Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

 


 



 


ตติกานต์ เดชชพงศ


 


สาธุชนพึงสดับ...


 


ความเคลื่อนไหวในแวดวงพระสงฆ์องค์เจ้าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูจะพุ่งอุณหภูมิสูงปรี๊ดจนต้องจับตามองไม่แพ้เรื่องแมนฯ ซิตี้ หรือการรื้อคดีที่ดินรัชดามาสอบสวนใหม่


 


เพราะหลังจากที่วัตถุมงคล (ล้อเลียน) รุ่น "โอริโอ - มีกูไว้ไม่หิว" แพร่กระจายทั่วไปตามฟอร์เวิดเมล์และถูกนำไปใส่กรอบห้อยคอคนช่างประชดประชันอยู่พักใหญ่ๆ ปรากฏการณ์ร้อนระอุ หอมกรุ่นจากเตา "เมด อิน วัดสวนแก้ว" ของพระพยอม กัลยาโณ ก็ได้ฤกษ์เบิกโรงกันไปบ้าง เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมา


 


คาถา "หัวใจเศรษฐี - อุ อา กะ สะ" อันเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าถูกนำมาประทับลงบนคุกกี้ช็อกโกแลต "จตุคำ" รุ่นอิ่มบุญ-หากินกับพระ ตามไอเดียหยิกแกมหยอกของพระพยอม ยั่วล้อกับกระแส "จตุคามฟีเวอร์" เพื่อหวังเตือนสติผู้ที่เรียกตัวเองว่า "ชาวพุทธ" ทั้งหลายให้ระลึกถึงสัจธรรมที่ว่า "ความร่ำรวยโดยปราศจากเหตุผลเป็นไม่มี" พอๆ กับที่ลัทธิ "หวังผลดลบันดาล" ไม่อาจอยู่ยงคงกระพันได้นานในโลกแห่งความจริง


 


พิธีปลุกเสกจตุคำเอิกเกริกไม่น้อยหน้างานไหนๆ ที่เจ๊เบียบ, ท่านปลัด หรือเหล่าดารา (ดังบ้างไม่ดังบ้าง) พากันไปมีส่วนร่วม


 


เพียงออกวางจำหน่ายได้แค่วันเดียว สินค้าก็ขาดตลาด และออเดอร์สั่งจองยอดกระฉูดถึงหลักหมื่น แต่สิ่งที่ตามมาในเวลาไล่เลี่ยกันก็คือเสียงก่นด่า "พระสงฆ์" จากกลุ่มศาสนิกชนผู้นับถือบูชาองค์จตุคามรามเทพ โดยคนกลุ่มนั้นกล่าวว่า การบูชาจตุคามฯ คือเทวดานุสติกรรมฐาน อันเป็นกุศลผลบุญอย่างหนึ่ง การที่พระพยอมทำคุกกี้จตุคำออกมา จึงเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นองค์เทวดาและ "ผู้ศรัทธา" ทั้งหลายด้วย...


 


ว่ากันตามจริง ในทัศนะของคนห่างวัดไกลวา ความโน้มเอียงว่าจะเห็นชอบไปในทางที่มีคนจำนวนมากเออออ-ห่อหมกตามๆ กันเกิดขึ้นในใจมานานแล้ว พร้อมกับที่ความรู้สึกส่วนบุคคลแปรผลได้ว่า "กระแสจตุคาม ไม่น่าจะเป็นเรื่องเลวร้ายอะไร"


 


จนกระทั่งกลุ่ม "ผู้เคารพบูชาองค์จตุคาม" ออกมาประณามการกระทำของพระพยอมนี่แหละ ความรู้สึกร่วมที่เห็นชอบหรือคล้อยตามก็ลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ เป็นปฏิกิริยาผกผัน...


 


ในเวลาเดียวกัน กระแสเรียกร้องของกลุ่มพระสงฆ์ผู้ปรารถนาจะให้บรรจุพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ และต้องการให้บัญญัติข้อความนี้ลงไปในรัฐธรรมนูญก็ดูเหมือนจะเข้าขั้นอุกฤษฎ์ ถึงขั้นมีการอดข้าวอดน้ำ จนหลวงพี่หลายท่านเกิดอาพาธต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลก็กลายเป็นข่าวใหญ่อีกข่าวหนึ่ง


 


ดูเหมือนว่า ไม่มียุคไหนอีกแล้วที่หน่อเนื้อนาบุญแห่งพระพุทธเจ้าต้องผละจากการแสวงหาหนทางไปสู่โลกุตรธรรม เพื่อกระโดดลงมาเรียกร้องในทางโลกียะเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้...


 


คนรู้เรื่องศาสนาเพียงหางอึ่งคงไม่กล้าถกเถียงถึงหลักธรรมชั้นสูง แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ซึ้งก็คือหลักพื้นฐานอย่าง "มัชฌิมาปฏิปทา" ที่เรียนกันมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าจะช่วยให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างปกติสุข โดยไม่ต้องไปดิ้นรนหาเครื่องรางของขลังหรือวัตถุมงคลใดๆ มาห้อยคอให้เมื่อย และไม่ต้องไปบีบบังคับจิตใจใครให้มายอมรับในรัฐธรรมนูญที่มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติด้วย...


 


กระแสบูชาจตุคามฯ เพื่อหวัง "บุญบันดาล" ก็ดี หรือการปักหลักเรียกร้องให้บรรจุเรื่องพุทธศาสนาลงไปในรัฐธรรมนูญก็ดี...ล้วนสะท้อนภาพที่ผู้เรียกตัวเองว่าชาวพุทธควรหันมาเอาใจใส่กันให้มากๆ


 


เพราะความพอดีแบบทางสายกลาง นับวันจะยิ่งเลือนลางไปจากความรู้สึกของใครต่อใคร ทั้งที่เราอยู่ในยุคที่เรียกร้องหา "ความพอเพียง" แท้ๆ แต่กระแส "รวยล้นฟ้า" "รวยไม่มีเหตุผล" หรือแม้กระทั่ง "รวยมหาเศรษฐี" กลับเบ่งบานยิ่งกว่ายุคไหนๆ


 


เช่นเดียวกับที่ "ความดี - มีคุณธรรม" กลายเป็นประเด็นสำคัญในการชี้นำทุกๆ เรื่อง


 


แต่ในทางกลับกัน เรามีการตรวจสอบตรวจทานความดีงามเหล่านั้นน้อยยิ่งกว่าน้อย...


 


ศาสนาที่สอนให้คนมีสติและมุ่งเน้นที่การประพฤติปฏิบัติ ถูกลดทอนให้เหลือเพียงการบูชาสิ่งสมมติและรอคอยให้เทวดาดลบันดาลลาภยศสรรเสริญ


 


เช่นเดียวกับที่เราพยายามดึงหลักธรรมคำสอนที่เป็นความจริงเหนือกาลเวลาให้ลงมาอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของความเป็น "รัฐชาติ" ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง มิหนำซ้ำยังผันแปรไปตามอำนาจหรือปัจจัยทางโลก หมุนเวียนเป็นวัฏฏะ


 


ลองคิดดูเล่นๆ ก็ได้ว่าถ้าหากการเรียกร้องให้บรรจุพุทธศาสนาลงในรัฐธรรมนูญสำเร็จเสร็จสิ้นลงไปด้วยดีตามที่หลายฝ่ายต้องการ


 


แล้วจู่ๆ ก็มีการรัฐประหารเกิดขึ้นอีกครั้ง...


 


รัฐธรรมนูญถูกฉีกเหมือนอย่างที่มันเคยเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า


 


ศาสนาพุทธที่เป็นศาสนาประจำชาติก็จะเป็นอันโมฆะไปด้วย...


 


มีสิ่งใดล้วนจีรังบ้าง?


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net