่แม่น้ำปิงในช่วงที่ไหลผ่านบริเวณ ภ.5 มีความกว้างเพียง 60 เมตร เท่านั้น จึงต้องขุดขยายเข้ามาในพื้นที่ ภ.5 มีความกว้าง 30 เมตร เป็นระยะทางยาว 980 เมตร

 

แต่ในเบื้องต้นทางคณะทำงานแก้ไขปัญหาน้ำท่วม จะขอเข้าดำเนินการขุดขยายบริเวณจุดกลับทางลอดใต้สะพานในจุดนี้ที่กว้างขึ้น เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในฤดูน้ำหลากนี้ก่อน และเมื่อทำการขุดลอกแล้วโยธาธิการจังหวัดเชียงใหม่ ก็จะได้ทำการก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมให้ในคราวเดียวกันต่อไป

 

ทั้งนี้ ในบันทึกภายในที่ พล.ต.ท. กิตติธัช เรือนทิพย์ ผบช.ภ.5 เสนอไปยังสำนักงานตรวจแห่งชาติล่าสุด ได้ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณา ให้ความเห็นชอบให้จังหวัดเชียงใหม่ดำเนินการขดลอกในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ ให้เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้มีบัญชาให้เร่งดำเนินการ เลาะภาค 5 เมืองรอดน้ำท่วม

 

นายแสงรัตน์ เบญพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ อธิบายไว้ในการประชุมแก้ไขปัญหาน้ำท่วมว่า เมื่อน้ำท่วมหนักเมืองเชียงใหม่ที่ผ่านมา ลำน้ำปิงที่ภาค 5 ฯ รับน้ำได้ 460 ลบม.ต่อวินาทีเท่านั้น ซึ่งเมื่อน้ำเหนือมามากขึ้น ก็เริ่มท่วมจากภาค5 เกิดปัญหาให้ไหลเข้าตัวเมือง แต่หากขุดขยายใต้สะพานป่าแดดไป 10 เมตร ลำน้ำจุดนี้จะรับน้ำได้จาก 460 ลบม.เป็น 550 ลบม.ต่อวินาที ซึ่งเมือคำนวณทางชลศาสตร์พบว่าที่เชิงสะพานนวรัฐ ระดับน้ำจะลดลงมาได้ 20 เซนติเมตรเป็นอย่างน้อยทันที รศ.ชูโชค อายุพงษ์ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กล่าวสอดคล้องว่า การสะสมของน้ำเป็นไปอย่างรวดเร็วมา หากขยายที่ภาค 5 ได้ 10 เมตร จะลดการสะสมต่อเนื่องได้มาก ซึ่งจะทำให้ความสูงของระดับน้ำที่สะพานนวรัฐลงลงมากกว่า 20 ซม.ด้วยซ้ำ เพราะขณะนี้เป็นจุดที่คอคอด และตลิ่งสูง ทำให้น้ำบีบตัวกลับไปที่สะพานนวรัฐได้สูงมาก

 

ตำรวจเคยลั่นยอมเพื่อประชาชน

ก่อนหน้านี้ มีความพยายามเจรจาเพื่อขุดขยายน้ำปิงแห่งนี้มานานหลายครั้ง กระทั่งมีการยกคณะเข้าเจรจาเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2549 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.ภาณุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เคยให้สัมภาษณ์ว่า พล.ต.อ.โกวิทย์ วัฒนะ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้นโยบายให้ความร่วมมือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเต็มที่ และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ก็ยินดีให้ความร่วมมือ จากการเจรจาเบื้องต้น จังหวัดต้องการขยายแนวเขตเพิ่มให้น้ำปิงอีก 10 เมตร ซึ่งจะเป็นบริเวณจุดทางเชื่อมระหว่างบ้านพักตำรวจกับกองบัญชาการ ส่วนการที่จะขยายให้ได้แนว 90 เมตรและกระทบกับบ้านพักตำรวจ รวมไปถึงอนุสาวรีย์ตำรวจผู้กล้าด้วยนั้น หากเห็นว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ตำรวจก็ยินดี

 

ซึ่งจากนั้นมีการเร่งทำหนังสือขออนุญาตทั้งส่วนของกรมธนารักษ์และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตอนแม้วอยู่ลุยขุด และเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาติดตามปัญหานี้โดยเฉพาะ มีการชี้แนวที่จะร่วมกันเดินหน้าขุด และยังมีเครื่องจักรหนักเข้าขุดลอกให้เห็นทันตา ซึ่งครั้งนั้นมีการประกาศเดินหน้าขุดขยายและถึงขั้นเตรียมพื้นที่ใหม่เพื่อย้ายกองบัญชาการฯ ทั้งหมดด้วยซ้ำ       

                                                                                                                        

โดย ครั้งนี้พ.ต.ท.ทักษิณสั่งการว่าพื้นที่ภาค 5 กำหนดแนวทาง 3 ขั้นตอนคือ 1.ขุดขยายทันทีในพื้นที่ไม่กระทบสิ่งปลูกสร้าง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าราชการก็พร้อมที่จะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมด้วย 2.ตั้งเป้าว่าจะต้องขยายตามแนวที่กบร.กำหนดคือ 90 เมตร ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าแก้ไขผลกระทบเช่นไร เช่นซื้อที่ดินบริเวณใกล้เคียงเพื่อให้มีที่พักใกล้ที่ทำงาน ส่วนอนุสรณ์สถานก็อาจต้องขยับและอัญเชิญดวงวิญญาณใหม่ และ 3. วางแผนระยะยาวหากจะต้องย้ายใหม่ไปอยู่รวมทั้งหมดอาจพิจารณาที่ดินของทหารที่ห้วยตึงเฒ่า

 

....................................................................

ที่มา : พลเมืองเหนือรายสัปดาห์

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท