ประชาไท - 24 ก.ย. 50 ในระหว่างวันที่ 23-29 ก.ย.50 นางอังคณา นีละไพจิตร ตัวแทนคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ร่วมกับองค์การสิทธิมนุษยชนในเอเชียหลายประเทศ เข้าร่วมประชุมสภาสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ ซึ่งการประชุมสภาสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติในครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งที่ 6 ที่มีกำหนดการประชุมตั้งแต่วันที่ 10-28 ก.ย. (the 6th session of the Human Rights Council: 10 to 28 September 2007 ) ดูรายละเอียดที่
http://www.ohchr.org/english/bodies/hrcouncil/6session/index.htm
ทั้งนี้ นางอังคณา นีละไพจิตร จะร่วมกับองค์กรสิทธิมนุษยชนหลายองค์กรจัดตั้ง "คณะทำงานร่วมสากลเพื่อต่อต้านการบังคับให้บุคคลหายไป" (The International Coalition against Enforced Disappearances) และร่วมกันรณรงค์ให้ประเทศต่าง ๆในเอเชีย และประเทศอื่นในโลก รวมทั้งประเทศไทยร่วมลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศฉบับใหม่นี้ (International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance) ทั้งนี้เพื่อป้องกันการทำให้บุคคลหายไป
"คดีทนายสมชาย และคดีคนหายกว่า 20 คดีในภาคใต้ แม้จะยังไม่ก้าวหน้าและยังไม่สามารถนำคนผิดมาลงโทษได้ แต่รัฐบาลไทยควรมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาเรื่องคนหายในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นรัฐบาลไทยต้องพิจารณาลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศฉบับนี้โดยไม่รีรอ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกับองค์การสหประชาชาติว่าประเทศไทยจะมีมาตรการทุกด้านที่จะยุติการบังคับให้บุคคลสูญหายอันที่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐโดยเด็ดขาด และมีกฎหมายในประเทศที่สามารถนำคนผิดมาลงโทษ" นางอังคณา กล่าวก่อนเดินทางไปกรุงเจนีวา เมื่อคืนวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2550
นอกจากนั้น นางอังคณา นีละไพจิตรมีกำหนดการที่จะพบกับผู้แทนพิเศษแห่งองค์กรสหประชาชาติหลายท่านเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน การซ้อมทรมาน การควบคุมตัวโดยพลการ และความไม่เป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม โดยมีกำหนดการจะพบกับ ผู้แทนพิเศษเรื่องความเป็นอิสระของศาลและทนายความในวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2550 รวมทั้งจะพบปะเพื่อติดตามเรื่องการร้องเรียนกับผู้แทนพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนในระหว่างการต่อต้านการก่อการร้ายในวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2550 และในวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2550 จะเข้าพบกับผู้แทนพิเศษเรื่องการต่อต้านการทรมาน และผู้รายงานพิเศษเรื่องการคุ้มครองนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน โดยได้นำข้อมูลเกี่ยวกับการซ้อมทรมานและการควบคุมตัวโดยพลการต่อผู้ต้องสงสัยก่อเหตุภาคใต้เพื่อเข้าพูดคุยและหาแนวทางในการคุ้มครองปกป้องสิทธิของบุคคลเหล่านี้ในสถานการณ์ไม่สงบภาคใต้ต่อไป
การบังคับให้บุคคลหายไปคืออะไร การบังคับให้บุคคลหายไปคือการถูกจับ การถูกควบคุมตัว การถูกลักพาตัว หรือรูปแบบอื่น ๆ ของการจำกัดเสรีภาพโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ทำตามอำนาจสั่งการ โดยการสนับสนุนหรือโดยได้รับอนุญาตจากรัฐ และโดยที่รัฐ ปฎิเสธว่ารับรู้เรื่องการจำกัดเสรีภาพหรือโดยไม่รู้ว่าบุคคลที่ถูกบังคับให้หายไปนั้นอยู่ที่ที่ไม่อยู่ในเขตอำนาจที่จะปกป้องตามกฎหมาย การกระทำเช่นนี้ครั้งแรกใช้ในสมัยนาซี เพื่อกำจัดชาวยิวในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง และก็ได้กลายเป็นการเลียนแบบเอาอย่างของรัฐบาลหลาย ๆ รัฐบาลในประเทศเอเชียและในลาตินอเมริกา ในขณะนี้ เอเชียเป็นทวีปที่มีรายงานว่ามีบุคคลที่ถูกบังคับให้หายไปมากที่สุด อนุสัญญาขององค์การสหประชาชาติเรื่องการป้องกันไม่ให้บุคคลถูกบังคับให้หายไป คืออะไร อนุสัญญานี้กฎหมายระหว่างประเทศที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาการบังคับให้บุคคลหายไป ในการประชุมสมัชชาใหญ่สามัญครั้งที่ 61 ของประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ได้รับรองอนุสัญญาฉบับนี้เป็นเอกฉันท์ ให้รัฐสมาชิกขององค์การสหประชาชาติร่วมลงนามเพื่อเป็นรัฐภาคีในอนุสัญญาฉบับนี้ โดยจะต้องมีรัฐภาคีอย่างน้อย 20 ประเทศเพื่อให้อนุสัญญาฉบับนี้มีผลบังคับใช้ เนื้อหาสำคัญของอนุสัญญาฉบับนี้
|
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)