Skip to main content
sharethis


สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ในที่สุดภาพยนตร์เรื่องแสงศตวรรษจะได้เข้าฉายในเมืองไทย หลังจากที่มีเรื่องขัดแย้งระหว่างคณะกรรมการตรวจสอบภาพยนตร์กับผู้กำกับ คือ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล หรือเจ้ย เรื่องการเซ็นเซอร์และตัดฉากในภาพยนตร์บางฉาก ทำให้ผู้กำกับภาพยนตร์ไม่พอใจต้องการจะฉายฉบับเต็มที่ยังไม่ได้ตัดฉากออกไป ขณะเดียวกันทางคณะกรรมการฯ ก็ยืนยันว่าจะไม่มีการฉายในประเทศไทยหากยังไม่มีการตัดฉากออกไปตามที่สั่ง นอกจากนี้ยังได้มีการยึดฟิล์มไว้อีกด้วย


 


เดิมทีภาพยนตร์เรื่อง "แสงศตวรรษ" หรือ Syndrome and a Century เป็นผลงานที่ผู้กำกับบอกว่ามาจากการรวบรวมความทรงจำในวัยเด็กของเขาและของพ่อแม่ ที่เป็นแพทย์ในโรงพยาบาลที่แถบชนบท


 


เมื่อปี 2549 ที่ผ่านมา ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่คณะกรรมการคัดเลือกให้เป็นหนังที่เข้าฉายในเทศกาล New Crowned Hope Festival ของกรุงเวียนนา ในวาระฉลองครบรอบวันเกิด 250 ปี ของโมซาร์ท นอกจากนี้ยังได้รับคำชมเชยจากอีกหลายเทศกาลทั่วโลก


 


อย่างไรก็ดี ในประเทศบ้านเกิดของผู้กำกับเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับถูกสั่งเซ็นเซอร์ 6 ฉากที่ดูเหมือนจะล้ำเส้นออกมาในสายตาของคณะกรรมการฯ อาทิเช่น ฉากที่มีพระสงฆ์นั่งเล่นกีต้าร์และเล่นเครื่องบินบังคับ


 


หลังจากที่มีการต่อสู้มามากกว่าหนึ่งปี เพื่อให้มีการอนุญาตฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในประเทศไทย เจ้ย อภิชาตพงศ์ บอกว่าเขาตัดสินใจแล้ว ว่าจะยอมฉายมันโดยใช้เฟรมดำไม่มีเสียง คั่นแทนในฉากที่คณะกรรมการตรวจสอบฯ สั่งตัดออกไป


 


นอกจากนี้ ผู้กำกับยังได้บอกอีกว่า ในราวๆ เดือนหน้า ภาพยนตร์แสงศตวรรษจะมีการฉาย แต่จะถูกจำกัดให้ฉายเฉพาะในกรุงเทพฯ เท่านั้น


 


"ผมตัดสินใจที่จะยอมให้ฉายเรื่องนี้เพราะว่า ผมต้องการจะส่งสารบางอย่างไปสู่ผู้ชม" ผู้กำกับกล่าวแต่ผู้สื่อข่าวเอเอฟพี "เทปดำที่ไม่มีเสียงนี้แสดงให้เห็นว่า พวกเราถูกทำให้มืดบอดโดยอำนาจได้อย่างไร"


 


จากเหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อปีที่แล้ว ก่อนที่ผู้กำกับจะได้ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย คณะกรรมการตรวจสอบฯ ได้แสดงความประสงค์ให้อภิชาตพงศ์ตัดฉากออกไป 4 ฉาก ซึ่งประกอบด้วย ฉากที่แพทย์ได้เผยกับเพื่อนร่วมงานของหล่อนว่า หล่อนซ่อนเหล้าไว้ในขาเทียม


 


อีกฉากหนึ่งคือฉากที่แพทย์จูบกับแฟนสาวของเขาในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของโรงพยาบาล ก่อนจะล้มลงไปบนพื้นที่มองไม่เห็นในฉาก


 


อภิชาตพงศ์  พยายามขอร้องต่อเหล่าคณะกรรมการตรวจสอบฯ ซึ่งต่อมากลับกลายเป็นว่า คณะกรรมการฯ พวกนี้สั่งให้ตัดเพิ่มอีกสองฉาก


 


"ผมอยากให้มีการตอบรับจากผู้ชมว่ามันดีหรือแย่ มันเหมาะสมหรือไม่ มากกว่าการจะให้คนเพียงไม่กี่คนมาตัดสินมัน" เจ้ยกล่าว


 


ข้อโต้แย้งที่มีต่อกรณีนี้ ได้จุดฉนวนให้เกิดการถกเถียงอย่างจริงจัง เกี่ยวกับกฎหมายภาพยนตร์ ซึ่งร่างขึ้นเมื่อ 77 ปีที่แล้ว เพื่อวางระเบียบการเซ็นเซอร์ภาพยนตร์


 


กฎหมายนี้ได้ถูกปรับปรุงเมื่อปีที่แล้ว (พรบ.ภาพยนตร์ฯ) โดยเพิ่มระบบการจัดเรตติ้งคนดูเข้าไป แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงให้อำนาจแก่คณะกรรมการตรวจสอบภาพยนตร์ในการตัดและเซ็นเซอร์ภาพยนตร์อยู่ดี


 


 


 


ที่มา


Controversial Thai film to be screened at home , AFP , 18/3/2551


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net