Skip to main content
sharethis





การเมือง


 


"บิ๊กแอ้ด" นำขิงแก่ล่องเรืออำลา ไร้เงา "บิ๊กบัง-อารีย์"


แนวหน้า - ค่ำวานนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยภริยา เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่คณะรัฐมนตรีและคู่สมรสทุกคน ทั้งรัฐมนตรีเก่า และปัจจุบัน ที่ทำงานให้รัฐบาลชุดนี้ บนเรืออังคณา ที่ล่องจากสะพานพระราม 8 จนถึงสะพานกาญจนาภิเษกเพื่ออำลาตำแหน่งร่วมกันเป็นครั้งสุดท้าย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย รัฐมนตรีส่วนใหญ่แต่งกายในชุดลำลอง อย่างไรก็ตาม มีรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาร่วมงานนี้ด้วย อาทิ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกฯและนายอารีย์ วงศ์อารยะ อดีตรมว.มหาดไทย


 


สำหรับอาหารที่จัดเลี้ยง ประกอบด้วย กุ้งแม่น้ำนึ่งกระเทียมโทน กุ้งแม่น้ำทอดกระเทียมพริกไทย ทอดมันปลากราย ปลาอินทรีย์ลวกจิ้มซีฟู้ด เป็นต้น พร้อมกันนี้ยังมีการจัดดนตรีคาราโอเกะไว้คอยบริการด้วย



สำหรับประเด็นกรณีกองทัพได้ออกพรบ.ว่าด้วยการจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 เพื่อสกัดฝ่ายการเมืองล้วงลูกโผทหารในช่วงการแต่งตั้งโยกย้ายนั้น ล่าสุดพล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รักษาการรมว.กลาโหม กล่าวย้ำว่า เรื่องนี้ได้ปรับความเข้าใจกับนายสมัครแล้ว ท่านก็เข้าใจดี เพราะไม่ใช่ปรับความเข้าใจอย่างเดียว แต่หมายถึงว่าเข้าใจซึ่งกันและกัน


 


"ผมเชื่อนายกฯ สมัครว่าเป็นคนจริงคนหนึ่ง และผมชอบคนจริง คือพูดจริงทำจริง และท่านบอกแล้วว่าจะไม่เข้ามาแทรกแซง ไม่เข้ามาล้วงลูก หน้าที่ของทหารก็จะปล่อยให้ทหารทำไป ผมเชื่อว่าในส่วนความมั่นคงและทหารคงไปได้ดีแน่นอน" พล.อ.บุญรอด กล่าว



ทั้งนี้พล.อ.บุญรอดเชื่อว่า ผู้นำเหล่าทัพน่าจะทำงานร่วมกับนายสมัครได้ ไม่น่าจะมีอะไรสะดุด เพราะบุคลิกของนายสมัครเป็นบุคลิกที่ทหารยอมรับได้ และน่าจะเข้ามาเป็นรมว.กลาโหมได้แน่นอน จุดนี้ทำให้รู้สึกสบายใจ ทั้งคนอยู่ และตนที่จะไป


 


"ถ้านายสมัครมีนโยบายออกมาแบบนี้ ผมก็เชื่อตามที่ท่านเชื่อว่าจะไม่มีการปฏิวัติอีก เพราะทหารทุกคนสบายใจที่นายกฯคนใหม่เข้าใจบทบาททหารที่ไม่ต้องการให้การเมืองเข้ามาแทรกแซง" พล.อ.บุญรอด กล่าว



"สพรั่ง"เดือด! ลั่นไม่เคยโกง เล็งฟ้องเรียก 100 ล้าน คนแฉทุจริตในทีโอที-ทอท.


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีการนำข้อมูลการบริหารงานไม่โปร่งใสในการทำหน้าที่ประธานบอร์ดการท่าอากาศแห่งประเทศไทย (ทอท.) และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มาเปิดเผยทางสื่อมวลชนว่ากำลังให้ฝ่ายกฎหมายดูว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าเข้าข่ายจะฟ้องร้องทันที เพราะรู้สึกว่าตอนแรกความเป็นสุภาพบุรุษของเรา คิดว่าเขาคงจะได้อายบ้าง แต่ไม่ใช่ก็จะต้องสู้กับทุกคนที่คิดว่าเป็นศัตรูกับชาติบ้านเมือง


 


"ผมให้กรมพระธรรมนูญฟ้องร้องกับคนเหล่านี้จำนวน 100 ล้านบาทซึ่งเงินที่ได้จะนำไปให้การกุศล สื่อมวลชนเห็นความบัดสีบัดเถลิงของพวกนี้หรือยัง บ้านเมืองจะฉิบหายเพราะคนชั่วพวกนี้ ถ้าตนจะโกงไม่ต้องมาเป็นประธานบอร์ดหรอก คนพวกนี้มันโง่ ชั่วช้าเลวทราม" พล.อ.สพรั่ง กล่าว


 


เมื่อถามว่า เหตุใดสื่อของกลุ่มพันธมิตรเดิมจึงนำหลักฐานมาโจมตี พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า พันธมิตรคนอื่นมีอยู่ทั่วประเทศที่เข้าใจเชื่อว่าข่าวที่เรียกว่าจับแพะชนแกะ มีเป้าหมายสกปรกเป็นพิเศษ การระบุว่า บอร์ดชุดนี้ทำให้ขาดทุนถึง 90 % เป็นความพยายามจะบิดเบือนข่าว ทั้งที่ข้อเท็จจริงพนักงานรู้ว่าใครคือคนที่ปกป้อง ใครไปทำชั่วไว้หรือ ใครแอบผสมโรงปรารถนาลามก


 


เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ต่อสายคุยกับ ผบ.เหล่าทัพแล้ว และได้โทรศัพท์มาหาบ้างหรือไม่ พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า "โอ้ย ผมไม่ได้ใหญ่โตขนาดที่ใครจะโทรศัพท์มาหา ผมไม่ใช่เป็นคนที่พูดไม่รู้เรื่อง ผมเป็นคนที่มีเหตุผล การพูดคุยผมพิจารณาได้ สิ่งที่พูดคุยนั้นเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองต้องพูด แต่ถ้าเป็นประโยชน์กับตัวเอง และบ้านเมืองเสียหายก็ไม่ยอม หากทำเพื่อชาติบ้านเมืองก็พร้อมที่จะพูดคุยด้วย


 


คตส.ฟัน"สมคิด-เนวิน"ทุจริตกล้ายาง


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. เปิดเผยว่าที่ประชุม คตส. ในวันนี้ (4 ก.พ.) ได้มีมติเห็นชอบตามที่ คณะอนุกรรมการไต่สวนโครงการจัดซื้อ ต้นกล้ายางพาราและการดำเนินการโครงการปลูกยางพารา 90 ล้านต้น ของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายบรรเจิด สิงคะเนติ ประธานได้ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด เพื่อยื่นฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการดังกล่าว รวม 45 คน ประกอบด้วย คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรหรือ คชก. ซึ่งมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์  อดีตรองนายกฯ และรมว.คลัง เป็นประธาน  นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง ในฐานะกรรมการ คชก. นายเนวิน ชิดชอบ อดีต รมช.เกษตรฯในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการ รวมถึง บ.เจริญโภคภัณฑ์ ที่ชนะการประกวดราคา  บริษัทรีสอร์ทแลนด์ จำกัด และ บริษัทเอกเจริญการเกษตร จำกัด ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 1,100.69 ล้านบาท คืนแก่รัฐและต้องรับผิดร่วมกันตามจำนวนความเสียหายที่เกิดขึ้น


 


ทั้งนี้ คตส. ได้ยุติการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่เกี่ยวข้องอีก 45 คน เป็นอดีตคณะรัฐมนตรี  ในรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ รวมถึงคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเข้าสู่ครม. คณะที่ 2


 


พันธมิตรรวมพลจับตารัฐบาล  เตรียมฟื้นขบวนการประชาชน


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในช่วงรัฐบาลกำลังเข้าบริหารประเทศ โดยวานนี้ (4 ก.พ.) มีรายงานข่าวที่เปิดเผยว่า เวลา 10.00 น. ที่บ้านพระอาทิตย์ สำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เช่น นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ขาดแต่เพียง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้ประชุมหารือวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองภายใต้รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช โดยส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า ภายหลังจากนี้แกนนำพันธมิตรจะประสานงานกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น


 


เนื่องจากสภาพการณ์ทางการเมืองได้ย้อนกลับไปเหมือนกับยุคก่อน 19 ก.ย. 2549 ที่ระบอบทักษิณควบคุมทิศทางของประเทศ อำนาจทางการเมืองที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่นายสมัคร แต่อยู่ในมือของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ปัญหาต่างๆ ที่เคยเป็นเงื่อนไขของการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยังกลับมาเกิดขึ้น เช่น ผลประโยชน์ทับซ้อน การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และหากรัฐบาลดำเนินการเพื่อเอื้อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จำเป็นต้องสร้างขบวนการประชาชนขึ้นมาเพื่อต่อต้าน แต่จะไม่ใช่รูปแบบเดิมที่มีการชุมนุมมวลชนขนาดใหญ่ แต่จะปรับเป็นการเคลื่อนไหวย่อย เน้นให้ความรู้ประชาชนตามแหล่งชุมชนต่างๆ



นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้วิเคราะห์กันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินเกมรุกหนักขึ้น เพื่อต้องการเคลียร์ข้อหาและคดีต่างๆ ให้เร็วที่สุด ภายในเวลา 3-5 เดือน แล้วพยายามปิดเกม โดยอาจจะประกาศยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ภายในสิ้นปี 2551 เนื่องจากหากปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อออกไปจะไม่เป็นผลดีต่อการกลับมามีอำนาจ


 


 






เศรษฐกิจ


 


บาทแข็งค่าต่อเนื่องแตะ 32.88


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง รอบ 10 ปีครั้งใหม่ แตะ 32.88/93 บ./ดอลล่าร์ ตามทิศทางค่าเงินสกุลในภูมิภาค คาดเงินไหลเข้าตลาดหุ้น ดันบาทแข็งต่อเนื่อง


 


ค่าเงินบาทในช่วงเช้าเมื่อเวลาประมาณ 09.14 น. อยู่ 32.88/93 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับวันศุกร์ปิดตลาดที่ 32.91/94 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ


 


ส่วนค่าเงินบาทในตลาด offshore อยู่ที่ 31.05/15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 30.90/31.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ


 


นักค้าเงินให้ความเห็นว่า ค่าเงินบาทในช่วงเช้าของวันนี้แข็งค่าต่อเนื่อง ในรอบ 10 ปี ครั้งใหม่ โดยยังคงเป็นปัจจัยเดิมๆเหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่น และมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ส่งผลให้ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าต่อเนื่อง สำหรับกรอบการเคลื่อนไหววันนี้คาดอยู่ที่ 32.85-32.95 บาทต่อดอลลาร์


 


 






คุณภาพชีวิต


 


กองสลากเสนอรบ.ยิงสดออกรางวัล


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายวันชัย สุระกุล รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ กล่าวว่า  หลังจากรัฐบาลชุดใหม่เข้าทำงานแล้ว เตรียมเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่พิจารณาเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทบทวนการปรับเปลี่ยนให้กลับมาถ่ายทอดสดขั้นตอนการออกเลขรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลทางโทรทัศน์ หลังจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมาได้ยุติการถ่ายทอดสดและการออกสลากสัญจร  เพราะหวั่นเกรงว่าจะทำให้เกิดการมอมเมาประชาชนมากเกินไป  แต่ทางสำนักงานสลากฯ การถ่ายทอดสดออกเลขรางวัลทางโทรทัศน์ มองว่าจะเป็นการสร้างความโปร่งใสในขั้นตอนการออกเลขรางวัลและลบภาพหวยล็อค ซึ่งออกรางวัลเลขเหมือนกันติดต่อกันหลายงวด และการออกสลากสัญจรจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้รับทราบขั้นตอนการออกเลขรางวัลให้เกิดความน่าเชื่อถือ


 


นายวันชัย กล่าวว่า ทั้งนี้  ยังจะเป็นการลดปัญหาการถูกมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนในต่างจังหวัดให้โอนเงินเข้าบัญชี โดยหลอกว่าผู้บริหารสำนักงานสลากฯ จะบอกรางวัลเลขเด็ดให้  ถึงแม้ว่ายังประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมอย่างต่อเนื่อง  แต่ยังมีกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวหลอกลวงประชาชน  เพราะมองว่าจะได้รับเลขรางวัลที่ออกได้จริงซึ่งผู้หลงเชื่อไม่ใช่เฉพาะชาวบ้าน แม้แต่ข้าราชการหรือพนักงานบริษัทก็ยังหลงเชื่อจำนวนมาก จึงต้องการให้ประชาชนได้รับทราบว่า ขั้นตอนการออกเลขรางวัลจริง ๆ มีความรัดกุมโปร่งใสทุกขั้นตอนและมองว่าการถ่ายทอดสดการออกเลขรางวัลทางโทรทัศน์น่าจะส่งผลดีกว่าการยุติถ่ายทอดสด


 


"คนจน" หมดสิทธิ์ใช้รถไฟฟ้า 9 สาย "สมัคร" วาดฝันขยายเส้นทาง 3 ทิศ 100 กม.


มติชนออนไลน์ - นายคำรบลักขิ์ สุรัสวดี อดีตรองปลัดกระทรวงคมนาคม และผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้สัมภาษณ์ถึงโครงการรถไฟฟ้า 9 สายที่นายสมัครสุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศว่าจะสร้างให้เสร็จภายใน 3 ปี ว่า เป็นเรื่องที่ท้าทายและน่าเป็นห่วงเพราะว่าหนักหนาสาหัสทีเดียวที่จะสร้าง 100 กิโลเมตร ในเวลา 1 ปี การระดมทุนก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน


 


นายคำรบลักษณ์ กล่าวอีกว่า ตามขั้นตอนต้องมีการผ่านกระทรวงการคลัง  มีการทำประชาพิจารณ์ ทุกอย่างต้องใช้เวลาทั้งสิ้น ถ้าสร้างแล้วพื้นผิวการจราจรก็จะหายไปมาก หากจะสร้างพร้อมกันทั้ง 9 เส้น ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายมากและน่าเป็นห่วง ตนยังไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดว่ารวมแล้วการก่อสร้างเป็นเงินเท่าไหร่ แต่ระยะ 400 กม. น่าจะเป็นเงินราวๆ 5-6 แสนล้าน หากจะระดมทุน 3 ปีก็คงกระจายอยู่ตกปีละแสนกว่าล้าน อยู่ในวิสัยที่พอจะทำได้ ที่น่าห่วงก็คือในรถไฟฟ้าคงทราบกันดีว่าจากค่าโดยสารที่เก็บอยู่รัฐต้องช่วยสนับสนุนอยู่ 70% ฉะนั้นใน 5-6 แสนล้านนี้รัฐจะต้องให้เปล่าเงินโดยหวังว่ามูลค่าการซื้อขายทางเศรษฐกิจไปลบได้จากการนำเข้าน้ำมัน ซึ่งอยู่ที่ 3-4 แสนล้าน


 


'หากเดินทางจริงค่าโดยสารจะแพงมากและคนจนอาจหมดสิทธิ์ใช้บริการนั้นเรามีทั้งรถเมล์และรถไฟฟ้าให้เลือกเดินทางอยู่แล้ว และรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกในการช่วยประหยัดน้ำมันรถยนต์ ทำให้รถบนท้องถนนวิ่งได้เร็วขึ้น เป็นการได้ผลประโยชน์ร่วมกัน ค่าโดยสารรถไฟฟ้ารัฐก็ช่วยสนับสนุนแล้วถึง 70 % หากจะให้ลดค่าโดยสารอีก รัฐก็จะต้องให้เงินเพิ่ม ต้องมาพิจารณาในภาพรวมกันอีกครั้ง'


 


ด้านนายอาณัติ อาภาภิรม   ที่ปรึกษาคณะกรรมการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอส)  กล่าวถึงแนวความคิดของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่จะให้ขยายเส้นทางรถไฟฟ้าออกไป 3 ทิศทาง รวม 100 กิโลเมตร โดยสนับสนุนว่า เป็นความคิดที่ดี ซึ่งจะสามารถช่วยแก้ปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครได้ในระยะยาว


 


ทั้งนี้ นายอาณัติกล่าวว่า แต่ข้อควรระวังสำหรับเรื่องดังกล่าว คือ ด้านการลงทุน เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูง ซึ่งหากให้เอกชนมาลงทุนทำทั้งโครงการอย่างที่ บีทีเอสดำเนินการมาก่อนหน้านี้  จะทำไม่ได้ แต่ควรจะให้รัฐและเอกชนร่มลงทุน ซึ่งควรจะมีความแตกต่างของสูตรการร่วมลงทุนในแต่ละเส้นทาง


 


อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กทม. ได้ดำเนินการเส้นทางต่อขยายรถไฟฟ้า ไปยังถนนเพชรเกษม จ.สมุทรปราการและกำลังวางแผนต่อขยายจากหมอชิตไปยังสะพานใหม่ด้วย


 


 






ต่างประเทศ


 


บึ้มสถานีรถไฟตาย 14 รับวันฉลองเอกราชศรีลังกา


เว็บไซต์คมชัดลึก - นายมหินทรา ราชปักษี ประธานาธิบดีศรีลังกา เป็นประธานในพิธีฉลองครบรอบ 60 ปีที่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันจันทร์ (4 ก.พ.) ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยที่สุดแสนเข้มงวด ภายหลังจากเพิ่งเกิดเหตุระเบิดพลีชีพที่สถานีรถไฟหลักในกรุงโคลัมโบเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 14 คน บาดเจ็บอีกกว่า 100 คน


 


นอกเหนือจากเหตุระเบิดรถไฟแล้ว ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ยังมีคนขว้างระเบิดมือเข้าใส่สวนสัตว์แห่งหนึ่งชานกรุงโคลัมโบ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 4 คน ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์เพิ่งเกิดเหตุระเบิดรถประจำทางคันหนึ่งในเมืองดัมบุลลา ทางภาคกลาง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 18 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้แสวงบุญชาวพุทธ


 


ขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบ แต่โฆษกกองทัพบก แจ้งว่า สตรีคนหนึ่งที่ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลม ได้ปลดชนวนระเบิดหลังจากลงมาจากขบวนรถที่เพิ่งจอดเทียบสถานีรถไฟฟอร์ท ซึ่งลักษณะการระเบิดบ่งชี้ว่าเป็นฝีมือของกบฏกลุ่มนี้ที่ต่อสู้แบ่งแยกดินแดนทางตอนเหนือมาตั้งแต่ปี 2526 ทำให้มีผู้คนล้มตายไปแล้วราว 7 หมื่นคน


 


เจ้าหน้าที่ทางการ เปิดเผยว่า งานฉลองเอกราชปีนี้มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดแบบไม่เคยมีมาก่อน อาทิ การสั่งผู้ให้บริการมือถือระงับการส่งเอสเอ็มเอสตลอดระยะเวลา 6 ชั่วโมงที่มีการทำพิธี นอกจากนี้ ยังจัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่หลายพันคนไปประจำตามจุดต่างๆ รอบเมืองหลวง นอกเหนือจากปิดถนนใกล้สถานที่จัดงาน จัดเรือลาดตระเวนในมหาสมุทรอินเดีย และจัดเครื่องบินลาดตระเวนทางอากาศ


 


ทั้งนี้ ทางการศรีลังกายืนยันให้มีการจัดงานต่อไปแม้ว่าจะเกิดเหตุระเบิดหม้อแปลงชานเมืองหลวงในวันฉลองเอกราช ซึ่งไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต นอกจากนี้ ตำรวจยังสามารถกู้ระเบิดที่วางไว้ในบริเวณเดียวกันได้อย่างทันท่วงที ขณะที่มีผู้อ้างตัวว่าเป็นสมาชิกกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬได้โทรศัพท์ไปตามสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักเพื่อเตือนว่าจะมีการโจมตีหลายจุดในเมืองหลวง


 


ทางด้านประธานาธิบดีศรีลังกา ได้ให้คำมั่นว่า จะปราบกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬให้ได้ ถึงแม้จะได้รับคำเตือนว่า หากสถานการณ์ในประเทศเลวร้ายลงไปกว่านี้อาจทำให้ถูกตัดความช่วยเหลือจากต่างประเทศได้ โดยนายมหินทรา กล่าวว่า ปัจจุบันศรีลังกาได้สานความสัมพันธ์ใหม่กับประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศอาหรับ และประเทศที่เป็นเมืองพุทธ เพื่อนบ้านที่ไว้ใจศรีลังกา และปัญหาของศรีลังกาก็เป็นปัญหาของเพื่อนบ้านเช่นกัน


 


ญี่ปุ่นเผชิญภัยหิมะตกหนักสุด


เว็บไซต์คมชัดลึก - สื่อญี่ปุ่นรายงานเมื่อวันจันทร์ (4 ก.พ.) ว่า หิมะได้พัดกระหน่ำรุนแรงที่สุดในช่วงปลายฤดูหนาวที่พื้นที่แถบกรุงโตเกียว ทำให้ชายชราวัย 67 ปี ผู้หนึ่งซึ่งเป็นชาวเมืองโยโกฮามาเสียชีวิตขณะกำลังตรวจดูบริเวณรอบๆ บ้าน เนื่องจากลื่นตกจากหลังคาบ้าน ขณะที่ประชาชนกว่า 200 คน ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนนที่ลื่นผิดปกติ


 


ขณะเดียวกัน  วิกฤติภัยหนาวครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 100 ปีของจีนเริ่มดีขึ้น เมื่อเครื่องบิน รถไฟและทางหลวงแห่งชาติสายจูไห่-ปักกิ่ง ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมตอนเหนือและใต้ของประเทศสามารถเปิดให้บริการตามปกติได้อีกครั้งแล้ว ทำให้ประชาชนหลายล้านคนมีความหวังมากขึ้นที่จะได้กลับบ้านทันช่วงเทศกาลตรุษจีนในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ขณะที่รัฐบาลได้ส่งทหารกว่าล้านคนออกไปช่วยกำจัดหิมะตามท้องถนน รวมทั้งพยายามซ่อมแซมระบบไฟฟ้า และน้ำประปาตามเมืองต่างๆ ให้กลับมาใช้ได้เหมือนเดิม หลังจากขัดข้องมานานกว่า 1 สัปดาห์


 


ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่า ในบางมณฑลอย่างหูเป่ย์ และหูหนาน ยังต้องเผชิญกับฝนและหิมะตกหนักครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 100 ปี ต่อไปอีก 2-3 วัน ขณะที่มณฑลอื่นๆ เผชิญกับหิมะตกหนักที่สุดในรอบ 50 ปี และหลายพื้นที่หิมะตกหนักสุดในรอบหลายสิบปี


 


สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานอ้างความเห็นของนายฟาน กัง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติจีนที่ว่า ผลกระทบจากภัยหนาวครั้งเลวร้ายที่สุดที่ดำเนินมากว่า 3 สัปดาห์อาจอยู่ในวงจำกัดและผลกระทบจะค่อยๆ คลี่คลายลงภายในปีนี้ ขณะที่จีนจะยังคงรักษาอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้ต่อไป หลังจากข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติชี้ว่า เศรษฐกิจจีนได้ขยายตัว 11.4% เมื่อปีที่แล้ว สูงที่สุดในรอบ 13 ปี


 


นายฟานให้ความเห็นด้วยว่าเป็นเรื่องปกติที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่จะต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ในแต่ละปี แต่เศรษฐกิจจีนนั้นยังคงมีการเติบโตที่มั่นคง ที่สำคัญ ภัยหนาวครั้งนี้ยังส่งผลดีทางอ้อม เพราะจะช่วยกระตุ้นภาคการลงทุนครั้งใหม่อย่างเช่น การปรับปรุงสายส่งไฟฟ้าทั่วประเทศ การปรับปรุงด้านพลังงาน หรือระบบเครือข่ายการขนส่งถ่านหิน เป็นต้น


 


ก่อนหน้านี้มีการประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจจากวิกฤติภัยหนาวครั้งนี้ว่าสูงถึง 7,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.47 แสนล้านบาท)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net