Skip to main content
sharethis






การเมือง


 


กลุ่มพิราบขาวยึดสนามหลวงโจมตี"คมช.รัฐบาล-ป๋าเปรม"ต่อเนื่อง


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ - ผู้สื่อข่าวรายงานจากท้องสนามหลวงว่า เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 25 มี.ค.บรรยากาศการชุมนุมของผู้คัดค้านการรัฐประหาร และต่อต้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และรัฐบาล ที่มีกลุ่มพิราบขาว 2006 เป็นแกนนำ และได้เปิดเวทีปราศรัยโจมตีคมช.รัฐบาล รวมถึง พล.อเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรีฐบุรุษ อย่างต่อเนื่อง  


 


นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล แกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 กล่าวปราศรัยโจมตี รัฐบาล และ คมช.อย่างรุนแรง โดยระบุถึงการยึดอำนาจของคมช.ที่ไม่ถูกต้อง ชอบธรรม และขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งตลอดการปราศรัยนายนพรุจ ได้ปลุกกระแสคนฟังที่มีกว่า 100 โดยตะโกนเรียกร้องให้คมช.และรัฐบาลออกไป  


 


ทั้งนี้นายนพรุจ ยังได้พาดพิงพล.อ.เปรม โดยใช้ถ้อยคำค่อนข้างรุนแรงและหยาบคาย พร้อมยืนยันว่าการชุมนุมของกลุ่มพิราบขาว 2006 ยังคงปักหลักต่อไป แม้จะถูกดำเนินการจับกุมและถูกกีดขวางจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ตาม  


 



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.09 น. กลุ่มพิราบขาว 2006 มีการจัดพิธีบวงสรวงสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเป็นการอัญเชิญดวงวิญาณ อดีตกษัตริย์ไทยมาเป็นมิ่งขวัญในการชุมนุมต่อสู้เคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ที่ได้ถูกริดรอนไปจากคมช.ให้กลับคืนมา


 


สสร.ยังเสียงแตกในประเด็น "นิรโทษกรรม" คมช.


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - นายเสรี สุวรรณภานนท์ รองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอให้บัญญัติการนิรโทษกรรมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และองค์กรที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่งตั้งขึ้นในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า ตามหลักทางกฎหมาย หลังจากที่มีการยึดอำนาจก็เท่ากับว่าเป็นรัฐธิปัตย์ไปแล้ว ถือว่ามีความชอบธรรมในการบริหารประเทศ ดังนั้น การกระทำที่ผ่านมาถือว่าไม่มีความผิด อีกทั้งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2549 ก็ให้ความคุ้มครอง คมช.ไว้


 


ดังนั้น แม้บางคนจะยังมีความห่วงใยว่า คมช. อาจถูกดำเนินคดีหลังรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2549 ถูกยกเลิก แต่ในแง่กฎหมายไม่น่ากระทำได้ เพราะได้กระทำสิ่งที่ถูกต้องไปแล้ว ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปบัญญัติเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมฉบับใหม่


 


"ถือว่าการยึดอำนาจที่ผ่านมาและได้อำนาจไป เป็นการใช้อำนาจของรัฐ เป็นอำนาจที่เรียกว่ารัฐธิปัตย์ ถือว่ามีความชอบธรรมอยู่แล้ว เพราะสมัยก่อนหลังมีการยึดอำนาจก็ไม่มีการเขียนบทนิรโทรกรรมไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่" นายเสรี กล่าว และว่าที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการทำรัฐประหารหลายครั้ง และคนที่ทำไม่เห็นมีบุคคลใดถูกดำเนินคดี


 


ด้านนายจรัญ ภักดีธนากุล ประธานอนุกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญกรอบที่ 2 ว่าด้วยสถาบันการเมือง กล่าวว่า โดยหลักการ เมื่อคณะรัฐประหารจะคืนอำนาจให้กับประชาชน ก็ต้องการความมั่นใจว่า ต้องไม่ถูกดำเนินคดีในภายหลัง


 



ดังนั้น ถ้าเราไม่ให้ความมั่นใจกับคณะรัฐประหาร การส่งคืนอำนาจอธิปไตยให้กับประชาชนอาจมีอะไรที่ขัดข้องได้ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปกติ เมื่อจะถอยออกไปจากอำนาจรัฐก็ต้องขอความมั่นใจว่าจะไม่ตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีทางกฎหมายอีก


 


"ที่ผ่านมาในอดีต การนิรโทษกรรมจะบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ แต่ข้อเสนอในคราวนี้ อาจมาอยู่ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่เหมือนในอดีต เป็นเรื่องที่แตกต่างตรงจุดนี้เท่านั้น" นายจรัญ กล่าว และยืนยันว่า การบัญญัตินิรโทษกรรมไว้ในบทเฉพาะกาลไม่ได้เป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับการทำรัฐประหาร ตรงกันข้าม การบัญญัติไว้เท่ากับประกาศให้เห็นว่า การทำรัฐประหารผิดกฎหมาย จึงต้องออกฎหมายให้มีการนิรโทษกรรม


 


นายจรัญ กล่าวด้วยว่า ปกติการทำรัฐประหารหรือปฏิวัติ ถ้าไม่มีเงื่อนไขที่เพียงพอ ประชาชนไม่ให้การยอมรับก็ทำไม่สำเร็จ และจะกลายเป็นความผิดฐานกบฏ ซึ่งมีโทษรุนแรงและไม่มีทางได้รับนิรโทษกรรม แต่ถ้าเป็นการทำรัฐประหารที่มีเงื่อนไขรองรับเพียงพอ ประชาชนรับได้ และคณะรัฐประหารพร้อมคืนอำนาจให้ประชาชนตามเวลาที่กำหนดไว้ ก็จำเป็นต้องให้การนิรโทษกรรมเพื่อคุ้มครอง ถือเป็นครรลองของสถานการณ์ที่จะต้องดำเนินการไปเช่นนี้ และส่วนตัวเชื่อว่า ไม่มีปัญหาต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แม้ว่าจะมีประชาชนส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วย และขอยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้รับใบสั่งจาก คมช.เพราะเราไม่รับใบสั่งใครอยู่แล้ว


 


"เสรี" ค้านบัญญัตินิรโทษกรรมใน รธน.ชี้ผู้ยึดอำนาจมีความชอบธรรมอยู่แล้ว


ผู้จัดการออนไลน์ - นายเสรี สุวรรณภานนท์ รองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) กล่าวแสดงความไม่เห็นด้วย กรณีที่กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเสนอบัญญัติกฎหมายนิรโทษกรรมไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เนื่องจากตามหลักกฎหมาย ผู้ที่สามารถยึดอำนาจได้ มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบเพื่อหาข้อยุติ ซึ่งเชื่อว่าจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาบานปลาย


 


ขณะเดียวกัน ในวันที่ 25 มี.ค.ได้มีการจัดเสวนา เรื่อง "ร่วมคิด ร่วมสร้าง ร่วมร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจัดโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจขั้นตอนการยกร่างรัฐธรรมนูญ การรับฟังความคิดเห็น และการมีส่วนร่วมของประชาชน


 


ชงยกร่างปรับโครงสร้างตำรวจ-คง รร.นายร้อย


เว็บไซต์เดลินิวส์ - เมื่อวันที่ 25 มี.ค. นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการฯ วันพรุ่งนี้ (26 มี.ค.) จะมีการสรุปภาพรวมโครงสร้างตำรวจเพื่อเสนอ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ภายในวันที่ 31 มี.ค. นี้ โดยแผนงานปรับโครงสร้างตำรวจที่นำเสนอครั้งที่ 2 จะเป็นทิศทางที่สมบูรณ์มากขึ้นของโครงสร้างตำรวจใหม่ โดยจะมีการเสนอร่างกฎหมาย 2 ฉบับ ให้กับนายกรัฐมนตรี ได้แก่ ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2547 ซึ่งจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างตำรวจให้มีการกระจายอำนาจมากขึ้นอย่างชัดเจน โดยจะแยกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ต่อการสั่งการตำรวจภาค ตำรวจนครบาล ให้มีอิสระมากขึ้น


 


อีกฉบับคือ ร่าง พ.ร.บ.คณะกรรมการรับเรื่องราวร้องทุกข์ ซึ่งโครงสร้างใหม่ของงานตำรวจจะมีสำนักงานพัฒนาระบบงานตำรวจ ซึ่งจะมีคณะกรรมการที่ผ่านการสรรหาจากคณะกรรมการตำรวจขึ้นมาทำงานประจำในตำแหน่งเลขานุการ สำนักงานพัฒนาระบบงานตำรวจ และจะได้ดูแลในเรื่องการตรวจสอบและรับเรื่องร้องทุกข์ นอกจากนี้ จะนำเสนอพิมพ์เขียวโครงสร้างตำรวจให้กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีเรื่องของสถานีตำรวจที่จะปรับเปลี่ยนด้วย


 


นายกิตติพงษ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ขณะนี้คณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ เพียงมีความเห็นร่วมกันที่จะปรับให้เป็นสถาบันวิชาการมากขึ้น ระบบบริหารให้เป็นแบบมหาวิทยาลัยที่มีอธิการบดี หรืออาจจัดการเป็นองค์กรมหาชน หรือเอสดียู ของระบบราชการ อย่างไรก็ตาม ชื่อโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ยังคงอยู่ เปลี่ยนเฉพาะการบริหาร


 


เกิดอาฟเตอร์ช็อคขนาด 5.3 ริคเตอร์ หลังเกิดแผ่นดินไหวไม่กี่ชั่วโมง


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - สำนักงานธรณีวิทยาของญี่ปุ่นได้ประกาศลดระดับแรงสั่นสะเทือนของเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่บนเกาะฮอนชูเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาจาก 7.1 ริคเตอร์ เหลือ 6.9 ริคเตอร์ และรายงานการเกิดอาฟเตอร์หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวจนถึงขณะนี้ว่ามีทั้งสิ้น 108 ครั้ง โดยอาฟเตอร์ช็อกขนาดรุนแรงที่สุด วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5.3 ริคเตอร์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.15 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 16.15 น. ตามเวลาประเทศไทย ในเขตจังหวัดอิชิกาว่า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด พร้อมเตือนว่า อาจจะมีอาฟเตอร์ช็อคขนาดไม่รุนแรงเกิดขึ้นเรื่อยๆ ได้อีกในรอบ 1 สัปดาห์


 


ส่วนความเสียหายล่าสุดนั้น ขณะนี้พบว่า จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บได้เพิ่มขึ้นเป็น 170 คน ขณะที่ผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 1 คน และแรงสั่นสะเทือนยังได้ทำลายอาคารบ้านเรือนประชาชนเสียหายทั้งหลังจำนวน 33 หลัง และได้รับความเสียหายเล็กน้อยอีก 301 หลัง รวมทั้งทำให้ระบบการส่งน้ำประปาในจังหวัดอิชิกาวา และโตยามาต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้ประชาชนมากกว่า 9,900 คนได้รับความเดือดร้อน ส่วนในจังหวัดวาจิมา ซึ่งอยู่ใกล้กับศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหว ทางการได้อพยพชาวเมืองกว่า 1,200 คน ไปยังศูนย์บรรเทาทุกข์ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัย


 


"ชวน" ทำหนังสือถึงรัฐบาลของบฯ ชดเชย 14 จังหวัดภาคใต้ พร้อมเตือนม็อบพทีวี.อย่างจาบจ้วง"ป๋าเปรม"


กรมประชาสัมพันธ์ - พรรคประชาธิปัตย์ ของบประมาณชดเชยให้กับ14 จังหวัดภาคใต้  ระบุไม่ได้รับความเป็นธรรมในการจัดสรรงบประมาณ สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของ พรรคไทยรักไทย เตือนม็อบพีทีวี.อย่าจาบจ้วงประธานองคมนตรี


 


เวลา 13.30 น.วันที่ 25 มี.ค.50  ที่สวนสาธารณะอาภากรเกียรติวงศ์ อ.เมือง จ.ชุมพร โดย องค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร ได้จัดเวทีบรรยายพิเศษ เรื่อง "บทบาทสตรี กับภาวการณ์เป็นผู้นำยุคใหม่" โดยเชิญ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษา พรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นผู้บรรยาย ซึ่งก่อนที่นายชวนจะขึ้นเวทีนั้น แกนนำสำคัญ เช่น นายถาวร เสนเนียม นายสุวโรช พะลัง นายศิริศักดิ์ อ่อนละมัย นายธีระชาติ ป่างวิรุฬรักษ์ อดีต สส.จังหวัดชุมพร ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยมีประชาชนมาร่วมรับฟังประมาณ 4,000 คน


 


นายชวน หลีกภัย กล่าวตอนหนึ่งในการบรรยายว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค.50 ที่ผ่านมา พรรคประชาธฺปัตย์ ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ และรัฐบาลโดยเข้าชื่อ อดีต สส.ทั้งหมดของพรรค เพื่อเสนอให้รัฐบาลชดเชยงบประมาณให้กับจังหวัดสส.ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากจังหวัดดังกล่าวขาดโอกาสที่จะได้รับงบประมาณ


 


สมัยที่ พรรคไทยรักไทย บริหารประเทศ และ  พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น ได้ประกาเสมอว่า จะพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่มี สส.ของพรรคไทยรักไทย โดยเฉพาะ 14 จังหวัดภาคใต้ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ พรรคไทยรักไทย บริหารประเทศขาดโอกาสในการพัฒนาไปมาก ทั้งที่ความเป็นจริง จังหวัดภาคใต้เป็นภาคที่เสียภาษีเป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากภาคกลาง ซึ่งควรจะได้รับงบประมาณอย่างเป็นธรรม


 


ภายหลังการปราศรัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการร่างรัฐธรรมนูญ โดยยังมั่นใจว่า นายกรัฐมนตรีจะมาจากการเลือกตั้ง ส่วนข้อถาม เรื่อง การชุมนุม ของม็อบพีทีวี.  นายชวนตอบว่า รัฐบาลต้องรอบคอบถ้าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ ซึ่งตนเชื่อว่า มีการส่งเงินมาสนับสนุนการเคลื่อนไหว ส่วนกรณีที่มีการโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารนั้น นายชวน กล่าวว่า ก็ยิ่ง ชัดเจนว่าการเคลื่อนไหวมาจากกลุ่มใด ซึ่ง พล.อ.เปรม เป็นถึงประธานองค์มนตรี ทุกฝ่ายจึงต้องระมัดระวัง


 


น.ต.ประสงค์ "อยากไขก๊อก" เครียดรัฐบาล-คมช.อ่อนหัด


เว็บไซต์คมชัดลึก - รายงานข่าวจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ระบุว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญมีความกังวลกับสถานการณ์ทางการเมืองของรัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เป็นอย่างมาก โดยเห็นว่าทั้งรัฐบาลและ คมช.ยังแก้ปัญหาการเมืองไม่ถูกจุด



รวมทั้งยังมีปัญหาความเป็นเอกภาพระหว่าง คมช.ด้วยกันเอง ขณะที่รัฐมนตรีในรัฐบาลที่ยังคงเข้าเกียร์ว่างไม่ให้ความร่วมมือในการจัดการกับระบอบทักษิณให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทำให้ตกเป็นฝ่ายรับขบวนการของกลุ่มอำนาจเก่าหลายครั้ง


 


หากยังปล่อยให้กลุ่มอำนาจเก่ารุกใส่ศูนย์อำนาจอย่างต่อเนื่อง จะทำให้กระแสความนิยมของรัฐบาลเสื่อมลงและประชาชนเบื่อหน่ายรัฐบาลมากขึ้น จะมีผลกระทบโดยตรงต่อการร่างรัฐธรรมนูญและมีแนวโน้มที่ประชามติจะไม่ผ่าน ข่าวแจ้งด้วยว่า ในคืนที่กลุ่มสถานีโทรทัศน์พีทีวี นำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ จัดชุมนุมเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 23 มีนาคม ที่ท้องสนามหลวง น.ต.ประสงค์ โทรศัพท์เช็คความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดและห่วงว่าเหตุการณ์จะบานปลายจนกระทั่งปิดเวทีเวลาเกือบ 23.00 น. ทั้งที่ตามปกติเป็นที่รู้กันว่า น.ต.ประสงค์ จะเข้านอนเวลาไม่เกิน 21.00 น.เท่านั้น


 


แหล่งข่าวใกล้ชิด น.ต.ประสงค์ ยอมรับว่า น.ต.ประสงค์ เคยเปรยให้ฟังว่าอยากจะออกจากการเป็นประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะรู้สึกเหนื่อยที่ต้องร่างรัฐธรรมนูญท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ไม่นิ่งเช่นนี้ ขณะที่รัฐบาลก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองให้อยู่ในความสงบได้ แต่ท่านก็เข้าใจว่าถ้าจะออกกลางคันเช่นนี้อาจจะเป็นการซ้ำเติมให้สถานการณ์เลวร้ายลง จึงต้องช่วยประคับประคองกันไปก่อน


 


"น.ต.ประสงค์ มองว่า คมช.และรัฐบาลยังแก้ปัญหาการเมืองไม่ได้ ถ้าเหตุการณ์ยังเป็นอย่างนี้ถึงร่างให้ดีอย่างไรรัฐธรรมนูญก็มีสิทธิไม่ผ่านประชามติ ท่านเคยพูดทีเล่นทีจริงว่าอย่าลืมว่าผมเป็นทหารอากาศย่อมรู้ดีว่าจะกระโดดร่มจากเครื่องบินตอนไหน" แหล่งข่าว กล่าว


 


ขณะรัฐสภา น.ต.ประสงค์ พร้อมคณะ อาทิ น.พ.ชูชัย ศุภวงศ์, นายวิชา มหาคุณ, นายประพันธ์ นัยโกวิท นายเสรี สุวรรณภานนท์, นายเดโช สวนานนท์, นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ร่วมกันตอบกระทู้ความคิดเห็นประชาชนในข้อเสนอการร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้แจกแบบฟอร์ม การตั้งกระทู้คำถามให้ประชาชนถามได้คนละ 2 ประเด็น พบว่า มีประชาชนส่วนใหญ่วัยทำงานอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป จนถึงกลุ่มวัยเกษียณ รวมทั้งกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ในองค์กรต่างๆ ได้เดินทางมาร่วมประมาณ  500 คน


 


จี้ "พานทองแท้ - พิณทองทา" ยื่นชำระภาษีก่อน 2 เม.ย.ขณะที่ คตส.จ่อสรุปปลายเดือนนี้


ผู้จัดการออนไลน์ - นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากรจะยังไม่ดำเนินการประเมินภาษีจากนายพานทองแท้และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร ในส่วนต่างที่ได้จากการซื้อขายหุ้นระหว่างบริษัทแอมเพิลริช อินเวสต์เม้นท์ จำกัด กับ บริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในตอนนี้เพราะยังจะต้องรอผลการสรุปการตรวจสอบจากคณะอนุกรรมการตรวจสอบในเรื่องนี้ ของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่มี นายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ เป็นประธานก่อนเพื่อนำข้อมูลทีได้มาเทียบเคียงกับข้อมูลที่กรมสรรพากรมีว่าจะมีความแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร


 


"ในกรณีทั้งนายพานทองแท้ ชินวัตร และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร ยังสามารถยื่นและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปี 2549 ได้ถึงวันที่ 2 เมษายนนี้ แต่ถ้าทั้งสองคนไม่มายื่นแบบตามที่กำหนด กรมสรรพากรก็จะทำการประเมินภาษีเพื่อเรียกเก็บภาษีจากทั้งสองคน และถ้าทั้งสองคนยังไม่เห็นด้วยการกับการประเมินภาษีของกรมสรรพากร ก็จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีขึ้นมา เช่นเดียวกันถ้าทั้งสอคนยังยืนยันตามเดิมที่จะไม่เสียภาษีกรมสรรพากรจะต้องดำเนินการฟ้องศาลภาษีต่อไป" นายศานิต กล่าว


 


อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็ได้มีการหารือกับนายวิโรจน์ เป็นการส่วนตัวมาตลอด แต่ก็มีความจำเป็นเหมือนกันที่ภายในสัปดาห์นี้ อาจจะต้องมีการหารือร่วมกับนายวิโรจน์ และคณะอนุกรรมการตรวจสอบอีกครั้ง เพราะใกล้จะครบกำหนดในการยื่นเสียภาษีในวันที่ 2 เมษายนแล้ว นอกจากนี้ในเรื่องของหนังสือหารือภาษีที่ผู้บริหารกรมสรรพากรในอดีตได้ตอบไปว่าซื้อหุ้นไม่มีภาระภาษีไปก่อนหน้านี้นั้น ตรงนี้ไม่ถือว่าจะเป็นจุดอ่อนในการดำเนินคดีเพราะตามกฎหมายหนังสือความเห็นของกรมสรรพากรไม่มีผลผูกพันในทางกฎหมาย


 


"กรณีถ้ามีข้อเท็จจริงหรือมีหลักฐานเกิดใหม่กรมสรรพากรก็อาจจะเชิญบุคคลนายพานทองแท้และนางสาวพิณทองทามาชี้แจง และถ้ามีข้อเท็จจริงใหม่เกิดขึ้นก็จะส่งผลให้หนังสือที่เป็นความเห็นของกรมสรรพากรจะไม่มีผลผูกพัน ซึ่งในกรณีนี้ศาลเองก็เคยวินิจฉัยแล้วเช่นกันว่าหนังสือแบบนี้ไม่มีผลผูกพัน" อธิบดีกรมสรรพากรกล่าว


 


ด้าน นายวิโรจน์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ทราบถึงการที่อธิบดีกรมสรรพากรจะขอหารืออย่างเป็นทางการ เพราะตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการทำงานของคณะอนุกรรมการตรวจสอบอยู่ ซึ่งอนุกรรมการจะเร่งรัดผลการตรวจสอบให้เสร็จภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้หลังจากที่ได้รับฟังคำชี้แจงจากนางสาวปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ ผู้ทำหนังสือหารือกรมสรรพากร


 


ขณะที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายครอบครัวชินวัตร กล่าวว่า เรื่องการยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่กำลังจะครบกำหนดในวันที่2เมษายนนี้ในส่วนการซื้อขายของบริษัทแอมเพิลริช


 


"ไม่ทราบจริงๆว่าถ้าเมื่อถึงวันครบกำหนดนายพานทองแท้และนางสาวพิณทองทาจะไปยื่นแบบการเสียภาษีหรือไม่ เพราะกรณีไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของตนแต่เป็นหน้าที่ของทีมทนายความอีกทีมที่เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้"


 


สมาพันธ์ปลัดฯเสนอยุบสมาชิก อบจ.เขต ทำงานซับซ้อน


เว็บไซต์เดลินิวส์ - นายทวีศักดิ์ ศรีทองกิติกูล ที่ปรึกษาสมาพันธ์ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศ เปิดเผยว่า ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของ สมาพันธ์ฯ ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ซิตี้ จอมเทียนเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ปลัดอบต. ทั่วประเทศจะรับฟังการบรรยายจากกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ หลังจากมีการพิจารณา 3 กรอบใหญ่ ประกอบด้วย กรอบที่ 1 โครงสร้างขององค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กรอบที่ 2 การบริหารงานบุคคล และกรอบที่ 3 การเลือกตั้งท้องถิ่น สำหรับการเตรียมความพร้อมเรื่องโครงสร้าง ในอนาคตการทำงานของอปท.ไม่ควรมีปัญหาทับซ้อน เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลเมือง เทศบาลตำบล กับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จะมีความขัดแย้งเกิดขึ้น เนื่องจาก อบจ.ไม่มีพื้นที่ดูแลรับผิดชอบโดยตรง แต่มีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) มาทำงานทับซ้อนกับเขต อบต. และเทศบาล สำหรับการจัดสรรงบประมาณที่ผ่านมาจะไม่สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของท้องถิ่น แต่จะทำเพื่อสนองนโยบายของหัวคะแนน



 


"ขณะนี้มีการเสนอให้มีนายก อบจ. เหมือนเดิม ในส่วนของ ส.อบจ.ไม่ควรจะมีหรือไม่ แต่ควรจะดึงมาจากนายก อบต. หรือนายกเทศมนตรีมาร่วมเป็นสมาชิกสภาจังหวัด ทำให้การพิจารณาในเรื่องต่าง ๆ ก็จะได้ตัวแทนชาวบ้านจากระดับท้องถิ่นมานั่งเป็นสมาชิกในสภา ทำให้การจัดสรรงบประมาณสอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริง และสนับสนุนซึ่งกันและกัน นายก อบจ.จะมีหน้าที่ในการประสานงานในการใช้งบปีละ 200-300 ล้านบาท ส่วนการประชุมยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับจังหวัดเพื่อกำหนดกรอบนโยบายในการพัฒนา หลังการประชุมก็ไม่ได้มีทิศทางที่ท้องถิ่นต้องการ พอถึงเวลาทำงานจริง อบจ. ก็ไปเลือกทำเป็นบางโครงการ แต่สิ่งที่ อปท. อื่นเสนอเข้าไปก็ไม่ได้รับการสนับสนุนทั้งหมด และในอนาคต อบจ.ควรทำเฉพาะโครงการใหญ่ที่เป็นยุทธศาสตร์จังหวัด เช่น การทำถนนเชื่อมระหว่างเทศบาลตำบล กับ อบต. อย่าทำถนนลูกรังประจำหมู่บ้านเพราะสิ่งเหล่านั้นควรเป็นหน้าที่ของ อปท.ในระดับพื้นที่" นายทวีศักดิ์กล่าว


 


นายทวีศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับการบริหารงานบุคคลทราบว่าขณะนี้กระทรวงมหาดไทยได้ถอนร่างแก้ไขเปลี่ยนแปลง พ.ร.บ.บริหารงานบุคคล ออกมาจากการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้วเพื่อรอดูทิศทางของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และตนขอเรียนว่ามาตรฐานของงานบริหารงานบุคคลท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดไม่มีมาตรฐานเดียวกัน นอกจากนั้นในจังหวัดเดียวกัน ก.อบต. ก.ทจ. และก.อบจ.มีการใช้ดุลพินิจในเรื่องลักษณะเดียวกันที่แตกต่างกัน ส่วนการใช้อำนาจของนายก อบต.บางรายก็ถือโอกาสล้วงลูกการทำงานของพนักงานท้องถิ่นเกินขอบเขตความรับผิดชอบ ยกตัวอย่างเช่น การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบรรจุแต่งตั้งจนมีการร้อง   เรียนปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์ในการโอนย้ายและบรรจุ ส่วนภาคประชาชนที่จะเข้ามามีโอกาสตรวจสอบท้องถิ่นต้องยอมรับว่าไม่มีประสิทธิภาพและมักจะถูกครอบด้วยระบบอุปถัมภ์ ซึ่งรัฐธรรมนูญใหม่ควรเปิดโอกาสให้ประชาชนตรวจสอบการทำงานของ อบต.ทั้งระบบได้ง่ายกว่า


 






ความมั่นคง


 


นางอังคณา นีละไพจิตร เรียกร้องให้ภาครัฐยอมรับบทบาทผู้หญิงในการดับไฟใต้


กรมประชาสัมพันธ์ - นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของทนายสมชาย ลีละไพจิตร ตัวแทนชาวบ้านนักต่อสู้เพื่อสิทธิชุมชน  กล่าวหลังการสัมมนา "อิสลามกับแนวทางในการสร้างสามัคคีและสันติสุข" ถึงปัญหาใน 3 จังหวัดภาคใต้ที่มีผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวข้องว่า เนื่องจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงกับผู้หญิงและเด็ก เพราะเมื่อตกเป็นผู้เสียหาย ผู้สูญเสีย ผู้หญิงส่วนมากต้องมาเป็นหัวหน้าครอบครัว จึงเห็นว่าผู้หญิงมีความสำคัญที่จะแก้ปัญหาได้


 


ในหลาย ๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนกับประชาชนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ โดยเฉพาะบทบาทของผู้หญิง อยากให้ภาครัฐภาคประชาสังคม รวมถึงผู้นำศาสนายอมรับบทบาทของผู้หญิง ในการที่จะมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาความรุนแรงให้มากกว่านี้


 


ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสภาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นางอังคณา นีละไพจิตร กล่าวว่า ปัญหาในสภาร่างรัฐธรรมนูญก็ไม่ต่างจากปัญหาของประชาชนทั่วไป ก็คือการยกระดับสถานภาพสตรี ทำอย่างไรที่ภาครัฐ จึงจะมีองค์กรขึ้นมาดูแลผู้หญิงโดยตรง เพื่อดูแลปัญหาความรุนแรงในครอบครัว หรือปัญหาผู้หญิงถูกทำร้ายเป็นต้น


 


งัดกฏเหล็กจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว ห้ามออกนอกสถานที่พักอาศัยหลัง 4 ทุ่ม


เดลินิวส์ - ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจังหวัดระนองประชุมชี้แจงการต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และการจัดระเบียบคนต่างด้าวโดยมีนางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานชี้แจงถึงความจำเป็นในการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวว่า เพื่อความมั่นคงของประเทศ รวมทั้งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านสาธารณสุข เนื่องจากระนองเป็นจังหวัดชายแดน มีปัญหาการหลบหนีเข้าเมืองของคนต่างด้าวเป็นจำนวนมากทำให้ยากต่อการควบคุม


 


โดยได้ออกประกาศจังหวัดระนองเรื่องกำหนดมาตรการจัดระเบียบคนต่างด้าวบางจำพวก เพื่อให้นายจ้าง คนต่างด้าว และผู้ที่เกี่ยวข้องได้ถือปฏิบัติ เช่น ห้ามแรงงานต่างด้าวออกนอกสถานที่พักอาศัยหลังเวลา 22.00-06.00 น. โดยไม่มีความจำเป็น ยกเว้นต้องทำงาน หรือมีความจำเป็นเร่งด่วนอื่นๆ แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของนายจ้างอย่างใกล้ชิด ห้ามชุมนุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยไม่ได้รับอนุญาต และห้ามแรงงานต่างด้าวใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อความมั่นคงของชาติ


 


หากมีความจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ นายจ้างต้องทำบัญชีรายชื่อแรงงานต่างด้าวผู้ใช้โทรศัพท์พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ส่งให้จังหวัดทราบทุกคน และให้นายจ้างเคร่งครัดต่อการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวและดูแลในเรื่องของความสะอาดด้วย ทั้งนี้ใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าวจะหมดอายุในวันที่ 30 มิถุนายน 2550 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2549 เห็นชอบให้ต่อใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว กัมพูชา ที่ได้รับอนุญาตทำงานต่อไปอีก 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ดังนั้นหากนายจ้างประสงค์จะจ้างแรงงานต่างด้าวให้ยื่นคำขออนุญาตทำงานได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดระนองไปจนวันที่ 30 มิถุนายน 2550


 


ปิดด่านไทย-พม่าตลอดแนวตอบโต้กะเหรี่ยงจับ 2 ตชด.


เว็บไซต์คมชัดลึก - กองกำลังสุรสีห์ตอบโต้พม่ากรณีกะเหรี่ยงดีเคบีเอจับสองตชด. สั่งปิดด่านชายแดนตลอดแนวตั้งแต่เมืองกาญจน์-ประจวบฯ เผยสาเหตุเกิดจากความแค้นที่ฝ่ายไทยจับกุมขบวนการค้ายาบ้าที่มีกะเหรี่ยงเป็นผู้ต้องหา ล่าสุดเชื่อว่าตชด.ทั้งสองยังปลอดภัย


 


ความคืบหน้ากรณีว่าที่ ร.ต.ต.ชวลิต รัตนพันธ์ ผบ.หมวด ตชด.ที่ 1342 และส.ต.ต.ประยุทธ พันธ์ธัม ผบ.หมู่ ตชด.ที่ 1342 สังกัดกองร้อย ตชด.ที่ 134 (สังขละบุรี) หายตัวไปจากฐานปฏิบัติการช่องสามัคคี บริเวณทางเข้าออกชายแดนไทย-พม่า บ้านจะแก ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม และทราบภายหลังว่าถูกกองกำลังของพม่าเชื้อสายกะเหรี่ยงดีเคบีเอจับตัวไป ต่อมามีข่าวแจ้งว่า ตชด.ทั้งสองนายถูกควบคุมตัวอยู่ที่วาเล่ย์ ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ อ.พบพระ จ.ตาก


 


ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มีนาคม นายชุมพร พลรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวว่า จากการตรวจสอบยืนยันได้เพียงอย่างเดียวว่า ตชด.ทั้งสองนายยังปลอดภัย แต่ไม่ชัดเจนว่าถูกควบคุมตัวไว้ที่จุดใดอย่างแน่นอน และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากฝ่ายดีเคบีเอแต่อย่างใด


 


"ตอนนี้ไม่ได้เสริมกำลังเพิ่มเติมใน อ.พบพระ ส่วนรายละเอียดและสาเหตุที่ตชด.ทั้งสองนายถูกจับไปนั้น เนื่องจากเรื่องเกิดขึ้นใน จ.กาญจนบุรี จึงไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ตอนนี้ทำได้เพียงอย่างเดียวคือตรวจสอบข่าวอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา" นายชุมพร กล่าว


 


ด้านแหล่งข่าว ตชด.ในพื้นที่ อ.พบพระ ยืนยันว่า ตชด.ทั้งสองนายถูกทหารกะเหรี่ยงดีเคบีเอควบคุมตัวอยู่ที่ค่ายวาเล่ย์ โดยขณะนี้ทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่


 


"ความจริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ของไทยกับทหารดีเคบีเอค่อนข้างดี โดยเฉพาะฝั่ง อ.พบพระและ อ.อุ้มผาง จ.ตาก แต่เชื่อว่าสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองนายถูกควบคุมตัวไป น่าจะเกิดจากความผิดพลาดในการสื่อสารบางอย่าง" แหล่งข่าวกล่าว


 


นายจรัส ศรีมูล นายอำเภอพบพระ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยกับดีเคบีเอ และยังไม่มีคำยืนยันเรื่องการปล่อยตัว ตชด.ทั้งสองนาย


 


 






ต่างประเทศ


 


ม็อบเกษตรกรโสมขาวประท้วงกลางกรุงโซล ต่อต้านการรื้อฟื้นเอฟทีเอ


ผู้จัดการออนไลน์ - เกษตรกรและนักเคลื่อนไหวชาวเกาหลีใต้หลายพันคน ชุมนุมประท้วงในย่านใจกลางกรุงโซล เพื่อต่อต้านการรื้อฟื้นเจรจาเขตการค้าเสรีร่วมกับสหรัฐฯ


 


จากการออกเดินขบวนต่อต้านทางการเกาหลีใต้ต้องวางกำลังตำรวจปราบจลาจลหลายพันนาย พร้อมรถดับเพลิงคอยอารักขาบริเวณสถานทูตสหรัฐฯ และทำเนียบประธานาธิบดีโน โม เฮียน เพื่อรับมือกลุ่มผู้ประท้วงราว 7,500 คน ที่ออกมาเดินขบวนกดดันให้รัฐบาลเกาหลีใต้ยุติการเจรจาเอฟทีเอกับสหรัฐฯ เนื่องจากเกรงว่า การทำข้อตกลงเอฟทีเอจะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ และการประกอบอาชีพ


 


ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและเศรษฐกิจเกาหลีใต้ ให้ความเห็นว่า การเจรจาเอฟทีเอระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ อาจสำเร็จลุล่วงระหว่างการเจรจาระดับรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้ หากทั้งสองฝ่ายสามารถลบข้อขัดแย้งในบางประเด็น ได้แก่ สินค้ายานยนต์ สิ่งทอ เวชภัณฑ์ การป้องกันปัญหาการทุ่มตลาด และสินค้าเกษตร อย่างไรก็ดี ยืนยันว่า เกาหลีใต้จะไม่ลงนามในข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรม


 


ในการประชุมรอบล่าสุดที่ผ่านมา เกาหลีใต้ยืนยันว่า จะให้การอุดหนุนสินค้าข้าวและสินค้าบางชนิดเพื่อปกป้องวิถีชีวิตของประชาชน แต่สหรัฐฯ ไม่ต้องการให้มีข้อยกเว้นในข้อตกลงทุกฉบับ ขณะเดียวกัน ก็เรียกร้องให้เกาหลีใต้เร่งลดเพดานภาษีรถยนต์อันเป็นปัจจัยสำคัญทำให้รถยนต์สัญชาติอเมริกันไม่สามารถเข้าไปทำตลาดในเกาหลีใต้


 


ภูฎานมีพรรคการเมือง 2 พรรคแรกของประเทศ


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - สื่อมวลชนในภูฎาน รายงานว่า ภูฎาน ซึ่งเป็นประเทศขนาดเล็กที่อยู่ห่างไกลในเทือกเขาหิมาลัยได้มีพรรคการเมืองก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก 2 พรรค ก่อนที่จะเลือกตั้งในปีหน้า เพื่อกรุยทางไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ไปเป็นระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้การตั้งพรรคการเมืองเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังจากหัวหน้าคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งร้องเรียนว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นขาดความน่าสนใจ


 


หนังสือพิมพ์ คูเอ็นเซล รายงานเมื่อวานนี้ว่า ได้ตั้งพรรคการเมืองชื่อ พรรคประชาธิปไตยของ-ประชาชน และพรรคสหประชาชนภูฎาน แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดของการตั้งพรรค ซึ่งพบว่าทั้ง 2 พรรค เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่เกษียณไปแล้ว รวมถึงผู้นำชุมชนและนักธุรกิจ ขณะที่คณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง ได้กำหนดให้เดือนกรกฎาคม เป็นเส้นตายของการจดทะเบียนตั้งพรรคการเมือง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งในปี 2551


 


นายดาโช คุนซัง วังดี ประธานคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง กล่าวว่า คาดว่าจะมีพรรคการเมืองที่เชื่อถือได้อย่างน้อย 3 พรรค ก่อนการเลือกตั้ง


 






คุณภาพชีวิต


 


ผลวิจัยชี้ทีวีไร้สำนึกหากำไรมากกว่าสาระ


ไทยโพสต์  -  ผลวิจัย "มีเดีย  มอนิเตอร์" ชี้ ทีวีเมืองไทยส่วนใหญ่ร้อยละ 69.4 เนื้อหามองคนดูเป็นเหยื่อมากกว่าให้เนื้อหาสาระ  ย้ำ "ทีไอทีวี" สถานีข่าวแท้ๆ  รายการมีแต่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภคถึงร้อยละ 64.9 ชูโมเดิร์นไนน์ทีวีและช่อง 11 ดีกว่าเพื่อน ด้านมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เสนอพัฒนาสื่อคุณภาพต้องให้เป็นทีวีสาธารณะ


 


เมื่อวันที่  23 มี.ค. ผศ.เอื้อจิตร วิโรจน์ไตรรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการศึกษาและเฝ้าระวังสื่อเพื่อสุขภาวะของสังคม หรือมีเดีย มอนิเตอร์ แถลงผลการศึกษาในหัวข้อ "โทรทัศน์ไทยมองผู้ชมเป็นผู้บริโภคหรือพลเมือง" ว่า  จากการศึกษาเวลาออกอากาศและสัดส่วนการนำเสนอเนื้อหาสาระและบันเทิงของโทรทัศน์ทั้ง 6 ช่อง  คือ 3, 5, 7, โมเดิร์นไนน์ทีวี, 11 และไอทีวี ระหว่างวันที่ 1-7 ก.พ.2550  ตลอด 24 ชั่วโมง พบว่าในภาพรวมของเนื้อหาสาระของทั้ง 6 ช่อง มีเนื้อหาที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภคเฉลี่ยร้อยละ 69.4  ขณะที่มีเนื้อหาที่มองผู้ชมเป็นพลเมืองเพียงร้อยละ 30.6


 


ผศ.เอื้อจิตรกล่าวว่า เมื่อพิจารณาระดับเนื้อหาจะมีเพียงโมเดิร์นไนน์ทีวีและช่อง 11 เท่านั้นมีเนื้อหารายการที่มองผู้ชมเป็นพลเมืองมากกว่าที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภค โดยช่อง 11 มีถึงร้อยละ 86.8 ขณะที่โมเดิร์นไนน์ทีวี มีร้อยละ 51.3 ส่วนช่อง 5 ที่เป็นของรัฐทั้งเชิงโครงสร้างและบริหารกลับมีเนื้อหารายการที่มองผู้ชมเป็นพลเมืองน้อยกว่ารายการที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภค แสดงให้เห็นว่าช่อง 5 มีการบริหารที่ไปสู่การตลาดมากขึ้น


 


"สำหรับทีไอทีวี หรือไอทีวีเดิม ซึ่งเริ่มต้นจากการเป็นสถานีข่าว ในขณะที่ทำการศึกษากลับมีรายการที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภคมากถึงร้อยละ 64.9 ซึ่งมีความโน้มเอียงว่าเป็นการผลิตรายการเพื่อสนองผลประโยชน์กลุ่มทุน ส่วนช่อง 7 กับช่อง 3 นั้นมีเนื้อหาที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภคมากที่สุด แต่กลับเป็น 2 ช่องที่มีผู้ชมมากที่สุด ซึ่งสะท้อนสภาพสังคมปัจจุบันที่กำลังถูกหล่อหลอมให้เป็นผู้ซื้อและผู้ขายในระบบตลาดมากกว่าการเป็นพลเมืองที่ควรมีส่วนร่วมพัฒนาสังคม กลายเป็นสนใจแต่เรื่องส่วนตัวและผลกำไร" ผศ.เอื้อจิตรระบุ


 


ผู้อำนวยการโครงการศึกษาและเฝ้าระวังสื่อเพื่อสุขภาวะของสังคม เสนอว่า ในยุคปฏิรูปการเมืองเช่นนี้  สื่อโทรทัศน์ควรปฏิรูปเนื้อหาการนำเสนอ  เพื่อส่งเสริมการตื่นตัว การมีส่วนร่วม และความเป็นพลเมืองให้กับผู้ชม ให้เนื้อหาเอื้อต่อการพัฒนาให้สังคมมีความเข้มแข็งมากขึ้น


 


น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า คนไทยไม่พร้อมเป็นพลเมือง แต่พร้อมที่จะเป็นผู้บริโภคมากกว่า ซึ่งการพัฒนาสื่อนั้น องค์กรเอกชนทุกภาคส่วนจะต้องหันมาร่วมมือกันรับผิดชอบผลักดันให้สื่อโทรทัศน์มีคุณภาพไปสู่เป้าหมายการเป็นโทรทัศน์สาธารณะ และอยากให้เป็นสื่อหลักในการปฏิรูปการเมือง รวมทั้งไม่ถูกแทรกแซง ไม่นำเสนอการเมืองเป็นเพียงการเลือกตั้ง หรือสนใจแค่บางประเด็นเท่านั้น


 


รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ขณะนี้คุณภาพประชาชนยังไม่ถึงขั้นอยากเรียนรู้ ซึ่งเห็นได้จากผลวิจัยชี้ว่าคนไทยชอบดูรายการบันเทิง ขณะที่โทรทัศน์ของรัฐที่พร้อมให้เนื้อหาสาระประชาชนก็จะไม่ดู เพราะรู้แล้วว่าจะได้ข้อมูลที่ไม่น่าสนใจ


 


วิจัยยันน้ำอัดลมกัดกร่อนเคลือบฟัน ให้ซดรูทเบียร์ ปลอดภัยกว่าเพื่อน


เว็บไซต์ไทยรัฐ - วารสารวิชาการ "ทันตกรรม" ของสหรัฐฯ รายงานผลการศึกษาว่าเครื่องดื่มน้ำอัดลมทุกแบบ ล้วนแต่เป็นอันตรายต่อเคลือบฟัน เนื่องจากกรดมะนาวและกรดฟอสฟอริกในน้ำอัดลม ยิ่งเป็นเครื่องดื่มรสหวานที่ใส่น้ำโซดารสต่างๆ บางทีใส่ไอศกรีมด้วยยิ่งร้ายหนัก อาจกัดกร่อนฟันได้เท่ากับกรดใส่แบตเตอรี่รถ


 



ผลการศึกษากล่าวว่า การดื่มน้ำอัดลมเป็นเวลานาน อาจทำให้เคลือบฟันโดนถูกกัดกร่อนอย่างชัดเจน ถึงแม้หลายคนจะนึกว่า การบริโภคมันคงไม่มีอันตราย หรือห่วงแต่เรื่องการบริโภคสิ่งที่มีน้ำตาล ห่วงแต่เรื่องจะทำให้อ้วนเท่านั้น รายงานระบุว่า หากเป็นเรื่องของฟันแล้ว เครื่องดื่มที่ถือได้ว่าปลอดภัย ได้แก่รูทเบียร์ ที่เป็นเครื่องดื่มมีฟอง รสหวานจากส่วนผสมที่สกัดจากรากไม้และสมุนไพร


 



ผลการศึกษาที่ทำเมื่อปีกลาย แสดงว่า พวกเครื่องดื่มที่เป็นโคลา ซึ่งเป็นเครื่องดื่มอัดลม ที่มีส่วนผสมจากสารสกัดจากใบโคคา เมล็ดโคลา น้ำตาล คาราเมล กรด และสารปรุงกลิ่น จะมีฤทธิ์กัดกร่อน ในช่วง 3 นาทีแรก ยิ่งกว่าน้ำผลไม้ถึง 10 เท่า


 



อย่างไรก็ตาม นายเทรซี ฮอลลิเดย์ โฆษกของสมาคมผู้ผลิตน้ำอัดลมอเมริกัน อ้างว่า ผลการศึกษานี้ไม่ได้สะท้อนสภาพความเป็นจริง การค้นพบไม่อาจนำมาใช้กับสถานการณ์ในชีวิตจริง ซึ่งพฤติกรรมการกินดื่มผิดแผกแตกต่างกันไป และยังมีเรื่องอื่นเกี่ยวพันอยู่อีกมากอีกหลายเรื่อง


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net