สรุปผลการศึกษา รอบที่ 12 (23 มีนาคม 2550) โทรทัศน์ไทยมองผู้ชมเป็น "ผู้บริโภค" (consumers) หรือ "พลเมือง" (citizens) | |
โดย โครงการศึกษาและเฝ้าระวังสื่อเพื่อสุขภาวะของสังคม (Media Monitor) www.mediamonitor.in.th, โทรศัพท์ 02-621-6705 โทรสาร 02-621-6706 |
การศึกษารอบที่ 12 ของโครงการศึกษาและเฝ้าระวังสื่อเพื่อสุขภาวะของสังคม (Media Monitor) เรื่อง: โทรทัศน์ไทยมองผู้ชมเป็น "ผู้บริโภค" (consumer) หรือ "พลเมือง" (citizen) เป็นการศึกษาวิเคราะห์เนื้อหารายการทุกประเภทของสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวี (ช่อง 3, 5, 7, 9, 11 และ itv) ในช่วง 1 สัปดาห์ (1-7) ของเดือนกุมภาพันธ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเปรียบเทียบโครงสร้างของสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีทั้ง 6 ช่อง ในมิติสถานภาพ บทบาท หน้าที่ วัตถุประสงค์ว่ามองผู้ชมเป็นผู้บริโภค (C1-Consumers) และ พลเมือง (C2-Citizens) ในสัดส่วนเท่าใด อย่างไร
โดยมีกรอบแนวคิดในการศึกษาดังนี้
รายการที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภค :C1 (Consumers) คือรายการโทรทัศน์ที่มีเนื้อหารายการโดยรวมมุ่งเน้นมองผู้ชมในฐานะผู้บริโภคในระบบตลาดเป็นหลัก | รายการที่มองผู้ชมเป็นพลเมือง : C2 (Citizens) คือรายการโทรทัศน์ที่มีเนื้อหารายการโดยรวมมุ่งเน้นมองผู้ชมในฐานะพลเมืองในระบบสังคมสาธารณะเป็นหลัก |
ซึ่งในแต่ละรายการอาจมีคุณลักษณะใดลักษณะหนึ่งต่อไปนี้ | |
1. (C11) มองผู้ชมในฐานะลูกค้า ที่มีพลังอำนาจการซื้อ 2. (C12) มีเนื้อหาที่ส่งเสริมและโน้มน้าวใจเพื่อซื้อ-ขายสินค้าและหรือบริการ 3. (C13) เพื่อสร้างความระลึกได้หรือความจงรักภักดีต่อตราสินค้า เพื่อนำไปสู่การบริโภคอุปโภค 4. (C14) ให้ความสำคัญกับปริมาณผู้ชม (rating) เพื่อผลการสนับสนุนด้านการขายเวลาเพื่อการโฆษณาสินค้า 5. (C15) มีเนื้อหาที่ให้มุ่งให้เกิดประโยชน์ส่วนตัวและสนองความพอใจในระดับบุคคล | 1. (C21) ให้ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ การศึกษา และความบันเทิงที่มีคุณค่า 2. (C22) มองผู้ชมในฐานะพลเมืองที่มีสิทธิ เสรีภาพและหน้าที่ต่อสังคม 3. (C23) สร้างสำนึก ความสนใจ ความรู้ ความเข้าใจและความตระหนักในเรื่องของส่วนรวม 4. (C24) แม้มีเนื้อหาที่ให้มุ่งเน้นให้เกิดประโยชน์ส่วนตัวแต่ผลนั้นนำไปสู่ประโยชน์ส่วนรวมในสังคม |
การที่จะวิเคราะห์สรุปว่ารายการใดมองผู้ชมเป็นผู้บริโภค (c1-consumers) หรือพลเมือง (c2-citizens) นั้นพิจารณาจาก "ลักษณะโดยรวมที่เด่นๆ" ของรายการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะพิจารณาที่วัตถุประสงค์ และเนื้อหาสาระของรายการ
ผลการศึกษาพบว่า
..
1. โครงสร้างสถานีโทรทัศน์
เมื่อพิจารณาจากโครงสร้างความเป็นเจ้าของ, นโยบาย ลักษณะการบริหารจัดการ แนวคิด วัตถุประสงค์หลักในการดำเนินการรวมทั้งผลสำเร็จที่คาดหวัง อาจแบ่งสถานีโทรทัศน์ออกเป็น 2 กลุ่มคือ สถานีโทรทัศน์เชิงพาณิชย์หรือสถานีโทรทัศน์ในระบบตลาด (commercial television) ได้แก่ช่อง 3, 7 และ itv และสถานีโทรทัศน์เชิงรัฐ-รัฐวิสาหกิจ (state television) ได้แก่ช่อง 5, 9 และ ช่อง 11
ตารางที่ 1 แสดงเปรียบเทียบโครงสร้างสถานีโทรทัศน์เชิงพาณิชย์ | |||
มิติโครงสร้าง | สถานีโทรทัศน์เชิงพาณิชย์ (commercial television) | ||
ช่อง3 | ช่อง 7 | ไอทีวี | |
เจ้าของ | กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี | กองทัพบก กระทรวงกลาโหม | สำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี |
ผู้ดำเนินการ | บริษัท บางกอก เอนเตอร์เทนเม้นท์(BEC) | บริษัทกรุงเทพโทร ทัศน์และวิทยุจำกัด | บริษัทไอทีวีจำกัด(มหาชน) |
ระยะเวลาดำเนินการ | 50 ปี (ถึงปี 2563) | 56 ปี (2510-2566) | 30 ปี (2538-2568) |
เป้าหมาย/วัตถุประสงค์ | 1. ประกอบธุรกิจสื่อโทรทัศน์ 2. เป็นสื่อบันเทิง | 1. ประกอบธุรกิจสื่อโทรทัศน์ 2. เป็นสื่อบันเทิง | 1. ประกอบธุรกิจสื่อโทรทัศน์ 2. เป็นสื่อสาระและบันเทิง |
กลุ่มผู้ชมหลัก/รอง | · ผู้ใหญ่,วัยรุ่น/ชนชั้นกลาง/เมือง | · ผู้ใหญ่,วัยรุ่น/ระดับล่าง/ขนบทและเมือง | · ผู้ใหญ่,วัยรุ่น/ชนชั้นกลาง/เมือง |
แนวรายการหลัก | · ข่าวและละคร · ปกิณกะบันเทิง | · บันเทิง-ละคร · ปกิณกะบันเทิง · เกมโชว์ · กีฬา | · ข่าวและสาระ (70 %) · บันเทิง (30%) |
รายการเด่น | · ข่าว/แม็กกาซีนข่าว · ละครไทย/จีน · ปกิณกะบันเทิง | · ละครไทย/พื้นบ้าน · ถ่ายทอดสดกีฬา · ภาพยนตร์ต่างประเทศ | · ข่าว · แม็กกาซีนทั่วไป · ละครต่างประเทศ |
การบริหารและการผลิตรายการ | 1. ผลิตรายการข่าวและละคร 2. ซื้อ/จ้างผลิตรายการบันเทิง(ละคร ภาพยนตร์ชุด เกมโชว์ ปกิณกะบันเทิง) | 1. ผลิตรายการข่าว 2. ซื้อ/จ้างผลิตรายการบันเทิง(ละคร ภาพยนตร์ชุด เกมโชว์ หกิณกะบันเทิง) | 1. ผลิตรายการข่าว 2. ซื้อ/จ้างผลิตรายการบันเทิง(ละคร ภาพยนตร์ชุด เกมโชว์ ปกิณกะบันเทิง) |
บุคลากร | พนักงานบริษัท | พนักงานบริษัท | พนักงานบริษัท |
เวลาออกอากาศ | 24 ชั่วโมง | 24 ชั่วโมง | 24 ชั่วโมง |
ดัดแปลงจาก: อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ "สื่อสารมวลชนเบื้องต้น สื่อมวลชน วัฒนธรรม และสังคม" 2547 |
ตารางที่ 2 แสดงเปรียบเทียบโครงสร้างสถานีโทรทัศน์เชิงสาธารณะ | |||
มิติโครงสร้าง | สถานีโทรทัศน์-ของรัฐ (state television) | ||
ช่อง 5 | ช่อง 9 | ช่อง 11 | |
เจ้าของ | กองทัพบก กระทรวงกลาโหม | สำนักปลัดนายกรัฐมนตรี บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กระทรวงการคลังถือหุ้น ~77% | กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี |
ผู้ดำเนินการ | บริษัทไทยโกลบอลเน็ทเวิร์คจำกัด (TGN)-บริหารผังรายการโทรทัศน์ | บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) | กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี |
ระยะเวลาดำเนินการ | - | - | - |
เป้าหมาย/วัตถุประสงค์ | 1. ฝึกเจ้าหน้าที่การทหารด้านสื่อสาร 2. ประชาสัมพันธ์กิจการของทหาร | 1. สื่อสารเชื่อมโยงและพัฒนาสังคม 2. ประกอบธุรกิจเพื่อหารายได้เข้ารัฐ | 1. ประชาสัมพันธ์ข่าวสารของรัฐและรัฐบาล 2. ส่งเสริมการศึกษาและศิลปวัฒนธรรม |
กลุ่มผู้ชมหลัก/รอง | · ผู้ใหญ่/มีการศึกษากลาง-ล่าง · คนไทยในต่างประเทศ | · ผู้ใหญ่/มีการศึกษากลาง-สูง · เด็ก,วัยรุ่นระดับกลาง-ล่าง | · ข้าราชการ · ประชาชนทั่วไป/เกษตรกร |
แนวรายการหลัก | · บันเทิงและปกิณกะบันเทิง · กีฬาและดนตรี | · ข่าวสารและความรู้ · บันเทิง-ดนตรี · เศรษฐกิจ · เด็ก,กีฬา | · ข่าวและความรู้ · การถ่ายทอดสดต่างๆของรัฐและรัฐบาล · เด็ก,กีฬา,ศาสนา |
รายการเด่น | · แม็กกาซีนทั่วไป · เกมโชว์ · ข่าว | · ข่าวและสารบันเทิง · สนทนาสารคดี · ซิทคอม | · ข่าวและสารคดี · ถ่ายทอดสดประชุมรัฐสภาและงานต่างๆ |
การบริหารและ การผลิตรายการ | 1. ผลิตรายการข่าวและสนทนา 2. ซื้อ/จ้างผลิตรายการจากผู้ผลิตใน/ต่างประเทศ 3. แบ่งเวลาให้ผู้ผลิตเช่า | 1. ผลิตรายการข่าวและสนทนา 2. ซื้อ/จ้างผลิตรายการจากใน/ต่างประเทศ 3. แบ่งเวลาให้ผู้ผลิตเช่า | 1. ให้เอกชนเหมาผลิตรายการข่าว รายการสนทนา(ช่วงไพร์มไทม์ทั้งหมด) 2. ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐและองค์กรเอกชนในการผลิตรายการสาระความรู้ |
บุคลากร | เจ้าหน้าที่ทางทหาร (ยืมตัวจากหน่วยงานต้นสังกัด) | เจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจ* มีสหภาพแรงงาน | ข้าราชการและลูกจ้าง ของรัฐ |
เวลาออกอากาศ | 24 ชั่วโมง | 24 ชั่วโมง | 4.20-2.00 น. |
ดัดแปลงจาก: อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ "สื่อสารมวลชนเบื้องต้น สื่อมวลชน วัฒนธรรม และสังคม" 2547 |
2. ภาพรวมของรายการโทรทัศน์ในแต่ละช่อง เมื่อศึกษาจากรายการโทรทัศน์ในแต่ละช่องพบว่า
· สัดส่วนรวม* ประเภทรายการที่มีสัดส่วนเฉลี่ยสูงสุดในทุกช่องสถานี คือ
- อันดับ 1 คือรายการแม็กกาซีน เฉลี่ยรวม 30.9 % (3,297 นาที/สัปดาห์)
- อันดับ 2 คือรายการข่าว เฉลี่ยรวม 27.2 % (1,426 นาที/สัปดาห์)
- อันดับ 3 คือ รายการละคร/ซิทคอม/ภาพยนตร์/การ์ตูนเฉลี่ยรวม 17.0 % (915 นาที/สัปดาห์),
ส่วนอันดับอื่นๆ ได้แก่รายการสารคดี, รายการสนทนา, รายการโชว์/ถ่ายทอดสด, รายการเกมโชว์/ควิซโชว์, รายการแนะนำสินค้า และรายการวาไรตี้ตามลำดับ (5.6 %, 5.2 %, 4.4 %, 4.2 %, 3.3 % และ 2.2 % ตามลำดับ)
· สัดส่วนแยกตามช่องและประเภทรายการ*
- รายการข่าว/วิเคราะห์ข่าวมีสัดส่วนสูงสุดในช่อง 11 คือ 39.9 % (3,620 นาที/สัปดาห์),
- รายการสารคดีมีสัดส่วนสูงสุดในช่อง 9 คือ 14.6 % (1,470 นาที/สัปดาห์)
- รายการแม็กกาซีนมีสัดส่วนสูงสุดในช่อง 5 คือ 49.9 % (4,960 นาที/สัปดาห์)
- รายการสนทนามีสัดส่วนสูงสุดในช่อง 11 คือ 13.2 % (1,200 นาที/สัปดาห์)
- ละคร/ซิทคอม/ภาพยนตร์/การ์ตูนมีสัดส่วนสูงสุดในช่อง 7 คือ 44.2 % (4,057 นาที/สัปดาห์)
- รายการเกมโชว์/ควิซโชว์มีสัดส่วนสูงสุดในช่อง 5 คือ 8.8 % (890 นาที/สัปดาห์)
- รายการวาไรตี้มีสัดส่วนสูงสุดในช่อง itv คือ 6.7 % (681 นาที/สัปดาห์)
- รายการโชว์/ถ่ายทอดสดมีสัดส่วนสูงสุดคือช่อง 11 คือ 8.9 % (810 นาที/สัปดาห์)
- รายการแนะนำสินค้าและบริการมีสัดส่วนสูงสุดในช่อง 5 คือ 7.6 % (770 นาที/สัปดาห์)
(* หมายเหตุ ตัวเลขนี้ไม่นับรวมสัดส่วนเวลาของโฆษณา)
แสดงดังกราฟ
แผนภูมิที่ 1 แสดงสัดส่วนประเภทรายการโทรทัศน์เปรียบเทียบในแต่ละช่อง (กุมภาพันธ์ 2550) |
3. ดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภคและพลเมือง (C1"/C2" Index)
เมื่อศึกษาว่ารายการโทรทัศน์ใดมองผู้ชมเป็นผู้บริโภคหรือพลเมือง (C1-Consumers หรือ C2-Citizens) โดยสรุปเปรียบเทียบเป็น "ดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภค" (C1") และ "ดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมแบบพลเมือง" (C2") ได้ดังนี้
ตารางที่ 3 แสดงดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มีเนื้อหาผู้บริโภคพลเมือง (C1'/C2' Index) ในสถานีโทรทัศน์แต่ละช่อง | ||||||||
ดัชนีเนื้อหารายการ/สถานีโทรทัศน์ | หน่วย | ช่อง 3 | 5 | 7 | 9 | 11 | ไอทีวี | Avg. |
ดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ ที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภค (C1'-Index) | นาที/สัปดาห์ | 6,699 | 6,411 | 7,587 | 4,919 | 1,197 | 6,552 | 5,561 |
เปอร์เซ็นต์ | 66.7 | 63.6 | 82.6 | 48.7 | 13.2 | 64.9 | 57.0 | |
ดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ ที่มองผู้ชมเป็นผู้พลเมือง (C2'-Index) | นาที/สัปดาห์ | 3,341 | 3,664 | 1,602 | 5,176 | 7,878 | 3,538 | 4,200 |
เปอร์เซ็นต์ | 33.3 | 36.4 | 17.4 | 51.3 | 86.8 | 35.1 | 43.0 | |
รวม | นาที/สัปดาห์ | 10,040 | 10,075 | 9,189 | 10,095 | 9,075 | 10,090 | 9,761 |
เปอร์เซ็นต์ | 100 | 100 | 100 | 100 | 100 | 100 | 100 |
จากตารางที่ 3 พบว่า
· มีสถานีโทรทัศน์ 4 ช่องที่มีดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภคมากกว่าดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นพลเมือง (C1' > C2') คือช่อง 7 คือ 82.6 % (7,587 นาที/สัปดาห์) ตามด้วยช่อง 3 คือ 66.7 % (6,699 นาที/สัปดาห์) ช่อง itv คือ 64.9 % (6,552 นาที/สัปดาห์) และช่อง 5 คือ 63.6 % (6,411 นาที/สัปดาห์)
· มีสถานีโทรทัศน์ 2 ช่องที่มีดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นพลเมืองมากกว่าดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภค (C2' > C1') คือช่อง 11 คือ 86.8 % (8,123 นาที/สัปดาห์) และช่อง 9 คือ 48.7 % (4,919 นาที/สัปดาห์)
· สถานีโทรทัศน์ทั้ง 6 ช่อง มีดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภค (C1') ในฐานะผู้บริโภคสินค้าที่อยู่ในระบบตลาด เฉลี่ยที่ 57 % (5,561 นาที/สัปดาห์) ขณะที่ดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นพลเมือง (C2') ในฐานะเป็นพลเมืองที่อยู่ในระบบสังคม (C2") มีค่าเฉลี่ยที่ 43 % (4,/200 นาที/สัปดาห์) เท่านั้น
หรือกล่าวได้ว่า ใน 100 นาทีของเวลาออกอากาศรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งๆ โอกาสที่จะได้ชมเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภคมี 57 นาที ขณะที่เนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นพลเมืองมี 43 นาที
แสดงได้ดังแผนภูมิ
แผนภูมิที่ 2 เปรียบเทียบดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภคและพลเมือง (C1'/C2' Index) (* หมายเหตุ ตัวเลขใน C1"/C2" คำนวณกับปริมาณการโฆษณาในแต่ละช่อง จากกองงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ - กกช.:7 ตุลาคม 2548) |
4. ดัชนีการรับชมเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภคและพลเมือง (C1"/C2" Index)
เมื่อนำดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นพลเมือง (C2' Index) เปรียบเทียบกับส่วนแบ่งผู้ชมในสถานีโทรทัศน์แต่ละช่อง (Share of Audience) จากบริษัทวิจัยสื่อ (AGB Nielsen Media Research 2005-2006) ที่สรุปว่าช่องที่มีส่วนแบ่งผู้ชมมากที่สุดคือ ช่อง 7 (41.3 %) รองลงมาคือช่อง 3 (26.2 %) ช่อง itv (12.0 %) ช่อง 9 (10.3 %) ช่อง 5 (7.3 %) และน้อยที่สุดคือช่อง 11 (2.9 %)
· ช่องที่มีดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นพลเมือง (C2") มากที่สุดอย่างช่อง 11 (89.6 %) กลับมีส่วนแบ่งผู้ชมน้อยที่สุดคือ 2.9 %
· ขณะที่ช่องที่มีดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นพลเมือง (C2") น้อยที่สุดอย่างช่อง 7 (17.4 %) กลับมีส่วนแบ่งผู้ชมมากที่สุดคือ 41.3 %
· และสถานีโทรทัศน์ทั้งหมด (ยกเว้นช่อง 7) มีส่วนแบ่งผู้ชมน้อยกว่าดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นพลเมือง (C2" Share of Audience)
แสดงได้ดังแผนภูมิ
แผนภูมิที่ 3 เปรียบเทียบดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นพลเมือง (C2' Index) กับส่วนแบ่งผู้ชม (share of audience) |
และเมื่อนำค่า "ดัชนีเนื้อหา" มาวิเคราะห์ร่วมกับ "ส่วนแบ่งผู้ชม" ในแต่ละช่อง จะได้ค่า "ดัชนีการรับชมรายการรายการที่มีเนื้อหาผู้บริโภคหรือพลเมือง (C1"/C2" Index)
ตารางที่ 4 แสดงดัชนีการรับชมรายการโทรทัศน์ที่มีเนื้อหาผู้บริโภคพลเมือง (C1'/C2' Index) ในสถานีโทรทัศน์แต่ละช่อง | ||||||||
ดัชนีการรับชมรายการ/สถานีโทรทัศน์ | หน่วย | ช่อง 3 | 5 | 7 | 9 | 11 | ไอทีวี | Avg. |
ส่วนแบ่งผู้ชมแต่ละช่อง*(AGB Nielsen) | เปอร์เซ็นต์ | 26.2 | 7.3 | 41.3 | 10.3 | 2.9 | 12.0 | 16.7 |
ดัชนีการรับชมรายการโทรทัศน์ ที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภค (C1"-Index) | เปอร์เซ็นต์ | 17.5 | 4.7 | 34.1 | 5.0 | 0.4 | 7.8 | 69.4 |
ดัชนีการรับชมรายการโทรทัศน์ ที่มองผู้ชมเป็นพลเมือง (C2"-Index) | เปอร์เซ็นต์ | 8.7 | 2.7 | 7.2 | 5.3 | 2.5 | 4.2 | 30.6 |
รวม | เปอร์เซ็นต์ | 26.2 | 7.3 | 41.3 | 10.3 | 2.9 | 12.0 | 100 |
จากตารางที่ 4 พบว่า ช่องที่มีดัชนีการรับชมรายการโทรทัศน์ที่มีเนื้อหามองผู้ชมเป็นผู้บริโภค (C1") มากที่สุดคือช่อง 7 (34.1 %) ตามด้วยช่อง 3 (17.5 %) (สองช่องนี้รวมกันเท่ากับ 51.6 %) ขณะที่ช่องที่มีดัชนีการรับชมรายการโทรทัศน์ที่มีเนื้อหามองผู้ชมเป็นพลเมือง (C2") มากที่สุดคือช่อง 3 (8.7 %) รองลงมาคือช่อง 7 (7.2 %) เช่นเดียวกัน สะท้อนให้เห็นว่าผู้ชมส่วนมาก (51.6%) เลือกรับชมรายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภคในช่อง 7 และช่อง 3 มากกว่าช่องอื่น ทั้งๆ ที่สถานีโทรทัศน์สองช่องนี้มีสัดส่วนเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นพลเมืองน้อยที่สุด (เฉลี่ยเพียง 17.4% และ 33.3 % ตามลำดับ) ขณะที่ช่องที่มีสัดส่วนเนื้อหารายการที่มองผู้ชมเป็นพลเมืองสูงอย่างช่อง 11 และช่อง 9 (86.8% และ 51.3 % ตามลำดับ) กลับมีผู้ชมรายการที่มองผู้ชมเป็นพลเมืองในระดับต่ำมาก (เพียง 2.5 % และ 5.3 % ตามลำดับ) แสดงให้เห็นถึง "ความไม่สมดุล" ของส่วนแบ่งผู้ชมกับเนื้อหารายการโทรทัศน์อย่างชัดเจน
และเมื่อพิจารณาในภาพรวมทุกช่อง มีดัชนีการรับชมรายการโทรทัศน์ที่มีเนื้อหามองผู้ชมเป็นผู้บริโภคเฉลี่ยคือ 69.4 % ขณะที่ดัชนีการรับชมรายการโทรทัศน์ที่มีเนื้อหามองผู้ชมเป็นพลเมืองคือ 30.6 %
หรือกล่าวได้ว่า หากมีคนที่ดูโทรทัศน์ฟรีทีวี 10 คน 7 ใน 10 คนจะเลือกชมรายการที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภค ขณะที่มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่ชมรายการที่มองผู้ชมเป็นพลเมือง และ 5 ใน 10 คนเลือกรับชมจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 และ 3
5. สรุป
จากการศึกษารายการโทรทัศน์ในช่องฟรีทีวี (3, 5, 7, 9, 11 และ itv) ตลอด 24 ชั่วโมงด้วยการใช้ในแนวคิดเรื่อง "การมองผู้ชมเป็นผู้บริโภคหรือพลเมือง" (Consumer VS Citizen) ให้ภาพสะท้อนที่ชัดเจนว่าสถานีโทรทัศน์ของไทยยังตกอยู่ในอิทธิพลอำนาจรัฐและอำนาจทุน เนื่องจากสถานีโทรทัศน์ทั้งหมด 6 ช่องนั้นมีภาครัฐเป็นเจ้าของ โดยมี 3 ช่องสถานีที่ภาครัฐดำเนินการเอง ส่วนอีก 3 สถานีโทรทัศน์ภาครัฐสัมปทานให้ภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งทำให้สถานีโทรทัศน์ 3 ช่องดังกล่าว (ช่อง 3, 7 และ itv) สร้างและผลิตรายการเพื่อผู้ชมแบบผู้บริโภค (consumers) เป็นสำคัญ
เมื่อพิจารณาในระดับเนื้อหารายการก็พบว่า มีเพียงสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 และช่อง 11 เท่านั้นที่ดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์มองผู้ชมเป็นพลเมืองมากกว่าดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภค โดยช่อง 11 มีมากถึง 86.8 % ขณะที่ช่อง 9 มี 51.3 % อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตว่า สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ที่เป็นของรัฐทั้งเชิงโครงสร้างและการบริหารงานนั้น กลับมีดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นพลเมืองน้อยกว่าดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภค (C2"
สำหรับสถานีโทรทัศน์ช่อง itv ที่ก่อกำเนิดจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ "35 ที่มีเป้าหมายเพื่อการผลิตข่าวอย่างมีเสรีภาพ และมีการกำหนดสัดส่วนรายการประเภทสาระ 70 % บันเทิง 30 % (ในช่วงที่ทำการศึกษาเป็นช่วงที่ ITV ได้รับคำวินิจฉัยจากศาลปกครองสูงสุดให้กลับมานำเสนอรายการตามสัดส่วนเดิม คือ 70:30) ข้อกำหนดดังกล่าวทำให้คาดหวังได้ว่า itv ควรเป็นสถานีโทรทัศน์ที่เน้นรายการที่มีสาระเพื่อผู้ชมแบบพลเมืองมากกว่าผู้บริโภค แต่จากการศึกษากลับพบว่าดัชนีเนื้อหารายการที่มองผู้ชมเป็นพลเมืองมีเพียง 33.8 % แต่สัดส่วนรายการที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภคในช่อง itv กลับมีมากถึง 64.9 % ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสถานีโทรทัศน์ itv มีความโน้มเอียงในการผลิตรายการที่สนองตอบผลประโยชน์ของกลุ่มทุน ซึ่งสวนทางกับหลักการและเหตุกำเนิดของ itv หรือ "independence television" สถานีที่มีความเป็นอิสระของวิชาชีพ มีสาระที่มุ่งสร้างความเป็นพลเมืองในผู้ชม
สำหรับสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 และช่อง 3 นั้นมีดัชนีเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นพลเมืองน้อยมาก แต่กลับมีส่วนแบ่งผู้ชมมากที่สุด (มีเนื้อหารายการที่มองผู้ชมเป็นพลเมืองประมาณ 33 % แต่กลับมีส่วนแบ่งผู้ชมรวมกันกว่า 67 %) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง "สัดส่วนที่ไม่สมดุล" ของการรับชมรายการโทรทัศน์ของประชาชนกล่าวคือ ช่องสถานีที่มีเนื้อหารายการเพื่อ "ความเป็นพลเมือง" สูง กลับมีสัดส่วนผู้ชมในปริมาณต่ำ ในขณะที่ ช่องสถานีที่มีเนื้อหารายการเพื่อ "ความเป็นพลเมือง" ต่ำ กลับมีสัดส่วนผู้ชมในปริมาณสูง
สัดส่วนที่ไม่สมดุลนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นเมื่อพิจารณาค่าดัชนีการรับชมรายการโทรทัศน์ โดยพบว่าจากผู้ชม 100 คนที่ดูโทรทัศน์ฟรีทีวี มีผู้ชมมากถึง 69.4 % ที่ชมรายการโทรทัศน์ที่มีเนื้อหามองผู้ชมเป็นผู้บริโภค ขณะที่ 30.6 % ชมรายการโทรทัศน์ที่มีเนื้อหามองผู้ชมเป็นพลเมือง และกว่าครึ่งของผู้ชมทั้งหมดเลือกรับชมรายการโทรทัศน์จากสถานีโทรทัศน์ช่องที่เน้นมองผู้ชมเป็นผู้บริโภคในช่อง 7 และช่อง 3
"ความไม่สมดุล" ของสภาพเนื้อหารายการโทรทัศน์ที่มองผู้ชมเป็นผู้บริโภค : เป็นพลเมือง และส่วนแบ่งผู้ชมโทรทัศน์นี้ ชี้ให้เห็นว่า ฟรีทีวีโดยรวม โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์เพื่อธุรกิจ ให้ความสำคัญกับการหล่อหลอมผู้ชมให้เป็นผู้ซื้อ-ผู้ขายในระบบตลาด ในขณะที่ผู้ชมส่วนใหญ่ก็สนใจในเนื้อหาที่สร้างความพึงพอใจและประโยชน์ส่วนตน มากกว่าเนื้อหาที่จะพัฒนา "ความเป็นพลเมือง" ในระบบสังคมที่ประชาชนทุกคนควรใส่ใจในการพัฒนาตนเอง และสนใจมีส่วนร่วมในเรื่องของส่วนรวม และ ประเด็นสาธารณะ
หากสังคมต้องการหรือคาดหวังให้สื่อ (โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์) มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา "ความเป็นพลเมือง" แล้ว ผลของการศึกษาครั้งนี้ โทรทัศน์ไทยยังไม่สามารถแสดงบทบาทสำคัญในการสร้างความเป็นพลเมืองได้
ในช่วงเวลาสำคัญของการเคลื่อนไหวรณรงค์เรื่องการปฏิรูปการเมือง และ การร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังดำเนินอยู่นี้ หากสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง โดยเฉพาะสถานีที่ได้รับความนิยมจากผู้ชมจำนวนมาก ได้ให้ความสำคัญกับการผลิตเนื้อหาที่ส่งเสริม การตื่นตัว การมีส่วนร่วม และ ความเป็นพลเมืองของผู้ชม ก็จะเป็นโอกาสสำคัญของสื่อโทรทัศน์ในการร่วมพัฒนาประชาธิปไตยและสร้างความเข้มแข็งของสังคม อันหมายถึงสถานีโทรทัศน์ก็จะมีผู้ชมที่มีคุณภาพมากขึ้นตามไปด้วย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)