"ซูฮาร์โต" อดีตประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เสียชีวิตแล้ว

การดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศอย่างยาวนาน 32 ปี ย่อมมีทั้งคนรักและคนชัง นอกจาก "ซูฮาร์โต" จะเป็นอดีต ปธน.อินโดฯ แล้ว เขายังเป็น "เผด็จการ" "นายทหารระดับสูง" และ "บิดาแห่งการพัฒนาประเทศ" ด้วย ขณะที่องค์กรเฝ้าระวังการคอรัปชั่นฯ ยกให้ซูฮาร์โตเป็น "ผู้นำผู้ฉ้อฉล" อีกหนึ่งตำแหน่ง

ซูฮาร์โตบนเก้าอี้รถเข็นขณะเดินทางไปขึ้นศาล กรณีพัวพันการสั่งฆ่าประชาชน 

แ่ต่ศาลสั่งให้ยกเลิกการพิจารณา เนื่องจากเห็นว่าสุขภาพของซูฮาร์โตไม่แข็งแรงพอ

-ภาพจาก AP-

 

 

วันที่ 27 มกราคม 2551 เมื่อเวลา 1.10 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศอินโดนีเซีย "ซูฮาร์โต" อดีตผู้นำคนสำคัญทางการเมืองของอินโดฯ ได้เสียชีวิตลง ณ โรงพยาบาลเปอร์ตามินา กรุงจาการ์ตา ด้วยอายุขัย 86 ปี โดยซูฮาร์โตได้เข้ารับการรักษาพยาบาลเนื่องจากหัวใจล้มเหลว นับตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.เป็นต้นมา

 

"หะจี โมฮัมหมัด ซูฮาร์โต" เกิดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2464 (ค.ศ.1921) และมีบทบาทสำคัญทางการเมืองนับตั้งแต่ปี 1965 โดยการใช้นโยบายปราบปรามกองกำลังคอมมิวนิสต์ด้วยวิธีรุนแรง หลังจากมีความพยายามทำรัฐประหารแต่ไม่สำเร็จ ในที่สุดซูฮาร์โตได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งอินโดนีเซียในปี 1967 และอยู่ในตำแหน่งผู้นำประเทศเป็นเวลายาวนานถึง 32 ปี

 

ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซูฮาร์โตได้รับสมญาว่าเป็น "บิดาแห่งการพัฒนาประเทศ" ในยุค 1990"s ซึ่งเป็นยุคที่เศรษฐกิจของอินโดนีเซียเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ข้อกล่าวหาว่าเขาคือผู้ทุจริตคอรัปชั่นที่ใหญ่ที่สุดในอินโดฯ ก็เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน โดยมีการอ้างถึง "แกงค์มาเฟียเบิร์กลีย์" ซึ่งหมายถึงรัฐมนตรีในรัฐบาลของซูฮาร์โต ผู้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเบิร์กลีย์ สหรัฐอเมริกา ถือว่าเป็น "ชนชั้นนำ" ที่ซูฮาร์โตมอบหมายให้ควบคุมเศรษฐกิจของประเทศ

 

ซูฮาร์โต (ซ้ายมือ) ขณะที่นำกำลังปราบปรามกองกำลังฝ่ายซ้ายที่พยายามทำรัฐประหารในปี 1965

-ภาพจาก AP-

 

 

สมญานาม "มาเฟียเบิร์กลีย์" ถูกตั้งขึ้น เนื่องจากการรัฐบาลยุคซูฮาร์โตผูกขาดธุรกิจหลายอย่าง ทำให้บรรดารัฐมนตรีและเครือญาติของผู้นำรัฐบาลร่ำรวยขึ้น เช่นเดียวกับการใช้ตำแหน่งผู้นำทางการทหารออกนโยบายรุนแรงเพื่อปราบปรามผู้ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการบริหารประเทศของรัฐบาลซูฮาร์โต ซึ่งรวมถึงสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์, นักหนังสือพิมพ์ และนักวิชาการหลายรายที่เสียชีวิตและสูญหายไปในช่วงเวลาที่ซูฮาร์โตเรืองอำนาจ และการใช้กำลังทหารเข้าสู้รบเื่พื่อปราบปรามกองกำลังแบ่งแยกดินแดนอีสต์ติมอร์ก็มีส่วนทำให้ยุคของซูฮาร์โตถูกเรียกว่า "ยุคแห่งความหวาดกลัว" ของชาวอินโดนีเซียด้วย

 

ตลอดระยะเวลา 32 ปีในฐานะผู้นำประเทศ ซูฮาร์โตได้รับการสนับสนุนด้วยดี จนกระทั่งปี 1998 หลังจากที่เกิดภาวะวิกฤติเศรษฐกิจทั่วเอเชีย ซูฮาร์โตลาออกจากตำแหน่ง พร้อมประกาศว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองและการทหารอีก

 

หลังจากซูฮาร์โตลงจากตำแหน่ง มีความพยายามจะนำตัวซูฮาร์โตและผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินการในชั้นศาล เนื่องจากมีผู้กล่าวหาว่าเขาคือผู้ออกคำสั่งให้ฆ่าและลักพาตัวผู้คนจำนวนมากให้สูญหายไป ในยุคที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ศาลอนุโลมให้ซูฮาร์โตไม่ต้องขึ้นศาลเพื่อรับการพิจารณาคดี เนื่องจาก "สุขภาพไม่แข็งแรง"  

 

อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์จำนวนมากบันทึกว่า ซูฮาร์โตเป็นบุคคลสำคัญที่มีส่วนรู้เห็นในการหายตัวไปของนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน, นักหนังสือพิมพ์, นักวิชาการ, สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ รวมถึงครอบครัวของผู้สูญหาย จำนวน 800,000 กว่าคน

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท