Skip to main content
sharethis


สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ความขัดแย้งจากการคัดค้านการถมที่ป่าพรุ เพื่อขยายกิจการโรงถลุงเหล็กฯ ของบริษัทสหวิริยาสตีล กรุ๊ป จำกัด ณ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 51 จนมีผู้เสียชีวิต และตามมาด้วยคดีความที่จะเกิดขึ้น


 


วันพรุ่งนี้ (30 ม.ค.51) กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงและกลุ่มอนุรักษ์บ้านกรูดจำนวนกว่า 100 คน จะเดินทางมายังกรุงเทพฯ โดยในช่วงเช้า เวลา 9.00 น. จะเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนที่สภาทนายความแห่งประเทศไทย เพื่อขอให้ตรวจสอบคุณธรรม จริยธรรม ของประธานสภาทนายความ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และในช่วงบ่าย เวลา 13.00 น. กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง จะเดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อร่วมกันมอบตัว นายบำรุง สุดสวาท ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.แม่รำพึง ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีที่นายรักศักดิ์ คงตระกูล ลูกจ้างบริษัทสหวิริยา ถูกกระสุนปืนเสียชีวิต ในเหตุการณ์ปะทะหว่างกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงกับกลุ่มเสื้อแดงซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนโครงการถลุงเหล็ก




 


เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 51 นายสุพจน์ ส่งเสียง ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงที่คัดค้านโครงการโรงถลุงเหล็กสหวิริยา บางสะพาน ให้สัมภาษณ์ ว่าตามที่ ภรรยานายรักศักดิ์ ผู้ที่ถูกยิงเสียชีวิตในวันที่ 24 ม.ค. 51 ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าแปลกใจทำไมสามีตนถูกยิงจากด้านหลัง ทั้งๆ ที่เป็นเหตุการณ์ประจันหน้ากับฝ่ายคัดค้านว่า ไม่ต้องแปลกใจเพราะนายสุพจน์เองอยู่ในที่เกิดเหตุและวิ่งหลบลูกกระสุนปืนของฝ่ายคนงานบริษัทสหวิริยาอย่างชุลมุน เหมือนกับในสนามรบ และนายสุพจน์ยืนยันว่านายรักศักดิ์ตายเพราะกระสุนฝ่ายเดียวกัน รวมทั้งในวันที่ 24 ม.ค. ที่เกิดการเผชิญหน้ากัน นายสุพจน์ได้โทร.ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภอ.บางสะพานตั้งแต่เช้าก่อนเคลื่อนขบวนไปคัดค้านรถขุดร่องน้ำ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่กระทำ ถ้าเจ้าหน้าที่มาห้ามปรามและตรวจอาวุธทั้ง 2 ฝ่ายตั้งแต่เช้า นายรักศักดิ์ก็อาจไม่ตาย เพราะเมื่อไม่มีปืนก็ไม่มีการยิงกันเกิดขึ้น


 


สุดท้ายนายสุพจน์กล่าวว่า "ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ตาย ฝ่ายคัดค้านไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสีย แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เกิดการยิงของคนงานสหวิริยา"


 


ในวันนี้ สมาชิกของกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงประมาณ 15 คน ได้นำโฉนด และนส 3. ไปประเมินราคาที่ดินสำหรับเตรียมไว้ประกันสมาชิกและเครือข่ายของเราที่อาจถูกกล่าวหาและแจ้งความดำเนินคดีจากเหตุการณ์วันที่ 24 ม.ค. 51 ซึ่งการประเมินเอกสารสิทธิ์ได้ทั้งหมดรวม 6 ล้านบาท


 


นายวิฑูรย์ บัวโรย ประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง ทำจดหมายเปิดผนึกส่งถึงนายกฯ อบจ. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เรื่อง ขอให้เปิดเผยข้อมูลกรณีการเช่าใช้ที่ดินสาธารณะในเขตอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในเขต ตำบลแม่รำพึง ตำบลกำเนิดนพคุณ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้เพราะสงสัยว่า จะมีการนำที่ดินสาธารณะ ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำแก้มลิงทางธรรมชาติบริเวณอำเภอบางสะพาน ไปให้เอกชนเช่าใช้ทำประโยชน์เพื่อแสวงหากำไรในธุรกิจ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมบางสะพาน


 


โดยกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง ได้ขอรายละเอียดต่างๆ ตามสิทธิ์ตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารในประเด็นต่างๆ คือ 1) มีจำนวนเนื้อที่ดิน แผนที่ตั้ง ตำแหน่ง รูปลักษณะขอบเขตของที่ดินสาธารณะ ระยะเวลาการเช่า เงื่อนไขสัญญาเช่า 2)

ค่าเช่าที่ดินสาธารณะ 3) เหตุผลในการอนุญาตให้เอกชนเช่าใช้ 4) ชื่อของคณะกรรมการที่พิจารณาอนุมัติให้เช่าใช้ที่ดินสาธารณะ


 


 


ครส. แถลงการณ์ ให้รัฐบาลลงพื้นที่บางสะพาน


เมื่อวันที่ 28 ม.ค. คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) แถลงการณ์ให้รัฐบาลลงพื้นที่ป่าพรุ บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเยียวยาสถานการณ์ ยุติปัญหาความขัดแย้งและสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่


 


ครส.เรียกร้องภาครัฐในระดับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ลงพื้นที่ไปจัดการปัญหาดังกล่าว เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงและฝ่ายสนับสนุนโรงงานถลุงเหล็กมีความขัดแย้งสูง ทั้งยังมีปัญหาอิทธิพลการเมืองระดับชาติมาเกี่ยวข้องผลประโยชน์โครงการในพื้นที่ป่าพรุธรรมชาติกว่า 1,500 ไร่ แล้โดยเหตุการณ์ตึงเครียดเมื่อ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา เกิดขึ้นจากการละเลยในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องคุ้มครองสวัสดิภาพของประชาชน แต่เจ้าหน้าที่กลับถอนกำลังออกจากพื้นที่ปล่อยให้เป็น "พื้นที่ที่ไร้รัฐ" จนเกิดความรุนแรงขึ้น


 


นอกจากนี้ ยังขอให้รัฐบาลตรวจสอบการดำเนินโครงการของบริษัท สหวิริยาสตีล กรุ๊ป จำกัด ว่ามีความโปร่งใสในการดำเนินการหรือธรรมาภิบาลเพียงใด เพราะเป็นโครงการภายนอกที่ไปสร้างความแตกแยกในชุมชนและทำลายทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญอย่างมหาศาล ว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องทางผลประโยชน์อย่างไรหรือไม่ ทั้งเสนอให้สั่งการให้เจ้าหน้าที่จากส่วนกลางเข้าไปมีส่วนร่วมในการคลี่คลายสถานการณ์ให้มากขึ้น และตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐนอกแถวที่อาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานการณ์การสร้างปัญหาความรุนแรงในพื้นที่


 


ประการถัดมา ครส.ขอให้มีการยกเลิกการประกาศกฏอัยการศึกในพื้นที่ ซึ่งมีข้อครหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในการใช้อำนาจ และตรวจสอบ "คนมีสี" โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารที่มีรายงานว่าอาจเข้าไปเกี่ยวข้องผลประโยชน์ในโครงการและใช้อิทธิพลนอกระบบในพื้นที่ดังกล่าว หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารไปเกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการอย่างถึงที่สุด และสุดท้าย ขอให้รัฐบาลตรวจสอบธรรมาภิบาลและการดำเนินการของบริษัทสหวิริยาสตีล กรุ๊ป จำกัด ที่ว่าจ้างบริษัทเอกชนข้าไปถมที่ป่าพรุ ซึ่งมีพื้นที่กว่า 1,500 ไร่ ทั้งๆ ที่โครงการยังไม่ผ่านการพิจารณาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม(EIA) และระหว่างที่ บริษัท สหวิริยาสตีล กรุ๊ป จำกัด รอผลการพิจารณาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม(EIA) ที่ยังไม่ผ่านการพิจารณาจากสำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมนั้น ขอให้บริษัทยุติการดำเนินการใดๆ ของโครงการไว้ก่อน เพื่อยุติปัญหาและสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net