นายโชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.เรื่องพระราชบัญญัติประกันสังคมว่า ครม.รับหลักการร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวซึ่งเป็นไปตามข้อเสนอของกระทรวงแรงงาน
สาระสำคัญของร่างกฎหมาย 1. จะกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการสรรหาผู้แทนฝ่ายลูกจ้างและผู้แทนฝ่ายนายจ้าง และกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการประกันสังคม
2. กำหนดให้กองทุนประกันสังคมประกอบไปด้วยกองทุนย่อย 4 กองทุน เพื่อแยกเงินกองทุนให้เป็นสัดส่วน กำหนดให้อสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมีผู้ยกให้เป็นกองทุน ให้ไม่เป็นที่ราชพัสดุ และกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายประโยชน์ทดแทน ให้จ่ายจากเงินกองทุนย่อย
3. กำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินสมทบ เพื่อคุ้มครองแรงงานนอกระบบ และแก้ไขระยะเวลาการขาดส่งเงินสมทบ อันอาจจะมีผลให้ผู้ประกันตนมีสิทธิ์สิ้นสุดลง
4. กำหนดให้นายจ้างเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงด้วยวิธีอื่นนอกจากหนังสือก็ได้ กำหนดให้ผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 120 เดือน ได้รับการลดอัตราเงินสมทบลง กำหนดให้ผู้ประกันตนที่มีอายุ 55 ปีบริบูรณ์ ไม่ต้องนำส่งเงินสมทบกรณีว่างงาน และกำหนดให้ยกเว้นการส่งเงินสมทบในกรณีเกิดภัยพิบัติต่างๆ เช่น ธรณีภิบัติ
นอกจากนี้เป็นเรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข เกี่ยวกับการนับระยะเวลาการนำส่งเงินสมทบ การคำนวณเงินเพิ่มค้างชำระเงินสมทบ ประเภทสิทธิ์ และประโยชน์ทดแทนต่างๆ และการกำหนดระยะเวลาการยื่นขอรับประโยชน์ทดแทน ภายใน 2 ปี ยกเว้นกรณีชราภาพ สามารถยื่นได้ภายใน 5 ปี ถ้าไม่ยื่นภายในกำหนด จะสิ้นสุดสิทธิเรียกร้อง และให้เงินตกเป็นรายได้ของกองทุน
ทั้งนี้ที่ประชุมครม.พิจารณาประเด็นอื่นเกี่ยวกับกฎหมายนี้ มีการพูดถึงกรณีที่บุคคลเป็นลูกจ้าง เช่น ทำงานตามบ้าน มีอาชีพอิสระ ควรให้กรอบกฎหมายเข้าไปครอบ หมายเข้าไปครอบคลุมเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของบุคคลกลุ่มนี้ด้วย
ประเด็นเรื่องเงินอุดหนุน ให้พิจารณาเงินที่จะจัดสรรจากงบประมาณให้เหมาะสม อันนี้กระทรวงแรงงานจะรับข้อเสนอของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาเพิ่มเติมในการเปลี่ยนแปลงในชั้นกฤษฎีกา
ที่มา: เว็บไซต์แนวหน้า
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)