ข่าวมอนิเตอร์ ประจำวันที่ 9 พ.ย. 2550

การเมือง

คตส. ร่อนหนังสือถึง "หมัก"แจ้งข้อกล่าวหาดับเพลิงฉาว ขีดเส้นพบ คตส. ภายใน 15 วัน

เว็บไซต์แนวหน้า - ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง ของกทม. ที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นประธาน โดยที่ประชุมได้เชิญนายนิยม กรรณสูต ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าชี้แจงเพิ่มเติม ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจให้เปิดแอลซีนายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการคตส. ในฐานะคณะอนุกรรมการไต่สวนชุดดังกล่าวเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนได้มีมติส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาไปยัง 5 ผู้ถูกกล่าวหาในวันศุกร์ ที่ 9 พ.ย. เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเองภายใน 15 วัน หลังได้รับหนังสือ

 

โดยผู้ถูกกล่าวหาทั้ง5 รายประกอบด้วย 1.นายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่ากทม. 2. นายโภคิน พลกุล อดีต รมว.มหาดไทย 3.นายประชา มาลีนนท์ อดีตรมช.มหาดไทย 4.พ.ต.ท.อธิลักษณ์ ตัณชูเกียรติ อดีตผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกทม. นายสมศักดิ์ คุณเงิน อดีตเลขานุการรมว.มหาดไทย

 

 

อนุฯ ดับเพลิงเซ็ง "สุทธิชัย"ให้การวกวน อุ้ม "อภิรักษ์" มอบอำนาจเปิดแอลซี

เว็บไซต์แนวหน้า - ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง ของกทม. ที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นประธาน โดยที่ประชุมได้เชิญนายนิยม กรรณสูต ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าชี้แจงเพิ่มเติม ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจให้เปิดแอลซีแหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมการไต่สวนเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้เชิญ

 

นายสุทธิชัย กรรณสูต มาให้ถ้อยคำเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจให้เปิดแอลซี โดยนายสุทธิชัย ได้ให้การว่าตนเองได้รับมอบอำนาจจากนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่ากทม. ให้เป็นผู้เปิดแอลซี ซึ่งก่อนหน้านี้รมว.มหาดไทยในสมัยนั้น ได้ทำหนังสือเร่งรัดให้เปิดแอลซีโดยระบุว่าจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นเหตุให้นายอภิรักษ์มีความจำเป็นต้องเปิด ซึ่งตนก็ได้รับมอบอำนาจอีกเป็นผู้เปิดแอลซีแทน อย่างไรก็ตามที่ประชุมได้เตรียมเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวมาให้ถ้อยคำเพิ่มเติม

 

ทั้งนี้ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกตว่านายสุทธิชัย ได้ให้การวกไปวนมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทั้งนี้เมื่อวันอังคารที่ 6พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนฯได้เชิญนายสุทธิชัย ทรรศนสฤษดิ์ อดีตรองปลัดกรุงเทพมหานคร เข้าชี้แจงเพิ่มเติม ซึ่งนายสุทธิชัย ได้นำเอกสารคำสั่งกรุงเทพมหานคร ที่ 3708/2546 เรื่องมอบหมายและมอบอำนาจให้รองปลัดกทม.สั่งและปฏิบัติราชการแทนปลัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 5 แผ่น ทั้งนี้ที่ประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนฯได้พิจารณากรณีที่ ครม.ชุดรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีมติเรื่องอนุมัติสินค้าแลกเปลี่ยนเป็นไก่ต้มสุก โดยคณะอนุกรรมการฯจะทำหนังสือสอบถามถึงข้อมูลและความเป็นมาของมติครม.ชุดดังกล่าว เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาว่าควรเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำมติครม.มาให้ปากคำเพิ่มเติมหรือไม่

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ในส่วนการทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทยเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับการทำบันทึกข้อตกลงของความเข้าใจ (A.O.U.) และหนังสือมอบอำนาจ ล่าสุดพบว่าทางกระทรวงมหาดไทยได้ทำหนังสือตอบกลับมาว่าไม่มีเอกสารดังกล่าวแต่อย่างใด

 

 

ประธานกกต.ยืนยันไม่มีมติให้ครส.มาช่วยตรวจสอบการซื้อสิทธิขายเสียง

กรมประชาสัมพันธ์- นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า กกต. ไม่มีมติ ตามที่ คณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการณรงค์การซื้อสิทธิขายเสียง หรือ ครส.  มาช่วยตรวจสอบการซื้อสิทธิขายเสียง เพราะเห็นว่า ครส. มีอำนาจตรวจสอบอยู่แล้ว โดยสามารถประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ดำเนินการได้ตามกฎหมาย ซึ่งการทำงานของ กกต.ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบของกฎหมาย กกต.ไม่ต้องการไปสั่งใคร และไม่อยากให้ใครสั่ง  แต่ก็ทำงานมีเป้าหมายเดียวกันคือ ทำการทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิยุติธรรม

 

ส่วนความรุนแรงของการซื้อเสียงเลือกตั้งนั้น พื้นที่ภาคอิสานรุนแรงมากที่สุด โดย กกต. ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบในทางลับจากข้อมูล ที่ ประชาชนส่งบัตรสนเท่ห์ทุจริตมาเป็นจำนวนมาก โดย ประสาน กับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) และธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบความเคลื่อนไหวทางการเงิน ในพื้นที่ที่ได้รับรายงานการซื้อเสียงรุนแรง รวมถึงตรวจสอบบัญชีบุคคลที่เบิกจ่ายเงินที่มากผิดปกติ พร้อมประสาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดกำลังให้ความคุ้มครองพยานกรณีแจ้งข้อมูลการซื้อเสียง เพราะถือว่าพยานเป็นบุคคลที่สำคัญ โดยเตรียมออกกฎระเบียบอำนวยความสะดวกในเรื่องค่าใช้จ่าย  กรณีจะต้องสอบสวนและดำเนินคดีอาญา โดย กกต.จะออกค่าใช้จ่ายให้พยาน เช่น ค่าที่พักและค่าอาหาร  ค่าเดินทาง

 

ขณะเดียวกัน นายชนาพัทธ์ ณ นคร ประธานเครือข่ายเตมูจิน ร้องเรียนต่อประธาน กกต. ขอให้ดำเนินการยุบพรรคพลังประชาชน เนื่องจากมีพยานและหลักฐาน ระบุว่า พรรคดังกล่าวทำเอกสารเท็จ เผยแพร่ต่อสื่อต่างประเทศ และอินเทอร์เน็ต ทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด จึงถือเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือ ของ คมช. และกองทัพไทย

 

เศรษฐกิจ

เบรกรัฐบาลใหม่อัดประชานิยมถลุงภาษี

ไทยโพสต์ - นายสมชัย  สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า  ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่  สศค.ทำการศึกษานโยบายเศรษฐกิจของพรรคการเมืองแต่ละพรรค เพื่อนำมาวิเคราะห์หาแนวทางจัดเก็บรายได้  เนื่องจากไม่ต้องการให้การดำเนินนโยบายต่างๆ มีภาระต่องบประมาณของรัฐบาลมากเกินไป

 

โดยเห็นว่ารัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศหลังการเลือกตั้งที่อาจจะเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งจะดำเนินนโยบายในลักษณะของรัฐสวัสดิการเพื่อสนองนโยบายที่ใช้หาเสียง  จะต้องคำนึงด้วยว่าอย่าหวังพึ่งพาการใช้เงินจากรายได้ภาษีเพียงอย่างเดียว  แต่ควรใช้มาตรการทางภาษีสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมบริจาคเพื่อสังคม   โดยอาจเริ่มจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ผ่านรูปแบบการประกอบธุรกิจเพื่อสังคม  (CSR) รวมถึงการสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ให้มากขึ้น จะช่วยลดภาระของรัฐบาลได้

         

"10-15  ปีที่ผ่านมา เรามีการนำภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT มาใช้ โดยถือเป็นตัวหลักของรายได้รัฐบาล  ซึ่งปีงบประมาณ  50  พบว่าสัดส่วน VAT ต่อรายได้ภาษีคิดเป็น 26.5% ดังนั้น หากจะทำนโยบายที่เกี่ยวกับ  VAT  ก็ต้องคิดหนัก ไม่ว่าจะเพิ่มหรือลด จะมีผลต่อรายได้กว่า  3 หมื่นล้านบาท ถ้าจะมีการปรับภาษีคงต้องหลัง ต.ค.51 เพราะมีมติ ครม.ไว้แล้วว่าห้ามปรับ" นายสมชัยกล่าว

         

นายสมชัยกล่าวว่า  หากปีงบประมาณ  2551  รัฐบาลชุดใหม่ต้องการดำเนินนโยบายงบประมาณขาดดุลมากขึ้นจากเดิม   1.65  แสนล้านบาท หรือขาดดุลเกินจาก 2% ของจีดีพีก็มีโอกาสทำได้ โดยยังสามารถเพิ่มการขาดดุลงบประมาณได้ถึง 2.3 แสนล้านบาทได้

         

อย่างไรก็ดี  การฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจมากเกินไปจะทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น  รวมถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ  สุดท้ายอาจจะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ดังนั้น จึงต้องคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจด้วย

         

ทั้งนี้  มั่นใจว่าปีงบประมาณ  2551  รัฐบาลจะจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้าหมาย  คือ รายได้รวม 1.495  ล้านล้านบาท  โดยเดือน  ต.ค.50 จัดเก็บรายได้สุทธิ 116,093 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 1,521 ล้านบาท หรือ 1.3% และสูงกว่าเดือนเดียวกันปีก่อน 8,630 ล้านบาท หรือ 8%

 

 

ขึ้นราคาน้ำมันอีก50สต.วันนี้เล็งลดเงินเข้ากองทุนน้ำมันอีก

เว็บไซต์คมชัดลึก -ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาจะปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอีกครั้งในเร็วๆ นี้ แต่จะเน้นไปที่น้ำมันไบโอดีเซล (บี5) และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ เป็นหลัก ราคาน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง กระทรวงพลังงานคงต้องพิจารณาลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันของชนิดอื่นด้วย โดยขณะนี้สถานการณ์น้ำมันในตลาดโลก ราคายังคงปรับต่อขึ้นอย่างเนื่อง และมีความผันผวนสูง

 

"หากราคาน้ำมันยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องวันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายนนี้ กระทรวงพลังงานจะประกาศลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯทันที" ดร.ปิยสวัสดิ์ กล่าว

 

ขณะที่เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ผู้ค้าน้ำมันทุกรายประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศ 50 สตางค์ต่อลิตร มีผลในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ ทำให้ราคาน้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ระดับ 31.69 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 อยู่ที่ 30.89 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 28.19 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 27.39 บาทต่อลิตร ดีเซล 28.64 บาทต่อลิตร ,ไบโอดีเซล และน้ำมันดีเซล-ปาล์มบริสุทธิ์ 27.64 บาทต่อลิตร ส่วนเชลล์ ปิโตรนาส และซัสโก้ ปรับตามเช่นเดียวกันยกเว้น เบนซิน 95 ที่ได้ปรับก่อนหน้านี้แล้ว

 

ด้านนายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือปตท. กล่าวว่า ราคาน้ำมันยังคงน่าเป็นห่วง และปรับตัวสูงขึ้นมากต่อเนื่อง จากการปรับตัวของราคาน้ำมันตลาดโลกส่งผลกระทบต่อทุกประเทศทั่วโลก ทำให้ค่าการตลาดขาดทุนเพิ่มขึ้น 1 บาทต่อลิตร โดยค่าการตลาดที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 1.50 บาทต่อลิตร เท่ากับ ปตท. แบกรับภาระแทนผู้บริโภคลิตรละ 2.50 บาท หรือวันละ 55-60 ล้านบาท ปตท. จึงจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกทุกชนิด 50 สตางค์ต่อลิตร

 

"ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับขึ้นไปแล้ว 50-60% ขณะที่ราคาน้ำมันในประเทศปรับขึ้นเพียง 20% ซึ่งไม่สะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ปตท.ยายามชะลอการปรับราคาให้ช้าที่สุด เพื่อแบ่งเบาภาระผู้บริโภค โดยปตท.รับภาระขาดทุนไปแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท " นายชัยวัฒน์ กล่าว

 

 

คุณภาพชีวิต

112รพ.เอกชนถอนตัวกองทุนประกันสังคมสปส.ซัดวาระซ่อนเร้นแผนบีบเงินเพิ่มค่าหัว

เว็บไซต์แนวหน้า -ชมรมโรงพยาบาลเอกชน 112 แห่ง ยืนยันชัดเจนถอนตัวจากกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม (สปส.) แม้ก่อนหน้านี้ผู้บริหารกระทรวงแรงงานและสปส.ได้เปิดหารือร่วมกับสปส.แล้ว แต่ยังมีความเห็นที่ไม่ตรงกันหลายประการ

 

โดย น.พ.ไพบูลย์ เอกแสงศรี ประธานชมรมโรงพยาบาล (รพ.)เอกชนเพื่อการพัฒนาระบบบริการประกันสังคม เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนว่า โรงพยาบาลสมาชิกฯชมรม 112 แห่งยืนยันมติการประชุมเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า จะถอนตัวจากการทำข้อตกลงกับกองทุนเงินทดแทน แม้จะมีการเจรจากับผู้บริหารกระทรวงแรงงานและสปส.แล้ว แต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ทำให้ล่าสุดสมาชิกเห็นตรงกันว่า เมื่อข้อตกลงที่ทำไว้กับสปส.สิ้นสุดสิ้นปี 2550 จะไม่ทำข้อตกลงต่อไปอีก

 

เพราะข้อตกลงใหม่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะการที่ข้อตกลงนี้ไม่มีวันสิ้นสุด แม้จะสามารถบอกยกเลิกได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับความยินยอมของสปส. ขณะที่ข้อตกลงเก่ามีอายุ 2 ปี

 

น.พ.ไพบูลย์กล่าวต่อว่า แม้ไม่มีการทำข้อตกลงกับสปส.แต่ไม่ทำให้ผู้ประกันตนเดือดร้อน เพราะการให้บริการยังเป็นไปตามปกติ เพียงแต่เปลี่ยนวิธีเบิกจ่ายจากเดิมที่โรงพยาบาลในข้อตกลงสำรองค่าใช้จ่ายไปก่อนแล้วเบิกจากกองทุนเงินทดแทน แต่ถ้าถอนตัวจากสปส.แล้วจะใช้วิธีเบิกค่าใช้จ่ายจากนายจ้างและให้นายจ้างไปเบิกจากกองทุนเงินทดแทน ซึ่งวิธีการนี้ไม่ใช่การผลักภาระให้นายแจ้ง แต่ที่ผ่านมาโรงพยาบาลพยายามอำนวยความสะดวกให้นายจ้างเท่านั้น ซึ่งในทางปฎิบัติเมื่อโรงพยาบาลนำไปเบิกจ่ายก็มีปัญหาล่าช้ามาตลอด ทำให้โรงพยาบาลเป็นหนี้เป็นสิน แม้สปส.บอกว่าจะแก้ไขให้ดีขึ้นแล้วก็ตาม

 

ด้านนายสิทธิพล รัตนากร รองเลขาธิการ สปส. กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว สปส.กับ รพ.เอกชนเจรจาทำความตกลงกันแล้วถึง 3 ครั้ง โดยเฉพาะปัญหาการเบิกจ่ายเงินช้า และการวินิจฉัยโรคที่เกิดจากการทำงาน ซึ่งตนสั่งให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกไม่ให้เกิดปัญหาอีก ส่วนที่สปส.เขียนข้อตกลงให้มีผลตลอดไปนั้น เพราะเห็นเป็นเรื่องดี ที่โรงพยาบาลเอกชนไม่ต้องเสียเวลามาทำข้อตกลงปีต่อปีหรือสองปีครั้ง อีกทั้ง ยังรักษาลูกค้าเดิมไว้ได้ ถ้าโรงพยาบาลใดไม่ต้องการเข้าร่วมเป็นสมาชิกก็สามารถที่แจ้งยกเลิกได้ ยืนยันว่า ที่ผ่านมาสปส.ยอมผ่อนปรนแก้ไขปัญหามาตลอด

 

"คิดว่าเป็นประเด็นหลอกแต่ประเด็นจริงก็คือ การเรียกร้องอัตราค่าเหมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลรายหัวมากกว่า แต่ทั้งนี้ก็ขอให้เข้าใจว่า สปส.ก็กำลังดำเนินการอยู่ โดยเพิ่มค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นเป็น 45,000 บาท จากเดิม 35,000 บาท กรณีเจ็บป่วยรุนแรงเรื้อรังเบิกได้ไม่เกิน 300,000 บาทจากเดิม 200,000 บาท เป็นต้น ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา"นายสิทธิพล กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม หากโรงพยาบาลเอกชนรายใดมีปัญหาอึดอัดใจสามารถมาหารือกันได้ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องและเหมาะสม

 

 

"กทช."ได้รายชื่อ สรรหาครบ17

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ -นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร เลขาธิการ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) กล่าวภายหลังการประชุมบอร์ดวานนี้ (8) ว่า ที่ประชุมอนุมัติรายชื่อ 17 คนของผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นคณะกรรมการสรรหา กทช. กรณี กทช. วาระเริ่มแรกครบกำหนด 3 ปี ต้องออกจากตำแหน่งจำนวน 3 คนด้วยวิธีการจับฉลาก

 

โดยรายชื่อผู้แทนส่วนราชการ ตามมาตรา 49 (1) คือ 1. พล.ท.วิทวัส รชตะนันทน์ 2. นายอภิชาต จีระวุฒิ 3. นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ 4. นายวรารักษ์ ชั้นสามารถ และ 5. พล.ท. ศิรพงศ์ บุญพัฒน์

 

ส่วนผู้แทนคณาจารย์ประจำตามมาตรา 49 (2) คือ 1. นายสมชาย จิตะพันธ์กุล 2. นายเอกชัย แสงอินทร์ 3. นายเวช วิเวก ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า และ 4. นายโมไนย ไกรฤกษ์

 

ส่วนผู้แทนจากสมาคมวิชาชีพ ตามมาตรา 49 (3) ประกอบด้วย 1. นายวุฒิพร เดี่ยวพานิช 2. นายอภิรัฐ ศิริธราธิวัตร 3. นายปรเมศวร์ มินศิริ และ 4. นายชวลิต ทิสยากร

        

ขณะที่ผู้แทนสมาคมวิชาชีพ ตามมาตรา 49 (4) ประกอบด้วย 1. นายประสพสุข ภุชงค์เจริญ 2. นายนิวัติ พุทธรักษา 3. นายภูเบศ แย้มเกสร และ 4. นายไชยยันตร์ พัฒนพงศ์

 

ส่วนคณะกรรมการสรรหาอีก 17 คนสำหรับสรรหา กทช. มาแทนนายอาทร จันทรวิมล กทช. ที่ลาออกไป คาดว่าจะได้รายชื่อครบ 17 คนในสัปดาห์หน้าและจะจัดประชุมเพื่อเลือกประธานกรรมการสรรหาสัปดาห์ถัดไป เพื่อเริ่มดำเนินการกระบวนการสรรหาต่อไป

 

วันเดียวกันนี้ นายกิตติพงศ์ เตมียประดิษฐ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที ได้เดินทางเข้าพบ กทช. โดยระบุว่า เพื่อเยี่ยมคารวะในฐานที่เข้ารับตำแหน่งรักษาการ และเป็นการทำความเข้าใจร่วมกันระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลและผู้รับใบอนุญาต เพื่อที่ต่อไปการดำเนินงานใดๆ จะได้เป็นไปตามที่ กทช. กำหนด เช่น การดำเนินโครงการยูเอสโอ, การชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและค่าธรรมเนียมเลขหมาย เป็นต้น

 

ต่างประเทศ

จอร์เจียประกาศภาวะฉุกเฉิน

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - มิกเฮล ซาคัชวิลิ ประธานาธิบดีแห่งจอร์เจีย ประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 15 วัน หลังจากมีการปะทะกันระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วงที่เรียกร้องให้ประธานาธิบดีลาออก ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตา กระสุนยาง และฉีดน้ำเข้าใส่ผู้ชุมนุม ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 486 คน ด้านประธานาธิบดีซาคัชวิลิซึ่งนิยมตะวันตก ได้กล่าวหารัสเซียว่าหนุนหลังผู้ประท้วง พร้อมขับนักการทูตรัสเซียหลายคนและเรียกเอกอัครราชทูตจอร์เจียกลับจากกรุงมอสโก อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาของจอร์เจีย พร้อมระบุว่าคำพูดดังกล่าวเป็นการยั่วยุและจะถูกตอบโต้อย่างเหมาะสม

 

การเลือกตั้งสส.ปากีสถานจะมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค -ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมืองในปากีสถานจากการที่ประธานาธิบดี เปอร์เวซ มูชาราฟ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินมาตั้งแต่เมื่อวันเสาร์และมีจับกุมสมาชิกพรรคฝ่ายค้านไปแล้วมากมาย ซึ่งมีการคาดกันว่าเป็นความพยายามของประธานาธิบดี มูชาราฟ ในการอยู่ในอำนาจต่อไป ล่าสุด นาย มาลิ มูฮัมหมัด เกย์ยุม อัยการสูงสุดของปากีสถานเปิดเผยว่า ได้กำหนดแล้วว่าการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรในเดือนมกราคมอาจเลื่อนไปเป็นเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนภาวะฉุกเฉินอาจมีการยกเลิกในอีก 1 หรือ 2 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตามประธานาธิบดี มูชาราฟ ยังไม่ได้ออกมากล่าวถึงกำหนดการณ์ในการเลือกตั้งและการยกเลิกภาวะฉุกเฉิน ว่าจะมีขึ้นเมื่อใด

         

ส่วนความคืบหน้าอื่นๆ พรรคประชาชนปากีสถานหรือพีพีพีของอดีตนายกรัฐมนตรี เบนาซีร์ บุตโต อ้างว่าเมื่อคืนวานนี้ ตำรวจได้ควบคุมตัวนักกิจกรรมของพรรคในเมืองปันจาบไปกว่า 1,000 คน แต่ตำรวจว่าตอบโต้มีเพียง 50 คนเท่านั้น

         

ทั้งนี้ แม้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะข่มขู่ว่าจะตัดความช่วยเหลือปากีสถานจากวิฤกฤตการณ์ในครั้งนี้ แต่คาดกันว่าอาจไม่สามารถดำเนินการได้จริงเนื่องจาก รัฐบาลปากีสถานภายใต้การนำของประธานาธิบดี มูชาราฟ ที่แม้จะมาจากการรัฐประหารเมื่อปี 2542 แต่ก็ให้ความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาในการกวาดล้างกลุ่มกบฏตอลีบานและเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ เป็นอย่างดีมาโดยตลอด

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท