เรียบเรียงโดย อ.อับดุชชะกูร์ บิน ชาฟิอีย์ ดินอะ (อับดุลสุโก ดินอะ)
ร.ร.จริรยธรรมศึกษามูลนิธิ อ.จะนะ จ.สงขลา
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีกรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนามุฮัมมัดและละผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
ในสังคมมุสลิม ผู้นำศาสนา หรือตามภาษาพื้นบ้าน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า โต๊ะครู ซึ่งมาจากภาษามลายูกลางว่า ตวนฆูรู หรืออาจมาจากคำว่า 'คุรุ' หรือ 'ครู' นั้นเอง
แต่ในภาษาอาหรับ หรือในภาษาที่ชาวมุสลิมทั่วไปอาจเรียกอย่างยกย่องว่า อาลิม (ผู้รู้ 1 คน เป็นเอกพจน์)หรือ อุละมาอฺ (ผู้รู้หลายคน เป็นพหูพจน์) โดยมีรากศัพท์ผันมาจาก อิลมฺ คือความรู้
โต๊ะครู หรือ อาลิม และ อุลามาอฺ จึงให้ความหมายถึง ผู้รู้และบรรดาผู้รู้ ในที่นี้คือ รู้ในศาสตร์ของอิสลาม หรืออิสลามศึกษานั่นเอง ในขณะผู้รู้หลายคนมีความรู้ที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงรู้ในเรื่องศาสนาเท่านั้น แต่หมายถึงรู้เรื่องอิสลามที่เกี่ยวข้องศาสตร์อื่นๆ อีกด้วย การแพทย์ ดาราศาสตร์ การเมือง และสังคม
ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าวถึงความประเสริฐของบรรดาอุลามะอฺ ว่าเปรียบเสมือนผู้รับมรดกของบรรดานบี (ศาสดาทั้งหลาย)
บุคลิกภาพของผู้รู้จะต้องมีภาพสะท้อนของบรรดาศาสดาทั้งหลาย ทรัพย์สินเงินทอง ลาภยศ สรรเสริญ จะต้องไม่เป็นตัวบั่นทอนการนำเสนอสัจธรรมสู่มวลชน หรือสู่สังคม การสงบเสงี่ยม เจียมตัว และอยู่อย่างพอเพียง พึงใจต่อความเมตตาปรานีของอัลลอฮฺ และที่สำคัญที่สุดของภาระหน้าที่ของอุลามาอฺ หรือโต๊ะครู นั่นคือ การรับใช้มนุษย์และสังคม ตลอดจนรับผิดชอบสังคม ในความดี ความชั่วที่เกิดขึ้น
ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา อุละมาอฺในภาคใต้มีบทบาทในสังคมมากในการชี้นำความถูกต้องให้กับสังคม และในบรรดาอุลามาอฺภาคใต้ที่มีอิทธิพลต่อบรรดาอุลามาอฺด้วยกันและชุมชนมุสลิมภาคใต้และประเทศอาเซียนคือ ชัยคฺดาวุด อัลฟะฏอนีย์ เพราะท่านเป็นทั้งครูผู้สอนและแต่งตำราอิสลามศึกษาเกือบ 100 เล่ม และหนังสือของท่านยังเป็นหนังสือเรียนในหลักสูตรอิสลามศึกษาในสถาบันปอเนาะและเป็นหนังสืออ้างอิงในสถาบันการศึกษาอิสลามในกลุ่มประเทศอาเซียน
ผศ.ดร.พีรยศ ราฮิมมูลา อดีตนักวิชาการมอ.ปัตตานีกล่าวว่าภาคใต้ตอนล่างเป็นดินแดนที่อยู่ติดทะเลและเคยมีความสัมพันธ์ทางการค้ามากมาย มีเครือข่ายแลกเปลี่ยนทางการค้า ศาสนา และวัฒนธรรม มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจและการเมืองของท้องถิ่นที่มีลักษณะเฉพาะของท้องถิ่นที่แตกต่างกัน มีประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ถึงศตวรรษที่ 18 ประมาณ 500 ปีเศษ มีวิวัฒนาการที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ซึ่งเห็นได้จากโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรมของท้องถิ่นที่ชาวมุสลิมในดินแดนแถบนี้ มีความภาคภูมิใจกับนครรัฐมุสลิมปัตตานี 3 ประการ[1] หนึ่งในสามคือ ความภูมิใจในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการศึกษาอิสลามแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 มี 2 สถาบันการศึกษาที่เรียกว่า "ปอเนาะ" และสถาบัน "อูลามาอฺ," (ผู้รู้หรือนักปราชญ์) ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของโลกมลายูและโลกอาหรับจนถึงทุกวันนี้ มีอูลามะฮ, ปัตตานีที่มีคุณภาพมีความสามารถเชี่ยวชาญ เช่น เช็ค ดาวุด บิน อับดุลเลาะบินอิดริส อัล - ฟาฎอนี (Sheikh Davd bin Abdullah bin Idris al-Fatani) และเช็ค อะหมัด บิน มูฮำมัด เซน บินมุสตอฟา อัล - ฟาฎอนี (Sheikh Ahmad bin Muhammad Zain bin Musfafa al Fatani) ฯลฯ ซึ่งผลงานของท่านเหล่านี้เรียกว่า " กีตับยาวี " (Kitab Jawi) เป็นตำราที่ใช้กันแพร่หลายในสถาบันปอเนาะต่างๆ หรือมัสยิดและสุเหร่าในสังคมมุสลิมแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 จนถึงปัจจุบัน
ประะวัติโดยสังเขปของชัยคฺดาวุด อัลฟะฏอนีย์
ชัยคฺดาวุด อัลฟะฏอนีย์ มีชื่อเต็มว่า หะยีวันดาวุด บินวันอับดุลลอฮฺ บินวันอิดริส อัลยาวีย์ อัลฟะฏอนีย์อัลมลายูวีย์ เกิดวันที่ 1 มุฮัรรอม ปีฮ.ศ. 1184 ซึ่งตรงกับวันที่ 7 พฤษภาคม คศ.1769 หรือพ.ศ.2312 ณ บ้านปาเร็ต คลองกรือเซะ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
มีบิดาชื่อวันอับดุลลอฮฺ บินวันอิดริส มารดาชื่อวันฟาฏิมะฮฺ
ท่านสิ้นชีพวันที่ 22 เดือนรอญับ ปีฮ.ศฺ1263 ซึ่งตรงกับวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ.1847 หรือพ.ศ.2390 รวมอายุ 78 ปี
การศึกษา
แรกเริ่ม ท่านศึกษาหาความรู้ด้านอิสลามศึกษากับพ่อและลุงของท่าน คือ ชัยคฺศอฟียุดดีนเป็นเวลา 5 ปีที่ปัตตานี หลังจากนั้น เมื่อท่านอายุ 16 ปี ท่านเดินทางไปศึกษาต่อ ณ อาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซียเป็นเวลา 2 ปี หลังจากนั้นเมื่อท่านอายุครบ 18 ปี ท่านเดินทางไปศึกษาต่อ ณ เมืองมักกะฮฺ เป็นเวลา 30 ปี และเดินทางไปศึกษาต่ออีก 5 ปี ณ เมืองมะดีนะฮฺ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
บทบาทด้านวิชาการและสังคม
ในขณะที่ท่านอยู่มักกะฮ ประเทศซาอุดิอารเบีย 30 ปี ระหว่างเรียนหนังสือท่านได้ใช้ความรู้ความสามารถของท่าน สอนหนังสือในมัสยิดอัลหะรอม รวมทั้งแต่งและแปลตำราต่างๆ มากมายเกือบ 100 เล่ม มีทั้งภาษามลายู อักษรยาวี และอาหรับ ตำราที่ได้รับการยอมรับและยังเป็นตำราที่สอนอยู่ในสถาบันปอเนาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้และประเทศอาเซี่ยนเช่น
- หนังสือKifayatulmuhtaj
- Idhahullubab
- Ghayatultaghrib
- Nahjulraghib
- Bulughulmuram
- Ghayatulmuram
- Addaruthamin
- Khasfulghimmah
- Jamulfawaid
- Kanzulminan
- Minhajabidin
- Maniyatulmusoli
- Hidayatulmutaallim
- Agdatuljawahir
- Wardulzawahir
- Fathulminan
- Muzakaratulikhwan
- Jawahirussuniah
- Sulamubtadi
- Furuulmasail
- Albahjatulussuniah
- Albahjatulwardiah
- Albahjatulmardhiah
- Bughyatuttullab
- Dhiyatulmurid
- Asoid wazabaih
- Irshadulathfal
- Ishrunnusifatillahiah
- Siratunnabi Yusuf
- Hikaturrijalassolihin min Baniisrail
- Bashairrilikhwan
- Bab Nikah
- Risalatussail
- Jihayatuttuktub
- Alkurbat ilallah
- Risalah tataalak Bikalimatuliman
- Bidayatulhidayah
- Tambihulghafilin
- Bayanulahkam
- Tuhfaturaghibin
การสอนหนังสือของท่านก็จะมีนักเรียนนักศึกษาจากประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ บรูไน ฟิลิปปินส์ กัมพูชา นักศึกษาเหล่านั้นส่วนหนึ่งกลับประเทศของตนได้มาเปิดสถาบันการศึกษา เป็นผู้นำชุมชน และใช้ความรู้ความสามารถอบรม สั่งสอนชุมชนของตนต่อๆกันมาจวบจนปัจจุบัน
ไม่เพียงแต่ท่านมีผลงานทางวิชาการเท่านั้น แต่ด้วยความเป็นคนที่มีภาวะผู้นำสูง ในช่วงทำพิธีฮัจญ์ท่านยังอุทิศเวลาของท่าน บริการ ดูแลผู้ที่ไปทำฮัจญ์จากประเทศไทยและอาเซียน
นี่คือประวัติและบทบาทของท่านโดยสังเขป ซึ่งสอดคล้องกับวจนะของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ที่ได้กล่าวถึงความประเสริฐของบรรดาอุลามะอฺ ว่าเปรียบเสมือนผู้รับมรดกของบรรดานบี (ศาสดาทั้งหลาย) หรือได้กล่าวเปรียบเทียบฐานะภาพของอุลามะอฺที่สูงส่งกว่า นักพรต นักบำเพ็ญตน ปลีกวิเวก อุปมาดั่งดวงจันทร์วันเพ็ญที่ทอแสงเจิดจ้าโดดเด่นกว่าดวงดาวทั้งหลาย
และสอดคล้องกับคำกล่าวของ คอลีฟะห์ (คาหลิบ) ท่านที่ ๔ แห่งอิสลามคือ ท่านอาลี บินอบีฎอลิบ (รอฏิยัลลอฮุอันฮฺ) ได้ถูกตั้งคำถามจากสหายคนหนึ่งว่า "ใครคือผู้ที่ดีที่สุดในงานสร้างของพระผู้เป็นเจ้าภายหลังท่านศาสดา" ท่านอาลีได้ตอบว่า "นักปราชญ์ หรือผู้รู้ทางศาสนาเมื่อเขาเที่ยงธรรม"
วันนี้สังคมมุสลิมในจังหวัดชายแดนใต้และอาเซียนเป็นหนี้บุญคุณท่านดังนั้นการรำลึกถึงวันเกิดและชีวประวัติของชัยคฺดาวุด (ถึงแม้หลายคนอาจจะไม่รู้)น่าจะทำให้มุสลิมใต้รู้สึกปลาบปลื้มปิติยินดีและภูมิใจในตัวท่านที่เป็นคนปัตตานีและชายแดนใต้ การรำลึกถึงการมาของปราชญ์ของอาเซียนที่มาพร้อมกับรูปแบบการนำเสนอหลักธรรม คำสอน และแบบฉบับอันดีงามในการดำเนินชีวิตตามพระบัญชาของอัลลอฮเจ้า มาเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินชีวิตของมุสลิมใต้และอาเซียนเป็นสิ่งควรค่าแก่การอนุรักษ์ยิ่ง
ที่สำคัญ สำหรับนักวิจัยทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย ควรนำชีวประวัติและผลงานของท่านโดยเฉพาะตำราเก่าๆของท่านซึ่งจะเกิดคุณูประการต่อชนรุ่นหลังต่อไปในอนาคต
.
หมายเหตุ: เรียบเรียงจาก
- อูลามาอ์เบอร์ซาร์ปัตตานี เขียนโดย อะห์หมัด ฟัตฮี
- เอกสารการสัมมนาเรื่องแนวคิดและอิทธิพลของชัยคฺดาวุด อัลฟะฏอนีย์ ในอาเซียน จัดโดยมหาวิทยาลัย มอ. ปัตตานี 2/06/2541
- ผู้นำศาสนาหรือโต๊ะครูชายแดนใต้ เขียนโดย จอกอ. เนชั่นสุดสัปดาห์
- พีรยศ ราฮิมมูลา. 2545. "บทบาทสถาบันอุลามาอฺและการศึกษาอิสลามปัตตานีในอดีตตั้งแต่ ค.ศ. 1785-1945 ". ปัตตานี : มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. (สำเนา)
[1] 1. ความภูมิใจในประวัติศาสตร์ของนครรัฐมุสลิมปัตตานีที่ยาวนาน มีราชวงศ์ปกครอง 2 ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์มหาวังสา หรือราชวงศ์ทางบก (Inland Dynasty) และราชวงศ์กลันตัน (Kelatan Dynasty)
2. ความภูมิใจในฐานะที่นครรัฐมุสลิมเคยเป็นศูนย์กลางการค้าและเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในกลางศตวรรษที่ 16 ถึงศตวรรษที่ 17 ที่มีพ่อค้าชาติเอเซียตะวันตกได้เดินทางเข้ามาที่นครรัฐมุสลิมปัตตานีมากขึ้นหลังจากเมืองท่าสำคัญที่มะละกาถูกโปรตุเกสตีแตกในปี ค.ศ.1511
3. ความภูมิใจในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการศึกษาอิสลามแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 นครรัฐมุสลิมปัตตานีมี 2 สถาบันการศึกษาที่เรียกว่า " ปอเนาะ " และสถาบัน " อูลามะฮ" (ผู้รู้หรือนักปราชญ์) ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของโลกมลายูและโลกอาหรับจนถึงทุกวันนี้ มีอูลามะฮ ปัตตานีที่มีคุณภาพมีความสามารถเชี่ยวชาญ เช่น เช็ค ดาวุด บิน อับดุลเลาะบินอิดริส อัล - ฟาฎอนี (Sheikh Davd bin Abdullah bin Idris al-Fatani) และเช็ค อะหมัด บิน มูฮำมัด เซน บินมุสตอฟา อัล - ฟาฎอนี (Sheikh Ahmad bin Muhammad Zain bin Musfafa al Fatani) ฯลฯ ซึ่งผลงานของท่านเหล่านี้เรียกว่า "กีตับยาวี" (Kitab Jawi) เป็นตำราที่ใช้กันแพร่หลายในสถาบันปอเนาะต่างๆ หรือมัสยิดและสุเหร่าในสังคมมุสลิมแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 จนถึงปัจจุบัน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)