วิทยากร บุญเรือง
ขึ้นชื่อว่า "รัฐบาลเผด็จการ" ที่ได้อำนาจมาอย่างไม่ชอบธรรมนั้น ความเกรงกลัวว่าประชาชนจะลุกฮือขึ้นต่อต้านย่อมมีอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น การ "ปิดหู ปิดตา ประชาชน" ด้วยการใช้อำนาจที่ตนเองมีอยู่ ย่อมเป็นสิ่งที่ "รัฐบาลเผด็จการ" ทุกแห่งหนในโลกพึงกระทำพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ล่าสุด รัฐบาลเผด็จการปากีสถาน ก็ออกมาตรการ "ปิดหู ปิดตา ประชาชน" ออกมาเพิ่มขึ้นแล้ว
ศึกครั้งเก่าก่อน ของท่านนายพลมูชาร์ราฟ
นายพลเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ (Pervez Musharraf) ก่อรัฐประหารขึ้นเมื่อปี 1999 ครั้งนั้นทั่วโลกจดจำได้ว่ามันคือการก่อรัฐประหารที่ไม่เสียเลือดเสียเนื้อ (Bloodless Coup) แต่หลังจากนั้น เลือดของประชาชนที่หยดบนท้องถนนก็เริ่มไหลรินเรื่อยๆ
วันที่ 8 มี.ค. 50 แทบที่จะไม่มีใครในปากีสถาน ไม่รับรู้ถึงเรื่องการเดินขบวนครั้งใหญ่ของประเทศ เป็นการออกมารณรงค์แสดงความไม่พอใจต่อการปกครองโดยรัฐบาลเผด็จการทหารที่นำโดยนายพลเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ
ต่อจากนั้น 1 วัน เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 50 ประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ ก็ได้ปลด นายอิฟติคาร์ มูฮัมหมัด ชอร์ดรี้ (Iftikhar Muhammad Chaudhry) ประธานศาลสูงสุดของปากีสถาน (Supreme Court of Pakistan) ออกจากตำแหน่ง
จากนั้นสถานการณ์การเมืองของปากีสถานในช่วง 3 เดือนต่อมาก็ดำเนินไปสู่ภาวะวิกฤติ แต่เป็นวิกฤติสำหรับรัฐบาลเผด็จการทหารของประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ
กลุ่มขบวนการสื่อมวลชนของปากีสถาน เป็นพลังมวลชนอีกสายหนึ่งที่เข้าสมทบกับ ประชาชน และ ฝ่ายนักกฎหมาย ในการออกมารณรงค์ขับไล่เผด็จการทหาร เปอร์เวซ มูชาร์ราฟ (Pervez Musharraf) โดยสื่อมวลชนหลายรายต้องถูกจับกุมในยุคมืดของปากีสถานตั้งแต่มูชาร์ราฟขึ้นมามีอำนาจ ล่าสุด ปิดสถานีโทรทัศน์ของเอกชนที่เสนอข่าววิจารณ์การทำงานของรัฐบาล รวมถึงมีการออกกฎหมายควบคุมสื่ออย่างเข้มข้น
(ที่มาภาพ : AP Photo/Mohammad Zubair)
ความรุนแรงได้สะท้อนเข้ากลับหาผู้ต่อต้านประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 50 ที่ผ่านมา เกิดการปะทะกันระหว่างฝ่ายผู้สนับสนุนประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์ราฟและฝ่ายต่อต้าน ที่เมืองการาจี (
ซึ่งผลก็ออกมาในรูปความสูญเสียของภาคประชาชนที่ต่อต้านมูชาร์ราฟกว่า 40 ศพ และบาดเจ็บมากกว่า 200 คน ฝ่ายสนับสนุนมูชาร์ราฟที่ก่อความรุนแรงนั้น มีทั้งคนจากกองทัพและมวลชนขวาจัดอย่างพรรค MQM โดยพรรค MQM เป็นพรรคที่มีฐานเสียงอยู่ในเมืองการาจี ซึ่งมีวิธีการจัดองค์กรแบบฉบับฟาสซิสต์ (Neo Fascist organization) อย่างเข้มแข็ง
และว่ากันว่า MQM เป็นพรรคที่ได้รับผลประโยชน์และเป็นฐานต่อสู้สำคัญร่วมกับกองทัพปากีสถาน เพื่อหนุนให้มูชาร์ราฟมีอำนาจต่อไปเรื่อยๆ เท่าที่จะเรื่อยๆ ได้ ;-)
แต่ใช่ว่ามวลชนผู้รักประชาธิปไตยและความเป็นธรรมที่ปากีสถานจะยอมแพ้ง่ายๆ เพราะหลังเหตุความรุนแรงที่การาจี 2 วันถัดนั้น เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 50 เกิดการรวมตัวของกลุ่มประชาชนนัดหยุดงานประท้วง ซึ่งรวมตัวกันอย่างหลวมๆ เพื่อต่อต้านรัฐบาลทหารและพรรค MQM
การนัดหยุดงานประท้วงนี้มีคนร่วมนับหมื่นคน และเป็นการนัดหยุดงานครั้งแรกที่เกิดจากเหตุผลทางด้านการเมือง ในรอบ 7 ปีที่มูชาร์ราฟขึ้นมามีอำนาจ ตั้งแต่ปี 2542
โรคจอมืด ... กับการเปิดศึกครั้งใหม่
จวบจนถึงเหตุการณ์ล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 มิ.ย. 50) สถานีโทรทัศน์เอกชน 2 แห่ง ถูกทำให้จอมืดลง หลังจากที่ทั้ง 2 สถานี วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเผด็จการทหารและเสนอข่าวมวลชนที่เดินขบวนสนับสุนนนายอิฟติคาร์ มูฮัมหมัด ชอร์ดรี้ อดีตประธานศาลสูงสุด ปรปักษ์คนสำคัญของมูชาร์ราฟ
ต่อจากนั้น วันจันทร์ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.50) มูชาราฟได้ออกมาตรการใหม่ในการควบคุมทิศทางการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนในปากีสถานให้มากขึ้นอีก ทั้งยังได้ครอบคลุมถึงสื่ออินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ
มาตรการนี้ คือการควบคุมสื่อไม่ให้เสนอข่าวรัฐบาลเผด็จการทหารในแง่ลบ รวมถึงการพิจารณาจะไม่ออกใบอนุญาตให้กับสื่อของนายทุนข้ามชาติ และสื่อขององค์กรพัฒนาเอกชน
โดยมาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ทันที นับตั้งแต่แจ้งแก่ประชาชนทราบไปแล้ว และหากสื่อรายใดที่ออกนอกลู่นอกทางจากมาตรการนี้ จำจะต้องถูกทำให้จอมืดและปิดตัวลงไป ตามอำนาจของรัฐบาลเผด็จการทหาร
และไม่ต้องห่วง คนที่มีอาชีพกับสื่อก็ได้ออกมาโวยตามๆ กัน ...
ทาลัต ฮุสเซน (Talat Hussein) หัวหน้าข่าวของสถานีโทรทัศน์ชั้นนำของปากีสถานอย่าง Aaj TV กล่าวกับ BBC ว่า "รัฐบาลกำลังทำในสิ่งที่หมดหวัง และทำให้ผู้ส่งข่าวสารต้องฆ่าข่าวสารชิ้นนั้น (ด้วยการเซ็นเซอร์ตัวเอง)"
"นี่มันกฎหมายสำหรับปราบปรามชัดๆ และพวกเขาได้แสดงให้เห็นอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า พวกเขาไม่ต้องการให้มีภาพอะไรก็ตามที่มันขัดต่อนโยบายของพวกเขาอยู่บนจอทีวี" ฮุสเซนกล่าวต่อ
ประชาชนปากีสถานเริ่มไม่พอใจกับการปกครองของรัฐบาลเผด็จการทหารเพิ่มขึ้น ๆ ทุกทีแล้ว
(ที่มาภาพ : AFP/Aamir Qureshi)
นี่คือมาตรการที่หลายฝ่ายมองว่า รัฐบาลเผด็จการทหารของปากีสถานเริ่มออกลูกเกเรเกตุงกว่าเดิม ด้วยการควบคุมสื่ออย่างเบ็ดเสร็จ โดยอำนาจรัฐเผด็จการทหาร (เปรียบดังกับบางประเทศ ที่ว่ากันว่าในอดีตสื่อถูกอำนาจรัฐและอำนาจนายทุนการเมืองแทรกแซง มาถึงตอนนี้ อำนาจนายทุนการเมืองถูกกีดกันออกไป การแทรกแซงครั้งใหม่กลับเป็นอำนาจของอภิสิทธิ์ชนที่ไม่ต้องลงทุนแบบนายทุนการเมือง แต่แทรกแซงได้ฟรีๆ สบายเขาไป .. เอ๊ะหรือแทรกแซงมานานแล้ว ;-)
และถึงแม้ว่ารัฐบาลเผด็จการทหารของปากีสถานจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับสื่อ คอลัมนิสต์การเมืองขาประจำ ในประเทศมาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว ... แต่การปิดสื่อของนายทุนยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลเผด็จการทหารของปากีสถานดูมืดมนลง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจภายใน การเข้ามาลงทุนจากต่างชาติ รวมถึงการเมืองระหว่างประเทศ
สิ่งเดียวที่รัฐบาลเผด็จการทหารของปากีสถานยังคงอุ่นใจได้นั้นก็คือ มีสหรัฐอเมริกาหนุนหลัง จ้างทหารปากีสถาน เช่าพื้นที่ประเทศปากีสถาน เป็นฐานในการทำสงครามลวงโลก อย่างสงครามต่อต้านการก่อการร้าย คือ ถ้าการก่อการร้ายยังไม่หยุด ทหารปากีสถานกับทหารอเมริกัน ก็ยังไม่อดตาย และอาจจะมีเงินอุดหนุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่างั้นเหอะ! (ช่างคล้ายคลึงกับบางประเทศ อีกแล้ว)
แต่หลายๆ ที่ หลายๆ สถานการณ์ คนที่พร้อมจะขัดขืนกับสิ่งไม่ชอบธรรมก็พร้อมจะดื้อแพ่งเสมอ .. เพราะตอนนี้องค์กรทางด้านสื่อ รวมถึงสื่อภาคธุรกิจในปากีสถาน ก็ได้ชักธงรบกับรัฐบาลเผด็จการทหารของปากีสถานอย่างเต็มตัวแล้ว!
โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวในปากีสถานส่วนหนึ่งร่วมกันหยุดงานประท้วงนโยบายนี้
ทำให้เวลานี้ พันธมิตรประชาชนนิยมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการปากีสถาน มีแนวร่วมคือสื่อมวลชนที่มีจิตสำนึกประชาธิปไตย ร่วมไปอีกหนึ่งกลุ่มแล้ว (จากเดิมมีภาคประชาชน พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล และฝ่ายนักกฎหมาย)
นี่คงเป็นอีกหนึ่งตัวเร่งสำคัญ ที่อาจจะทำให้บัลลังก์ทองของรัฐบาลเผด็จการทหารปากีสถาน พังครืนทลายลงมา
การเมืองที่ปากีสถานสามารถนำไปเปรียบเทียบได้กับหลายๆ ประเทศ ถึง จุดเกิด จุดแตกหัก และจุดจบที่จะตามมาอีกไม่นาน ซึ่งบางครั้งก็ดูเหมือนว่า เหตุการณ์แบบที่ปากีสถาน มันดูใกล้ตัวเรา ... มันใกล้ๆ ชอบกลแฮะ ;-)
(แต่ยังไงก็ขอแรงท่านผู้อ่านทุกท่าน ช่วยกันภาวนาให้ประชาไทอยู่ด้วยกันไปนานๆ นะครับ ... สาธุ)
...........................
ประกอบการเขียน :
New controls on media in Pakistan
Pakistan curbs media as political crisis deepens
PakistanOn the foot steps of advocates, till the end of dictatorship
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)