Skip to main content
sharethis






การเมือง


 


กลุ่มพิราบขาว แจกแถลงการณ์ลงชื่อ ขับไล่ "พล.อ.เปรม"


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - 19:05น.บรรยากาศการจัดเวทีปราศรัย ณ ท้องสนามหลวง ของกลุ่มสถานีโทรทัศน์ ผ่านดาวเทียม พีทีวี กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการและพิราบขาว 2006  สำหรับการจัดเวทีของกลุ่มพิราบขาว 2006 ซึ่งมีนาย นพรุจ วรชิตวุฒิกุล แกนนำกล่าวว่าการจัดเวทีปราศัยวันนี้กลุ่มพิราบขาวได้กางเต้นท์ผ้าใบ ขนาดกลาง บริเวณ กลางสนามหลวง ฝั่งซึ่งติดกับวัดพระแก้ว  โดย กลุ่มพิราบขาวได้จัดกิจกรรม แจกใบแถลงการณ์ฉบับที่ 6 ให้กับประชาชน ที่มาร่วมฟังการปราศรัย โดยแถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาสรุปว่า


 


1.)กลุ่มมีมติ ให้มีการร่วมลงรายชื่อ ขับไล่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจรัฐประหาร  19 กันยา 49 ออกจากองคมนตรี แต่มีมติไม่เห็นด้วยกับการร่วมลงรายชื่อ เพื่อทูลเกล้าถวายฎีกาถอดถอน พล.อ.เปรม ออกจากองคมนตรี


 


2).มีมติไม่เข้าร่วมการชุมุนุมวันที่ 5- 11 เม.ย.นี้เนื่องจาก วิเคราะห์แล้วเห็นว่าเงื่อนไขและสถานการณ์ ยังไม่เอื้ออำนวย และ


 


3) กลุ่มของประณามกลุ่มและบุคคลที่ให้ร้ายกลุ่มพิราบขาวในประเด็น เรื่องท่อน้ำเลี้ยงเพราะ กลุ่มพิราบขาวเกิดจาก การร่วมมือจากบุคคล ที่มีจิตสำนึก ในประโยชน์ของประชาชน และประเทศเป็นหัวใจสำคัญ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่านอกจากลุ่มพิราบขาวจะออกแถลงการณ์ใบที่ 6 แล้วในวันนี้กลุ่มยังได้นำไปรษยณียบัตรมาแจกจ่ายให้กับประชาชนเพื่อเชิญชวนให้ร่วมลงรายชื่อแสดงประชามติ  ขับไล่เผด็จการ คมช. และขับไล่ กบฎ โดยไปรษณียบัตรดังกล่าวได้ปั๊มตรายางสัญลักษณ์ นกพิราบ โดยมีข้อความกำกับระบุชื่อกลุ่ม พิราบขาว 2006 ไว้ใต้สัญลักษณ์ดังกล่าว โดย ไปรษณียบัตรด้านหน้าซึ่งให้ระบุชื่อที่อยู่ผู้รับ มีการปั๊มตรายาง ระบุที่อยู่ ให้ส่งคืนตู้ปณ. 34 วังเทเวศร์ พระนคร กทม. 10200 โดย ตัวไปรษณียบัตรมีการปั๊มตรายางระบุข้อความว่า ร่วมกันทวงคืน ประชาธิปไตย และร่วมกันลงชื่อ แสดงประชามติ  ขับไล่เผด็จการ คมช. และขับไล่กบฎ


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดย ไปรษณียบัตรดังกล่าวได้เว้นวรรค ชื่อบุคคลไว้ เพื่อให้ประชาชนที่จะมาร่วมลงชื่อได้ลงชื่อ บุคคลที่ต้องการขับไล่ด้วยตัวเอง


 


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายในการจัดเวทีดังกล่าว พบว่า กลุ่มของนายชูพงษ์ ถี่ถ้วน ซึ่งใช้ชื่อกลุ่มว่าศูนย์กลางประชาชนได้แจกเอกสารแก่ประชาชนทั่วไปที่มาร่วมในงาน  โดย ใบปลิวดังกล่าว มีเนื้อหาสรุปว่า มติปวงชนชาวไทย


 


1. ต้องการการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ


2. ต้องการรัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น


3. ไม่ยินยอมให้มีการทำรัฐประหาร ล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ของประชาชน เราพร้อมใจ จะต่อสู้กับ คณะรัฐประหารเพื่อปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยพร้อมเพียงกัน และ ให้ยึด แนวทางสันติวิธีและเป็นไปตามวิถีของประชาธิปไตย และให้คมช.และรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุดภายในปี 2550


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ สนามหลวงด้านทิศเหนือ ฝั่งสะพานพระปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นที่ตั้งเวทีปราศรัยของกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ แม้ว่าขณะนี้เวทีของกลุ่มคนวันเสาร์จะจัดตั้งไว้เรียบร้อยแล้วแต่ปรากฎว่าจนถึงขณะนี้ สมาชิก กลุ่มคนวันเสาร์ ยังไม่ได้เริ่ม จัดบุคคลเพื่อขึ้นปราศรัยแต่อย่างใด ขณะนี้มีเพียงเวทีของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีทีวีเท่านั้นที่มีนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ผอ.สถานีโทรทัศน์ พีทีวี เป็นผู้ เริ่มกล่าวปราศรัย เชิญชวนให้ประชาชนที่อยู่บริเวณท้องสนามหลวง มาร่วมฟังการปราศรัย


 


"สมศักดิ์"เชื่อใครร่างรัฐธรรมนูญก็เอื้อประโยชน์ชนชั้นนั้น


เว็บไซต์คมชัดลึก - ที่ห้องประชุมคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 8 เมษายน ในงานเวทีสาธารณเพื่อเผยแพร่ข้อเสนอแนะและประเด็นสำคัญ ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญของผู้ใช้แรงงาน ได้จัด



อภิปราย "ทิศทางรัฐธรรมนูญ 2550 เนื้อหาเป็นเช่นไร...?" โดยมีผู้ร่วมสัมมนาประกอบด้วย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข เลขาธิการศูนย์ประสานงานกรรมกร อาจารย์จอน อึ้งภากรณ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร นายสุริยะใส กตศิลา สมัชชาประชาชนเพื่อการปฏิรูปการเมือง เพื่อรณรงค์ผู้ใช้แรงงานได้มีส่วนร่วมในการปฏิรูปการเมืองรอบสอง ซึ่งจัดขึ้นโดยคณะกรรมการ สมานฉันท์แรงงานไทย ร่วมกับสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และมูลนธิพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย


 



นายสมศักดิ์ โกศัยสุข เลขาธิการศูนย์ประสานงานกรรมกร กล่าวว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยที่ควรต้องมีกฎหมายที่ครอบคลุมการคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ ชองชนชั้นแรงงานจำนวน 35 ล้านคนที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งเมื่อมีกฎหมายแล้ว ถ้าปฏิบัติตามมีการระบุไว้ก็จะเป็นประโยชน์ แต่ถ้ามีแล้วไม่ปฏิบัติตาม รัฐธรรมนูญก็คงเป็นเพียงกระดาษเปื้อนหมึก ที่มีเพียงคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ประโยชน์เท่านั้น โดยตนเชื่อว่า กลุ่มใดเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญก็จะเอื้อประโยชน์ให้กับชนชั้นนั้น



 


นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ตนไม่เห็นด้วยและขอเรียกร้องให้มีการยกเลิกการกำหนดคุณสมบัติทางการศึกษาของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. และสว.ว่าจะต้องจบ ปริญญาตรี ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยควรมีสิทธิมีส่วนร่วมในทางการเมืองอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม ไม่ควรถูกจำกัดฐานะทางเศรษฐกิจ เพศ ศาสนาและระดับการศึกษา ซึ่ง นักการเมืองที่จบการศึกษาระดับสูงไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าประเทศจะพัฒนาไปในทางที่ดีตรงข้ามกลับเต็มไปด้วยการคอรัปชั่น


 


ดังนั้นควรเปิดให้ผู้ที่มีความใกล้ชิดและเข้าใจปัญหาของประชาชน ที่ไม่ได้จำกัดแค่ระดับการศึกษาได้เข้าไปทำให้ประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ อีกทั้งในรัฐมนูญฉบับใหม่ควรที่จะให้ผู้ใช้แรงงานที่อาศัยและทำงานในพื้นที่นอกทะเบียนบ้านของตน สามารถใช้สิทธิเลือก ตั้ง สส.และสว. ในเขตพื้นที่ซึ่งตนอาศัยและทำงานอยู่ได้



 


นอกจากนี้รัฐควรส่งเสริมและสนับสนุนการรวมตัวของประชาชนและสิทธิการรวมตัวเป็นสหภาพแรงงาน การได้รับการคุ้มครองโดยรัฐ การคุ้มครองแรงงานและจัดแรงงานสัมพันธ์ การที่รัฐส่งเสริมระบบเศรษฐกิจและกระจายรายได้ให้เป็นธรรมเกิดขึ้นในสังคม ประชาชนมีสิทธิ เสมอภาคทางการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย การคุ้ม ครองสุขภาพ ความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในสถานประกอบการอีกด้วย


 



"จอน อึ๊งภากรณ์" ระบุผู้ร่าง รธน.ไม่เชี่ยวชาญชีวิตคน ชี้ รธน.ปี 50 ไม่ใช่ฉบับสุดท้าย


ผู้จัดการออนไลน์ -  นายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร กล่าวในเวทีสาธารณะเพื่อเผยแพร่ข้อเสนอและประเด็นสาระสำคัญในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญของผู้ใช้แรงงานว่า ความคาดหวังในรัฐธรรมนูญปี 2550 น้อย เพราะผู้ที่มาร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการและกฎหมาย แต่ไม่เชี่ยวชาญด้านชีวิตคน ซึ่งข้อเสนอประชาชนเรียกร้องไปนั้นคงได้เพียง 1 ใน 10 ของเปอร์เซ็นต์เท่านั้น มองว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 คงไม่ใช่รัฐธรรมนูญปีสุดท้ายอย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากมีการประกาศใช้คงมีการแก้ไขกว่า 100 รายการ ทั้งนี้ยังมองว่า สื่อมวลชนปัจจุบัน เป็นสุนัขรับใช้ผู้มีอำนาจ ยกตัวอย่างในการเสนอข่าวตื่นตัวในการร่างรัฐธรรมนูญภาคประชาชนมีน้อย ขณะที่เสนอข่าวของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญมากกว่า


 


กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะตัดสินใจเรื่องการชุมนุมวันอังคารนี้


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - ความชัดเจนกรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า การชุมนุมของแกนนำในวันที่ 10 เมษายนนี้ จะมีความชัดเจนว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะนัดชุมนุมใหญ่หรือไม่ โดยจะพิจารณาจากความต้องการของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งหากมีการชุมนุมจะเป็นไปเพื่อเร่งรัดการทำงานของรัฐบาล และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.ซึ่งยังไม่สามารถดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์ในการรัฐประหารได้


 


"โดยภาพรวมก็ถือว่าสอบตกอ่ะ คือผ่านมา 6 เดือน ไม่รู้ว่าจะให้คะแนนตรงไหน มีแต่คตส.เท่านั้นที่รูสึกว่าพอจะมี แม้ว่าจะได้มาเรื่องเดียวที่เรื่องไปถึงศาล"


 


นายสมศักดิ์ มองว่าการชุมนุมของกลุ่มต่างๆเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ หากเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อประโยช์ของประชาชนส่วนใหญ่ ขณะเดียวกัน เชื่อว่าจะไม่เกิดการปะทะกันของกลุ่มที่ให้การสนับสนุนและต่อต้านรัฐบาล เชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้


 


กมธ.ให้อำนาจ กกต.สั่งเลือกตั้งใหม่ช่วงก่อนและระหว่างเลือกตั้ง ส่วนหลังเลือกตั้งให้รวบรวมหลักฐานเสนอศาลฎีกา


กรมประชาสัมพันธ์ - คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ  ให้อำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วินิจฉัยสั่งเลือกตั้งใหม่ หากมีเหตุอันควรเชื่อว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้งช่วงก่อนและระหว่างเลือกตั้งได้ทันที  แต่หากหลังเลือกตั้งไปแล้วให้รวบรวมหลักฐานส่งให้ศาลฎีกาพิจารณาต่อไป


 



การสัมมนาเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญรายมาตรา ของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 3 พิจารณาหมวดว่าด้วยองค์กรอิสระ และองค์กรตามรัฐธรรมนูญทั้งหมด โดยสาระสำคัญอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ที่ให้มีอำนาจวินิจฉัยสั่งเลือกตั้งใหม่ หรือ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ในช่วงก่อนและระหว่างการเลือกตั้งได้ทันที แต่หากเป็นการกระทำผิดหลังเลือกตั้งไปแล้ว ให้ กกต.รวบรวมหลักฐานส่งให้ศาลฎีกาสั่งให้เลือกตั้งใหม่และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง


 


สำหรับองค์กรอิสระอื่นๆ อาทิ ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา รัฐธรรมนูญใหม่ให้มีขอบเขตอำนาจหน้าที่มากขึ้น ทั้งการให้ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา สามารถตั้งเรื่องสอบสวนหาข้อเท็จจริงได้โดยไม่ต้องมีผู้ร้องเรียน และยังตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่มิชอบขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ และองค์กรในกระบวนการยุติธรรมได้อีก ส่วน ป.ป.ช.จะเน้นไต่สวนและดำเนินคดีกับนักการเมือง ผู้บริหารระดับสูง หรือข้าราชการระดับ 9 ขึ้นไปเท่านั้น แต่ให้รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับต่ำที่ร่วมกระทำผิด


 


ส่วนองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ในส่วนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นั้น ที่ประชุมมีมติให้ผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวต้องมีอายุไม่ถึง 70 ปี โดยอ้างว่าเพื่อประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ โดยเพิ่มอำนาจตรวจสอบและรายงานการกระทำละเมิดสิทธิมนุษยชนกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพิ่มขึ้น อาทิ ให้ยื่นฟ้องต่อศาล เมื่อตรวจสอบพบความเสียหายจากการกระทำ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นต้น


 


คตส.จ่อออกหมายเรียก 'หม่อมอุ๋ย' แจงที่ดินฉาว


เว็บไซต์เดลินิวส์ - นายอุดม เฟื่องฟุ้ง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) ในฐานะประธานอนุกรรมาการไต่สวนการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาของ คุณหญิงพจมาน ชินวัตรกับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเมืองกล่าวว่า ในวันที่ 9 เม.ย. อนุกรรมการไต่สวนจะเซ็นหนังสือนำส่งเพื่อเรียกพยานบุคคลคือ ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ตามคำเรียกร้องของทนายฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ มาชี้แจงต่ออนุกรรมการไต่สวนในวันที่ 11 เม.ย. ซึ่งหนังสือนำส่งดังกล่าวมีสถานะเป็นหมายเรียก ดังนั้นถ้าไม่มาตามคำเชิญโดยไม่มีเหตุผลที่จำเป็นเพียงพอ ก็จำเป็นต้องมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 นอกจากนี้ได้นัดให้ทนายของผู้ที่ถูกกล่าวหาส่งคำถามที่ต้องการถามม.ร.ว.ปรีดียาธร  มาภายในวันที่ 10 เม.ย.


 



"กระบวนการในการสืบพยานในครั้งนี้จะไม่อนุญาตให้ทางทนายของผู้ถูกร้องเข้าสังเกตุการณ์ในห้องประชุม เนื่องจากกระบวนการไต่สวนตามกฎหมายไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เว้นเสียแต่จะมีผู้ถูกกล่าวหาและทนายมาพร้อมกันถึงจะสามารถรับฟังได้" นายอุดม กล่าว


 






ความมั่นคง


 


ไอซีทีถก "เสรีพิศุทธ์" 12เม.ย.นี้ หาช่องเอาผิดมือโพสต์ข้อความ


เว็บไซต์คมชัดลึก -  ผู้สื่อข่าวรายงาน กระดานสนทนาข่าวสารบ้านเมืองผ่านทางอินเตอร์เน็ตชื่อดังในชื่อห้องราชดำเนิน ของเว็บไซต์ยอดนิยมพันธ์ทิพย์ดอทคอมได้ถูกปิดลงแล้ว โดยมีคำชี้แจงสั้นๆ และเพียงไม่กี่ชั่วโมงภายหลังจากกระดานสนทนาได้ปิดลงจากเว็บมาสเตอร์เท่านั้น โดยข้อความที่ปรากฏบนหน้ากระดาน มีข้อความดังนี้


 



"สวัสดีท่านสมาชิก


ด้วยมีคำสั่งจากกระทรวง ICT ให้มีการปิดห้องราชดำเนินเป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีกระทู้ที่กระทบต่อความมั่นคงปรากฏอยู่เป็นจำนวนมาก ทางทีมงานจึงของดให้บริการห้องราชดำเนินตามคำสั่งดังกล่าว และร้องขอสมาชิกราชดำเนิน กรุณาอย่าเลี่ยงโดยการไปโพสในห้องอื่น เพราะมิฉะนั้นก็จะกลายเป็นต้องปิดเวปพันทิปทั้งเว็บ ซึ่งท่านสมาชิกคงไม่ต้องการให้เหตุการนั้นเกิดขึ้น ... ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้"



 


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าเหตุที่เว็บมาสเตอร์ของพันธ์ทิปดอทคอม ได้มีการขอร้องสมาชิกอย่าใช้วิธีการเลี่ยงไปโพสกระทู้ในห้องอื่นๆ ด้วยนั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่าทางเว็บมาสเตอร์อาจจะรู้ล่วงหน้าว่าสมาชิกบางส่วนอาจมีพฤติกรรมดังกล่าว เนื่องจากห้องสนทนาบางห้องที่เปิดให้วิพากษ์วิจารณืและตั้งกระทู้เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองได้ อย่างเช่น ห้องสนทนา "เฉพาะกิจรธน.50" ซึ่งเปิดให้สำหรับแสดงความเห็นเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงห้องสนทนา "ศาลาประชาคม" ซึ่งเป็นห้องสำหรับแสดงความเห็นในทางสังคม เศรษฐกิจ ปัญหาชีวิต และกฎหมาย นอกจากนั้นก็ยังมีห้องสนทนา "ไร้สังกัด" ซึ่งเปิดโอกาสให้กับทุกกระทู้สามารถจะแสดงความเห็นได้ ห้องสนทนา "โทรโข่ง" ซึ่งเป็นการป่าวประกาศข้อเท็จจริงในสังคม หรือห้องสนทนา "รวมมิตร" ที่เป็นการรวมกระทู้จากทุกกลุ่ม



 


ทางด้านนายวันฉัตร ผดุงรัตน์ เจ้าของเว็ปไซต์พันธ์ทิพย์ดอทคอม เปิดเผยว่าในเมื่อทางกระทรวงไอซีทีมีคำสั่งให้ปิดเว็บไซต์ก็ปิด แต่โดยส่วนตัวแล้วเนื้อหาที่ห้องราชดำเนินก็ไม่ได้มีอะไรที่เป็นข้อความที่หมิ่นเหม่ แต่เมื่อรัฐมนตรีขอมาก็ให้ความร่วมมือ อย่างไรก็ตามตนไม่รู้ว่าจะต้องปิดนานเท่าไหร่ แต่รัฐมนตรีบอกเพียงว่าไม่นาน



 


ด้านนายสิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงไอซีทีได้ขอความร่วมมือไปยังเว็บไซต์ pantip.com ให้สั่งปิดห้องราชดำเนินเป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีกระทู้ที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติปรากฏอยู่เป็นจำนวนมาก และทางทีมงานของเว็บไซต์พันทิปได้งดการเปิดให้ตั้งกระทู้ในห้องราชดำเนินตามคำสั่งดังกล่าว และออกเตือนให้สมาชิกทราบถึงการโพสต์ข้อความในห้องสนทนาอื่นๆ ซึ่งหากยังโพสต์ข้อความที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติทางกระทรวงไอซีที จะสั่งปิดเว็บพันทิปทันที



 


นายสิทธิชัย เปิดเผยอีกว่า ทางกระทรวงไอซีที ยังได้ขอความร่วมมือไปยังเว็บไซต์ประชาไทดอทคอม และเอ็มไทยดอทคอม ให้ดูแลการโพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่ต่อความมั่นคง และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอีกด้วย เพื่อให้ถอดข้อความดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ โดยจะขอความร่วมมือไปยังเว็บไซต์อื่นๆ ที่มีการโพสต์ข้อความในลักษณะเดียวกันด้วย เพื่อสร้างความมั่นคงให้เกิดขึ้นภายในประเทศ



 


นายสิทธิชัย เปิดเผยอีกว่า ในวันที่ 12 เมษายนนี้ จะหารือร่วมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อหารือถึงมาตรการเอาผิดกับผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และสร้างความแตกแยกภาย และเชื่อว่า ผู้ที่กระทำต้องการยั่วยุให้เกิดการแตกแยกภายในประเทศอย่างแน่นอน



 


อนึ่ง สำหรับห้องราชดำเนิน เว็บไซต์พันทิปนั้น เป็นห้องแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง ที่เคยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในช่วง 7-8 ปีก่อน อย่างไรก็ตามในระยะหลัง ถูกมองว่า โดนครอบงำโดยกลุ่มการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น กระทู้เกือบทั้งหมดในห้องราชดำเนินมุ่งไปที่การปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และลดความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรฯ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นักวิชาการ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์



 


ภายหลังการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ห้องราชดำเนินได้ปิดตัวเองลงชั่วคราว และค่อยๆ ชิมลาง เปิดให้เข้าไปดูได้เฉพาะสมาชิก และกลับมาเปิดแบบเต็มตัวที่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปอ่านกระทู้ได้อีกครั้งในเวลาต่อมา



 


ขณะเดียวกันเว็ปไซต์ประชาไทดอทคอม ที่ได้รับการแจ้งเตือนจากกระทรวงไอซีทีเช่นเดียวกันก็ได้ชี้แจงผ่านทางเว็บไซต์ โดยนางสาวจีรนุช เปรมชัยพร ผู้จัดการเว็บไซต์ประชาไทดอทคอม ได้เปิดเผยผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าวว่า เมื่อบ่ายวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 15.35 ตนได้รับโทรศัพท์จากชายผู้หนึ่งโดยผู้โทรแจ้งว่าโทรมาจากกระทรวงไอซีทีและสอบถามว่าท่านรัฐมนตรีอยากจะคุยด้วย สะดวกจะให้โทรติดต่อที่หมายเลขไหน ซึ่งนางสาวจีรนุชก็ได้ตอบไปว่าสามารถโทรมาได้ที่เบอร์มือถือที่กำลังคุยอยู่ได้ปรากฏว่าหนึ่งนาทีต่อมาชายคนเดิมก็โทรกลับมาและแจ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือที่อยากให้นางสาวจีรนุชโทรไปคุยกับท่านรัฐมนตรี ซึ่งผู้จัดการประชาไทได้โทรไปคุยในทันที


 


โดย ดร.สิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่าได้รับโทรศัพท์จากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ว่าตรวจสอบพบข้อความที่หมิ่นต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างน้อย 2 ข้อความในเว็บบอร์ดประชาไท และกำชับให้ลบข้อความดังกล่าวใน 5 นาที มิฉะนั้นจะต้องออกคำสั่งไปยัง ISP นอกจากนี้ ดร.สิทธิชัย ยังได้กล่าวเสริมว่า แม้ว่ากฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ยังต้องรอ สนช.ร่างให้เสร็จ แต่ด้วยคำสั่ง คปค. ฉบับที่ 5 มีผลทางกฎหมายที่จะให้อำนาจดำเนินการได้ อยากให้ลองไปอ่านศึกษาดู ทั้งนี้นางสาวจีรนุช ได้กล่าวกับ ดร.สิทธิชัยด้วยว่า ทางประชาไทเองขณะนี้ดำเนินการดูแลข้อความเหล่านี้โดยเข้มงวดมาก จนกระทั่งผู้ใช้เว็บบอร์ดเองก็บ่นร้องเรียนกันมากเช่นกัน


 



ผู้สื่อข่าวยังรายงานอีกว่า เว็บไซต์ hi-thaksin.net ที่เคยถูกกระทรวงไอซีทีบล็อกไว้ จนไม่สามารถเปิดเข้าไปดูได้นั้น ขณะนี้ได้มีการเปิดเว็บไซต์ดังกล่าวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยจดทะเบียนใหม่ในนามดอท org แทน คือ www.hi-thaksin.org ซึ่งได้มีการตีพิมพ์บทความโจมตีพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และแฉเอกสารลับที่คมช.จ้างน้องชายพล.อ.สะพรั่ง กัลยาณมิตรทำประชาสัมพันธ์เชิงลึกด้วยงบ 12 ล้านบาทด้วย ขณะเดียวกันก็มีคลิปวิดีโอของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอีกเป็นจำนวนมาก


 



"ยูทิวบ์" แนะรบ.บล็อคแค่ภาพไม่เหมาะ "รมว.ไอซีที" ไม่สนสั่งปิดทั้งเว็บต่อไป


เว็บไซต์มติชน - ยูทิวบ์เสนอที่จะให้ความรู้แก่ทางการไทยเกี่ยวกับระบบการให้บริการวิดีโอแชริ่งบนเว็บไซต์ของตน หลังจากมีคลิปวิดีโอที่ไม่เหมาะสมปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ จนทำให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ต้องสกัดกั้นเว็บไซต์ดังกล่าว


 


นางจูลี ซูแพน โฆษกของ "ยูทิวบ์" ผู้ให้บริการเว็บไซต์ www.youtube.com เปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีผ่านทางอี-เมล เมื่อวันที่ 7 เมษายนว่าทางยูทิวบ์ได้พบหารือกับนายสิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ถึงมาตรการสกัดกั้นเว็บไซต์ของรัฐบาลไทยซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมาแล้ว หลังจากมีผู้เข้าไปโพสต์คลิปวิดีโอที่ไม่เหมาะสมอันเป็นการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีแจ้งว่า รัฐบาลไทยจะไม่ยอมยืดหยุ่นในมาตรการสกัดกั้นวิดีโอภาพที่ไม่เหมาะสม และว่า บุคลากรทางด้านเทคนิคของกระทรวงก็ยังมีปัญหาที่ยากจะเข้าใจถึงวิธีการสกัดกั้นวิดีโอภาพส่วนบุคคลที่มีการนำไปโพสต์บนเว็บไซต์ดังกล่าว


 


"แม้ว่าเราจะไม่ได้ถอดคลิปวิดีโอที่ไม่ได้ละเมิดนโยบายของเราและไม่ได้เซ็นเซอร์หรือตรวจสอบเพื่อตัดส่วนที่ไม่เหมาะสมออกก็ตาม แต่เราได้เสนอตัวที่จะช่วยให้ความรู้แก่กระทรวงไอซีทีเกี่ยวกับยูทิวบ์และระบบการทำงานของเว็บไซต์ยูทิวบ์ว่าเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับรัฐบาลไทยที่จะตัดสินใจว่าจะบล็อควิดีโอภาพที่มีการเลือกเฟ้นเป็นการเฉพาะหรือไม่ แต่เราอยากให้มีการเลือกบล็อควิดีโอภาพมากกว่าที่จะเป็นการบล็อคทั้งเว็บไซต์" โฆษกหญิงของยูทิวบ์กล่าว


 


วันเดียวกัน นายสิทธิชัยได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีถึงเรื่องนี้ว่า รัฐบาลจะยกเลิกคำสั่งสกัดกั้นเว็บไซต์ยูทิวบ์ก็ต่อเมื่อยูทิวบ์มีความสามารถทางเทคนิคที่จะสกัดกั้นหน้าเว็บที่ไม่พึงปรารถนาได้


 


"ผมกำลังรอฟังจากยูทิวบ์ว่าเขาจะสามารถทำอะไรได้บ้าง หากยูทิวบ์ไม่สามารถแนะนำแนวทางออกที่เราสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิผลได้ เราก็ไม่มีทางเลือกที่จะต้องคงคำสั่งสกัดกั้นเว็บไซต์นี้ไว้ต่อไป" นายสิทธิชัยกล่าว และว่า คำสั่งสกัดเว็บไซต์จะคงมีผลต่อไปจนกว่าคลิปวิดีโอที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้จะถูกสกัดหรือถูกถอดออกไปเสียก่อน


 


ราษฎรพม่า กว่า 200 คน อพยพข้ามเข้ามายังฝั่งไทย หลังเกิดการสู้รบในฝั่งประเทศพม่า


กรมประชาสัมพันธ์ - ราษฎรพม่ากว่า 200 คน อพยพข้ามแม่น้ำเมยเข้ามายังฝั่งไทย ด้านอำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก หลังเกิดการสู้รบกันของชนกลุ่มน้อยในฝั่งประเทศพม่าในวันที่ 8 เม.ย. ระหว่างทหารกะเหรี่ยง D.K.B.A.จากกองพันพิเศษที่ 4 กับทหารกะเหรี่ยง K.N.U.กองพัน 101 บริเวณด้านตรงข้ามกับบ้านสันแกลลอน หมู่ 2 ตำบลแม่ระมาด อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 3 กิโลเมตร โดยเกิดการสู้รบกันตั้งแต่ 02.00 น. ต่อเนื่องกันมาจนถึงช่วงสายของวันนี้ เป็นเหตุให้มีราษฎรชาวพม่า จากบ้านทีขะยะ อพยพหนีการสู้รบข้ามแม่น้ำเมยเข้ามายังฝั่งไทย บริเวณบ้านไหล่ห้วย อำเภอแม่ระมาด กว่า 200 คน


 



ทั้งนี้ เมื่อช่วงสายของวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา พันเอกสุรเชษฐ์ ไชยวงศ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจดูสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดน ซึ่งขณะนี้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 17 และตำรวจตระเวนชายแดนที่ 345 ได้เข้าไปดูแลผู้อพยพ พร้อมตรึงกำลังเพื่อป้องการรุกล้ำอธิปไตยแล้ว


 


ทดสอบเตือนภัย 6จว.อันดามันล่ม เหตุผู้ว่าฯ อ่อนพีอาร์-"สมิทธ" ขอแก้มือ


แนวหน้า - มีการทดสอบระบบหอเตือนภัยในพื้นที่ 6 จังหวัดชายแดนฝั่งทะเลอันดามัน ได้แก่ กระบี่ ภูเก็ต พังงา ระนอง ตรัง และสตูล ในช่วงเช้าวันที่ 7 เมษายน โดย นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติเปิดเผยถึงการทดสอบเตือนภัยดังกล่าวว่ายังไม่ประสบความสำเร็จ มีได้ผลดีในบางพื้นที่ของ จ.ภูเก็ตเท่านั้น ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ยังไม่พร้อม เนื่องจากทางจังหวัดไม่ได้มีการประกาศ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวรับทราบล่วงหน้า ทำให้มีการแตกตื่น วุ่นวาย ทางศูนย์เตือนภัยฯ จึงต้องประกาศยุติ หลังทดสอบระบบเพียงไม่กี่นาที ส่วนการทดสอบครั้งต่อไป จะทำเมื่อทางจังหวัดพร้อม และแจ้งให้ทางศูนย์เตือนภัยฯ ทราบ


 


"จะต้องมีการเรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกันใหม่อีกครั้ง คาดว่าจะเป็นช่วงหลังสงกรานต์ โดยให้แต่ละจังหวัดทำหนังสือมายังศูนย์เตือนภัยฯ ว่าพร้อมที่จะทำการทดสอบ ไม่เช่นนั้นประชาชน นักท่องเที่ยวที่ไม่ทราบจะตื่นตระหนก เกิดความวุ่นวายขึ้น" นายสมิทธ กล่าวและว่า สำหรับการทดสอบครั้งต่อไป คงต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้มากกว่านี้


 


นายสมิทธ กล่าวต่อไปว่า ทางศูนย์เตือนภัยฯ ต้องการให้มีการซ้อมระบบเตือนภัยบ่อย ๆ เพื่อให้ประชาชน นักท่องเที่ยวได้ชินกับสัญญาณ จะได้ชินกับการอพยพ สำหรับความถี่ของการซ้อมระบบเตือนภัยนั้น ทางองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) หรือองค์กรเกี่ยวกับสึนามิ ต้องการให้ทำการซ้อมปีละ 2 ครั้ง แม้ว่าทางศูนย์เตือนภัยฯ มีระบบพร้อมแล้ว แต่ยังไม่กล้าซ้อม เพราะว่าการอพยพช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย ต้องให้กระทรวงมหาดไทย จังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พร้อมด้วย


 


สำหรับการติดตั้งหอเตือนภัยในพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน ขณะนี้ ติดตั้งครบแล้ว 100 แห่ง และจะเร่งติดตั้งในพื้นที่จังหวัดฝั่งอ่าวไทยปีนี้อีก 48 แห่ง รวมทั้งใน 57 จังหวัด ของภาคกลาง ภาคเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 144 แห่ง เพื่อใช้เตือนภัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง น้ำท่วม น้ำป่า ตลอดจนหมอกควันที่เกิดขึ้นในภาคเหนือด้วย


 


ซึ่งขณะนี้ ทางศูนย์เตือนภัยฯ ได้ติดตั้งหอเตือนภัยที่ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่แล้ว โดยจะเริ่มทดลองระบบหอเตือนภัยมลพิษในอากาศ ภายในเดือน เม.ย. และ พ.ค.นี้ ทั้งนี้ ต้องประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดดังกล่าว ให้ทำการประชาสัมพันธ์ด้วยว่าจะมีการทดสอบเตือนภัยล่วงหน้า เกรงว่าประชาชนจะตื่นตกใจขึ้น นอกจากเตือนภัยเรื่องหมอกควันแล้ว จะมีการเตือนภัยด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น ฝนตกหนัก น้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก แผ่นดินถล่ม ไฟป่า เป็นต้น


 


ส่วนความคืบหน้าการโอนศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติไปอยู่ที่กรมอุตุนิยมวิทยานั้น นายสมิทธ กล่าวว่า ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เห็นว่า การโอนภารกิจของศูนย์เตือนภัยฯ ไปอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมอุตุนิยมวิทยานั้น ทำให้ภารกิจของศูนย์เตือนภัยฯ แคบลง จึงขอรับโอนศูนย์เตือนภัยฯ มาอยู่ภายใต้สำนักงานรัฐมนตรีไอซีที ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็เห็นด้วย เพียงแต่ขณะนี้ยังไม่ได้โอนทรัพย์สมบัติ งบประมาณมาที่ไอซีทีเท่านั้น ซึ่งอยู่ระหว่างการร่างรายละเอียดเกี่ยวกับการโอนอยู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้


 


 






เศรษฐกิจ


 


ไทยไม่น่าลงทุนหลังปัญหาการเมืองยืดเยื้อ


ผู้จัดการออนไลน์ - นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองเลขาธิการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองขณะนี้ ว่าแม้จะเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยแต่ทำลายบรรยากาศด้านการค้าและการลงทุน และนักลงทุนเกิดการเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่ง ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงด้านการลงทุน ขณะที่ประเทศเวียดนามกลายเป็นประเทศน่าลงทุนมากขึ้น


 


ด้านนายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ความไม่ชัดเจนของการแก้ปัญหาทางการเมือง ส่งผลให้เงินลงทุนในภาคอุตสาหกรรมลดลงเกือบ 3 เท่า รัฐบาลควรเร่งสร้างเสถียรภาพทางการเมือง และกระตุ้นการลงทุนจากต่างชาติ รวมทั้งทบทวนพระราชบัญญัติที่อาจทำให้นักลงทุนมีความเข้าใจว่าไทยกีดกันการลงทุนจากต่างชาติ


 


ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ คาดว่า การแก้ไขร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง จะแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ พร้อมเปิดให้ทุกภาคส่วนให้ข้อคิดเห็นได้


 


นักวิชาการTDRI แนะนำเงินภาษีบริหาร TITV ดันเป็นสื่อสาธารณะ


ผู้จัดการออนไลน์ - นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิช นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงรูปแบบที่เหมาะสมของการบริหารสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี โดยยืนยันว่า รูปแบบสื่อสาธารณะเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้กลับไปสู่เจตนารมณ์ที่แท้จริงของการตั้งสถานี และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพราะปัจจุบันสื่อพาณิชย์มองว่าประชาชนเป็นผู้บริโภคสื่อ ส่วนสื่อของรัฐมองประชาชนเป็นผู้รับสารและข้อมูลฝ่ายเดียว และขณะนี้ทีไอทีวีมีความพร้อมที่จะเป็นสื่อสาธารณะไม่ว่า การออกอากาศที่ครอบคลุมทั่วประเทศ บุคลากรด้านข่าว ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญของสื่อสาธารณะที่ต้องเสนอข่าวอย่างครบถ้วน เป็นจริง เป็นกลาง และรอบด้าน แต่รายการอื่นๆ เช่น สารคดี มีผู้ผลิตรายการอื่นร่วมด้วยได้


 


นายสมเกียรติกล่าวว่า ถ้าทีไอทีวีเป็นสื่อสาธารณะ รายได้หลักมาจากภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บจากอบายมุข และกิจกรรมกระตุ้นการบริโภคของประชาชน ซึ่งการจัดเก็บจะไม่เข้าสู่กระทรวงการคลัง แต่จะวิ่งเข้าสู่สื่อสาธารณะโดยตรง ก็จะเป็นหลักประกันว่า จะมีงบประมาณเพียงพอไม่ต้องพึ่งเงินโฆษณา เป็นสถานีผลิตรายการที่ดีได้โดยไม่ต้องมีโฆษณา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็เห็นด้วยที่จะให้ใช้วิธีนี้


 


นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า การนำรูปแบบหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ (เอสดียู) มาใช้บริหารทีไอทีวี เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหลังนำทีไอทีวีกลับมาเป็นของรัฐบาล แต่ในอนาคตเมื่อได้รูปแบบที่ชัดเจนแล้ว ควรเลิกใช้รูปแบบการบริหารแบบเอสดียู เพราะถ้าใช้ไปนานแล้ว จะไม่สามารถเป็นได้ทั้งสื่อสาธารณะและสื่อเสรี เพราะเอสดียูเป็นโครงสร้างภายใต้การกำกับดูแลของกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นระบบราชการ เท่ากับเป็นการจำกัดการทำงาน


 






คุณภาพชีวิต


 


จ.เชียงราย และแม่ฮ่องสอนปริมาณฝุ่นละอองยังสูงกว่าค่ามาตรฐาน


กรมประชาสัมพันธ์ - กรมควบคุมมลพิษ รายงานการตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน  ณ สถานีตรวจวัดที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง และแม่ฮ่องสอน ในวันนี้ (8 เม.ย.50) พบว่า ณ สถานีตรวจวัด โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน สูงถึง 148 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และที่สถานีตรวจวัด อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน สูงถึง 212 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งยังต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และขอให้ประชาชนหยุดเผาป่า และเผาในที่โล่งแจ้งเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองไม่ให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ด้วย


 



เตือนคนหลายพันล้าน ต้องหิวหาย แห้งแล้ง เพราะภาวะโลกร้อน


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์เดอะซัน รายงานอ้างคำเตือนของผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศโลกว่า จะมีคนหลายพันล้านคน ต้องล้มตายเพราะความหิวโหย, แห้งแล้ง, โรคภัยไข้เจ็บ และหายนะภัยทางธรรมชาติ ส่วนการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในทุกๆ ปี ก็ยังจะสร้างความเสียหายให้กับมหานครใหญ่บริเวณชายฝั่ง เช่น นิวยอร์คและโตเกียว


 


ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า สัตว์และพืช 1 ใน 3 บนโลก อาจสูญสิ้นไป เหตุการณ์ที่นำไปสู่วันสิ้นโลกและเป็นความสิ้นหวังอย่างที่สุดนี้ เป็นผลมาจากการเกิดภาวะก๊าซเรือนกระจกที่เป็นผลมาจากน้ำมือมนุษย์โดยสิ้นเชิง  รายงานที่น่าตกใจที่ออกจากมาจากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยสภาพการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศโลก หรือ IPCC ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทรงอิทธิพลในสหประชาชาติ และเป็นผู้นำการเคลื่อนไหวระดับโลกในประเด็นนี้ ระบุว่า จะมีคนมากถึง 3,200 ล้านคน เผชิญกับภาวะขาดแคลนน้ำภายใน 80 ปีข้างหน้า และอีก 600 ล้านคน อาจต้องเผชิญภาวะอดหยากหิวโหย นอกจากนี้ หลายล้านคน จะตายเพราะน้ำที่ร้อนจัด ไฟป่า ความแห้งแล้ง และพายุที่ล้วนแต่ก่อตัวเพราะภาวะโลกร้อน



 






ต่างประเทศ


 


ชาติเอเชียถูกกดดันให้เร่งทำ FTA หลังเกาหลีใต้เซ็นข้อตกลงสหรัฐฯ


ผู้จัดการรายวัน - บรรดาชาติเอเชียอื่นๆ ต่างเผชิญแรงกดดันมากขึ้นให้ต้องทำข้อตกลงการค้าเสรี(เอฟทีเอ) แบบทวิภาคีขึ้นมาบ้าง ภายหลังจากเกาหลีใต้เจรจาโอเคเรื่องเอฟทีเอกับสหรัฐฯได้สำเร็จ และขณะเดียวกันการหารือเรื่องการค้าโลกรอบใหม่ก็ยังไปไม่ถึงไหน ทั้งนี้เป็นความเห็นของนักวิเคราะห์มากหน้า หากข้อตกลงเอฟทีเอที่คณะผู้แทนของเกาหลีใต้กับสหรัฐฯเห็นชอบร่วมกันในต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สามารถรอดพ้นแรงต่อต้านซึ่งมีอยู่ไม่น้อยเลยในรัฐสภาของทั้งสองประเทศได้แล้ว โสมขาวก็จะกลายเป็นระบบเศรษฐกิจใหญ่ของเอเชียรายแรก ซึ่งบรรลุการทำเอฟทีเอกับวอชิงตัน อันน่าจะช่วยบริษัทเกาหลีให้เพิ่มพูนความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ


 


ในสภาพเช่นนี้ "ข้อตกลงนี้จึงสามารถกระตุ้นโมเมนตัมทางการเมืองในที่อื่นๆ ของภูมิภาคแถบนี้ ให้ทำข้อตกลงการค้าเสรีขึ้นมาบ้าง" เป็นความเห็นของ โมโตชิเกะ อิโตะ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว


 


"มันอาจเป็นตัวกำหนดแนวโน้มสำหรับข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นระหว่างประเทศใหญ่ๆ ในเอเชีย อาทิ เอฟทีเอสามฝ่ายระหว่างจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ หรือข้อตกลงที่(ชาติอื่นๆ) จะทำกับสหรัฐฯ" อิโตะกล่าวเสริม


 


"เอเชียได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตชนิดข้ามพรมแดนขึ้นมาแล้ว โดยไม่ต้องมีข้อตกลงการค้าเสรีขนาดยักษ์ๆ แต่หลังจากดีลระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯแล้ว เหล่าผู้นำในภูมิภาคแถบนี้อาจถูกบังคับให้ต้องมุ่งแสวงหาการค้าที่เสรียิ่งขึ้น" เขาบอก


 


ญี่ปุ่นเองในสัปดาห์ที่แล้ว ก็ได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกับไทย และแถลงว่าจะศึกษาเรื่องทำเอฟทีเอกับสหรัฐฯ นอกจากนั้น โตเกียวยังวางแผนเปิดเจรจาด้านการค้าในเดือนนี้กับออสเตรเลีย อีกทั้งมุ่งที่จะเริ่มการเจรจาอีกครั้งกับเกาหลีใต้


 


การเยือนญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรี เวินเจียเป่า ของจีนในสัปดาห์นี้ จะเป็นโอกาสสำหรับการหารือเรื่องการค้ากับนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ถึงแม้ไม่ค่อยมีใครคาดหวังว่าจะมีความคืบหน้าชนิดจับต้องได้ เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศยังค่อยไม่ดีนัก


 


ตรงกันข้าม ก่อนที่เขาจะไปเยือนกรุงโซลสัปดาห์หน้า เวินก็ได้ออกมาเรียกร้องให้ถือการเจรจากับเกาหลีใต้ในเรื่องข้อตกลงการค้าเสรี เป็นสิ่งที่ต้องผลักดันให้เดินหน้าโดยเร็ว ทั้งนี้ตามรายงานของสื่อทางการจีนในวันศุกร์(6)ที่ผ่านมา


 


นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า พวกบริษัทเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทญี่ปุ่นและไต้หวันที่อยู่ในภาคไฮเทค มีหวังต้องลำบากขึ้นเยอะหลังเอฟทีเอสหรัฐ-เกาหลีใต้มีผลบังคับใช้


 


อย่างไรก็ดี ในอีกด้านหนึ่ง นักวิเคราะห์เหล่านี้ก็ชี้ว่า บริษัทเกาหลีใต้อย่างเช่น ซัมซุง และ ฮุนได มอเตอร์ ก็กำลังรู้สึกถูกบีบคั้นเช่นกัน เมื่อต้องตกอยู่ตรงกลางระหว่างจีนที่ยังคงพุ่งแรง และญี่ปุ่นซึ่งผู้ส่งออกกำลังได้เปรียบจากค่าเงินเยนที่อ่อนตัว


 


คาคุทาโร คิทะชิโระ ประธานสมาคมผู้บริหารภาคบรรษัทของญี่ปุ่น กล่าวเตือนในสัปดาห์ที่แล้วว่า ข้อตกลงสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ จะส่งผลทางลบต่อบริษัทญี่ปุ่น โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น รัฐบาลแดนซามูไรจึงควรเร่งรัดเรื่องการเจรจาการค้า


 


ทว่า ชูจิโร อูระตะ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยวาเซดะ มองว่าผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นน่าจะสามารถรับมือกับการแข่งขันจากเกาหลีใต้ได้ เพราะพวกเขากำลังโยกย้ายการผลิตไปที่สหรัฐฯอยู่แล้ว


 


ฝ่ายที่น่าห่วงว่าจะต้องเจอผลกระทบทางลบมากกว่าเสียอีก ผู้เชี่ยวชาญหลายรายชี้ว่าน่าจะเป็นบริษัทไต้หวัน ซึ่งกำลังแข่งขันโดยตรงกับเกาหลีใต้มากกว่าอยู่แล้วในเวลานี้


 


"สำหรับพวกผู้ผลิตชาวไต้หวัน ข้อตกลงสหรัฐฯ-เกาหลีใต้น่าจะถูกมองเป็นแรงกดดันอันใหญ่หลวงขึ้นอีกให้ต้องโยกย้ายไปอยู่ต่างแดน โดยเฉพาะไปยังจีน เพื่อรักษาความได้เปรียบด้านราคา" เป็นความเห็นของ ฟิล ดีนส์ ผู้ชำนาญการเอเชียตะวันออก แห่งมหาวิทยาลัยเทมเปิล ในกรุงโตเกียว


 


ไต้หวันนั้นกำลังดิ้นรนอยู่แล้วที่จะทำเอฟทีเอกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นนักลงทุนและคู่ค้าสำคัญที่สุดของตน เพื่อหลีกหนีการถูกโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจ แต่ข้อตกลงเช่นนี้ต้องเผชิญอุปสรรคสำคัญทางการเมือง เนื่องจากจีนอ้างสิทธิมาตลอดว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน


 


แต่การที่ญี่ปุ่นและประเทศเอเชียอื่นๆ จะสามารถบรรลุข้อตกลงเอฟทีเอได้มากน้อยแค่ไหน บรรดานักวิเคราะห์บอกว่า ที่สำคัญแล้วอยู่ที่ว่ามีเจตนารมณ์ทางการเมืองเพียงพอหรือไม่


 


ร้องกัมพูชาเดินหน้าตั้งศาลคดีเขมรแดง


เดลินิวส์ - เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐเรียกร้องให้นักกฎหมายกัมพูชาและต่างชาติ หยุดการถกเถียงเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมกฎหมาย และหันมาผลักดันการตั้งศาลพิจารณาคดีผู้นำเขมรแดงที่ล่าช้ามานานต่อไป


 


นายเอริก จี.จอห์น รองผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออก และแปซิฟิกเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า การตั้งศาลพิจารณาคดีเขมรแดงเป็นโอกาสที่กัมพูชาจะได้แสดงให้นานาประเทศเห็นว่า กัมพูชามีความคืบหน้าไปได้แค่ไหนแล้ว และอาจกลายเป็นเรื่องน่าอับอาย ถ้าหากไม่สามารถทำให้เกิดความคืบหน้าได้


 


บรรดาผู้พิพากษากัมพูชากล่าวหาว่า ผู้พิพากษาต่างชาติเป็นต้นเหตุของความล่าช้าในการพิจารณาคดี โดยเมื่อต้นสัปดาห์ ผู้พิพากษาต่างชาติได้ตัดสินใจที่จะคว่ำบาตรการประชุมในวันที่ 30 เม.ย. ที่จะถึงนี้ ขณะที่หลายฝ่ายกำลังวิตกว่า ความขัดแย้งภายในอาจทำให้ความพยายามนำตัวผู้นำเขมรแดงที่ยังมีชีวิตอยู่มาดำเนินคดีในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษย ชาติ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 1.7 ล้านคน ในระหว่างการปกครองของเขมรแดงปี 2518-2522 ต้องล่าช้าออกไป เดิมคาดว่า ศาลดังกล่าวที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติจะเริ่มทำงานได้ในปีนี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net