Skip to main content
sharethis


17 มิ.ย.48 ได้เกิดคดีสะเทือนขวัญจนเป็นข่าวครึกโครมไปทั้งประเทศ เมื่อ "พระสุพจน์ สุวโจ" พระนักกิจกรรมในกลุ่มเสขิยธรรม กลุ่มพุทธทาสศึกษา และเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์สวนเมตตาธรรม ได้ถูกฆาตกรรมจนมรณภาพอย่างโหดเหี้ยม ในสถานปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรม บ้านห้วยงู ต.สันทราย อ.ฝาง จ. เชียง ใหม่ แพทย์ระบุว่า มรณภาพมาไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง โดยถูกของมีคมฟันเป็นแผลฉกรรจ์เกือบทั่วร่าง


 


การฆาตกรรมพระสุพจน์ในครั้งนั้น ผู้ใกล้ชิดได้มีการตั้งปมสาเหตุและฟันธงว่า เกี่ยวโยงกับปัญหาความขัดแย้งการแย่งชิงทรัพยากรฯ ที่ดินในเขตพื้นที่อำเภอฝางอย่างแน่นอน ซึ่งถือเป็นปมปัญหาที่รุนแรงหนักขึ้นทุกขณะ โดยเฉพาะกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น นายทุนที่เข้ามากว้านซื้อที่ดิน กระทั่งมีการข่มขู่คุกคาม โดยเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้สนใจเข้ามาแก้ไข จนทำให้พวกนายทุนฮึกเหิมได้ใจและใช้ความรุนแรงอย่างอุกอาจเช่นนี้


 


ทว่าคดีดังกล่าว หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกลับมีการพยายามปัดความรับผิดชอบโดยกล่าวอ้างว่า เป็นเพียงคดีความขัดแย้งและถูกฆาตกรรมสามัญธรรมดา จนญาติผู้เกี่ยวข้องของพระสุพจน์ต้องร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานเพื่อเข้ามาร่วมคลี่คลายคดีนี้ กระทั่งคดีได้ถูกโอนเข้าไปให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับผิดชอบ


 


แต่จนถึงบัดนี้ ใกล้ครบรอบ 2 ปี แห่งการจากไปของพระสุพจน์ คดียังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด


ล่าสุด "ประชาไท" ได้สัมภาษณ์ "พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ" ประธานมูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ ถึงความล้มเหลวของดีเอสไอ กับคดีพระสุพจน์ สุวโจ


 



พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ


ประธานมูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์


 


0 0 0 0 0


 


ความคืบหน้าของคดีฆาตกรรมพระสุพจน์ในความดูแลของกรมสอบสวนคดีพิเศษ


(ดีเอสไอ) ขณะนี้ไปถึงไหนแล้ว?


 


หลังจากรัฐประหาร ทางดีเอสไอได้เดินทางเข้ามาตรวจที่เกิดเหตุหาหลักฐานที่กุฏิพระสุพจน์ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2549 หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกัน หนำซ้ำเบี้ยเลี้ยงของ ตร.กองปราบที่มาคุมพยาน 2 นายซึ่งได้ถูกขอให้มาช่วยราชการดีเอสไอ และมาปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองพยาน ก็ยังไม่ได้รับตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ได้นำเงินส่วนนั้นไปหาประโยชน์หรือเปล่า หรือขัดข้องอะไรซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อมีการสอบถามไปก็อ้างว่า เจ้าหน้าที่การเงินลาพักผ่อนบ้าง ทำเรื่องหายบ้าง แสดงให้เห็นว่าการทำงานของดีเอสไอไม่มีประสิทธิภาพ และไม่มีความรับผิดชอบ


 


แต่ขณะเดียวกันก็เรียกร้องขอความร่วมมือให้ญาติและผู้เกี่ยวข้องไม่ให้ข่าวกับนักข่าว ไม่ให้ข้อมูลในบางประเด็นอ้างว่าจะมีผลเสียหายกับรูปคดี แต่เมื่อญาติให้ความร่วมมือในการไม่ให้ข่าวกับสื่อ ก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้น จึงเป็นการเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่พวกนี้ละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ กลายเป็นว่าช่วยให้รับเงินเดือนโดยไม่ได้ให้เกิดความคืบหน้าอะไร


 


 


ตอนนี้ทางญาติพระสุพจน์ ยังมีหวังกับหน่วยงานรัฐมากน้อยเพียงใดกับการคลี่คลายคดี?


 


ในส่วนของญาติ ตอนนี้คงไม่ได้มีการคาดหวังอะไรจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเรียกได้ว่าพวกเขาหมดหวังจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อ้างตนว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญชำนาญการเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งถ้าเป็นรัฐบาลก่อนหน้านี้อาจอ้างว่าอาจจะเป็นเรื่องทางการเมืองมีอำนาจทางการเมืองเข้ามาครอบงำ แต่พอเปลี่ยนขั้วอำนาจแล้ว กลับเหมือนเดิมหรือยิ่งกว่าเดิม


 


ดังนั้นเมื่อถามว่า ทางญาติมีความคาดหวังอะไรกับหน่วยงานของรัฐเหล่านี้ไหม คือขอให้ทำงานตามหน้าที่ได้รับมอบหมายหรือตามที่ได้ปฏิญาณตัวไว้ก่อนเข้ารับราชการแล้วคงไม่เรียกร้องอะไรมากกว่านั้น    แต่ถ้าพูดกันจริงๆ แล้วก็คือ มันหมดหวัง ไม่มีความหวังที่จะเห็นความยุติธรรมเกิดขึ้น หมดหวังที่จะเห็นคนทำผิดถูกจับคุมตัวมาดำเนินคดี


 


เพราะว่านอกเหนือจากจะไม่มีการจับคุมใด ๆ แล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้าที่จะแถลงอย่างเป็นทางการ ทั้ง ๆ ที่คดีนี้เป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอย่างกว้างขวาง และหน่วยงานองค์กรต่างประเทศ และหน่วยงานในประเทศไทย องค์กรภาคเอกชน หรือองค์กรที่เกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชน แทบทุกองค์กรให้ความสนใจกับประเด็นนี้ แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า


 


สรุปสั้นๆ ก็คือ เราจะหวังอะไรได้จากหน่วยงานที่ไร้น้ำยา อย่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ


 


 


ในส่วนรัฐบาลของพลเอกสุรยุทธ์ ได้มีส่วนเน้นย้ำหรือให้ความสำคัญกับคดีนี้หรือไม่?


 


รัฐบาลของคุณสุรยุทธ์นั้น เป็นรัฐบาลชั่วคราว ถึงจะไม่ได้ตระหนักว่าเป็นรัฐบาลชั่วคราวและมีการแถลงเรื่องนโยบาย แถลงยุทธศาสตร์ออกมามากมาย แต่ก็เป็นเพียงลมปากของคนที่ยังไม่ประสีประสาต่อการเมือง แล้วก็คาดว่าการทำอย่างนั้นจะได้รับการยอมรับจากประชาชน โดยถือเป็นการดูถูกประชาชนก็ว่าได้ เพราะความจริงประชาชนเองมีความเข้าใจต่อระบอบประชาธิปไตย เข้าใจต่อขั้นตอนของระบอบประชาธิปไตยว่าควรจะคืบหน้าอย่างไร ประชาชนมีความก้าวหน้ามากกว่ารัฐบาลฤาษีเลี้ยงเต่ามาก 


 


เพราะฉะนั้น ตอนนี้รัฐบาลไม่มีเวลาที่จะมาให้ความสนใจต่อคดีพระสุพจน์ หรือคดีอย่างอื่น ๆ ที่เป็นลักษณะการกระทำต่อนักต่อสู้สิทธิมนุษยชนอื่น ๆ เพราะรัฐก็มีปัญหาการเมืองรุมเร้า และรัฐเองก็ทำงานในลักษณะลิงติดแห ซึ่งก็คงทำอะไรไม่ได้มาก


 


ดังนั้น ก็มีความคาดหวังอย่างเดียวว่า ถ้าเกิดบรรยากาศประชาธิปไตยขึ้นอีกครั้งในประเทศไทย รัฐที่มาจากการเลือกตั้งที่มีความตระหนักต่อภาระหน้าที่ ตระหนักต่อความรับผิดชอบต่อการเป็นผู้มีอำนาจรัฐอยู่ในมือเพื่อใช้บริหารบ้านเมือง ที่เขาจะมาเห็นความสำคัญซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่


 


 


แต่ดูเหมือนว่าแนวโน้มอาจจะมีการสืบทอดอำนาจทางการเมือง?


 


ใช่ เพราะถึงตอนนี้แนวโน้มของการสืบทอดอำนาจ หรือแนวโน้มของความวุ่นวายทางการเมืองก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง พูดง่ายๆ ก็คือ พระสุพจน์ ก็เป็นหนึ่งในคนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านของสังคม จากรูปแบบอย่างหนึ่งไปสู่รูปแบบอีกอย่างหนึ่ง และผลของการเป็นเหยื่อนี้ก็คือ ความเจ็บปวด ความสูญเสีย และก็ไม่มีการเยียวยาใด ๆ เป็นผู้รับชะตากรรม ในทางสังคมเช่นเดียวกับคนที่มีจิตสาธารณะ หรือคนที่มีความเป็นห่วงเป็นใยต่อบ้านเมืองอีกหลายคน คือตายเปล่า แล้วอีกไม่นานก็ลืม


 


 


มองกระบวนการยุติธรรมของไทยตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?


 


การเกิดเรื่องพระสุพจน์ขึ้นมา ก็ได้มีโอกาสสัมผัสกับผู้คนและหน่วยงานในแวดลงยุติธรรมหลายแวดวง ได้สัมผัสกับ ตำรวจ อัยการ เข้าไปอยู่ในบรรยากาศในการพิจารณาคดีของศาล เกี่ยวข้องกับกรมการสิทธิมนุษยชน กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคุ้มครองพยาน องค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิทธิมนุษยชน


 


พูดได้ว่า แม้ว่าภาคประชาชนจะมีความมุ่งมั่น ในการที่จะต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิมนุษยชน แต่ถ้าภาครัฐยังไม่มีความตระหนัก ยังไม่มีความสำเนียก และมีศักยภาพเพียงเท่านี้ ก็จะเป็นการยากที่บ้านเมืองจะไปให้พ้นจากรับอบอุปถัมภ์ หรือไปให้พ้นจากระบบที่มีผู้มีอิทธิพล ผู้มีอำนาจ ผู้มีเงินจะมาครอบงำสังคม ยังอยู่ในสภาพของคนมีอิทธิพล คนมีอภิสิทธิ์จะเป็นชนชั้นที่มีความสะดวกสบายและก็ได้รับความเป็นธรรมเท่านั้น คนธรรมดาชั้นล่างคนที่ด้อยโอกาสก็ไม่น่ามีหวังที่จะได้รับความยุติธรรมใด ๆ


 


ถ้าคดีของเจริญ วัดอักษร คดีนายสมชาย นีละไพจิตร คดีพระสุพจน์ สุวโจ ยังได้รับการปฏิบัติจากรัฐอย่างนี้แล้ว ได้รับผลอย่างนี้ คดีของตาสี ตาสา ยายมี ยายมา หรือคนที่ถูกรัฐหรือทุน หรือคนของรัฐ หรือคนของทุนเข้าไปย่ำยีก็จะยังมีหวังอะไรอีก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net