Skip to main content
sharethis

การเมือง


กกต.โหมโรง 11 หน่วยงานเตรียมทำประชามติรัฐธรรมนูญ 26 สิงหาคมนี้


เว็บไซต์แนวหน้า -- นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวภายหลังประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดให้มีการออกเสียงประชามติรวม 11 หน่วยงานว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมโดยได้แจ้งให้หน่วยงานต่างๆ ทราบถึงกรอบเวลาในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นในวันที่ 5 กรกฏาคมนี้ จากนั้นสภาร่างรัฐธรรมนูญจะจัดพิมพ์ร่างเสร็จ พร้อมเผยแพร่แก่ประชาชน จนถึงวันที่จัดให้มีการออกเสียงประชามติ โดยจะมีเวลาในการเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญระหว่างวันที่ 20 สิงหาคม ถึง 3 กันยายน และคาดว่าน่าจะจัดให้มีการออกเสียงประชามติในวันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคมนี้


           


นายสุทธิพล กล่าวว่า ขณะนี้สภาร่างรัฐธรรมนูญได้ประกาศกำหนดเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญและการออกเสียงประชามติแล้ว ซึ่งมีสาระสำคัญที่กำหนดให้ กกต.มีหน้าที่ในการเผยแพร่กระบวนการและขั้นตอนการออกเสียงให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง และการเป็นผู้ดำเนินการจัดและควบคุมการออกเสียงให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม


           


สำหรับการเตรียมการรักษาความปลอดภัยใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น กกต.ได้ประสานไปยังทหารในพื้นที่ และกระทรวงมหาดไทย เพื่อเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบ ขณะเดียวกันได้ประสานไปยัง กอ.รมน.ภาค 4 เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน


 


ครม.อนุมัติงบ 5,000 ล้านบาท ให้กับโครงการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ -- รอ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้กับโครงการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดมจังหวัดอีก 5,000 ล้านบาท จากเดิมที่จัดสรรให้ 5,000 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท พร้อมมีมติให้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้าง เร่งการประมูลก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2550


 


นอกจากนี้ให้แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐ โดยให้นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน พร้อมกันนี้ยังเห็นชอบให้เร่งรัดการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ให้ได้เป้าหมายการเบิกจ่ายรวมร้อยละ 90 โดยเฉพาะการลงทุนของ ปตท. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีวงลงทุนสูงถึง 58,000 ล้านบาท


 


ครม.มืด 8 ด้านแก้ปัญหาม็อบเกษตรฯ รอกฤษฎีกาตีความ นำเงิน 900 ล้านมาใช้ได้หรือไม่


เว็บไซต์แนวหน้า -- รอ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม.ว่า ครม.รับทราบ การแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรในกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร โดยรับทราบว่า เมื่อผู้แทนเกษตรกรและผู้ทรงคุณวุฒิทั้งคณะได้หมดวาระ ในการดำรงตำแหน่งคณะกรรมการในกองทุนฟื้นฟูฯ แล้วเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2549 และวันที่ 11 ม.ค.2550 และรับทราบว่า การหมดวาระจะเกี่ยวข้องกับการหมดหน้าที่ในคณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูฯด้วยหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นว่า เมื่อหมดวาระผู้ใดจะสามารถบริหารจัดการหนี้แทนได้ เนื่องจากตามพ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูฯ ได้บัญญัติถึงผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน


 


ทั้งนี้ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของอำนาจในการอนุมติโอนเงิน การสั่งจ่ายเงิน และอำนาจในการลงนามในคำสั่งต่างๆ ซึ่งเป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารของกองทุนฟื้นฟูฯ ที่ขณะนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ โดยเฉพาะเงิน 900 ล้านบาทจากบัญชีเงินฝากประจำ เพื่อโอนบัญชีจัดการหนี้สินของเกษตรกร


 


โดย ครม.เห็นว่า จะให้กระทรวงเกษตรกรฯ ชี้แจงในข้อกฎหมายต่อเกษตรกร และรักษาการเลขาธิการกองทุนฟื้นฟู จะเป็นผู้ให้ข้อมูลกับคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ยังต้องอยู่ในขั้นตอนการรับฟังข้อมูล ว่าจะให้ผู้ใดสามารถลงนามโอนเงิน 900 ล้านบาทมาบริหารจัดการหนี้สินได้ อย่างไรก็ตามมติดังกล่าวเกิดขึ้นในการประชุมคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ ตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.2549


 


รอ.นพ.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า การตรวจสอบสาเหตุของน้ำเสียในพื้นที่ภาคกลาง โดยเฉพาะ ในจ.อ่างทอง ครม.เห็นชอบ ให้รอผลการตรวจสอบสาเหตุที่มาของน้ำเสียและหาตัวผู้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น เนื่องจากยังไม่มีระเบียบที่ชัดเจนในการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม นอกจากนั้นยังให้กรมประมงรวบรวมข้อมูลและให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดตรวจสอบด้วย


 


อย่างไรก็ตาม ครม.ได้รับทราบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรที่เลี้ยงปลาในกระชัง ที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางน้ำในพื้นที่ จ.อ่างทอง และ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด จ่ายค่าชดเชยในอัตรา 257 บาทต่อตารางเมตร แต่ไม่เกิน 80 ตารางเมตรต่อราย หรือ ไม่เกิน 20,560 บาทต่อราย ต่อเกษตรกร 231 คน ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นการเยี่ยวยาเฉพาะหน้า


 


ครม.เห็นชอบเงื่อนขั้นเงินเดือนให้กำลังพลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ -- นายณัฐฐวัฒน์ สุทธิโยธิน ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบสนับสนุนการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ 2 ขั้น นอกเหนือโควต้าจากงบประมาณกลาง ให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหา พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้การกำกับดูแลของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 หรือ กอ.รมน.ภาค 4 โดยไม่ได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนในรอบครึ่งปีแรกของงบประมาณ เพิ่มเติมอีกอัตราร้อยละ 15 เงินเดือน ของจำนวนข้าราชการผู้มาปฏิบัติงานใน กอ.รมน.ภาค 4 ที่ปฏิบัติในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่แล้ว นอกจากการประชุมคณะรัฐมนตรียังอนุมัติหลักการให้ปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการสงเคราะห์ผู้ติดเชื้อโรคเอดส์อันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ พ.ศ. 2550 โดยให้ครอบคลุมเพิ่มเติม ถึงการให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นข้าราชการ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ให้บริการดูแลผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ในหน่วยบริการดูแลอื่น ๆ ไม่เฉพาะหน่วยบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขเท่านั้น พร้อมให้พนักงานของรัฐ และลูกจ้างประเภทต่าง ๆ ที่มีหน้าที่ดูแลผู้ที่ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์


 


ฟันธงปลัดไอซีทีใหม่ "สือ"ตัวเต็งเสียบแทน หลัง "ไกรสร"ทิ้งเก้าอี้


เว็บไซต์แนวหน้า --แหล่งข่าวจาก ทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ตามที่ นายไกรสร พรสุธี ขอลาออกจากตำแหน่งปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร(ไอซีที)เพื่อขอย้ายไปรับตำแหน่ง ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)นั้น คาดว่า ผู้ที่คาดว่าจะเข้ามารับตำแหน่งปลัดกระทรวงไอซีทีคนใหม่คือ นายสือ ล้ออุทัย รองปลัดกระทรวงไอซีทีคนปัจจับัน ซึ่งเป็นข้าราชการ ระดับ 10 ที่อาวุโสสูงสุดในกระทรวงไอซีที ในส่วนของนางมณีรัตน์ ผลิพัฒน์ รองปลัดกระทรวงไอซีทีอีกคน แม้ว่าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองปลัดกระทรวงไอซีที ก่อนนายสือ แต่พบว่า นางมณีรัตน์ อาวุโสน้อยกว่า


 



ก่อนหน้านี้ นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.ไอซีที เปิดเผยว่า นายไกรสร ได้ขอย้ายไปเป็นที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เนื่องจากมีแผนลงสมัครรองประธานคณะกรรมการเอเชียแปซิฟิก คอมมิวนิเคชั่น ซึ่งเป็นองค์กรกำกับดูแลโทรคมนาคมในเอเชีย-แปซิฟิก โดยจะมีการเปิดรับสมัครใน 3-4 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ หากนายไกรสร ได้รับเลือกก็จะลาออกจากราชการทันที


 







ผู้จัดการ


--------


การเมือง


 


 


"สนธิ"ระอา"ขิงแก่"ปล่อยโอกาสกู้วิกฤติชาติหลุดมือ


"สนธิ"ระบุ"จาตุรนต์-พีทีวี"จัดชุมนุม-เดินสาย เพื่อลองของ คมช. เพราะเห็นเป็นยักษ์ไม่มีกระบอง ยึดอำนาจทั้งที ไม่มี "ม.17"ไว้จัดการฝ่ายตรงข้าม ระบุชัดพีทีวีคือ ทรท.ของแท้และดั้งเดิม เตรียมแฉภาพทีมงานทีวีลิ่วล้อพบทักษิณที่เมืองจีนกลางรายการพุธนี้ ย้ำจุดยืนทำหน้าที่สื่อเสรีต้านค้าปลีกข้ามชาติฆ่าตัดตอนธุรกิจไทย สุดเสียดายรัฐบาลของแก่แปรสภาพเป็นขิงจืด ปล่อยโอกาสกู้วิกฤติชาติหลุดมือ รัฐประหาร 19 ก.ย.ส่อแววสูญเปล่า


 


"สนธิ"หนุนอภิปราย"ขิงแก่" จวกมัวตีกรรเชียงรอ"แม้ว"หวนคืน


"สนธิ" หนุนเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาล แสดงความเป็นอิสระของ สนช. อัด"มีชัย"โดดขวางเพื่อเชลียร์"ขิงแก่" แต่เชื่อ นายกฯ เตรียมหลบหน้า ระบุรัฐฯกำลังตีกรรเชียง ปล่อยเกียร์ว่าง เอาใจคนระบอบทักษิณ จน ปชช.ยึดเป็นที่พึ่งไม่ได้ ย้ำหากจริงใจปราบทุจริตต้องต่ออายุ คตส.-เพิ่มวาระผู้ว่าฯ สตง.


 


"จาตุรนต์" ถกทีม กม.ก่อนแจง กกต.ฐานขัดคำสั่ง คปค.30 มี.ค.นี้


"จาตุรนต์" นั่งไม่ติด ถูก กกต.เรียกสอบฐานขัดคำสั่ง คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 เดินสายทำกิจกรรมการเมือง ย้ำจะไปพบ 30 มี.ค.นี้แน่นอน พร้อมนัดประชุมกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย พรุ่งนี้ (28 มี.ค.)


 


ชาวสงขลาออกโรงครั้งที่ 2 เบรกกลุ่มชุมนุมจาบจ้วง "ป๋าเปรม"


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - กลุ่มประชาชน "เกิดมาต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน" และคนสงขลาเปิดเวทีเสวนา "คนสงขลา รักป๋าเปรม" ภายหลังจากที่มีกลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดีเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง และยังไม่เลิกที่จะจาบจ้วง ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ โดยพยายามจะชุมนุมที่ท้องสนามหลวงอีกครั้งในวันที่ 30 มี.ค.นี้ เตือนหัวโจกเกิด อ.ระโนด จ.สงขลา แต่ไม่รักบ้านเกิดระวังจะกลับบ้านไม่ได้


 


"บวรศักดิ์"ค้านเลือก ส.ส.เขตใหญ่เรียงเบอร์-แฉคนมีเงินได้เปรียบ


"บวรศักดิ์" ชี้ชัดเปลี่ยนเขตเลือกตั้งจาก ส.ส.เขตเดียวเบอร์เดียวเป็นเขตใหญ่เรียงเบอร์ ถือเป็นการย้อนถอยหลังยิ่งกว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 แฉทำให้คนมีเงินมากได้เปรียบ-จูงใจให้ผู้สมัครพรรคเดียวกันหักหลังกันเอง


 


 


 


เศรษฐกิจ


"ณรงค์ชัย"ซัดมาตรการ ธปท.ต้นตอวิกฤติศก.-นักลงทุนสับสน


ผู้จัดการออนไลน์ -- นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานคณะกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) และเป็น 1 ใน 9 ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เสนอแนะให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) หันกลับมาใช้กลไกตลาดในการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาท โดยการเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยถือเป็นกลไกตลาดอย่างหนึ่งที่สำคัญ โดยเห็นว่าควรจะปรับลดลงมากกว่า 0.25% เพื่อให้ได้ผลชัดเจน พร้อมกับประกาศยกเลิกมาตรการสำรอง 30% แต่อาจคง fully hedge ไว้แทน ซึ่งทั้งสองประเด็นเป็นเรื่องที่ตลาดกำลังคาดการณ์อยู่


 


อย่างไรก็ตาม ในมุมมองส่วนตัวเชื่อว่าเงินบาทจะยุติการปรับแข็งค่าขึ้นภายในปีนี้ โดยขณะนี้อาจยังมีความผันผวนอยู่บ้าง เนื่องจากคาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้ไม่น่าจะเกินดุล และการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศจะไม่สูงเหมือนกับปีก่อน การชะลอตัวของกระแสเงินที่จะไหลเข้ามา บวกกับการเปลี่ยนทิศทางอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับการที่ต่างชาติสนใจไปลงทุนในประเทศอื่น ก็จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงในอนาคต


 


นายณรงค์ชัย กล่าวตำหนิว่า การที่ ธปท.ยืนยันที่จะคงมาตรการสำรองเงินนำเข้า 30% และมาตรการป้องกันความเสี่ยงเงินตราต่างประเทศ 100%(Fully Hedge) ทำให้นักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันลดความน่าเชื่อถือของเศรษฐกิจไทยลงและเตรียมถอนการลงทุนในประเทศไทยออกไป


 


ทั้งนี้ หากธปท.ยกเลิกมาตรการ 30% และมาตรการป้องกันความเสี่ยง ก็จะทำให้ค่าเงินบาทในตลาดออฟชอร์และออนชอร์ อยู่ในระดับที่เท่ากัน ส่วนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ไม่ได้มีส่วนช่วยให้ค่าเงินบาทนิ่ง แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย และหากธปท.ลดดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ ก็จะทำให้เรตติ้งของประเทศลดลง ซึ่งจะส่งผลให้การลงทุนลดลง ตามความผันผวนของค่าบาทก็จะหมดไป


 


ส่วนแนวคิดการกลับไปใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่นั้น นายณรงค์ชัย เห็นว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่เข้ากับสถานการณ์ของโลกปัจจุบัน


 


สิ่งที่จะใช้สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศได้ในขณะนี้คือ มาตรการการเงิน ขณะที่มาตรการการคลังจะใช้ไม่ได้ผลเท่าที่ควรในขณะนี้ เพราะเป็นช่วงเกียร์ว่างในช่วงจัดการประเทศ ซึ่งข้าราชการไม่กล้าจะขยับทำอะไร เพราะเกรงว่าจะถูกตรวจสอบ และสังคมไทยก็ไม่นิยมที่จะให้รัฐบาลใช้นโยบายขาดดุลในระยะยาว เนื่องจากจะมีผลต่อหนี้สาธารณะของประเทศ


 


แย้มรอจังหวะเลิกสำรอง30% คลังโต้ไอเอ็มเอฟไม่มีผลปฏิบัติเหมือนแค่เศษกระดาษ


เว็บไซต์คมชัดลึก --ดร.ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการบริหาร กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เสนอให้ยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ของเงินทุนต่างชาติ ว่า ขณะนี้ในทางปฏิบัติก็เหมือนมาตรการดังกล่าวไม่มีผลแล้ว เพราะเงินนำเข้าที่ทำสว็อปล่วงหน้าก็ไม่ต้องกันสำรอง 30% แต่การจะยกเลิกมาตรการเมื่อไร คงต้องรอจังหวะ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นผู้พิจารณา


 



"มาตรการที่อยู่ในกระดาษคงไม่มีผลในทางปฏิบัติแล้ว เพียงแต่รอจังหวะให้เหมาะสม แค่เปลี่ยนข้อความในกระดาษเท่านั้น สิ่งสำคัญคือ การทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องมาตรการกันสำรอง 30% มากกว่า" ดร.ฉลองภพ กล่าว


 



ด้าน ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ในวันที่ 19 เมษายนนี้ หอการค้าไทยเตรียมปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) อีกครั้ง จากปัจจุบันที่คาดว่าจะเติบโต 4-4.5% หลังจากสัญญาณทางเศรษฐกิจบ่งชี้ถึงภาวะการชะลอตัว โดยเฉพาะดัชนีเชื่อมั่นต่ำสุดในรอบ 5 ปี ซึ่งถือว่าเศรษฐกิจยังเผชิญกับวิกฤติความเชื่อมั่น ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 เศรษฐกิจจะยังชะลอตัว และเริ่มฟื้นตัวในปลายไตรมาส 3 ขณะที่จุดต่ำสุดของจีดีพีจะอยู่ในไตรมาส 3 จากเดิมที่มองว่าน่าจะอยู่ในไตรมาส 2


 



นอกจากนี้ หอการค้าไทยยังประเมินว่า การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนไตรมาส 2 สินค้าที่ชะลอลงมาก คือ สินค้าฟุ่มเฟือย ทั้งรถยนต์ ที่อยู่อาศัย อาหารบำรุงสุขภาพ และสินคาฟุ่มเฟือยประเภทต่างๆ โดยสินค้าภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ในไตรมาส 2 จะทรงตัวและชะลอตัวลงมาก ซึ่งผู้ประกอบการยอมรับว่าเป็นผลจากการชะลอตัวของการบริโภค ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งกระตุ้นการบริโภคผ่านสื่อประเภทต่างๆ ทั้งทีวี หนังสือพิมพ์ วิทยุ


 



สำหรับพฤติกรรมการบริโภคนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ยังจับจ่ายใช้สอยที่ห้างค้าส่งขนาดใหญ่ เช่น บิ๊กซี คาร์ฟูร์ โลตัส มีสัดส่วนถึง 69.2% ร้านสะดวกซื้อ 12% ห้างสรรพสินค้า 16.6% แสดงให้เห็นว่าประชาชนนิยมจับจ่ายใช้สอยกับผู้ประกอบการที่มีการปรับปรุงร้านหรือห้างทั่วไป เพราะสัดส่วนร้านค้าปลีกดั้งเดิม (โชห่วย)


 


ครม.อัดฉีดรากหญ้า7หมื่นล. ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ"เร่งด่วน"


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ -- น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วานนี้(27 มี.ค.) เห็นชอบแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนรวมระยะเร่งด่วน เพื่อให้เศรษฐกิจไทยรักษาการขยายตัวได้อย่างเหมาะสม และมีเสถียรภาพภายใต้ข้อจำกัดของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงปี 2550 โดยมีมาตรการที่สำคัญ ได้แก่ การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้เอกชนในการลงทุนโครงการขนาดใหญ่



มาตรการทางเศรษฐกิจที่สำคัญเร่งด่วนมี 4 ด้าน ได้แก่ 1.เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2550 ให้ได้ตามเป้าหมาย 85% ให้ทุกกระทรวงที่มีงบในหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้าง เร่งประมูลงานก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน นี้ และเร่งรัดการใช้จ่ายเงินตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด วงเงิน 5 พันล้านบาท เร่งจ่ายเงินลงทุนโลจิสติกส์งบปี 2550 วงเงิน 4.5 พันล้านบาท



 


ความมั่นคง


นายอำเภอบันนังสตา เตรียมดำเนินคดี กลุ่มสตรีปิดถนน


ไอ.เอ็น.เอ็น. -- นายเมธี กาญจนภูวะ นายอำเภอบันนังสตา จ.ยะลา ได้กล่าวว่า สำหรับในพื้นที่ ต.บาเจาะ นั้น ทุกคนทราบดีว่าเป็นพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการปลุกระดมชาวบ้านเหมือนอย่างวันนี้ ที่มีกลุ่มชาวบ้านได้ออกมาประท้วงศพ นายมะรอพี มะลีแต ซึ่งเป็นลูกเขยของโต๊ะอิหม่ามในหมู่บ้าน โดยชาวบ้านเชื่อว่า การเสียชีวิตของ นายมะรอพี เป็นการฝีมือของเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งจริงๆ แล้วเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปดูแลความปลอดภัยให้กับชาวบ้านแต่เนื่องจากกลุ่มก่อความไม่สงบได้พยายามปลุกระดมให้ชาวบ้านเชื่อว่า เหตุการณ์ที่ผ่ามมาเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐทั้งสิ้น


 


นายอำเภอบันนังสตา ยังกล่าวอีกว่า ต่อไปนี้หากมีการชุมนุมประท้วง กลุ่มสตรีที่ออกมาชุมนุมต้องไม่ปิดบังใบหน้าและหากจะเรียกร้องสิ่งใดให้ส่งตัวแทนมาพูดคุยเจรจาและห้ามปิดใบหน้าเช่นเดียวกัน เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ทราบว่าคุยกับบุคคลใด และขอห้ามให้มีการชุมนุมปิดถนนเด็ดขาดหากมีการฝ่าฝืนจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด


 


สถาบันวิจัยสิงคโปร์เตือน เจไอกำลังหาแนวร่วมแห่งใหม่ในภาคใต้ของไทย


ไอ.เอ็น.เอ็น -- นายโรฮาน กูนารัตนา หัวหน้าศูนย์ระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยความรุนแรงทางการเมืองและลัทธิก่อการร้ายซึ่งตั้งอยู่ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง ของสิงคโปร์ แถลงในการเปิดประชุม"โกลบบอล ซีเคียวริตี้เอเชีย" ซึ่งเป็นการประชุมและงานนิทรรศการนาน 3 วัน เกี่ยวกับความมั่นคงภายใน (homeland security) ว่ากลุ่มก่อการร้ายเจมาห์ อิสรามิยา หรือ เจไอ ยังเป็นภัยคุกคามหลักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกำลังหาทางจะเปิดแนวร่วมแห่งใหม่ในภาคใต้ของไทย นายกูนารัตนา กล่าวด้วยว่า ทั้งเจไอในอินโดนีเซียกับในฟิลิปปินส์ต่างแสดงความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ที่จะส่งทั้งนักรบและผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดมาที่ภาคใต้ของไทยเพื่อสร้างแนวร่วมใหม่ของตน ขณะที่เจ้าหน้าที่ไทยยอมรับว่าไม่ทราบว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังความรุนแรงที่ดำเนินมา 3 ปีแล้วเพราะไม่มีผู้อ้างความรับผิดชอบ หรือเรียกร้องใดๆ จากรัฐบาลเจ้าหน้าที่ไทยและนักวิเคราะห์ต่างชาติมองว่า ความรุนแรงล่าสุดในภาคใต้ ได้แรงกระตุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากพวกใช้ศาสนาบังหน้า แตกต่างจากในอดีตที่ได้แรงกระตุ้นจากความต้องการแบ่งแยกดินแดนขณะที่กูนารัตนาสรุปว่า ปัจจุบันความขัดแย้งในไทยเป็นเรื่องภายในประเทศเป็นหลัก แต่ใน 5 ปีข้างหน้าจะลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งระดับภูมิภาค แบบเดียวกับแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร ( MILF )ที่ต้องการตั้งรัฐอิสลามในมินดาเนา ทางใต้ของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็น ที่ตั้งของกลุ่มอาบูไซยาฟ ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วโลกจากการลักตัวนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไปเรียกค่าไถ่


 


คุณภาพชีวิต


อัยการยื่นฟ้องไอทีวี"แสนล้าน"30มี.ค.


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ --นายบัลลังก์ ปิ่นสากล อัยการผู้เชี่ยวชาญ คดีปกครอง 3 เปิดเผยว่า สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ได้สรุปตัวเลขการเรียกค่าชำระค่าสัมปทานค้างจ่าย ค่าปรับพร้อมดอกเบี้ย ต่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หลัง สปน.บอกเลิกสัญญาสัมปทานโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ รวมประมาณ 1.01 แสนล้านบาท ส่งมาให้อัยการเพื่อฟ้องร้องต่อศาลปกครองแล้ว โดยอัยการจะไปยื่นที่ศาลปกครองในวันที่ 30 มีนาคม นี้


 



วงเงินดังกล่าว ประกอบด้วยค่าสัมปทานค้างจ่ายราว 2.89 พันล้านบาท, ค่าปรับราว 9.78 หมื่นล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยราว 560 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีมูลค่าทรัพย์สินที่ไอทีวีต้องส่งมอบตามสัญญาเมื่อครบ 10 ปี แต่ส่งมอบไม่ครบอีกมูลค่า 656 ล้านบาท รวมทั้งหมดเป็นเงินประมาณ 1.01 แสนล้านบาท



"เหตุที่ต้องยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสัญญาทางปกครอง ซึ่ง สปน.มีสิทธิฟ้องร้องตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง ซึ่งจะต้องทำภายใน 1 ปี นับแต่วันที่รู้ว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้น" นายบัลลังก์ กล่าว


 



ด้าน นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ หรือเอสดียู เพื่อใช้บริหารจัดการสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ว่า ไม่มีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (27 มี.ค.) เนื่องจากเรื่องดังกล่าวจะมีการพิจารณาในที่ประชุมสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.ร.)ก่อน คาดว่าจะมีความคืบหน้าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้



ก่อนหน้านี้ ที่ประชุม ก.พ.ร.ได้ตีกลับแนวทางการจัดตั้งเอสดียู ของ สปน.ที่มอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์เป็นผู้รับผิดชอบถึง 2 ครั้ง โดยระบุว่ากรมประชาสัมพันธ์ ไม่มีความชัดเจนในแนวทางการบริหาร รวมทั้งเรื่องงบประมาณการจัดการ


 



ปัจจุบันการบริหารสถานีทีไอทีวียังไม่มีกฎหมายรองรับ ดังนั้นทั้งเรื่องรายได้จากการโฆษณา รวมทั้งการเข้าบริหารคลื่นทีวียูเอชเอฟ และการใช้ทรัพย์สินของทางราชการอาจเข้าข่ายโดยมิชอบ



แหล่งข่าวจาก บมจ.ไอทีวี ระบุว่า ทั้ง สปน.และไอทีวี ยังมีความคิดเห็นแตกต่างกันในเรื่องของการคำนวณค่าปรับการทำผิดสัญญาปรับผังรายการ ซึ่งไอทีวี ได้ร้องต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ เพื่อตั้งอนุญาโตตุลาการ ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทเรื่องค่าปรับไปแล้ว ตามสัญญาข้อ 15 หากฝ่าย สปน.ที่ยืนยันไม่ตั้งอนุญาโตตุลาการ เมื่อครบกำหนด 30 วัน ที่สถาบันอนุญาโตตุลาการแจ้งไป ก็จะมีการร้องต่อศาลแพ่งให้ตั้งอนุญาโตตุลาการข้างฝ่าย สปน. โดยสถาบันอนุญาโตตุลาการนัดฟังผลการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการในวันที่ 9 พฤษภาคม 2550


 



อย่างไรก็ตามมองว่าการปรับผังรายการของไอทีวีที่ผ่านมา เป็นไปตามคำสั่งของอนุญาโตตุลาการ แต่ภายหลังศาลปกครองมีคำพิพากษาให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ไอทีวีเห็นว่ายังเป็นเรื่องที่ต้องมาพิจารณาในแง่กฎหมายต่อว่า เป็นความผิดของไอทีวีหรือไม่ ที่ปฏิบัติตามคำสั่งอนุญาโตตุลาการ



กรณี สปน.ฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้ไอทีวี ชำระค่าสัมปทานและค่าปรับแสนล้าน ในวันที่ 30 มีนาคม นี้ ดำเนินการไปตามหน้าที่ของ สปน.ที่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้ ซึ่งไอทีวีมีหน้าที่รับทราบคำฟ้อง และแก้ข้อกล่าวหาต่างๆ ไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยประเด็นหลัก ไอทีวี ยังคงให้ความสำคัญไปที่การตั้งอนุญาโตตุลาการพิจารณาข้อพิพาทสองฝ่ายในประเด็นเรื่องค่าปรับ


 


'มีชัย' หนุนแก้ พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ กำหนดให้ชัดไม่ให้แปรรูป ไฟฟ้า-ประปา


เว็บไซต์เดลินิวส์ -- ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 13.00 น. คณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้จัดสัมมนาเรื่อง"กฎหมายที่ประชาชนคาใจ : พระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ 2542 โดยนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้กล่าวเปิดการสัมมนาว่า ตั้งแต่ปี 2542 ประชาชนมีกฎหมายคาใจถึง 11 ฉบับและเรียกจนติดปากว่าเป็นกฎหมายขายชาติ และไม่ว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการหรือคณะทำงานกี่ชุด สุดท้ายเรื่องก็เงียบ จึงแปลผู้ที่เรียกร้องปัญหาเหล่านี้พบคำตอบเหมือนกันทุกคณะ และมีกฎหมายมีผลบังคับใช้ คนเกิดความเคยชิน การปรับปรุงแก้ไขก็เงียบหายไป จนเป็นที่ยอมรับในสังคม แต่ยังมีอยู่หนึ่งฉบับที่ยังมีผลกระทบประชาชนมากที่สุดคือ พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ ที่เป็นตัวแม่บทในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ออกมาเป็นบริษัทมหาชนซึ่งตั้งแต่กฎหมายเข้าสู่วุฒิสภาสมัยนั้น ได้มีการถกเถียงกันอย่างมาก ว่า การออกกฎหมายลงที่เป็นแม่บทนำไปสู่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ จะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรนแรงต่อสังคมและความรู้สึกของประชาชนเพราะการยอมให้มีการตราพระราชกฤษฎีกา ยุบเลิกรัฐวิสาหกิจ แต่ยังคงอำนาจและบทบาทของรัฐวิสาหกิจที่ใช้อำนาจรัฐสืบเนื่องต่อไปยังยังบริษัทมหาชนได้


 


ประธานสภานิติบัญญัติฯ กล่าวอีกว่า สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เคยพูดให้ชัดเจนในสังคม คือ รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวสาธารณูปโภค เช่นไฟฟ้า ประปา สมควรหรือไม่ที่จะคำนึงถึงรายรับ หรือผลกำไรที่จะได้จากกิจการนั้นๆแล้วจะไปแปรรูปเป็นบริษัทเพื่อเอกชนเข้ามาลงทุนแล้วแบ่งกำไรหรือไม่ เรายังไม่เคยพูดกันว่ารัฐวิสาหกิจเหล่านั้น มีผลกระทบอย่างไรว่า หากนำไปแปรรูป จะกระทบกับประชาชนอย่างไร มีแต่เขียนไว้ว่าถ้ารัฐบาลเห็นสมควรแปรรูปรัฐวิสาหกิจใด ก็ให้ดำเนินการ ฉะนั้น รัฐวิสาหกิจที่ทำกิจกรรมเชิงการค้าธรรมดา หรือรัฐวิสาหกิจที่ทำกิจกรรมในเชิงสาธารณูปโภคต้องมาอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกันและไม่มีการคุ้มครอง ปัญหาจึงคาราคาซังและกลายเป็นปัญหาใหญ่โต


 


7 สภาวิชาชีพรุมค้าน "ร่างพ.ร.บ.วิชาชีพการสาธารณสุข"


ผู้จัดการออนไลน์-- ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับ 7 สภาวิชาชีพ ประกอบด้วย แพทยสภา สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม ทันตแพทยสภา สภากายภาพบำบัด สภาเทคนิคการแพทย์ และ สัตวแพทยสภา ว่า ที่ประชุมสภาวิชาชีพทั้ง 7 มีมติร่วมกันเป็นเป็นเอกฉันท์ ที่จะไม่รับหลักการและคัดค้านร่างพ.ร.บ.วิชาชีพการสาธารณสุขพ.ศ...... ซึ่งน.พ.อำพล จินดาวัฒนะ และคณะเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยได้ทำหนังสือชี้แจงเหตุผลและข้อเสนอเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ถึงนายกรัฐมนตรี ประธานสนช.และสมาชิกสนช. เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว


 


ทั้งนี้ เนื่องจากทั้ง 7สภาวิชาชีพมีความเห็นตรงกันว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว)พ.ศ.2549 ในหลายมาตรา และยังมีบทบัญญัติที่ไม่เหมาะสมที่จะเป็นวิชาชีพด้วย


 


นายกแพทยสภา กล่าวว่า การเป็นวิชาชีพ ต้องมีองค์ประกอบครบอย่างน้อย 4 ประการ คือ มีองค์ความรู้ที่มีขอบเขตชัดเจนและมีลักษณะเฉพาะเจาะจง มีค่านิยม วัฒนธรรมของวิชาชีพที่ชัดเจน ที่กำหนดเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติที่เรียกเป็นจรรยาบรรณวิชาชีพ เป็นการศึกษาในระดับอุดมศึกษา มีหลักสูตรมาตรฐานวิชาชีพที่เป็นสากล มีการศึกษาอบรมระยะยาว ซึ่งผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรจะเป็นผู้มีมีความรู้ ความชำนาญในวิชาชีพเฉพาะที่ผู้อื่นไม่สามารถทำได้ สามารถให้บริการทางวิชาชีพได้อย่างเป็นอิสระด้วยพันธะรับผิดชอบสูง เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้รับบริการ และต้องเป็นบริการที่จำเป็นแก่มนุษย์และความเป็นอยู่ที่ดีในสังคม ซึ่งสังคมจะขาดเสียไม่ได้ ทั้งนี้ ในส่วนของภาคีสภาวิชาชีพด้านสุขภาพ 7 สภาวิชาชีพ เห็นควรให้แก้ไขร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการสาธารณสุข มากกว่าที่จะเป็นพ.ร.บ.วิชาชีพการสาธารณสุข ซึ่งไม่เหมาะสมและไม่ถูกต้อง


 


"การเป็นวิชาชีพ หมายถึงการที่บุคคลที่มีวิชาชีพเหล่านั้น ต้องมีความรับผิดชอบเฉพาะต่อการประกอบอาชีพ เช่น แพทย์ วิศวกร สถาปนิก พยาบาล สัตวแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร นักกายภาพบำบัด นักเทคนิคการแพทย์ ที่ต้องเรียนจบมาโดยตรงจึงจะประกอบวิชาชีพได้ ไม่ใช่จบอะไรมาก็ทำได้ ถ้าอย่างนั้นเรียกว่าเป็นอาชีพไม่ใช่วิชาชีพ และถ้าออกกฎหมายฉบับนี้มาอีกหน่อย ก็จะมีคนขอเป็นวิชาชีพกันหมด พอเป็นวิชาชีพคนอื่นก็ทำไม่ได้ เช่น ผมเป็นหมอ ถ้าจะไปสอนเด็กประถมก็จะทำไม่ได้ เพราะผิดกฎหมายตรงนี้จะยุ่งกันไปหมด"น.พ.สมศักดิ์ กล่าวและว่า ถ้าวัตถุประสงค์ของกฎหมายที่จะทำให้เป็นวิชาชีพ คือ การทำให้เจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนมีสิทธิได้รับค่าตอบแทน ก็ควรจะไปแก้ไขระเบียบเรื่องค่าตอบแทน ไม่ใช่มาร่างกฎหมายและทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้างเช่นนี้


 


ด้าน นพ.สมศักดิ์ เจริญชัยปิยกุล กรรมการแพทยสภา กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ต้องการจะให้คน 40,000คน ที่ทำงานอนามัยได้เป็นวิชาชีพ ซึ่งในจำนวน 4 หมื่นคนนี้มีคนจบปริญญาตรีแค่ 3,600 คน ถ้าเป็นวิชาชีพถามว่าจะรับผิดชอบชีวิตประชาชนได้แค่ไหน อันตรายมากทั้งต่อประชาชนเองและต่อตัวเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอหรือหมออนามัยด้วย อยากให้ผู้ที่เสนอกฎหมายนี้ ใช้วิจารณญาณในการพิจารณาผลกระทบให้รอบด้านอย่างรอบคอบ อย่าเพียงแค่หาเสียงหรือเล่นการเมืองกับบรรดาหมออนามัย เท่านั้น


 


ต่างประเทศ


กลุ่มโอเพ่นซอร์สพร้อมเช็คบิลดีลโนเวลล์-ไมโครซอฟท์


ผู้จัดการออนไลน์--กลุ่มมูลนิธิซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สระบุ เตรียมประกาศข้อตกลงด้านสิทธิบัตรซอฟต์แวร์ฉบับใหม่ในวันพุธนี้ (28) เพื่อหาทางอุดช่องโหว่ด้านลบที่อาจเกิดขึ้นจากสัญญาข้อตกลงด้านสิทธิบัตรที่ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สเบอร์สองในตลาดอย่างโนเวลล์ทำกับยักษ์ใหญ่ไมโครซอฟท์
       
"เราจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจว่า จะไม่มีการเซ็นสัญญาใดที่ทำให้จุดประสงค์ของฟรีซอฟต์แวร์เป็นเพียงนามธรรมลอยๆ" ปีเตอร์ บราวน์ (Peter Brown) ผู้อำนวยการมูลนิธิฟรีซอฟต์แวร์ฟาวน์เดชัน (Free Software Foundation) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ส
       
ฟรีซอฟต์แวร์หรือซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เปิดกว้างให้ทุกคนสามารถใช้งาน นำไปพัฒนา และแจกจ่ายได้ฟรี ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สจะสามารถจดลิขสิทธิ์ส่วนที่ตนพัฒนาได้ แต่จะต้องแจกจ่ายและเปิดกว้างซอร์สโค้ดคำสั่งเพื่อให้ผู้อื่นนำไปพัฒนาต่อยอดต่อไป ต่างกับไมโครซอฟท์ที่ไม่มีนโยบายเปิดเผยโค้ดคำสั่งเพื่อแจกจ่ายหรือให้ผู้อื่นนำไปพัฒนาต่อยอด ความขัดแย้งนี้เองที่ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแง่ลบตามมาหลังจากการเซ็นสัญญาระหว่างทั้งสอง
       
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และโนเวลล์ (Novell) ไม่สนใจใครประกาศเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกันในช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะข้อตกลงเรื่องสิทธิบัตรที่ทั้งสองทำร่วมกัน เนื้อความในสัญญาคือทั้งสองจะแลกเปลี่ยนสิทธิบัตรซึ่งกันและกันเพื่อสร้างความมั่นใจว่าไมโครซอฟท์จะไม่ฟ้องร้องลูกค้าของโนเวลล์ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์เทคโนโลยีไมโครซอฟท์ ซึ่งเป็นข้อหาที่ไมโครซอฟท์อ้างว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ของไมโครซอฟท์หลายจุดในซอฟต์แวร์ลินุกซ์ ทำให้ผู้ค้าลินุกซ์หลายรายมีโอกาสถูกฟ้องร้องสูง
       
ผลจากสัญญา โนเวลล์จะไม่ต้องกังวลว่าลูกค้าจะถูกไมโครซอฟท์ฟ้องร้อง สัญญานี้หลายฝ่ายแสดงความเห็นว่าเป็นเหมือนสิ่งชี้ว่าโนเวลล์ยอมรับว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ในลินุกซ์จริง แน่นอนว่าโนเวลล์ปฏิเสธเสียงแข็ง ที่สำคัญกว่านั้นคือ สัญญาครั้งนี้จะทำให้ไมโครซอฟท์มีสิทธิในโอเอสโนเวลล์ลินุกซ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
       
ไมโครซอฟท์และโนเวลล์แถลงจุดประสงค์ในการเซ็นสัญญาครั้งนั้นว่าเพื่อพัฒนาให้เซิร์ฟเวอร์ระบบปฏิบัติการลินุกซ์และวินโดวส์สามารถสื่อสารข้อมูลระหว่างกันได้ดียิ่งขึ้น โดยจะร่วมมือทั้งด้านการตลาดและการพัฒนา ผลเสียจากสัญญาที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ให้บริการลินุกซ์รายอื่นคือ สัญญานี้คุ้มครองเฉพาะลูกค้าของโนเวลล์เท่านั้น ขณะที่ผู้ใช้ซอฟต์แวร์เสรีทั่วไปไม่มีการป้องกันใดๆ การกระทำเช่นนี้ของโนเวลล์จึงถูกมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่เป็นมิตรต่อชุมชนซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส
       
บราวน์ไม่ได้ให้ข้อมูลว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดบ้างในข้อตกลงด้านสิทธิบัตรฉบับใหม่ที่ประกาศในวันพุธนี้ โดยระบุเพียงว่าทางมูลนิธิจะหาทางล้มข้อตกลงด้านสิทธิบัตรระหว่างโนเวลล์และไมโครซอฟท์เพื่อคุ้มครองชุมชนโอเพ่นซอร์สอย่างสุดความสามารถ โดยจะต้องเปิดให้มีประชาพิจารณ์ก่อนจะประกาศใช้จริงเป็นเวลา 60 วัน ข้อตกลงด้านสิทธิบัตรฉบับใหม่จึงคาดว่าจะมีผลบังคับใช้จริงช่วงวันที่ 26 มิถุนายนนี้
       
แม้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สจะไม่มีการเก็บค่าลิขสิทธิ์โปรแกรม แต่โอเพ่นซอร์สก็กลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในปัจจุบัน โดยหลายบริษัทสามารถทำเงินเป็นกอบเป็นกำจากการให้บริการที่ปรึกษาและบริการซัปพอร์ทอื่นๆ สำหรับลินุกซ์ เป็นระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สที่มีการใช้งานมากที่สุด ข้อมูลจากการ์ทเนอร์ระบุว่าสัดส่วนการใช้งานลินุกซ์คือ 20 เปอร์เซ็นต์ของคอมพิวเตอร์แม่ข่ายหรือเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก เทียบกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ที่มีสัดส่วนการใช้งานอยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์
       
ยังไม่มีรายงานความเห็นจากทั้งโนเวลล์และไมโครซอฟท์ในขณะนี้


 

 


ปิดตัว "ไลฟ์" นิตยสารข่าวภาพชื่อดัง ยันหันไปเน้นภาพออนไลน์


เว็บไซต์คมชัดลึก --บริษัท ไทม์ อิงค์ เจ้าของ "ไลฟ์" นิตยสารภาพข่าวชื่อดังเล่มแรกของโลก แถลงเมื่อวันจันทร์ (26 มี.ค.) ว่า "ไลฟ์" จะปิดตัวเองในเร็วๆ นี้ โดยฉบับสุดท้ายจะวางแผงในวันที่ 20 เมษายน อันเป็นผลพวงจากความตกต่ำของอุตสาหกรรมหนังสือพิมพ์ ประกอบกับภาพรวมของการเติบโตของโฆษณาในฉบับแทรกของหนังสือพิมพ์ที่ไม่สดใสนัก จนไม่อาจจะทนพิมพ์ต่อไปได้ อย่างไรก็ดี ไทม์ยืนยันว่าจะมุ่งหน้าพัฒนา "ไลฟ์" ฉบับออนไลน์ต่อไป


 



ไลฟ์ วางแผงฉบับแรกเมื่อปี พ.ศ.2479 ในฐานะนิตยสารภาพข่าวชั้นนำเล่มแรก ทุกๆ หน้าใช้กระดาษอย่างดีพิมพ์ภาพข่าวจนได้รับความนิยมไปทั่ว กระทั่งมียอดจำหน่ายกว่า 13 ล้านฉบับ สามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่ตากล้องชื่อดังหลายคนในช่วงศตวรรษที่ 20 รวมไปถึง มาร์กาเร็ต เบิร์ก ไวท์ ตากล้องข่าวสงครามที่เป็นผู้หญิง แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปประกอบกับเศรษฐกิจโลกตกต่ำลง เป็นเหตุให้ความนิยมในไลฟ์ได้คลายลง จนต้องปรับเปลี่ยนโฉมหน้าถึง 3 ครั้ง


 



รายงานข่าวแจ้งว่า ไลฟ์ได้เริ่มลดยอดพิมพ์ลงนับตั้งแต่ปี 2515 ก่อนจะปรับโฉมตัวเองเป็นรายเดือนระหว่างปี 2521-2543 แต่ในอีก 4 ปีหลังจากนั้น ได้ปรับโฉมใหม่อีกครั้งให้เป็นแค่นิตยสารรายสัปดาห์ที่บางและมีขนาดเล็กลงแทรกอยู่ในหนังสือพิมพ์ฉบับยักษ์ เช่น ลอสแองเจลิส ไทมส์, ไมอามี เฮรัลด์ และวอชิงตัน โพสต์


 


สหภาพยุโรปกับอิหร่านจะหารือข้อขัดแย้งเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านอีกครั้งหนึ่งในไม่ช้านี้


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ -- นางคริสติน่า กัลลัชโฆษกของสหภาพยุโรปแถลงวันนี้ว่า นายฮาเวียร์ โซลาน่าผู้นำด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายอาลี ลาริจานี ผู้เจรจาทางนิวเคลียร์ของอิหร่านในวันนี้เพื่อหารือถึงข้อขัดแย้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่านและคาดว่าและมีการเจรจาถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้งหนึ่งในเวลาอีกไม่นานข้างหน้านี้หลังจากที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ลงมติคว่ำบาตรต่ออิหร่านอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเนื่องจากอิหร่านไม่ยอมยุติการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่กลุ่มประเทศตะวันตกสงสัยว่าการเสริมสมรรถนะดังกล่าวจะนำไปสู่การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ นางกัลลัชกล่าวว่า การหารือที่จะมีขึ้นจะเป็นการให้คำอธิบายถึงเรื่องที่ชุมชนระหว่างประเทศได้ดำเนินการต่ออิหร่านและอธิบายถึงความตั้งใจที่จะเจรจากันอีกครั้งหนึ่งเพื่อวางเงื่อนไขที่จะทำให้การเจรจาอย่างเต็มรูปแบบเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง.


 


ผู้นำอิสราเอลกับปาเลสไตน์ตกลงที่จะเจรจาเพื่อสร้างความมั่นใจต่อกันตามปกติในทุกๆ 2 สัปดาห์


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ -- ดร.คอนโดลิซซ่า ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐประกาศวันนี้ว่าผู้นำของอิสราเอลและปาเลสไตน์ได้ตกลงที่จะพบหารือกันในทุก 2 สัปดาห์ ซึ่งจะทำให้นำไปสู่การหารือเพื่อจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ขึ้นในที่สุด หลังจากที่ ดร. ไรซ์ได้เดินทางไปเจรจากับทั้งสองฝ่ายเป็นเวลา 3 วัน ดร.ไรซ์ กล่าวด้วยว่า สหรัฐจะกำหนดหลักการเพื่อปฏิบัติข้อกำหนดหยุดยิง การยุติการยิงจรวดจากฉนวนกาซ่าโจมตีอิสราเอลและการปรับปรุงแก้ไขการเดินทางของปาเลสไตน์และการนำสินค้าผ่านจุดข้ามแดนของอิสราเอล ดร. ไรซ์ กล่าวว่า ได้มีการเปิดทางให้มีการเจรจาหลายทางระหว่างการเยือนตะวันออกของนางและนางได้วางงานด้านพื้นฐานเพื่อเจรจางานด้านสันติภาพไว้แล้วและเชื่อว่ายังคงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการบรรลุข้อตกลงสันติภาพในระหว่างที่ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ของสหรัฐยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ ขณะที่นายเอฮุด โอลเมิร์ต นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกับนายมาหมุด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ได้แสดงความยืดหยุ่นต่อการเจรจาดังกล่าว


 


สหรัฐซ้อมรบครั้งใหญ่นอกชายฝั่งอิหร่าน


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น -- กองทัพเรือสหรัฐเริ่มการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดในอ่าวเปอร์เซีย นับตั้งแต่ทำสงครามบุกอิรักเมื่อปี 2546 โดยได้จำลอง การทำสงครามทางอากาศ ด้วยการโจมตีเรือของศัตรูด้วยเครื่องบินและเรือ รวมทั้งการไล่ล่าเรือดำน้ำของข้าศึก และหากับระเบิด ในบริเวณเส้นทางเดินเรือที่มีจราจรคับคั่งในอ่าวเปอร์เซีย นอกชายฝั่งอิหร่าน โดยใช้เรือบรรทุกเครื่องบินสองลำ กองเรือรบโจมตีอีกสองกอง และเครื่องบินรบอีกกว่าร้อยลำมาทำการซ้อมรบ พร้อมด้วยทหารอีกกว่า 1 หมื่นนาย


 


การซ้อมรบของสหรัฐ มีขึ้นเพียง 4 วันหลังอิหร่านจับทหารเรือและนาวิกโยธินอังกฤษ 15 นาย ที่อิหร่านอ้างว่ารุกล้ำน่านน้ำของตน ในอ่าวเปอร์เซียขณะที่กองทัพเรือสหรัฐยืนยันว่า ทหารอังกฤษลาดตระเวณอยู่ในน่านน้ำของอิรัก


 


ผู้บัญชาการทหารเรือสหรัฐ เควิน อานดาห์ล บอกว่า การซ้อมรบครั้งนี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อตอบโต้การจับตัวทหารอังกฤษ และไม่ได้เป็นการคุกคามอิหร่าน ที่มีกองทัพเรือปฏิบัติการอยู่ในน่านน้ำเดียวกัน แต่เขาปฏิเสธที่จะระบุว่าแผนการซ้อมรบนี้มีขึ้นเมื่อใด และเขาบอกด้วยว่า เรือรบของสหรัฐจะอยู่นอกน่านน้ำของอิหร่าน ซึ่งกินพื้นที่ 12 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง


 


นายกญี่ปุ่นหวังคืนดีจีนระหว่างที่ผู้นำจีนเยือนในเดือนหน้า


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น -- นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ซึ่งกำลังถูกโจมตีกรณีที่เขาระบุว่า ญี่ปุ่นไม่ได้บังคับให้ผู้หญิงเป็นทาสกามารมณ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แถลงวันนี้แสดงความหวังว่าจะปรับปรุงความสัมพันธ์กับจีน ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรี เหวิน เจีย เป่า ของจีนจะเดินทางมาเยือนญี่ปุ่นในเดือนหน้า เขาหวังด้วยว่าการเยือนครั้งนี้จะกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นขึ้น


 


นายอาเบะ ซึ่งเดินทางไปเยือนจีนไม่นานหลังจากเข้ารับตำแห่งเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว บอกว่า เขากำลังพิจารณาจะไปเยือนจีนในโอกาสต่อไป และเชื่อว่าในไม่กี่เดือนนี้ ทั้งสองประเทศจะสามารถปรับปรุงความสัมพันธ์ที่บาดหมางกันตั้งแต่สมัย อดีตนายกรัฐมนตรี จุนอิจิโร โคอิซูมิ ที่สร้างความเดือดดาลให้กับจีน ด้วยการเดินทางไปคารวะศาลเจ้ายาสุกูนิหลายครั้ง


 


นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นให้คำมั่นด้วยว่า เขาจะเดินหน้าแก้ไขประเด็นขัดแย้งกับเกาหลีเหนือที่สร้างปัญหาให้กับการเจรจา 6 ฝ่าย ซึ่งรวมถึงปัญหาเรื่องการลักพาตัวชาวญี่ปุ่น ที่เกาหลีเหนือระบุว่าลักพาตัวไป 13 คนระหว่างทศวรรษที่ 1970-1980 และได้ส่งกลับภูมิลำเนาแล้ว 5 คน โดยอ้างว่าที่เหลือเสียชีวิตหมดแล้ว แต่ญี่ปุ่นไม่เชื่อ และเชื่อว่ามีชาวญี่ปุ่นถูกลักพาตัวไปมากกว่านั้น


 


ชาวอิยิปต์สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างท่วมท้น


สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ -- รัฐบาลอียิปต์แถลงวันนี้รัฐบาลไม่ได้รับการเห็นชอบร้อยละ 75.9 เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังการลงประชามติเมื่อวานนี้ นายมัมโดห์ มาราอี รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของอียิปต์กล่าวว่ามีผู้ออกไปใช้สิทธิลงประชามติร้อยละ 27.1 โดยที่พรรคฝ่ายค้านที่สำคัญทั้งหมดคว่ำบาตรการลงประชามติครั้งนี้เพื่อเป็นการประท้วงต่อการลงประชามติครั้งนี้ ขณะที่กลุ่มนักสิทธิมนุษยชน กล่าวว่าผลการลงประชามติที่แท้จริงต่ำกว่าที่รัฐบาลประกาศไว้เป็นอย่างมาก โดยนายโมฮัมเหม็ด ฮาบิบรองผู้นำกลุ่มมุสลิมบราเธอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มพรรคฝ่ายค้านที่สำคัญของอียิปต์ กล่าวว่า รัฐบาลโกงการลงประชามติ


 


ทูตสหรัฐประจำอิรัก ยอมรับเคยเจรจากับผู้แทนกลุ่มก่อการร้ายในอิรัก


เว็บไซต์ศูนย์ข่าวแปซิฟิก -- สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานอ้างคำให้สัมภาษณ์ของนายซัลเมย์ คาลิซาด เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำอิรัก ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ ของสหรัฐ ว่า เมื่อปีที่แล้ว เคยเปิดเจรจากับคณะผู้แทนของกลุ่มก่อการร้ายชาวมุสลิมนิกายสุหนี่และกลุ่มต่าง ๆ การเจรจาเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งในอิรัก และกลุ่มการเมืองต่าง ๆ ในอิรักกำลังอยู่ระหว่างจัดตั้งคณะรัฐบาลใหม่ในอิรัก ก่อนที่จะเกิดเหตุลอบวางระเบิดมัสยิดที่เป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ ในเมืองซามาร์รา อิรัก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นชนวนเหตุของการโจมตีแก้แค้นซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่องในอิรัก จากความขัดแย้งเรื่องเชื้อชาติ


 


รายงานระบุว่า นายคาลิซาด เป็นเจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันคนแรก ที่ยอมรับอย่างเปิดเผยว่า เขาเคยเปิดการเจรจากับกลุ่มก่อการร้ายในอิรัก และอาจจะเป็นการริเริ่มความพยายามที่จะประสานการติดต่อระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐ กับกลุ่มก่อการร้ายชาวมุสลิมนิกายสุหนี่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้การสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ของอิรัก แม้ว่าอาจจะขัดกับจุดยืนของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้นำสหรัฐ ที่ไม่มีนโยบายเปิดการเจรจากับกลุ่มก่อการร้ายในอิรัก อีกทั้งยังอาจจะเป็นความผิดที่นายคาลิซาดไม่ได้ขออนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐ ก่อนที่จะเปิดการเจรจาดังกล่าว


 


นายคาลิซาด จะพ้นจากตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำอิรักในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีบุช ให้เข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net