Skip to main content
sharethis

ประชาไท - คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดให้องค์กรต่างๆ เข้าร่วมเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็น ส.ว.  ที่สำนักงาน กกต. ชั้น G อาคารศรีจุลทรัพย์ ระหว่างวันที่ 3-17 มกราคม ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 ไม่เว้นวันหยุดราชการ


 


ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. เป็นต้นมา มี 2 องค์กร ที่เสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหา ได้แก่


 


-สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เสนอชื่อ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวาณิช อดีตจเรทหารทั่วไป เข้ารับการสรรหา ส.ว. โดยถือเป็นรายแรกที่ถูกเสนอชื่อโดยมาจากองค์กรภาครัฐ


 


-สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.เพชรบูรณ์ เสนอชื่อ นางนิลวรรณ เพชระบูรณิน ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัทเพชรบูรณ์อินโนเวชั่น จำกัด เป็นผู้เข้ารับการสรรหา ส.ว. โดยสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว ถือเป็นตัวแทนภาคเอกชนรายแรกที่มาสมัคร



อนึ่ง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้มีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 150 คน โดยมาจากการเลือกตั้ง จังหวัดละ 1 คน (76 คน) และมาจากการสรรหาอีก 74 คน


 


สำหรับ องค์กรที่มีสิทธิเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา ต้องเป็นองค์กรในภาควิชาการ, ภาครัฐ, ภาคเอกชน, ภาควิชาชีพ และภาคอื่นที่เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภา ต้องเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมาย หรือเป็นนิติบุคคลที่ได้รับการรับรองโดยกฎหมายให้จัดตั้งขึ้นในราชอาณาจักรมาแล้วไม่น้อยกว่าสามปี และต้องมิใช่เป็นองค์กรที่แสวงหาผลกำไรหรือดำเนินกิจกรรมทางการเมือง


 


องค์กรตามวรรคหนึ่งต้องลงทะเบียนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด โดยต้องแสดงหลักฐานการเป็นองค์กรภาคใดภาคหนึ่งเพียงภาคเดียว โดยมีสิทธิเสนอชื่อบุคคลที่เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกขององค์กร หรือปฏิบัติหน้าที่หรือเคยปฏิบัติหน้าที่ในองค์กร ซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และสมควรได้รับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภาองค์กรละหนึ่งคน และให้ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อชำระค่าธรรมเนียมคนละ 5,000 บาท โดยให้ค่าธรรมเนียมนั้นตกเป็นรายได้ของรัฐ


 


ทั้งนี้ บุคคลซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากองค์กรแล้วจะขอถอนชื่อออกจากการได้รับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภามิได้


 


ทางด้าน คณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ประกอบด้วย ประธานศาลรัฐธรรมนูญ, ประธานกรรมการการเลือกตั้ง, ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน, ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ, ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้พิพากษาในศาลฎีกา ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามอบหมายจำนวนหนึ่งคน และตุลาการในศาลปกครองสูงสุดที่ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดมอบหมายจำนวนหนึ่งคนเป็นกรรมการ ทำหน้าที่สรรหาบุคคลตามมาตรา ๑๑๔ ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับบัญชีรายชื่อจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง แล้วแจ้งผลการสรรหาให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลผู้ได้รับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา


 


อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญ 50 ได้ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาซึ่งจะมีการได้มาเป็นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ และมิให้นำบทบัญญัติ มาตรา 115 (9) และมาตรา 116 วรรคสอง มาใช้บังคับกับผู้เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งได้รับเลือกตั้งครั้งหลังสุดตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540


 


และมาตรา 297 ระบุว่า ในวาระเริ่มแรก ให้สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการสรรหามีวาระสามปีนับแต่วันเริ่มต้นสมาชิกภาพ และมิให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับการห้ามดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินหนึ่งวาระ มาใช้บังคับกับบุคคลดังกล่าวในการสรรหาคราวถัดไป หลังจากสิ้นสุดสมาชิกภาพ


 


 


………………………………….


 


ข้อมูลเพิ่มเติม


ตารางเปรียบเทียบจำนวน ที่มา ของศาล และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปี2540และ2550, iReport


ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.ect.go.th


คำขอลงทะเบียนขององค์กรเพื่อเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ดาวน์โหลด)


ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net