Skip to main content
sharethis

ตามที่มีข่าวว่าทีมงานสถานีโทรทัศน์พีทีวี ซึ่งทีมงานและแกนนำ อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธานบริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี เตรียมจัดเวทีในการปราศรัยที่สนามหลวงเย็นวานนี้นั้น (23 มีนาคม) ในส่วนของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี หลังจากที่ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ค่าเงินบาทที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว ผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงมาตรการรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ท้องสนามหลวงในวันนี้ (23 มี.ค.) ซึ่งนายกรัฐมนตรี ทำสีหน้านิ่งๆ ไม่ตอบข้อซักถามใดๆ พร้อมกับเดินขึ้นห้องทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้าท่ามกลางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งทหารและตำรวจที่พยายามกันผู้สื่อข่าวเพื่อเปิดทางให้


 


 



ผู้ชุมนุมที่ท้องสนามหลวงช่วงค่ำของวันที่ 23 มีนาคม


 


เสรีพิศุทธ์ระบุไม่อนุญาตพีทีวีใช้สนามหลวง


 


ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาราชการแทน ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีกองบัญชการตำรวจนครบาล(บช.น.)ไม่อนุญาตให้ กลุ่มพนักงานพีทีวี และกลุ่มต่อต้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)ชุมนุมบริเวณท้องสนามหลวง


 


โดยระบุว่า สถานที่ทุกแห่งมีเจ้าของ ซึ่งพื้นที่สนามหลวงเป็นของกรมธนารักษ์ แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ใช้อยู่ และกรุงเทพมหานครเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ซึ่งใครจะทำอะไรในพื้นที่ดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งหากไม่ได้รับอนุญาตก็ทำไม่ได้ หากฝ่าฝืนก็ถือว่าผิดกฎหมาย สำหรับกรณีนี้ถือว่าผิดกฎหมาย ตนจึงได้สั่งตำรวจให้เข้าไปดำเนินการ


 


 


แม่ทัพภาค 1 ระบุหากพาดพิงเปรมไม่สมควร


 


พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มผู้บริหารพีทีวี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย ที่ท้องสนามหลวงว่า ได้เตรียมความพร้อมรับมือการชุมนุมแล้ว และจะไม่ยินยอมให้กลุ่มดังกล่าวเดินทางไปยังบริเวณบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เพราะถือเป็นบุคคลสำคัญของประเทศ เป็นการไม่สมควรที่จะมีบุคคลใดจะไปกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ได้รับความเสื่อมเสีย อย่างไรก็ดีจะไม่ใช้ความรุนแรงจัดการกับกลุ่มดังกล่าวอย่างแน่นอน แต่จะใช้กฎหมายบ้านเมืองเข้าจัดการ


 


 


ประธาน คมช.ชี้เฝ้าดูม็อบตลอด ใช้แผนปฐพี 149 ปฏิบัติการ


 


ที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (23 มี.ค.) พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการการรักษาความสงบเรียบร้อย กรณีที่ม็อบพีทีวีว่า เป็นหน้าที่ของกองทัพภาคที่ 1 กทม. และ บช.น. ที่จะช่วยกันเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ การชุมนุมจะต้องอยู่ในขอบเขตและอยู่ในกรอบของกฎหมาย ทั้งนี้ คิดว่าไม่น่าจะเกิดความรุนแรงขึ้น เพราะเราเฝ้าดูอยู่ตลอด


 


เมื่อถามว่ากลุ่มผู้ชุมนุมอ้างว่าเนื่องจากพีทีวีไม่สามารถออกอากาศได้ จึงจำเป็นที่จะต้องออกมาชุมนุม พล.อ.สนธิตอบว่า การออกอากาศถ้าไม่ถูกกฎหมายก็ไม่สามารถออกอากาศได้ เราต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย เมื่อถามว่ามีความเป็นห่วงหรือไม่ว่าจะมีม็อบจากที่อื่นมาร่วมด้วย พล.อ.สนธิตอบว่า เราได้แจ้งกระทรวงมหาดไทยและกองทัพภาคต่างๆ ให้เฝ้าดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่แล้ว เมื่อถามว่าจะมีการสกัดกั้นผู้ชุมนุมไม่ให้เดินทางเข้ามาใน กทม.หรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า คิดว่าทางกระทรวงมหาดไทยและทางกองทัพภาคต่างๆคงจะมีการหารือกัน ซึ่งเราก็เฝ้าดูการชุมนุมอยู่ตลอดเวลา และก็หาหนทางในการแก้ไขอยู่แล้ว



 "เราไม่ห่วงกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว ขอให้ ประชาชนสบายใจ เราถือว่าเราสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ และสามารถรับมือกับกลุ่มต่างๆได้ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะ เราอยู่บนฐานของกฎหมาย ซึ่งตอนนี้ผมได้ประกาศให้ทหารเตรียมพร้อมแล้ว และสั่งให้ทหารเตรียมพร้อมอยู่ตลอด โดยจะปฏิบัติการตามแผนปฐพี 149" พล.อ.สนธิกล่าว


 


 


มท.1 กับ ปลัด มท. ให้การไม่ตรงกันเรื่อง "คุมม็อบ"


 


นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงมาตรการการควบคุมการชุมนุมในท้องสนามหลวงว่า คงจะไม่มีการสกัดกั้นไม่ให้เข้าชุมนุม แต่จะพยายามสร้างความเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มหนี้สินเกษตรกร หรือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำเน่าที่จังหวัดอ่างทอง รัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจ และยินดีลงพื้นที่ไปพบเพื่อชี้แจงถึงการทำงาน โดยหากต้องการให้รัฐมนตรี คนใด ฝ่ายไหนไปชี้แจงเรายินดีไปพบ แต่การเข้ามาชุมนุมจะสร้างความลำบากให้กับตัวเองและคนอื่นไปด้วย


 


ผู้สื่อข่าวถามถึงการชุมนุมของผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี นายอารีย์ตอบว่า สำหรับกลุ่มพีทีวีนั้นเป็นปัญหาทางการเมือง เป็นอีกประเด็นหนึ่ง   ทั้งนี้ต้องทราบว่าบ้านเมืองมีการประกาศกฎอัยการศึก หากมีปัญหาเกินเลยไป ก็เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณา   ไม่ใช่วันดีคืนดีก็ยกพวกมาอภิปรายที่ท้องสนามหลวง เมื่อถามว่าการชุมนุมจะมีการอภิปรายถึงการทำงานของรัฐบาล และอาจพาดพิงถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษด้วย รมว.มหาดไทยตอบว่า เรื่องนี้คงพูดอะไรไม่ได้ แต่ไปคิดดูเอง เบื้องหลัง 4 ปีที่แล้วทำอย่างไรไว้บ้าง ที่ยุ่งยากจนกระทั่งมีปัญหา ต้องพูดเรื่องนั้นด้วย



นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการติดตามสกัดกลุ่มม็อบต่างๆจากต่างจังหวัด ที่จะออกมาเคลื่อนไหวร่วมกับม็อบใน กทม. ว่า นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย ให้นโยบายแล้วว่าการเรียกร้องอะไร ให้ ผวจ.พยายามแก้ไขให้จบในระดับจังหวัด แต่หากเกินขีดความสามารถ ต้องใช้เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานส่วนกลางไปเจรจา ก็ให้เชิญเจ้าหน้าที่จากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง มาชี้แจงเจรจากับชาวบ้านโดยตรง แต่หากจังหวัดเชิญแล้วไม่มา ก็ให้มาบอกตนจะได้ประสานงานกับต้นสังกัด ให้จัดส่งคนลงไปในพื้นที่ แต่หาก ผวจ.แก้ ปัญหาม็อบในพื้นที่ไม่ได้ ก็ไม่ได้ถือเป็นความผิด เพียงแต่ให้พยายามแก้ไขปัญหาให้จบในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด และหากม็อบในพื้นที่เดินทางมาชุมนุมในกรุงเทพฯ ก็ให้ ทางจังหวัดรวบรวมข้อมูลส่งมาที่กระทรวงโดยด่วน พร้อมทั้งต้องส่งเจ้าหน้าที่ตามประกบกลุ่มผู้ชุมนุมมาด้วย ในช่วงที่ผ่านมาพบปัญหาว่ามีหลายกลุ่มที่รวมตัวกันนัดหมายเพื่อจะเดินทางมาชุมนุมในกรุงเทพฯ แสดงว่ามีความตั้งใจมีเป้าหมายพิเศษที่จะมาชุมนุมที่กรุงเทพฯโดยตรง ทำให้ทางจังหวัดแก้ไขปัญหาได้ยากลำบาก เพราะเขาประสงค์จะเดินทางมากรุงเทพฯ ไม่ประสงค์จะเจรจากับทางจังหวัด เป็นเรื่องหนักใจที่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมเจรจากับทางการ


 


 


ชุมนุมพีทีวีหวิดปะทะ กทม.ไล่รื้อ


 


ส่วนสถานการณ์การชุมนุม ปรากฏว่าในช่วงสายทีมงานสถานีโทรทัศน์ ได้เริ่มทยอยกันเดินทางมาเตรียมความพร้อมการจัดรายการสด และได้มีเจ้าหน้าที่ กทม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางเข้ามาทำการรื้อแผงเหล็ก แต่ปรากฏว่า ทีมงานของพีทีวีได้เข้าไปเจรจาด้วยท่าทีแบบแข็งกร้าว จนเกือบจะมีการปะทะกันแต่ก็ได้ยุติลง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ยกเลิกการรื้อถอนและเดินทางกลับ


 


กระทั่งเวลา 12.00 น. พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ ผบก.น.1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 และเจ้าหน้าที่เทศกิจรวมกว่า 100 นาย ได้ยกกำลังไปยังบริเวณชุมนุม เพื่อเข้ารื้อถอนเวทีที่ผู้ชุมนุมเตรียมเอาไว้ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่มาปักหลักรอกว่า 300 คน เกิดความไม่พอใจ และกรูกันเข้าขัดขวางเจ้าหน้าที่ โดยมีการยื้อยุดฉุดกระชากกันนานกว่า 20 นาที กระทั่งเหตุการณ์ทำท่าจะบานปลาย จึงมีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเทศกิจถอนกำลังออกมาก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์อีกครั้ง



โดยระหว่างที่มีการยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นั้น นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล ได้ปีนขึ้นไปบนรถที่ติดเครื่องขยายเสียง อภิปรายโจมตีเจ้าหน้าที่ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย พุ่งเป้าไปที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ องคมนตรีท่านอื่นๆ รวมทั้ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. และ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่า กทม. รวมทั้งด่าทอการกระทำของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้แม้ พ.ต.อ.อุทาสิน ฤทธิเรืองเดช ผกก.สน.ชนะสงคราม จะพยายามเข้าไปเจรจาขอให้ใจเย็นๆ แต่ก็ยังไม่วายถูกกรูเข้ามารุมล้อม จนต้องล่าถอยออกมา



 


พีทีวีขู่ไม่ให้ใช้สนามหลวงจะไปบ้านป๋า


 


ต่อมากลุ่มแกนนำผู้ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์พีทีวีนำโดย นายวีระ มุสิกพงษ์ และ นายจตุพร พรหมพันธ์ เดินทางมาดูสถานการณ์ โดย นายจตุพร ได้กระโดดขึ้นไปบนเวทีประกาศว่า ถ้าไม่ให้ใช้พื้นที่สนามหลวงก็จะไปใช้พื้นที่หน้ากองทัพบกหรือบ้านสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม


 


นอกจากนี้ ตลอดทั้งวันทางสถานีพีทีวี ได้จัดรถยนต์พร้อมติดป้ายเชิญชวนประชาชนมาร่วมชุมนุมในค่ำวันนี้ โดยขับไปในเส้นทางสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า จรัญสนิทวงศ์ ท่าพระ วงเวียนใหญ่ เพื่อประกาศชักชวนประชาชนให้มาชุมนุมกันในช่วงเย็นวันเดียวกัน


 


 


เจรจาได้ข้อสรุปชุมนุมถึง 4 ทุ่มเลิก หลังชุลมุนนาน


 


กระทั่งเวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจและเทศกิจประมาณ 500 คน ได้ตั้งแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งเดินไปประชิดบริเวณชุมนุมอีกครั้ง ทำให้นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ซึ่งอยู่บนเวทีได้พูดประกาศออกไมโครโฟนว่ามีตำรวจเดินล้อมเข้ามาจะรื้อเวที ทำให้ผู้ชุมนุมที่เพิ่มขึ้นประมาณ 1,000 คน ไม่พอใจ ลุกฮือขึ้นมาตะโกนด่า ขว้างขวดน้ำ ขวดน้ำปลา ก้อนหิน และสิ่งของต่างๆ รวมทั้งกรูเข้าใส่เจ้าหน้าที่ บางคนร้องไห้พร้อมต่อว่าตำรวจว่าทำไมต้องทำร้ายประชาชน ทำไมเวที นายสนธิ ลิ้มทองกุล ถึงจัดได้ แต่ทางตำรวจไม่ตอบโต้


 


ทำให้ผู้จัดการชุมนุมต้องรีบส่งทีมงานมากันคนออกไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงยืนประจำการอย่างนิ่งเฉย ไม่ได้ตอบโต้ใดๆ ก่อนที่จะมีการสั่งถอนกำลังออกมายืนรักษาการบริเวณหน้าศาลฎีกาแทน ขณะที่มีรายงานว่า แกนนำผู้ชุมนุมได้ส่งทีมเข้าไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ เพื่อขออนุญาตปราศรัยไปจนถึงเวลา 22.00 น. พร้อมกับรับปากว่า จะไม่มีการปลุกระดมหรือยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ฝ่ายเจ้าหน้าที่จึงยอมอนุญาตให้ชุมนุมต่อไปได้



 


เกรียงกมลท้าจับแกนนำบนเวที


 


จากนั้น นายเกรียงกมล เลาหไพโรจน์ ที่ปรึกษาพรรคไทยรักไทย จึงขึ้นเวทีปราศรัยโดยอ้างว่า คนที่ขว้างปาก้อนหินและไม้ใส่เจ้าหน้าที่ไม่ใช่คนของกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมกับกล่าวหาการใช้กำลังเข้าล้อมบริเวณชุมนุมว่า เป็นวิธีของเผด็จการ ซึ่งประเทศที่เจริญแล้วไม่ทำกัน และหากแน่จริงก็ให้ขึ้นมาจับแกนนำทุกคนบนเวทีได้เลย



ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ขึ้นกล่าวโจมตีความไม่ชอบมาพากลเรื่องการครอบครองบ้านพักบนเขายายเที่ยง จ.นครราชสีมา ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมปราศรัยพาดพิงถึง พล.อ.เปรม โดยเห็นว่า เป็นคนไทยคนหนึ่งที่แตะต้องได้ และเมื่อเป็นรัฐบุรุษก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งนี้ขอเพียงให้ออกมาพูดว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติทุกอย่างก็จบ



นายจตุพร กล่าวอีกว่า ในขณะนี้ มีการอ้างคุณธรรมกลบทุกเรื่องไว้หมด ขอให้ คมช. เป็นคณะสุดท้ายที่ทำการปฏิวัติ คมช. จะลงไปดีๆ หรือให้ไล่ลงอย่างทรราช ซึ่งพวกเราไม่กลัวหากจะปราบประชาชนที่มีหัวใจประชาธิปไตยไม่มีทางปราบหมด คมช.ต้องออกไปตั้งแต่ตอนนี้ ซึ่งการปราศรัยของนายจตุพรมีเสียงตะโกนรับเป็นระยะ



ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำอีกคนหนึ่ง กล่าวว่าว่า ได้มีคนโทรศัพท์มาแจ้งว่า ทางด้านพุทธมณฑล ได้มีรถยีเอ็มซีประมาณ 10 คัน จอดอยู่ ซึ่งเป็นไปได้ว่า เตรียมที่จะเคลื่อนเข้ามาเพื่อทำการสลายการชุมนุม แต่หากเข้ามาพร้อมต่อสู้สันติวิธี จะยอมให้จับแต่โดยดี



 


พบแกนไทยรักไทยร่วมสนามหลวงตรึม


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมในครั้งนี้ แม้แกนนำจะยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคไทยรักไทย แต่ก็ปรากฏว่า มีสมาชิกพรรคไทยรักไทยบางส่วน เดินทางมาร่วมให้กำลังใจด้วย อาทิ นายเกษม รุ่งธนเกียรติ อดีต ส.ส.สุรินทร์, นายแพทย์วัลลภ ยังตรง และ นายประชา ประสพดี อดีต ส.ส.สมุทรปรการ, นายมานะ คงวุฒิปัญญา, นายเกรียงกมล เลาหไพโรจน์ อดีต คนเดือนตุลา และอดีตที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ สมัยเป็นนายกฯ รวมทั้ง นายพินิจ ทวีสุข ซึ่งเป็นผู้ดูแลบ้านจันทร์ส่องหล้า ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร


มาร่วมสังเกตการณ์ ทั้งนี้ สตาฟส่วนใหญ่ของ พีทีวี เคยทำงานให้พรรคไทยรักไทย,


 


ส่วนการปราศรัยบนเวทีของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตโฆษกรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ปราศรัยโจมตีการทำงานของ คมช. และรัฐบาลอย่างดุเดือด ว่า ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ไม่นำพาประเทศสมานฉันท์ ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย ทำงานไม่เป็น ทั้งนี้ หากมีข้อกล่าวหาถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ตนจะสู้ถึงที่สุด พอนายจักรภพพูดถึงตรงนี้ ก็ทำให้ผู้ชุมนุมพากันปรบมือ


 


 


แกนนำเรียกพบกันใหม่ 30 มีนาคม ด้านสื่อรายงานตัวเลขผู้ชุมนุมไม่ตรงกัน


 


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การชุมนุมดังกล่าว แกนนำของพีทีวีต่างผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัยกันอย่างต่อเนื่อง แต่เนื้อหาการปราศรัยกลับวนเวียนอยู่ในเรื่องการกล่าวกระทบกระเทียบกับแกนนำ คมช. ในลักษณะเย้ยหยัน มากกว่าการนำเสนอปัญหาที่ต้องประสบในช่วง 6 เดือนของการยึดอำนาจ ต่างจากเวทีของกลุ่มต้านรัฐประหารกลุ่มอื่นอย่างสมาพันธ์ประชาธิปไตย หรือเครือข่าย 19 กันยาต้านรัฐประหาร


 


โดยแกนนำม็อบพีทีวีได้ประกาศย้ำให้ประชาชนให้กลับมาชุมนุมใหม่อีกครั้งในวันศุกร์ที่ 30 มีนาคม จากนั้นเวลาประมาณ 22.00 น. นายวีระ มุสิกพงศ์นำร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนจะมีการสลายการชุมนุม


 


อย่างไรก็ดี พบว่าสื่อมวลชนแต่สำนักรายงานตัวเลขผู้ชุมนุมไม่ตรงกัน โดยสำนักข่าวไอเอ็นเอ็นระบุว่ามีผู้ร่วมชุมนุม 1,000 คน ผู้จัดการออนไลน์ระบุว่ามีผู้ชุมนุม "เพิ่มมากขึ้นนับพันคน" หนังสือพิมพ์มติชนระบุว่า "กระทั่งช่วงค่ำมีประชาชนร่วมฟังประมาณ 1,500 คน" หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ระบุว่ามีผู้ชุมนุมประมาณ 2,000 คน หนังสือพิมพ์ไทยรัฐกล่าวเพียงว่า "ช่วงค่ำยิ่งมีคนมาร่วมฟังการปราศรัยอย่างหนาตา" ขณะที่แนวหน้าออนไลน์ระบุจำนวนผู้ชุมนุมมากที่สุด โดยระบุว่ามีผู้ชุมนุมประมาณ 5,000 คน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net