คณะทำงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้มีการจัดการประชุมสัมมนาวิชาการภายใต้หัวข้อ "วิกฤตโลกร้อน: ความไม่พร้อมของประเทศไทย" ณ ห้องราชเทวี โรงแรมเอเชีย เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา
ระบุมนุษย์ทำร้ายตัวเอง เปลี่ยนระบบนิเวศ ช่วยเชื้อโรคแข็งแรง
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์ประจำคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวปัญหาโรคระบาดที่จะเกิดจากวิกฤตโลกร้อน ว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคในวงกว้าง ที่สุดแล้ว ก็คือ พฤติกรรมของมนุษย์ในการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศวิทยา ที่ไปช่วยส่งเสริมให้เชื้อโรคแข็งแรงมากกว่าเดิม รวมทั้งการนิยมบริโภคสัตว์ป่า และเมื่อเชื้อโรคมีการพัฒนาถึงระดับหนึ่ง และมนุษย์ละเลยเพิกเฉยต่อการรับมือและเตรียมพร้อมในเชิงรุก ก็จะเป็นโอกาสดีที่เชื้อโรคระบาดในวงกว้าง เช่น การเสียชีวิตซ้ำซากจากไข้หวัดนก
30-50 ปีข้างหน้า อากาศเปลี่ยนรุนแรง ฤดูหนาวสั้น แล้งยาวนาน
ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์ วิจัย และฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลก แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (START) กล่าวถึง ปรากฏการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอีก 30-50 ปีข้างหน้า ว่าผลการศึกษาพบว่า ค่าเฉลี่ยน้ำฝนมีการเปลี่ยนแปลงไม่มาก โดยรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ที่สำคัญ คือ ปีที่มีน้ำมากกับปีที่น้ำน้อย จะเกิดขึ้นแบบสุดขั้วมากขึ้น โดยผลที่ได้จากแบบจำลองสภาพภูมิอากาศ แนวโน้มค่าเฉลี่ยฝนจะมากขึ้น เพราะลมมรสุมจะแรงขึ้น อนาคตฤดูหนาวจะสั้น ฤดูแล้งจะยาวนาน อุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงขึ้น 2-
และน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ ได้ ด้วยสาเหตุหลายปัจจัย คือ หากเกิดภาวะน้ำแข็งละลายอีก 50 ปีข้างหน้า จะทำให้น้ำขึ้นมากที่สุด 20-
ดังนั้น เมื่อมองภาพรวมอีก 50 ปีข้างหน้า น้ำจึงอาจเพิ่มสูงเต็มที่
อุณหภูมิเปลี่ยนเร็ว สัตว์-พืชปรับตัวไม่ทัน พบข้าวปินส์ออกรวงแต่ไม่มีเมล็ด
ดร.กัณฑรีย์ บุญประกอบ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง อธิบายว่า การสืบทอดเผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติจำเป็นจะต้องมีอุณหภูมิที่เหมาะสม ขณะที่ ที่ผ่านมาสิ่งแวดล้อมรอบข้างไม่เหมาะสม สัตว์จะเคลื่อนที่ไปสู่จุดอีกจุดหนึ่ง แต่ปัจจุบันอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ภายใน 100 ปี อุณหภูมิเปลี่ยน 1.4-
ไฟป่า น้ำท่วม แผ่นดินไหว ภัยแล้ง คือสิ่งที่จะเกิดหลังภาวะ "โลกร้อน"
รศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล อาจารย์ประจำภาควิชา ธรณีวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกเป็นสาเหตุให้เกิดความแปรปรวนของอากาศในทุกทวีปของโลก ผลกระทบต่อภัยพิบัติน้ำท่วม แผ่นดินไหว ภัยแล้งในอนาคตจะมากขึ้นและส่งผลต่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบ โดยเฉพาะในปีที่มีน้ำมากปรากฏการณ์ El Nino จะทำให้มีน้ำท่วมและแผ่นดินถล่มเกิดขึ้นมากมาย แต่บางปีที่มีระบบน้ำน้อยอันเนื่องมาจากปรากฏการณ์ ENSO (El Nino-Southern Oscillation) จะทำให้เกิดปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ำในทุกภาคของประเทศและมีไฟป่าเกิดขึ้น
ชี้ปลูกต้นไม้ 833 ต้น ต่อรถ 1 คัน จึงจะลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้
ดร.จิรพล สินธุนาวา อาจารย์ประจำคณะสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงการใช้พลังงานในปัจจุบัน โดยยกตัวอย่างการใช้งานรถยนต์ตลอดทั้งปีว่า เดินทางเฉลี่ย
นายโคทม อารียา ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า การที่จะแก้ไขปัญหาโลกร้อนนั้น ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน โดยให้แง่คิดไว้ว่า "เราเปลี่ยนคนไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนตัวเราเองได้ อยู่ในโลกใบนี้อย่าคิดว่าเราอยู่คนเดียว แต่เราเริ่มต้นที่จะป้องกันปัญหาโรคร้อน ให้รู้ว่าเราทำอะไรอยู่ ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของตัวเราเอง"
ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้ว และการที่จะสายเกินไปที่เราทุกคนต้องหันมาใส่ใจศึกษา ค้นคว้า รับรู้ และผลักดัน หักล้างความไม่พร้อมของประเทศไทย โดยไม่กระทำพฤติกรรมใดๆ ที่เพิ่มความร้อนให้กับโลกมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมและรับมือกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกที่กำลังรุนแรงมากขึ้น
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)