ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.20 น.วันที่ 8 พ.ค. พล.อ.
ทั้งนี้การจัดโต๊ะเพื่อหารือกันนั้น ได้จัดเป็นโต๊ะยาวสองแถว เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมหันหน้าเข้าหากัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยนาย
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ถือว่าได้รับเกียรติจากประธาน ส.ส.ร.ที่เดินทางมารับฟังข้อคิดเห็นและข้อมูลโดยตรง ทั้งนี้ ตนได้ติดต่อประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญแต่บังเอิญยังติดประชุมอยู่ ไม่สามารถประชุมได้ แต่แค่มีประธาน ส.ส.ร.อยู่รับฟัง ก็คงจะได้แลกเปลี่ยนและนำความเห็นต่างๆไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามการประชุมหารือในวันนี้มีเวลาไม่มากนัก ตนจึงอยากได้ข้อคิดเห็นซึ่งเป็นประเด็นหลัก
ส่วนรายละเอียดให้จัดทำเป็นเอกสารเพื่อส่งให้ ส.ส.ร.พิจารณาต่อไป ในส่วนของรัฐบาลซึ่งเป็น 1 ใน 12 องค์กรที่มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่จะต้องดำเนินการให้ความเห็น ซึ่งพูดได้ว่ารัฐบาลได้ดำเนินการถึงขั้นที่เรียกว่าได้รวบรวมความเห็นจากรัฐมนตรีสมบูรณ์แล้ว โดยจะสรุปเป็นประเด็นหลักของ ครม.ต่อไป ซึ่งประเด็นที่ ครม.เตรียมนำเสนอนั้นเกี่ยวข้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ และเรื่องที่ภาครัฐบาลต้องพิจารณาเพื่อเสนอต่อ กมธ.ยกร่าง
"ซึ่งการที่ผมกำหนดเวลาไว้ที่ 15.30 น.นั้น เพราะผมต้องนำรัฐมนตีใหม่ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ ไปเข้าเฝ้าฯ แต่ถ้าหากทุกคนต้องการจะอยู่เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อ ก็จะขอให้ประธาน ส.ส.ร.อยู่เพื่อรับฟังความิคดเห็นต่อไป ไม่ได้ต้องการที่จำกัดเวลาแค่เพียง 15.30 น." นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรีเตรียมแก้ไขประกาศคณะปฏิรูปฯ
นาย
"นายกรัฐมนตรีบอกว่า ได้คุยกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แล้ว ผมหวังว่า คำว่าอีกไม่นานของนายกรัฐมนตรีจะตรงกับเรา" นายจาตุรนต์ กล่าวและว่า ได้เสนอให้นายกรัฐมนตรีหารือกับสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อคิดกระบวนการการทำประชามติที่ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้น และควรจะเปิดโอกาสให้ทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย มีสิทธิที่แสดงความคิดเห็นได้ ไม่ใช่เพียงแต่ออกเสียงลงประชามติเท่านั้น
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การหารือครั้งนี้ถือว่านายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจดี และสิ่งที่นายกรัฐมนตรีรับฟังน่าจะทำได้จริง แต่ละพรรคการเมืองก็เสนอสั้น ๆ เนื่องจากเวลาน้อย จึงต้องการให้นายกรัฐมนตรีผลักดันอย่างจริง และมีกระบวนการต่อเนื่อง
ไม่เห็นด้วยลดจำนวนส.ส.-ที่มาของ ส.ว.
นาย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ประเด็นที่พูดถึงกัน คือ ในมาตรา 68 วรรค 2 องค์กรแก้ไขปัญหาวิกฤติชาติ เรื่องอำนาจของ ส.ว. เรื่องวิธีการเลือกตั้ง และอีกประเด็นที่สำคัญคือ การทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ไม่มีการลงลึกในรายละเอียด แต่จะไปอยู่ในกฎหมายลูก ตรงนี้หากใครมาเป็นรัฐบาลก็จะมาแก้ไขได้ ดังนั้น ควรกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลง
ด้าน พล.ต.
"เท่าที่ฟังวันนี้ นายกรัฐมนตรีทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องเอาไปเสนอให้กับสภาร่างรัฐธรรมนูญต่อไป และเชื่อว่า กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญน่าจะรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เสนอเข้าไป เพราะถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติจะเสียเงินเปล่า และพรรคการเมืองไม่ได้เข้าข้างตัวเอง การเสนอความคิดเห็นมีเหตุมีผล" พล.ต.สนั่น กล่าว
เมื่อถามว่า มองแนวโน้มแล้วแสดงว่าอาจมีการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า อาจเป็นไปได้ ถ้าพรรคการเมืองไม่รับ สมาชิกพรรคที่มีอยู่ก็ต้องเหมือนกัน
ด้านนาย
ส่วนนาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การหารือวันนี้ กลุ่มมัชฌิมาได้ทำข้อเสนอเป็นเอกสารมามอบให้นายกรรัฐมนตรีด้วย ระบุว่า ต้องการให้นายกรัฐมนตรีเชิญหัวหน้าพรรคการเมือง อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 มาร่วมหารือ เรื่องการแก้ไขปัญหาความไม่สบงในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อเกิดความสมานฉันท์ในสังคมด้วย
"นรนิติ"รับข้อเสนอส่งต่อให้กมธ.ยกร่างฯ
นายนรนิติ เศรษฐบุตร ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือเรื่องรัฐธรรมนูญ ระหว่างพรรคการเมืองกับรัฐบาล วันนี้ (8 พ.ค.) ว่า หลังจากที่ได้ฟังตัวแทนพรรคการเมืองเสนอความคิดเห็นแล้ว ส่วนใหญ่เป็นข้อกังวลที่เคยมีการเสนอแนะเข้ามา ตนมีหน้าที่รับฟัง และนำเสนอต่อกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญรับทราบว่า พรรคการเมืองมีความคิดเห็น และเข้าใจต่างจากสภารัฐธรรมนูญอย่างไร
"สำหรับประเด็นหลักที่พรรคการเมืองส่วนใหญ่เป็นห่วง ทั้งเรื่องจำนวน ส.ส.ที่ลดลง และที่มาของ ส.ว. ซึ่งพรรคการเมืองส่วนใหญ่เสนอแนะว่า ไม่ว่าที่มาจะมาจากการเลือกตั้ง หรือสรรหา ต้องดูว่า ส.ว.ทำหน้าที่อะไร ข้อเสนอแนะต่าง ๆ ซึ่งผมรับฟังไว้ บางพรรคการเมืองจัดทำเป็นเอกสารมา ก็จะเสนอให้กรรมาธิการยกร่างฯ ทันที" นายนรนิติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการรับฟังข้อคิดเห็น คิดว่ามีน้ำหนักพอที่จะไปแก้ไขต้นร่างหรือไม่ นายนรนิติ กล่าวว่า หลายเรื่องตรงกับที่มีการเสนอในการอภิปราย และเวทีต่าง ๆ แต่ต้องประมวลเสนอไปยังกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งพร้อมที่จะรับฟังความเห็น ส่วนจะพิจารณาอย่างไร ถือเป็นสิทธิของกรรมาธิการฯ ไม่สามารถบอกได้
"ผมจะนำข้อเสนอต่าง ๆ ไปให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ให้รับทราบด้วย เพื่อพิจารณาร่วมกันต่อไป เพราะขั้นนี้ถือเป็นขั้นที่ 2 ของการรับฟังความคิดเห็นประชาชน องค์กรอิสระ คนที่ไม่เห็นด้วย ขอให้ติติงมา เชื่อว่า กรรมาธิการยกร่างฯ และ ส.ส.ร. ต้องการที่จะปรับปรุงแก้ไข แต่ผลจะออกมาอย่างไร ต้องดูเป็นขั้นตอนต่อไป" นายนรนิติ กล่าว
ต่อข้อถามว่า มีการตั้งสมมุติฐานหรือไม่ว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ผ่านจะทำอย่างไรหรือไม่ นายนรนิติ กล่าวว่า ไม่มีเรื่องดังกล่าว แต่ขณะนี้มีการตั้งสมมุติฐานเสร็จแล้วว่า ถ้าไม่ผ่าน จะมีคนอื่นเป็นคนทำ
"แม้ผมจะเป็นคนกลางในการทำหน้าที่ แต่ก็ไม่หนักใจ และสภาร่างรัฐธรรมนูญคงไม่จัดเวทีเพื่อพบกับนักการเมืองอีก เพราะครั้งนี้ถือว่าได้รับฟังความคิดเห็นแล้ว และหากใครมีอะไรที่จะเสนอแนะ ก็ส่งเป็นเอกสารได้" นายนรนิติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศในการประชุมหารือครั้งนี้ ส่วนใหญ่นายกรัฐมนตรีไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่เรียกให้ตัวแทนพรรคการเมืองเสนอแนะ และมีนายนรนิติเป็นคนชี้แจง
ครม.ยังหารือร่างรธน.ไม่เสร็จส่งสสร.สัปดาห์หน้า
นาย
ดังนั้นเบื้องต้นเป็นเพียงการรับทราบข้อคิดเห็นที่เสนอมา ส่วนการจะเสนอความเห็นของครม.จะขออภิปรายในครม.ครั้งหน้า ก่อนสรุปความเห็นเกี่ยวกับร่างรธน.จากที่ประชุมครม.ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่ารายละเอียดที่สำคัญคือเรื่องใด นายณัฐฐวัฒน์ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจถึงความเหมาะสมว่าควรจะเปิดเผยก่อนหรือไม่ เนื่องจากได้คาดการณ์ว่านายกฯ อาจจะเป็นผู้เปิดเผยเองภายหลังการหารือในรายละเอียดกับครม.ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามความเห็นที่ยังไม่สามารถสรุปได้เนื่องจากจะต้องมีการกลั่นกรองเพื่อให้ความเห็นเป็นมติจากที่ประชุมครม.
"คือความเห็นจากรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงทุกคนมีอิสระ แต่ว่าความเห็นที่จะออกไปในนามคณะรัฐมนตรี มันเป็นเรื่องที่จะต้องได้รับความเห็นพ้องของคนส่วนใหญ่ดังนั้นจึงไม่สามารถสรุปได้ในวันนี้"
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าจะยังไม่ส่งร่างดังกล่าวให้กับส.ส.ร.ใช่หรือไม่ นายณัฐฐวัฒน์ กล่าวว่า ยังพอมีกรอบเวลาในการดำเนินการเช่นเดียวกับหน่วยงานอื่น ๆ
ด้านนาง
เนื่องจากมีวาระที่เข้าพิจารณาในการประชุมจำนวนมาก โดยวันนี้ท่านนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการประชุมครม.ครั้งหน้าขอให้มีวาระเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อจะได้มีเวลาในการหารือเรื่องร่างรัฐธรรมนูญมากขึ้น
"บรรหาร"รับติงเลขาฯนายกฯต้องมีจดหมายเชิญ
นาย
กมธ.ไม่หนุนพระพุทธศาสนาประจำชาติ
การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญการปฎิรูปการเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนาย
ทั้งนี้มีทั้งส่วนที่เห็นร่วมกันและความเห็นต่างกันของรายบุคคล อย่างไรก็ตามในส่วนของคณะกรรมาธิการยกร่างฯอาจเกิดปัญหาเรื่องการยอมรับเพราะมีที่มาต่างจากการยกร่างรัฐธรรมนูญในปี 2540 ซึ่งอาจเกิดความหวาดระแวงจนกลายเป็นความกดดันในการร่างรัฐธรรมนูญ อาจโยงไปถึงรัฐธรรมนูญที่จะออกมาด้วย ทั้งนี้คณะกรรมาธิการฯดูภาพรวมของรัฐธรรมนูญแล้วเห็นว่า เหมือนว่ายังหาสาเหตุของวิกฤตของบ้านเมืองไม่เจอ
นายประพันธ์ กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้คณะกรรมาธิการฯได้มีข้อยุติในประเด็นใหญ่ๆดังนี้คือ เสนอให้ตัดรายละเอียดการกำหนดนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐออกให้เหลือเพียงเรื่องหลักๆเท่านั้น ,เสนอให้ตัดมาตรา 68 วรรค 2 เกี่ยวกับองค์กรแก้วิกฤตประเทศ , เสนอตัดมาตรา 14 ที่เกี่ยวกับองคมนตรีออกทั้งมาตรา ส่วนบทคุ้ม ครองสิทธิฯให้ไปกำหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญา ,ให้ตัดอำนาจประชาชนที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีต่อศาล, เสนอไม่ให้บัญญัติพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติเนื่องจากเห็นว่าไม่ได้ทำให้ศาสนามั่นคงตามเหตุผลที่กล่าวอ้าง
และเห็นว่าไม่ควรดึงศาลเข้าเกี่ยวข้องกับการเมืองมากเกินไปเพราะอาจมีส่วนได้ส่วนเสียทำให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปหาผลประโยชน์ทางการเมืองกับศาลได้ ส่วนประเด็นการกำหนดให้อัยการเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญอาจมีปัญหา เพราะอัยการเป็นทนายแผ่นดิน ซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล หากเกิดคดีความแล้วรัฐบาลขอให้เป็นที่ปรึกษากฎหมายอาจถือเป็นการแทรกแซงองค์กรอิสระได้
นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญการปฎิรูปการเมือง สนช. กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯจะประชุมเพื่อพิจารณาส่วนที่เหลือให้เสร็จภายในวันที่ 9 พ.ค.นี้ เพื่อสรุปส่งให้ที่ประชุมใหญ่ สนช.พิจารณาได้ในวันที่ 17-18 พ.ค. ซึ่งเป็นการฟังความเห็นก่อนสรุปรวบรวมเป็นความเห็นของสนช.ทั้งคณะเพื่อส่งไปยังคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญนำไปพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตามยังสมาชิกมีความเห็นแตกต่างจากกรรมาธิการฯอยู่บ้างซึ่งสามารถอภิปรายแสดงความเห็นในที่ประชุม สนช.ได้ โดยเฉพาะเรื่องการบัญญัติศาสนาประจำชาติที่คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สนช.มีมติให้บัญญัติพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
ซึ่งสนช.ยังสามารถเสนอความเห็นต่อที่ประชุมได้ ส่วนประเด็นที่มาของส.ว.ยังไม่ได้ข้อสรุปแต่เท่าที่รวบรวมความเห็นส่วนใหญ่ ไม่ให้สรรหาโดยตรง แต่อาจสรรหามา 2-3 เท่าแล้วให้ประชาชนเลือก ส่วนการเลือกตั้ง ส.ส.ถ้าไม่เหตุผลที่ดีกว่าเดิมก็ควรคงไว้ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 แต่ตัดฐานคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 5 เปอร์เซ็นต์ออกไป
อดีต3พรรคฝ่ายค้านอัดร่างรธน.ไม่เป็นปชต.
เช้าวันนี้(8พ.ค.) มีการประชุมอดีต 3 พรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ที่นำโดยนาย
นาย
ดังนั้นความเห็นนี้จะเป็นจุดร่วมที่แต่ละพรรคนำเสนอผู้เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อให้บ้านเมืองผ่านพ้นวิกฤต แต่การนำเสนอไม่ได้ผูกติดอยู่ที่การหารือกับนายกรัฐมนตรีในช่วงบ่ายวันนี้ (8 พ.ค.) เท่านั้น เพราะช่องทางที่ ส.ส.ร.รับความเห็นยังมีอีก 12 ช่องทาง ซึ่งเราสามารถนำเสนอความเห็นตรงไปยังส.ส.ร.เองได้
"ความเป็นห่วงของพวกเราคือ ถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาเพราะไปตั้งเป็นรายประเด็นเอาไว้ แล้วต้องตอบคำถามว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้จุดสำคัญ คือ เราต้องการให้เป็นกติกาที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งถ้าเป็นประชาธิปไตยแล้ว ทุกอย่างก็ง่ายในวันข้างหน้า จึงขอให้ยึดหลักทำให้เป็นมาตรฐานที่เป็นประชาธิปไตยก่อน"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นาย
ส่วนการกำหนดให้พรรคการเมืองไม่สามารถเสนอนโยบายของตัวเองได้นั้น คงเป็นไปไม่ได้ หรือแม้แต่เรื่องกำหนดให้อัยการเป็นองค์กรอิสระนั้น ก็อาจจะเกิดปัญหาในกรณีถ้ารัฐบาลมีปัญหาแล้ว ใครจะเป็นทนายของแผ่นดิน รวมทั้งวิธีการเลือกตั้งก็ไม่กำหนดให้ชัดเจน แต่กลับโยนไปให้อยู่ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่ต้องใช้เวลาในการร่างในขณะที่เวลาเหลือน้อย อาจทำให้การเลือกตั้งก็ต้องถอยร่นไปถึงปี 2551
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเดินทางไปร่วมประชุมกับนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงบ่ายของวันนี้(8 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้รับปากไปแล้ว จึงต้องเดินทางไป ขณะที่พล.ต.
ด้านนายบรรหาร กล่าวว่า คงต้องการหารือระหว่างกรรมการบริหารพรรคชาติไทยอีกครั้งว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะเพิ่งได้รับติดต่อทางโทรศัพท์มาเมื่อเช้า และหนังสือเชิญที่เพิ่งส่งโทรสารไปที่พรรคชาติไทย ลงเวลา 09.34 น. แต่หนังสือเชิญลงวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่กลับส่งมาเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา จึงไม่รู้ว่ามาอย่างไร อย่างนี้คนทำงานต้องปลดให้หมดทุกคน ทั้ง 3 พรรคก็เพิ่งได้รับเดี๋ยวนี้
"ถ้าพูดถึงรูปแบบการทำงานว่ารัฐบาลชุดนี้ทำงานเป็นหรือเปล่า ผมตอบไม่ได้ เดิมทีเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ว่าวันอังคาร รัฐบาลจะเชิญไปประชุม เดิมทีผมนัดประชุม 3 พรรคในช่วงบ่ายเหมือนกัน ก็เลื่อนมาเป็นเวลา 09.30 น. หลังจากนั้นก็รอโทรศัพท์และดูทางสื่อว่ารัฐบาลเชิญมาหรือไม่ เสาร์-อาทิตย์ ผมเช็คแล้วก็ไม่เห็นมี จึงคิดว่าเรื่องไม่จริง ในการเข้าเฝ้าในวันฉัตรมงคล ผมพบกับนายกฯก็ไม่พูดสักคำ จึงคิดว่าเขาคงไม่เชิญ แต่สื่อเขียนไปเอง จนมาเมื่อเช้า รองเลขาธิการนายกฯโทรศัพท์มาหาผม ผมก็เลยอัดใส่เขาไป 2 กระบุง ใส่ไปถึงเลขาธิการนายกฯด้วยว่า พวกคุณทำงานอย่างนี้ นายกฯเสียหาย เรื่องใหญ่ ๆ อย่างนี้มีเจตนาจะเชิญพรรคการเมือง ก็ต้องทำเป็นเรื่องเป็นราว ออกสื่อแล้ว ก็ต้องโทรศัพท์มาด้วย ถ้าจะมาบอกว่าติดต่อหัวหน้าพรรคชาติไทยไม่ได้ 3-4 วันอย่างนี้ ก็ต้องเลิกเป็นรัฐบาลแล้ว แสดงว่าผมไม่อยู่หนีไปอยู่อังกฤษแล้วหรือ ผมตัดสินใจไม่ไปตั้งแต่เมื่อวาน เพราะคิดว่าไม่มี เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องหารือกันที่พรรคก่อน แต่ต้องบอกตรง ๆ ว่ารัฐบาลแย่ ถ้านายกฯมีคนทำงานอย่างนี้ แย่แน่ ๆ เรื่องใหญ่ ๆ ยุ่งแน่ ๆ เพราะเรื่องนัดกันแค่นี้ยังไม่เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ได้สติเลย " นายบรรหาร กล่าว
ที่มา: http://www.komchadluek.net