Skip to main content
sharethis

สำนักข่าวอิสระไทใหญ่ (S.H.A.N.) รายงานวันที่ 26 มี.ค. 50 โดยอ้างจากบทวิพากษ์วิจารณ์เครือข่ายเพื่อประชาธิปไตยและการพัฒนา NDD - Network for Democracy and Development ว่า วันกองทัพพม่าในวันที่ 27 มี.ค. ของทุกปี พลเอกอาวุโสตานฉ่วย ผู้นำสูงสุด มักกล่าวปราศรัยปลูกระดมให้ทหารในกองทัพมีความเข้มแข็ง รักชาติ พร้อมแนะวิธีแก้ไขปัญหาการเมืองด้วยการทหารเป็นประจำ เช่นเดียวกันในปีนี้หลายฝ่ายเฝ้าติดตามอยู่ว่าเขาจะกล่าวเช่นไร


 


โดยบทวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวระบุว่า เมื่อวันกองทัพพม่าปีที่ผ่านมา พลเอกอาวุโสตานฉ่วย ได้กล่าวว่า การที่จะขจัดภยันตรายต่างๆ ของประเทศได้นั้น ควรจะมีกองทัพที่รักชาติ รักประเทศ ทันสมัย มีกำลัง และมีความสามารถ จึงจะเข้าชื่อได้ว่าเป็นกองทัพที่รับมรดกตกทอดจากพระเจ้าอนอระทา บูเรงนอง และอลองพยา


 


นอกนั้นเมื่อปี 2546 ระหว่างพิธีปิดหลักสูตรนายทหารรุ่นที่ 15 เขาได้กล่าวอีกเช่นเดียวกันว่า ทุกวันนี้ในโลกส่วนใหญ่ยังนิยมใช้กำลังแก้ไขปัญหากันอยู่ ดังนั้นพม่าก็ควรจัดตั้งกองทัพและมีกำลังพลที่เข้มแข็งเช

่นเดียวกัน และเมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2548 ระหว่างที่มีการประชุมประจำสี่เดือนของกองทัพเขาได้กล่าวอีกว่า กลุ่มกองกำลังติดอาวุธต่างๆ ที่ยอมเจรจาหยุดยิงกับรัฐบาล ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากจะแยกปกครองตนเอง และการที่พวกเขาได้เข้าร่วมสมัชชาแห่งชาตินั้นก็เพราะหวังฉวยโอกาสเรียกร้องสิทธิ ซึ่งเรื่องนี้กองทัพควรระวังและมีความพร้อมอยู่เสมอ


 


นอกจากนี้พลเอกอาวุโสตานฉ่วย ยังเคยกล่าวอีกว่า สายลับซีไอเอของสหรัฐมีแผนบ่อนทำลายประเทศจีน ซึ่งพม่าอันเป็นประตูด้านตะวันตกของจีนก็อาจถูกครอบงำด้วย โดยเขาได้ย้ำเสมอเพื่อไม่ให้กองทัพนิ่งนอนใจ


 


ทั้งนี้บทวิพากษ์วิจารณ์ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2533 เป็นต้นมา กองทัพพม่าได้ตั้งเป้าที่จะขยายกำลังพลให้ได้ถึง 5 แสนนาย โดยเมื่อครั้งกองทัพยึดอำนาจเมื่อปี 2531 นั้น มีกำลังพลอันประกอบด้วยกองพันทหารราบ และกองพันทหารราบเบา รวมเพียง 168 กองพัน นอกนั้นมีกองพันรถหุ้มเกราะ 2 กองพัน, กองพันปืนใหญ่ 4 กองพัน, กองพันต่อสู้อากาศยาน 1 กองพัน


 


ปัจจุบันกองทัพพม่ามีกำลังพลแบ่งเป็นกองพันทหารราบมากถึง 215 กองพัน กองพันทหารราบเบาอีก 340 กองพัน นอกจากนี้กำลังพลทุกหน่วยก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ทั้งนี้ เมื่อปี 2548 พลโทเต็งเส่ง เจ้ากรมสารบัญระบุว่า กำลังพลในกองทัพมีมากถึง 284 กองพัน ที่มีกำลังพลไม่ถึง 200 นาย ขณะที่อีก 220 กองพัน มีกำลังพลเพียง 200

- 300 นายเท่านั้น


 


ตามหลักกองทัพพม่าจริงๆ  1 กองพันต้องมีกำลังพล 777 นาย ส่วนสาเหตุที่มีกำลังพลไม่ถึงนั้นเพราะมีการหนี ลาออก โยกย้ายไปเป็นข้าราชการพลเรือนจำนวนมากในทุกๆ รอบสี่เดือน โดยในที่ประชุมประจำสี่เดือนครั้งที่ 2 ปี 2548 ระบุว่า มีกำลังพลหนี ลาออก ปลดเกษียณ มากถึง 9,497 นาย และถึงแม้ว่ากองทัพพม่าจะมีการเกณฑ์ทหารมาชดเชยอยู่ก็ตาม แต่ต้องประสบกับปัญหาอยู่ไม่น้อย เนื่องจากปัจจุบันในกองทัพมีนายทหารมากกว่าพลทหาร อีกทั้งในส่วนของทหารที่เกณฑ์มาก็ไร้ประสิทธิภาพ เพราะมาจากชนบท ส่วนใหญ่เป็นผู้มีฐานะยากจน ขาดการการศึกษา และไม่ใช่ผู้มีใจรักชาติอย่างแท้จริง ซึ่งบางคนสมัครเป็นทหารเพราะมีความจำเป็นเท่านั้น ขณะที่นายทหารที่มีมากล้นก็มัวแต่หลงมัวเมาอยู่กับสุรานารี การคอรัปชั่น


 


บันทึกสถิติคดีอาชญากรรมของทางการเมื่อปี 2548 ที่มีการนำมาเผยเมื่อครั้งมีการประชุมประจำสี่เดือนครั้งที่ 2 ระบุว่า ในจำนวนคดีอันเกิดจากการล่วงละเมิดทางเพศ ปล้น ขโมย 3,027 คดีนั้น มีถึง 202 คดี ที่ก่อเหตุโดยนายทหารในกองทัพ


 


โดยบทวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวได้สรุปว่า ตราบใดที่นายทหารระดับสูง และสมาชิกในครอบครัวยังมีความโลภ หมกมุ่นอยู่กับตัณหา ทรัพย์สินเงินทอง และอยู่เหนือกฎหมายอยู่เช่นนี้ คงยากที่จะเห็นกองทัพมีประสิทธิภาพ ทันสมัย และมีใจรักชาติดังที่ผู้นำเคยกล่าวปราศรัยเอาไว้..


 


 






ข่าวทั้งหมดแปลและสรุปความโดยสำนักข่าวเชื่อม เป็นหน่วยงานข่าวภาคภาษาไทยของสำนักข่าว S.H.A.N (Shan Herald Agency for News) ซึ่งเป็นเครือข่ายของศูนย์ข่าวสาละวิน (Salween News Network) ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ chuem@cm.ksc.co.th และ snn_news@cm.ksc.co.th พร้อมติดตามอ่านข่าวสารย้อนหลังรวมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศพม่าภาคภาษาไทยได้ที่

www.salweennews.org ภาษาอังกฤษได้ที่ www.shanland.org และภาคภาษาไทยใหญ่ได้ที่ www.mongloi.org    


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net