Skip to main content
sharethis

ประชาไท - 23 มี.ค.50 ที่ สน.ชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร วานนี้ (22 มี.ค.) มีผู้สื่อข่าวจำนวนหนึ่งมารอทำข่าว นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ นักคิด นักเขียน ปัญญาชนชื่อดัง ที่มีหมายเรียกเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลชนะสงครามในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในเวลา 9.00 น. อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลานัดหมาย นายสุลักษณ์ก็มิได้เดินทางมายัง สน.ชนะสงคราม แต่อย่างใด


 


กระทั่งเวลาผ่านไปถึงเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยทาง พ.ต.ท.ประยูร สุมานัส สารวัตรเวร สน.นางเลิ้ง กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "เรียกเขาครับ แล้วเขาไม่มาครับ" เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการออกหมายเรียกอีกหรือไม่ พ.ต.ท.ประยูร ตอบแต่เพียงว่า "ผมไม่ทราบ"


 


ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 21 ส.ค.49 นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ สน.บางซื่อ โดยนายสุลักษณ์ กล่าวว่า การเข้ามอบตัวครั้งนี้ได้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาล พร้อมทั้งนำหลักทรัพย์เป็นบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบางซื่อ จำนวน 300,000 บาท ยื่นขอประกันตัว ซึ่งการถูกแจ้งความคดีนี้ เนื่องจากได้ให้สัมภาษณ์ในนิตยสารฟ้าเดียวกัน เมื่อเดือนตุลาคม 2548


 


ซึ่งในครั้งนั้น นายสุลักษณ์ กล่าวว่า "ขอให้ตำรวจสำนึกในกระแสพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. โดยผู้ที่ยื่นฟ้องในคดีนี้ถือว่าเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทโดยไม่จำเป็น แต่ในการเข้าให้ปากคำในวันนี้ ถือว่าพนักงานสอบสวนทำหน้าที่ได้ดี เพราะว่าได้ทำตามหน้าที่ แต่ไม่ทราบว่าการที่ผมถูกฟ้องมีนักการเมืองที่ไม่ยอมออกจากตำแหน่งหรือใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา มักมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง และเข้าไปก้าวก่ายการทำงานของข้าราชการเป็นประจำ" ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นล่าสุดของนายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด (ออส.) ที่กล่าวถึงพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เรื่องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (ดูล้อมกรอบ)


 







กรณีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อัยการสูงสุดชี้ยึดพระบรมราโชวาท


 


ทั้งนี้เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมกิตติขจร กองทัพบก นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด (ออส.) ได้ร่วมแถลงข่าวกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีแถลงผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนหลังการปฏิรูปการปกครอง โดยนายพชรได้กล่าวถึงคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหลายคดี ซึ่งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุดนั้นว่า


 


การกล่าวอ้างหรือพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ไม่บังควรอย่างยิ่ง และนอกจากนั้นการดำเนินการดังกล่าวยังมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเขียนไว้เป็นข้อคำนึงในการพิจารณาคดีหมิ่นหรือหมิ่นเหม่ต่อการกล่าวอ้างนั้น ศาลเขียนไว้ว่าการกระทำดังกล่าวหรือการพาดพิงดังกล่าวอาจระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท และกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก


 


"การดำเนินการที่อดีตนายกฯ กล่าวกับคนขับแท็กซี่ก็ดี ที่อินดอร์สเตเดี้ยมก็ดี หรือการออกรายการนายกฯทักษิณพบประชาชน หรือที่ อ.วังน้อย จ.อยุธยา ที่มีการใช้ผ้าคาดศีรษะ ใช้ธงทรงพระเจริญ ทั้ง 3 เรื่องนี้ สตช. และสำนักงานอัยการสูงสุด ได้พิจารณาร่วมกัน ขณะนี้การสั่งคดียังไม่สิ้นสุด เพราะในสำนวนสอบสวนคดีมีข้อความที่กล่าวอ้างไม่ตรงกัน ซึ่งเราได้ขอให้ สตช. กรุณาตรวจสอบเทปว่าทางช่อง 11 ได้อัดเทปรายการไว้หรือไม่ แล้วถ้อยคำที่มีการพูด กล่าวอ้างพาดพิงหมิ่นเหม่ในการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีการกล่าวอ้างไว้อย่างไร ในฐานะที่ผมเป็นอัยการสูงสุดก็ต้องดำเนิน การอย่างระมัดระวัง อย่างที่กราบเรียนว่าเราไม่อยากเห็นการกระทำซ้ำ ไม่อยากเห็นการกระทำที่กระทบกระเทือนต่อเบื้องพระยุคลบาท"


 

นายพชร ระบุด้วยว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าวผลออกมาคือ การยกฟ้อง เมื่อมีการซักว่า จะใช้คำพิพากษาศาลดังกล่าวมาเทียบเคียงเพื่อเป็นดุลยพินิจในการสั่งคดีหรือไม่ นายพชร ตอบว่าใช่ ผู้สื่อข่าวมีการถามต่อว่า ในซักพยานในศาลนำไปซึ่งการพูดซ้ำในเรื่องไม่บังควรใช่หรือไม่ นายพชร กล่าวว่า การนำสืบในศาลต้องมีการพูดประเด็นเหล่านี้ ซึ่งเราเราไม่ควรไปแตะต้องให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท อย่างคดีของ ส.ศิวรักษ์ ก็ยุติไปแล้ว ที่ผ่านมาพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้พูดเรื่องคดีหมิ่นฯ ไว้บ้าง ทั้งนี้ พวกเราคงได้รับฟัง ความจริงเรื่องนี้เราอย่าไปพูดมาก รอผลการสั่งคดีของตนออกมาก่อน คงต้องใช้เวลาอีกพัก เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเทปโทรทัศน์ด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net