Skip to main content
sharethis

สืบเนื่องจากกรณี ป.ป.ช.แถลงว่า รัฐมนตรี 3 คน ถือครองหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทเกินกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จำหน่ายได้ ซึ่งถือเป็นการไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 ซึ่งกำหนดให้รัฐมนตรีที่ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทเกินกว่าร้อยละ 5 จะต้องโอนหุ้นส่วนในส่วนที่เกินให้แก่นิติบุคคลภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่แจ้งทรัพย์แก่ ป.ป.ช.


 


โดยรัฐมนตรี 3 คน ได้แก่ 1.นายสิทชัย โภไคยอุดม รมว. กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ถือหุ้นใน บริษัท วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนานาชาติ จำกัด ร้อยละ 16.17 บริษัท อุตสาหกรรมอวกาศไทย จำกัด ร้อยละ 31.33 บริษัท วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี จำกัด ร้อยละ 31.36 2. นางอรนุช โอสถานนท์ รมช.พาณิชย์ ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัดบ้านดอกพุด ร้อยละ 66.67 บริษัท บุณยพรหม ร้อยละ 50 บริษัท อุดมแร่รวย ร้อยละ 50 และ 3.นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย ถือหุ้นในบริษัท ตรังชัวร์ จำกัด ร้อยละ 20 นั้น


 



เมื่อวันที่ 21 ส.ค. นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีไอซีที ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังจากมติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่าได้ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 5 ตามพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี โดยนายสิทธิชัย ระบุว่า แม้ ป.ป.ช. จะระบุว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่ด้วยมาตรฐานส่วนตัว ทำให้ตัดสินใจลาออกทันที


 


ทั้งนี้ระบุว่า การทำงานของตนเป็นลักษณะของนักวิชาการมากกว่านักการเมือง และกฎหมายดังกล่าวยอมรับว่าไม่ได้ศึกษามาตั้งแต่ต้น และมิได้จงใจปกปิดการถือครองหุ้น ทั้งนี้ยืนยันว่าการหุ้นใน 3 บริษัท ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับตำแหน่งหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแต่อย่างใด


 



รมว. ไอซีที กล่าวด้วยว่าจะไม่กลับมาเข้ารับตำแหน่งทางการเมือง และได้ยืนยันกับนายกรัฐมนตรีถึงเจตนาที่จะลาออกแล้ว ระบุว่าเป็นบรรทัดฐานส่วนตัว ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นบรรทัดฐานสำหรับใคร และแม้ว่าจะบทเฉพาะกาลของกฎหมายรัฐธรรมนูญ ปี 2550 จะให้การคุ้มครอง แต่เกรงว่าจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาล ยืนยันจะไม่เปลี่ยนใจ แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะขอร้องให้อยู่ต่อก็ตาม


 



ทั้งนี้ นายสิทธิชัย จะยื่นหนังสือลาออกในวันที่ 30 กันยายน ภายหลังนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับจากการปฎิบัติภารกิจจากต่างประเทศ และคาดว่าจะมีผลในวันที่ 1 ตุลาคม เบื้องต้นได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว พร้อมระบุว่า การทำงานตลอดระยะเวลา 11 เดือนที่ผ่านมา หากมองด้านวิชาการเชื่อว่าจะระดับ เอ ส่วนงานการเมืองคงได้ระดับซีเท่านั้น


 



สำหรับกรณีจะให้ผู้ใดมาดำรงตำแหน่งแทนนั้น นายสิทธิชัย กล่าวว่า จะเสนอรายชื่อคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเห็นว่าเคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงไอซีทีมาก่อน



 


อารีย์ ไม่ออก ย้ำไม่ได้ทำผิดกฎหมาย


ด้านนายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวยืนยันว่า จะไม่ลาออกจากตำแหน่งอย่างแน่นอน หากลาออกก็เท่ากับว่าเป็นการยอมรับความผิด จะขอทำหน้าที่สำคัญต่อไป คือ การเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ ขอเรียนว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 หรือแม้แต่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2549 แต่อาจจะมองได้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ขณะเดียวกัน ก็ไม่มีคนมาบอก หากบอกยินดีจะเสนอตามที่บอก ทำงานมาหลายเดือนไม่รู้ การที่มาบอกเอาตอนปลายๆ ก็ลำบาก ถ้าลาออกเหมือนกับว่าเราน้อยใจหรือผิด


 



"ผมขอยืนยันว่า ผมไม่ลาออก เดี๋ยวไปเข้าทางคนอื่นที่ต้องการอยากให้ลาออก เรื่องนี้ได้เรียนไปยังท่านนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนนายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.ไอซีที นั้น เคยนั่งคุยกัน การที่ลาออกได้ บอกกับผมว่า เพราะรำคาญ เกี่ยวกับการที่มีคนเอาเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องมาทำให้รำคาญ แต่ผมไม่รำคาญ ดังนั้น ผมไม่ลาออก เพราะไม่รู้สึกรำคาญ ต้องการทำงานสำคัญเรื่องการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ" รมว.มหาดไทย กล่าว


 



อรนุช ยันไม่ออก ขอทำงานเพื่อประเทศต่อ


นางอรนุช โอสถานนท์ รมช.พาณิชย์ ชี้แจงว่า ยอมรับว่าทำธุรกิจและมีหุ้นในกิจการจริง แต่เป็นกิจการครอบครัว เช่น ห้างหุ้นส่วนจำกัดบ้านดอกพุด ทำธุรกิจเกสต์เฮ้าส์ 20 ห้อง ทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท ถือหุ้นเพียงร้อยละ 66 คิดเป็นเงิน 2 ล้านบาท บริษัท อุดมแร่รวย ทำธุรกิจโรงแรม 45 ห้อง ทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท ถือหุ้นประมาณร้อยละ 12 คิดเป็นมูลค่า 2.5 ล้านบาท และโรงแรมเวียงใต้ ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ถือหุ้นร้อยละ 50 ที่เหลือถือหุ้นโดยลูกหลาน และการบริหารอยู่ที่ลูกหลานจัดการ โดยทั้ง 3 บริษัท ตนมีเงินร่วมเพียง 52-55 ล้านบาท ถือว่าเป็นสัดส่วนน้อยมาก และเป็นธุรกิจเล็กๆ ที่ผ่านมาไม่ตั้งใจเล่นการเมือง และรายละเอียดการถือหุ้นทั้งหมดได้ส่งให้ ป.ป.ช.ไปแล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นการซุกหุ้น



 


รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า วันนี้ยังสามารถทำงานรับใช้ประเทศชาติได้ เพราะงานกระทรวงพาณิชย์ยังมีอีกมากที่รอการแก้ไข และรัฐบาลชุดนี้เหลือเวลาบริหารประเทศไม่กี่เดือน หากลาออกจะทำให้งานต่างๆ หยุดชะงัก คงต้องชั่งน้ำหนักว่าสิ่งไหนจำเป็นมากกว่ากัน แต่เชื่อว่ายังสามารถทำงานเพื่อประเทศได้ แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้ยึดติดตำแหน่ง และพร้อมลาออก หากเห็นว่าไม่สามารถทำงานให้ประเทศได้



 


 


................................................


เรียบเรียงจาก: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ และเว็บไซต์คมชัดลึก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net