สุดขอบโลกแล้วเจออะไร? - Pirates of the Caribbean 3

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

ซาเสียวเอี้ย

 

ตำนาน "โจรสลัด" แห่งคาบสมุทรยุคโบราณ เป็นจินตนาการที่ถูกนำมาขายบนแผ่นฟิล์มซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่อาจจะพบกับความล้มเหลวไปบ้างในยุค 90"s ที่หนังโจรสลัดหลายเรื่องประสบภาวะขาดทุนอย่างแรงเมื่อนำออกฉาย

 

องค์ประกอบของหนังโจรสลัดตามขนบของฮฮลลีวู้ดในยุคก่อน จำเป็นต้องมีการผจญภัยของตัวเอกที่ต้องต่อสู้กับตัวร้ายเพื่อแย่งชิงสมบัติหรือห้ำหั่นกันเพื่ออำนาจอะไรบางอยาง บางครั้งหนังแนวนี้จึงถูกจำแนกให้อยู่ในข่ายของหนังแฟนตาซี อันเป็นหนังที่มีไว้เพื่อเติมเต็มจินตนาการส่วนที่ขาดหายของผู้คน

 

แต่เมื่อถึงยุคหนึ่ง มนต์ขลังของโจรสลัดเสื่อมสลายลง เช่นเดียวกับการต่อสู้และการตามล่าหาขุมสมบัติกลายเป็นมุขเก่าๆ ที่ไม่น่าตื่นเต้นเสียแล้ว

 

จนกระทั่งหนังแนวผจญภัยเกี่ยวกับโจรสลัดที่ชื่อ Pirates of the Caribbean ภาคแรก (Curse of the Black Pearl) ออกฉายในปี 2003 โดยฝีมือของผู้กำกับ Gore Verbinski ก็กลายเป็นหนังที่ทำเงินถล่มทลายถึง 600 ล้านดอลล่าร์จากการฉายทั่วโลก

 

ภาคต่อที่ออกฉายเมื่อปีที่แล้วคือ Dead Man"s Chest ยิ่งทำเงินเพิ่มขึ้นเกือบทวีคูณ คือ 1 พันล้านดอลล่าร์ เมื่อภาคสุดท้ายอย่าง At World"s End ออกฉาย มันก็เลยกลายเป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่นักดูหนังต่างรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ

 

แต่คำถามก็คือว่า-อะไรทำให้หนังโจรสลัดที่ซบเซาไปนานกลับกลายมาเป็นหนังยอดนิยมอีกครั้งหนึ่ง?

 

 

เมื่อครั้งที่ ฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) ปรมาจารย์ผู้สร้างสรรค์อนิเมชั่น 2 มิติแห่งประเทศญี่ปุ่น ถูกสื่อตะวันตกเรียกขานว่าเป็น "วอลท์ดิสนีย์แห่งเอเชีย" ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยปลื้มกับฉายานี้สักเท่าไหร่

 

หลังจากนั้นไม่นาน มิยาซากิได้ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกในกรณีนี้ว่า "ในความเห็นของผม บางครั้งวอลท์ดิสนีย์ก็ดูถูกคนดูเกินไป"

 

ความหมายของมิยาซากิ อาจจะหมายถึงภาพยนตร์และการ์ตูนอนิเมชั่นที่ผ่านกระบวนการผลิตและดูแลสร้างสรรค์ภายใต้ยี่ห้อ "วอลท์ดิสนีย์พิกเจอร์" ส่วนใหญ่มักจะมีกรอบวางไว้ให้เดินตามอยู่แล้ว เนื้อหาที่ถูกพูดถึงส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะอยู่เหนือความคาดหมายของคนดู และคล้ายๆ ว่าตัวละครของวอลท์ดิสนีย์ส่วนใหญ่มีแค่สีขาวกับสีดำเท่านั้น

 

ในทัศนะของนักวิจารณ์ หนังของวอลท์ดิสนีย์จึงถูกแปะฉลากว่าเป็น "หนังครอบครัว" ปลอดจากประเด็นการเมือง และประเด็นล่อแหลมทั้งปวง การจำกัดเรตหนังของวอลท์ดิสนีย์ส่วนใหญ่จึงได้แก่ G หรือ PG ซึ่งถือเป็นเรตที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคนดูทุกเพศทุกวัย

 

ถ้าจะคล้อยตามคำพูดของฮายาโอะ มิยาซากิ หนังของวอลท์ดิสนีย์ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเปิดโอกาสให้คนดูได้คิดอะไรด้วยตัวเองจริงๆ ด้วย ผู้ร้ายก็ร้ายให้เห็นกันจะๆ ในขณะที่ตัวเอกก็จะยึดมั่นในคุณธรรมความดีและต่อสู้จนกระทั่งได้มาซึ่งชัยชนะ...

 

แต่เมื่อมาถึงยุคของกัปตัน"แจ๊ค สแปโรว์" (Johnny Depp) ใน Pirates of the Caribbean ทั้งสามภาค คงต้องบอกว่าภาพลักษณ์ของโจรสลัดเช่นนี้แตกต่างจากสูตรสำเร็จแบบเดิมๆ ของวอลท์ดิสนีย์อยู่พอสมควร และดูเหมือนว่าผลงานกำกับหนัง "เพื่อความบันเทิง" ของผู้กำกับเวอร์บินสกี้ เริ่มมีข้อความอะไรบางอย่างแทรกมาด้วย

 

ในหนังเรื่องนี้ทั้งสามภาค เราจะได้เห็นตัวละครที่เคยถูกแบ่งแยกประเภทแบบ "ขาวกับดำ" เริ่มมีสีสันมากขึ้น เหมือนอย่างที่ แจ๊ค สแปโรว์ เป็นโจรสลัดผู้ไม่อยู่กับร่องกับรอย กะล่อนจนลื่นยิ่งกว่าปลาไหลทะเล แต่เขาก็เป็นตัวละครที่คนดูคาดเดาไม่ได้ และทำใจให้เกลียดไม่ลงเป็นอันขาด

 

ทางด้าน "ผู้ร้าย" ที่แต่ไหนแต่ไรมาก็ตั้งหน้าตั้งตาร้ายอย่างเดียว เริ่มมีแง่มุมอื่นๆ โผล่ออกมาให้เห็นบ้าง ตัวละครที่เป็นโจรสลัดชั้นลูกกระจ๊อก แต่ทำให้คนดูขำได้ทุกทีถูกใส่เข้ามาในฉาก เพื่อลดทอนความน่าเกลียดน่าชังของเหล่าโจรสลัดหน้าตาน่ากลัวทั้งหลาย

 

ส่วนตัวละครหลักอื่นๆ อย่างวิล เทอร์เนอร์ (Orlando Bloom) ชายหนุ่มช่างตีเหล็กที่จับพลัดจับผลูมาเป็นโจรสลัดเพื่อช่วยเหลือคนรักและพ่อบังเกิดเกล้า ก็ถือเป็นตัวละครที่มุ่งมั่น และมีไว้ถ่วงดุลกับความขาดๆ เกินๆ ของกัปตันแจ๊คได้ดี

 

ในขณะที่ อลิซาเบธ สวอนน์ (Keira Knightly) ลูกสาวคหบดีที่รักการผจญภัย สามารถสร้างสีสันให้กับหนังด้วยบทบาทของวีรสตรีที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ชายได้อย่างไม่น้อยหน้า ต่างจากหญิงสาวในหนังโจรสลัดส่วนใหญ่ที่มักจะถูกจำกัดให้อยู่ในฐานะ "ตัวประกัน" หรือ "ภาระทางใจ" ที่พระเอกต้องบุกไปช่วยอยู่เรื่อยๆ (บทบาทตัวประกันสำหรับอลิซาเบธ สวอนน์ มีให้เห็นเพียงภาคแรกภาคเดียว ต่อจากนั้น เธอก็กลายเป็นโจรสลัดหญิงเต็มตัวไปในภาคต่อๆ มา)

 

การต่อสู้ในภาคแรกของ Pirates of the Caribbean เกิดขึ้นเพื่อปลดปล่อยแจ๊ค วิล และอลิซาเบธ ให้หลุดพ้นจากคำสาปของเหรียญทองแอซเทค ในขณะที่ภาคสอง แจ๊คและลูกเรือ (ซึ่งรวมถึงวิลและอลิซาเบธ) ต้องต่อสู้กับกัปตันเรือปีศาจ ซึ่งผลของมันเกิดจากการที่แจ๊คไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้

 

ด้านมืดของตัวละครจึงถูกเผยให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นความโลภ การโกหก ทรยศหักหลัง ทำให้เส้นแบ่งระหว่างความดีกับความเลวของผู้ร้ายและพระเอกเริ่มจางลง

 

"โจรสลัดแห่งคาริบเบียน" จึงกลายเป็นหนังครอบครัวของวอลท์ดิสนีย์เรื่องแรกๆ ที่ติดเรต PG 13 ซึ่งถือว่ามีความรุนแรงเพิ่มจากเรตหนังของวอลท์ดิสนีย์ทั่วไป อันได้แก่ G และ PG ที่ปกติจะดูได้ทุกเพศทุกวัย

 

 

ใน At World"s End ลอร์ดคัทเลอร์ เบคเก็ต (Tom Hollander) มีบทบาทสำคัญอย่างที่สุดในภาคนี้ หลังจากที่โผล่มาเป็นน้ำจิ้มนิดๆ หน่อยๆ ในสองภาคที่ผ่านมา เพราะในภาคนี้เองที่เขายึดกุมอำนาจจาก "เดวี โจนส์" (Bill Nighy) กัปตันเรือปีศาจ Flying Dutchman ที่เคยเป็นศัตรูอันน่าเกรงขามอย่างยิ่งใน Dead Man"s Chest

 

ลอร์ดคัทเลอร์ยึดครองหัวใจของเดวี โจนส์ได้ จึงนำเงื่อนไขนี้มาต่อรองให้ปีศาจแห่งท้องทะเลใช้อำนาจควบคุมธรรมชาติ ช่วยอำนวยความสะดวกในการขยายเส้นทางเดินเรือเพื่อประกอบธุรกิจให้แก่เขา

 

ความสนุกของการดู Pirates of the Caribbean จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวละครที่มีสีสัน และฉากเอฟเฟกต์อันตระการตาเพียงอย่างเดียว แต่การตีความเรื่องการต่อสู้ของโจรสลัดกับชายผู้มีทั้งอำนาจรัฐและมีธุรกิจอยู่ในมือก็น่าสนุกสนานและน่าสนใจไม่แพ้กัน

 

ถ้าหากจะย้อนกลับไปมองความเป็นมาของบรรดาโจรสลัดที่เกิดขึ้นในโลกจริงๆ ใบนี้ ก็จะพบว่ายุคทองของโจรสลัดเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ "ยุคล่าอาณานิคม" เกิดขึ้นและดำรงอยู่เช่นกัน

 

การที่โจรสลัดแพร่ระบาดในยุคล่าอาณานิคมจึงไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญ แต่น่าจะเป็นเพราะว่า ยิ่งมีแรงบีบมากเท่าไหร่ ก็ย่อมจะมีแรงต้านตามมามากเท่านั้น

 

ในอดีต ทั้ง 9 คาบสมุทรที่ถูกพูดถึงในหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นมหาสมุทรแปซิฟิก, แคริบเบียน, แคสเปียน, อเดรียติก, แอตแลนติก, เมดิเตอร์เรเนียน ฯลฯ มีกลุ่มโจรสลัดดักซุ่มโจมตีเรือขนส่งสินค้าและเรือของประเทศต่างๆ เพื่อนำข้าวของและทรัพย์สินที่ได้ไปใช้ รวมทั้งเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัย 4 อื่นๆ โดยที่ประเทศมหาอำนาจในเวลานั้นอาจจะไม่ทันได้รับรู้ด้วยซ้ำไปว่าเรือที่ส่งออกไปแล่นในน่านน้ำต่างๆ ต้องเจอกับอะไรบ้าง

 

ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ ผู้กำกับเวอร์บินสกี จงใจสร้างความน่ากลัวให้กับตัวร้ายของทั้งสองภาค (ที่เป็นโจรสลัดทั้งคู่) เพียงเพื่อจะมาทำลายล้างความน่ากลัวอันนั้นลงไปในภาคสุดท้าย ซึ่งผู้ที่น่ากลัวยิ่งกว่ากัปตันอมนุษย์และกัปตันเรือปีศาจ เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาอย่างลอร์ดคัทเลอร์ เบคเกตที่เชื่อมั่นว่า "ในโลกนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการทำธุรกิจ!"

 

เขาจึงทำได้ทุกอย่าง ด้วยวิธีการที่ "สกปรก" ไม่แพ้โจรสลัดผู้ไม่เคยมีสัจจะในหมู่โจรเลย

 

ท่ามกลางน่านน้ำกว้างใหญ่ เรือของลอร์ดเบคเกตที่แล่นไปในนาม "บริษัทอีสต์อินเดีย" เป็นเสมือนเรือแห่งทุนนิยมและบริโภคนิยมที่แล่นไปทั่ว และพยายามสร้างแสนยานุภาพให้ใครต่อใครสยบยอม

 

แต่ก็ไม่ใช่เรือทุกลำที่จะยอมก้มหัวให้ โดยเฉพาะเรือของเหล่าบรรดาโจรสลัดนอกกฎหมายที่ไม่ต้องการเห็นท้องทะเลถูกครอบครองโดยคนเพียงหยิบมือเดียว...

 

ฉากหนึ่งที่ติดตาเป็นพิเศษ คือ ตอนที่ลอร์ดคัทเลอร์เดินอยู่บนเรือ หลังจากที่เขากล่าวประโยคสุดท้ายว่า-ทั้งหมดที่ทำมาเป็นเรื่องธุรกิจล้วนๆ หลังจากนั้น ทุกที่ที่เขาเดินผ่าน หรือทุกที่ที่เขาสัมผัส ล้วนถูกระเบิดจนพังทลายไปถ้วนหน้า...

 

000

 

แวดวงหนังไทยยุคหนึ่งเคยมีเรื่องราวของบรรดา "เสือ" หรือ "ขุนโจร" ผู้อยู่นอกฎหมาย แต่สามารถยึดครองพื้นที่ภายในจิตใจของชาวบ้านร้านตลาดได้อย่างเหนียวแน่น อาจเพราะ "ความไม่ชอบมาพากล" บางอย่างได้เกิดขึ้นกับโครงสร้างของการอยู่ร่วมกันในสังคม เช่น การดำรงอยู่ของผู้มีอิทธิพลซึ่งคอยแต่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากหยาดเหงื่อแรงงานของชนชั้นที่มีความเป็นอยู่ทางสังคมต่ำกว่า

 

เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย การที่ใครสักคนลุกขึ้นมาต่อต้าน-ออกอาการขบถ และแนวคิดประเภท "ปล้นคนรวย เพื่อช่วยเหลือคนจน" จึงได้รับความนิยมอย่างมากในยุคที่ชาวบ้านไม่อาจต่อรองกับอำนาจหรือผู้มีอิทธิพลที่กดทับจนคนเล็กคนน้อยไม่มีโอกาสหายใจ

 

ตำนานโจรสลัด ที่จริงแล้วอาจเป็นตำนานของอนารยชนที่สู้รบแบบกองโจรเพื่อต่อต้านการปักเขตอาณานิคมของมหาอำนาจ หรืออย่างเลวที่สุด โจรสลัดเหล่านั้นก็ยังมีโอกาสได้สร้างความจรรโลงใจให้ผู้ที่ถูกกดขี่รู้สึกว่า หากพวกเขาลุกขึ้นสู้ ก็อาจเป็นไปได้ว่าจะมีสถานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น…

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท