26 มี.ค.50 - นายวิชา มหาคุณ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กรอบที่ 3 ว่าด้วยองค์กรตรวจสอบอิสระและศาล โดยที่ประชุมมีการหารือกันในประเด็นต่างๆ ที่ความคิดเห็นกรรมาธิการยกร่างไม่ตรงกับความเห็นของคณะอนุกรรมาธิการ อาทิ ที่มาของประธานศาลฎีกา เงินเดือน เงินประจำ ตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอื่นๆ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) การจ่ายเงินค่าทดแทนกรณีการจ่ายเงินทดแทนแก่ผู้ต้องหาในคดี
อาญา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมมีการถกเถียงกันในประเด็นอำนาจหน้าที่ในการเป็นผู้วินิจฉัยคุณสมบัติต้องห้ามของ ส.ส. ส.ว.และการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีว่า ควรเป็นหน้าที่ของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง หรือ ศาลรัฐธรรมนูญ โดยที่ประชุมมีมติด้วยคะแนนเสียง 6 ต่อ 5 ให้อำนาจหน้าที่ดังกล่าวเป็นของศาลฎีกา โดยจะตั้งเป็นแผนกเลือกตั้ง นอกจากนี้ในที่ประชุมยังได้มีการหารือให้บัญญัติกฎหมาย ข้อหาทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชนหรือของชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งนาย
ทั้งนี้ นาย
ประสงค์ปัดข่าวลือถอดใจลาออก
ด้านน.ต.
"ผมเป็นทหาร ธรรมชาติของทหารถ้าเข้าสู่สนามรบแล้ว เป้าหมายที่สำคัญคือชัยชนะที่ต้องทำให้ได้ ไม่เคยคิดที่จะถอดใจ คิดเพียงอย่างเดียวว่าจะต้องทำงานให้บรรลุ เป้าหมาย ซึ่งหน้าที่ขณะนี้ ก็คือ ต้องยกร่างรัฐธรรมนูญให้สมบูรณ์ เพื่อวางเครือข่ายดักตะกวดทางการเมือง ไม่ให้เข้ามาหาผลประโยชน์ให้กับตนเองหรือพวกพ้อง เหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา"น.ต.ประสงค์ กล่าว
นอกจากนี้ น.ต.ประสงค์ ได้กล่าวถึงการออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ว่า เป็นพลพรรคของกลุ่มการเมืองเก่าที่เสียผลประโยชน์ และอำนาจทางการเมือง ส่วนการที่จะออกมาเคลื่อนไหวด้วยกลวิธีใดๆ ก็เป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ แต่อย่านำเรื่องไม่จริง มาเป็นประเด็นเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ ทั้งนี้ประเด็นที่ออกมาเคลื่อนไหวนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับประชาชน ส่วนประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุม เป็นเพียงบางกลุ่มที่ทำตามการว่าจ้างจากแกนนำของกลุ่มที่เสียอำนาจ
ส่วนกรณีที่จะมีการบัญญัติเรื่องนิรโทษกรรมไว้ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น น.ต.
"เจิมศักดิ์" แฉกลางสภา กมธ.ภาคเหนือ ใช้เงินหลวงจัดเวทีรธน.เตรียม "หาเสียง"
ขณะที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)รับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนในภาคเหนือ โดยนาย
นายวิชัย แจงด้วยว่า ประชาชนส่วนใหญ่ในภาคเหนือเห็นว่าไม่ควรกำหนดวุฒิการศึกษาสำหรับผู้สมัครส.ส.แต่ส.ว.ควรจะจบปริญญาตรี เนื่องจากต้องทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย แต่เห็นว่าส.ส.ควรจะมีความอิสระจากพรรค ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมืองถึง 90 วัน และการลงมติในสภาเห็นว่าควรจะเป็นความลับเพื่อไม่ให้ส.ส.อยู่ภายใต้การครอบงำจากพรรคการเมือง พร้อมกันนี้ยังเห็นว่าส.ว.ควรจะมาจากการสรรหาโดยตั้งองค์กรกลางขึ้นมาสรรหาบุคคลจากกลุ่มอาชีพต่างๆ แต่ถ้าเป็นการเลือกตั้งจะทำให้ส.ว.ไม่เป็นอิสระเพราะจะต้องอาศัยฐานเสียงของส.ส.
นายวิชัย กล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่านายกรัฐมนตรีควรจะมาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่ควรจะอยู่ในตำแหน่งเกิน 2 วาระ และเมื่อเป็นนายกฯแล้วต้องลาออกจากการเป็นส.ส.เพราะถ้ายังเป็นส.ส.ด้วยจะทำให้ใช้อำนาจรัฐสร้างความได้เปรียบในเรื่องงบประมาณให้กับพื้นที่ของตัวเอง ห้ามไม่ให้นายกฯและรัฐมนตรีมีผลประโยชน์ซับซ้อนก่อนและหลังการดำรงตำแหน่ง 2 ปี สนับสนุนให้ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลได้ง่ายขึ้นสามารถใช้เสียงเพียง 2 ใน 5 อภิปรายนายกรัฐมนตรีได้ และเห็นด้วยกับการให้บุคคลถูกพิพากษาว่ามีความผิดต้องหลุดจากตำแหน่งทันทีแม้ว่าศาลจะสั่งให้รอลงอาญา เพราะถือว่าเป็นบุคคลที่มีมลทิน
อย่างไรก็ตาม การอภิปรายร้อนแรงขึ้นเมื่อ นาย
"ยืนยันว่าต้องเอาผิดให้ได้ แม้เงินเพียงบาทสองบาท หรือเป็นหมื่นแสนบาทหรือแสนบ้านก็ไม่ได้ อยากถามประธานกมธ.ภาคเหนือที่เคยเป็นผู้ว่าฯเชียงใหม่ แม้เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเชียงใหม่ แต่ก็เชื่อว่าท่านร้อนใจ และอยากฝากไปถึงบางจังหวัดในภาคกลางและภาคอิสาน ก็เริ่มได้ยินความไม่โปร่งใสเข้ามาบ้างให้รีบดำเนินการสอบสวน" นายเจิมศักดิ์ กล่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)