ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง
ภาพจาก www.hilltribe.org
คนเราก็ช่างคิดเนาะ... จะเอาศาสนาไปใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ปากก็พ่นอยู่ทุกวี่ทุกวันว่า "พระ" ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่พอร่างกฎหมายใหญ่ๆ ดันจะเอาไปยุ่ง เรื่องแบบนี้ทำไปทำมามันจะไปซวยเอากับคนส่วนน้อย (แต่จำนวนมาก) ที่มีความเชื่อแบบอื่นๆ เอาได้นะครับ
ทว่า ถ้าจะดึงดันกันด้วยความคิดที่มันออกจะบิดเพี้ยนๆ ไปขนาดนั้นแล้ว เลยจะขอร่วมวงให้มันเลยเถิดเปิดเปิงกันให้สุดๆ ไปเลยว่า "ทำไมไม่เอาความเชื่อสากลอย่าง "การนับถือผี" มาใส่เป็นศาสนาประจำชาติเสียเลยล่ะ?"
เพราะอย่างน้อยๆ "ผี" ก็อยู่คู่ความเป็นไทยมานมนานตั้งแต่ยังไม่มีศาสนาเสียด้วยซ้ำ ปัจจุบันยังมีร่องรอยปรากฏให้เห็นผ่านพิธีกรรมต่างๆ ที่เป็นความเชื่ออย่างฝังลึกทางวัฒนธรรม เช่น ต้องบูชาพญาแถนด้วยการยิงบั้งไฟกันตูมๆ ทุกปีๆ ต้องมีประเพณีผีตาโขน หรือมีความกลัวผิดผีโน่นผีนี่ในอีกหลายๆ สังคม
วิกิพีเดีย เขารวบรายชื่อผีไทย แบบคร่าวๆไว้ เชื่อขนมกินได้เลยว่าที่กล่าวมานี้คุณจะรู้จักกันดีกว่าปัญจวัคคีทั้ง 5 อันเป็น พระสาวกเสียอีก (ลองท่องชื่อซิ จำได้แต่ท่านโกณฑัณญะ สิท่า...)
กระสือ - นักล่าแห่งรัตติกาล, กระหัง - คนกระด้งเหาะ, กองกอย - ผีขาเดียว, กุมารทอง - ภูตน้อยคะนองฤทธิ์,โขมด- ผีโขมด, ควายธนู, นางตะเคียน - ผีสาวเฮี้ยน ในต้นไม้ใหญ่, นางตานี - ผีสาวสวยในดงกล้วย, นางนาค หรือ แม่นาค พระโขนง - ตำนานรักอมตะ, ปอบ หรือ ปอป - ภูตร้ายจอมตะกละ, เปรต - สัตว์นรกในห้วงกรรม, เทพารักษ์ - เทพยดาผู้ปกป้อง, ผีกะ - ปอบเมืองเหนือ, ผีตาโบ๋, ผีตายทั้งกลม - ผีผู้หญิงที่ตายตอนที่ยังมีลูกอยู่ในท้อง, ผีตายห่า - ผีโรคห่า, ผีตายโหง - คนที่ตายด้วยวิธีผิดปกติ เช่น อุบัติเหตุ, ผีถ้วยแก้ว - การละเล่น สื่อวิญญาณ, ผีทะเล - วิญญาณคนตายในทะเล บางครั้งเป็นคำด่าก็ได้, ผีป่า - ผีไพร, ผีเป้า - ปอบอีสาน, ผีพราย - ผีน้ำ, ผีไพร - วิญญาณแห่งไพรสณฑ์, ผีโพง - ญาติสนิทผีกระสือ, ผีฟ้า - ความเชื่อคนไทยทางเหนือ อาจเป็นหมอรักษาโรคตามความเชื่อ, ผีหัวขาด - คน ไม่มีหัว, ผีอำ - เป็นการไปนอนทับที่ที่ไม่เหมาะสม เจ้าของเขาเลยทับตัวไว้ ทำให้ขยับไม่ได้, ผีบ้านผีเรือน - เป็นบรรพบุรุษที่คอยปกป้องดูแลลูกหลาน หรือเจ้าที่ เป็นต้น
เอาเข้าจริงแล้ว คนไทยแทบทุกคนรู้จัก กลัว และเคารพผี เพียงแต่ไม่ใคร่จะมีใครยอมรับว่า "กูนับถือผีว่ะ" เพราะเกรงจะเป็นคนไม่มี "เหตุผล" แบบวิทยาศาสตร์ เดี๋ยวใครเขาจะดูหมิ่นเอาได้ว่า "งมงาย"
แต่หากมองในมุมวิชาการ แม้แต่ ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ปราชญ์สำนักมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ยังเคยแสดงความเสียดายที่การนับถือผีหายไปไว้ว่า
"มนุษย์ยังจำเป็นต้องรักษากฎเกณฑ์ในทางสังคมอีกด้วย จึงสามารถมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข เช่น เป็นลูกสาวก็ไม่ชิงสุกก่อนห่าม ได้เสียกับผู้ชายเสียก่อน ทางน้ำตามธรรมชาติก็ไม่ควรไปทำลายเสีย เพราะให้ประโยชน์ร่วมกันกับผู้อื่นในชุมชน สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสมบัติกลางของสังคมก็ต้องถนอมรักษาไว้ ฯลฯ เป็นต้น
ในวัฒนธรรมไทย ผู้ที่กำกับกฎเกณฑ์ทางสังคมเหล่านี้คือ ผี ดังเช่น หากลูกสาวไปลักลอบได้เสียกับผู้ชาย ผีเรือนก็จะทำให้ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงเจ็บป่วย หากยังไม่ทำพิธีเสียผีให้ถูกต้อง ก็อาจทำให้ถึงตายได้ การทำลายทางน้ำตามธรรมชาติก็จะถูกผีขุนน้ำหรือผีน้ำลงโทษให้เกิดวิบัติต่างๆ เป็นอุบาทว์อย่างหนึ่ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสมบัติกลางที่สำคัญล้วนมีผีอยู่ดูแลรักษาทั้งสิ้น ใครไปละเมิดหรือไปเอามาเป็นของตนก็จะถูกผีลงโทษอีกนั่นเอง
ผีในวัฒนธรรมไทยจึงเป็นผู้รักษากฎเกณฑ์ทางสังคม และด้วยเหตุดังนั้นจึงไม่น่ากลัวด้วยการวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น เหมือนผีในหนังไทยปัจจุบัน ผีเป็นสิ่งที่ต้องยำเกรง คือปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่มีผีคอยกำกับอยู่(ตัดต่อโดยผู้เขียน)...ส่วนความเชื่อผีแบบโบราณนั้น จะนับเป็นความงมงายหรือไม่? อันนี้ต้องคิดดูให้ดีๆ
คนไทยโบราณรักษาสังคมของเขามาให้สงบเรียบร้อยได้โดยไม่มีใครเอาเปรียบสังคมจนเกินไป เช่น ยึดเอาป่าไปเป็นของตัว หรือแอบตัดไม้ทำลายป่า ถมคลองหรือห้วยสาธารณะทิ้ง ฯลฯ ก็เพราะเชื่อในเรื่องผี เกรงว่าขืนไปทำเข้าก็จะประสบความวิบัติต่างๆ ถ้าความเชื่อเรื่องผีขัดกับวิทยาศาสตร์จนรับไม่ได้ ก็ต้องสร้างสิ่งอื่นขึ้นมาแทนที่ผี เพื่อช่วยรักษาบ้านเมืองให้สงบสุขต่อไป และสิ่งที่สร้างขึ้นมาแทนนั้น ก็ต้องมีประสิทธิภาพเหมือนกับความเชื่อเรื่องผีด้วย นั่นก็คือ ต้องสร้างกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่ศักดิ์สิทธิ์และมีประสิทธิภาพ
น่าเสียดายที่คนไทยปัจจุบันเลิกเชื่อผีเสียแล้ว แต่เราก็ไม่ได้สร้างระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาแทนที่ ฉะนั้นเราจึงสูญเสียผีไปโดยไม่มีอะไรอื่นมาทดแทน" (ยุคสมัยไม่เชื่ออย่าลบหลู่: นิธิ เอียวศรีวงศ์, อมรินทร์ บทความนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารเทรนดีแมน คอลัมน์ Cultural Review)
ในทางกลับกัน "ผี" ในการควบคุมสังคมของอาจารย์นิธิหายไป ผีอีกแบบในสังคมไทยก็โผล่มาแทนที่ บางทีอาจเป็นที่นิยมในปัจจุบันมากกว่า "พระพุทธศาสนา" เสียอีก จนบางทีพุทธศาสนาเองกลับเป็นฝ่ายต้องเอาผีไปผนวกไว้เพื่อคงความศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสนา โดยที่แก่นแห่งศาสนากลับไม่ได้ถูกพูดถึงเลย
ยกตัวอย่างกรณี "จตุคามรามเทพ" นั่นปะไร ใครรู้ช่วยมาบอกทีว่าเป็น "พุทธ" ตรงไหน สะท้อนคำสอนอะไรขององค์พระศาสดา นอกจากองค์จะโต เวลาแขวนแล้วอาจดูมีสไตล์กว่าตะกรุด พิจิตรเม็ดข้าวเม่า กำแพงเขย่ง ฯลฯ
ความเชื่อแบบนี้ หากใครไปเปิดเจอในพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ เช็กกันแบบรายบท-รายมาตราแล้วเจอช่วยเอามาแถลงไขด้วย เพราะเวลานี้สารพัดหลวงพ่อหรือหลวงน้าท่านเล่น "ลงของ" กดพิมพ์กันจนมีรายได้เป็นล่ำเป็นสันแล้ว
หรือหากมองผีในทางประวัติศาสตร์ ยิ่งสืบทอดความเชื่อกันมายาวนานอย่างเป็นวัฒนธรรมเหมาะกับความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ ด้วยมีบรรจุไว้ใน "ศิลาจารึกหลักที่ 1" ที่เชื่อกันว่า "พ่อขุนรามคำแหง" กษัตริย์ผู้มีส่วนสำคัญในการสร้างรัฐชาติไทยเป็นผู้ให้จารึกไว้ ตอนหนึ่งระบุว่า
"มีพระขพุงผี เทพยดาในเขาอันนั้น (เชื่อว่าเป็นเขาหลวง) เป็นใหญ่กว่าทุกผีในเมืองนี้ ผิไหว้บ่ดีพลีบ่ถูก ผีในเขาอันนั้นบ่คุ้ม บ่เกรงเมืองนี้หาย กาลครั้งนั้น คงมีแต่ พระขพุงผี ผู้เป็นใหญ่เท่านั้น"
พระขพุงผีแห่งกรุงสุโขทัย คงถือได้ว่าเป็นผีของบ้านของเมืองยุคเก่า แต่ไม่ใช่ว่าผีแบบนี้จะหายไปในปัจจุบัน ข้างๆ วัดพระแก้วมีผู้คนไม่น้อยไปไหว้เคารพบูชาผีผู้คุ้มเมืองที่หลักเมือง ไหว้พระเสื้อเมือง ไหว้พระทรงเมือง หรือแม้แต่บูชาพระสยามเทวาธิราช ผีของบ้านของเมืองเหล่านี้คนไทยล้วนนับถือทั้งสิ้น
แต่อย่าบอกนะว่าสิ่งเหล่านี้เป็น "พุทธ"
ปัจจุบันยังผีอื่นๆ อีกที่ชาวบ้านร้านตลาดนับถือกัน เช่น ผีแม่ย่านางเรือ ปัจจุบันการบูชาคลี่คลายไปสู่การซื้อพวงมาลัยมาไหว้หน้ารถ ผีเด็กรถตู้หน้าบ้านท่านทักษิณที่เป็นข่าวฮือฮาบนหน้าหนึ่งไทยรัฐ วันที่ 30 มี.ค.ว่าให้หวยแม่นนัก ผีตามโค้งร้อยศพ ผีในตัวเงินตัวทองกลับมาเกิด ฯลฯ
ผีเหล่านี้สรรพคุณล้วนแตกต่างกันไปและดูจะเป็นที่นิยมกว่า "พุทธ" ที่ปฏิบัติแสนยาก ดังนั้น ผีมีความสำคัญทั้งในทางจิตใจ ทางสังคม และทางประวัติศาสตร์ เมื่อมีความสำคัญถึงขนาดนี้ ทำไมจึงจะบรรจุในรัฐธรรมนูญให้เป็นศาสนาประจำชาติไม่ได้
อีกทั้งไหนๆ ตอนนี้ประเทศไทยก็ลอกเลียนระบอบการปกครองจากประเทศพม่ามาเกือบทั้งดุ้นแล้ว จะเป็นไรไปที่เราจะทำให้ล้ำหน้ากว่าบ้างในบางประเด็น
พม่ามีการถือเรื่องผีที่เหนียวแน่นมากเรียกว่า "นัต" มีตั้ง 37 ตน การที่ประเทศไทยจะบรรจุมาตรา "นับถือผี" เป็น "ศาสนาประจำชาติ" อาจทำให้มีหน้ามีตานำพม่าไปบ้างสักช่วงตัว และจะเท่มากในสังคมโลกเมื่อ "กัมพูชา" เป็นประเทศเดียวที่ระบุให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ และ "ไทย" ที่อยู่แนบข้างกันจะเป็นประเทศเดียวด้วยที่ระบุให้ "การนับถือผี" เป็นศาสนาประจำชาติ
ทิ้งท้ายกันก่อนจะมั่วซั่วกันไปกว่านี้คือเพียงอยากบอกว่า เรื่องศาสนาเป็นพันธะทางวิญญาณของแต่ละคนที่ใครจะเลือกเห็นต่างกันอย่างไรก็ได้ รัฐไม่มีหน้าที่ต้องไปช่วย "อวดเบ่งทางศีลธรรม" ความเชื่อและจิตใจคนอื่นๆ ซึ่งควรได้รับการให้สำคัญอย่างเท่าเทียม
แต่ถ้าจะอวดเบ่งกันจริงๆ ก็อย่าตะแบงว่า "กูมีเหตุผล" ทั้งที่ "มึงก็งมงายเหมือนกูแหล่ะ" และถ้าจะอยู่ในศีลธรรมอันดีไม่ว่าศาสนาใดหรือไม่ถือศาสนาเลยก็ทำได้โดยไม่ต้องไปลากกฎหมายมายืนยัน แต่ให้ไปถามจิตสำนึกในแก่นกระโหลกตัวเองดีกว่า
ขอโทษที่ต้องเขียนถึงเรื่องแบบนี้เหมือนเรื่องเล่นๆ แต่ทำกระไรได้ในเมื่อการ "ร่างรัฐธรรมนูญ 50" ก็ทำกันแบบปาหี่อยู่แล้ว มันเป็นของเก๊ที่ทำเลียนแบบประเทศที่เขามี "ประชาธิปไตย" เป็นของโปเกที่เชื่อได้ว่าเดี๋ยวก็ต้องรื้อซ่อมกันบ่อยๆ เพราะอะไหล่หลุด หรือไม่ก็ต้องโดนโละทิ้งไปเลยเพราะของมันซังกะบ๊วย
ของปลอมแต่ราคาแพงเสียดายชะมัดให้ตายเหอะ!
"ของแท้" เขาต้องมาจากประชาชนครับ...ไม่ใช่มาจากคณะอุลตร้าแมนนนนน