Skip to main content
sharethis




วันนี้ (2 เม.ย.) นายส่างมน ตียะ และนายจันต๊ะ ลุงอู พร้อมชาวบ้านในชุมชนบ้านใหม่หนองผึ้ง หมู่ 18 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ประมาณ 50 คน เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายอดิศักดิ์ วรรณรัตน์นายอำเภอแม่แตง ให้ระงับการสั่งรื้อถอนที่พักอาศัยของชุมชน


 


สาเหตุที่มีการร้องเรียนในวันนี้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 31 มี.ค. เวลาประมาณ 8.30 น. มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 15 นาย ประกอบด้วยปลัดอำเภอแม่แตง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงใหม่ ตำรวจ สภ.อ.แม่แตง และเจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดินจังหวัดเข้าไปตรวจพื้นที่ และแจ้งกับชาวบ้านว่า จะรื้อถอนที่อยู่อาศัยบริเวณดังกล่าว ต่อมาวันที่ 1 เม.ย. ชาวบ้านได้รับการแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารว่าจะมารื้อถอนบ้านในวันนี้ คือวันที่ 2 เม.ย.


 


ชาวบ้านในชุมชน จึงมาขอความช่วยเหลือมูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของกลุ่มชาติพันธุ์ เพื่อให้มูลนิธิช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในหนังสือร้องเรียนของชาวบ้านระบุว่า ชาวบ้านต้องการอาศัยอยู่ในชุมชนต่อไป โดยที่ดินดังกล่าวเป็นน้ำพักน้ำแรงในการเก็บเงินซื้อและปลูกสร้างที่อยู่อาศัย ในจำนวนชาวบ้านที่อยู่อาศัยทั้งหมดมีเด็กจำนวน 96 คนรวมอยู่ด้วยและกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาใน รร.บ้านปางกว้าง หมู่ 13 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ โดยชาวบ้านขอให้ระงับการรื้อถอนที่พักอาศัยออกไปก่อนและรอตรวจสอบข้อเท็จจริง


 


ซึ่งแต่เดิมชาวบ้านจะไปร้องเรียนต่อนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ แต่ในช่วงเช้าได้รับการติดต่อจากปลัดอำเภอแม่แตง ให้ไปเจรจากันที่ อ.แม่แตงก่อน ชาวบ้านจึงยินยอมมาเจรจากับปลัดอำเภอ แต่ทว่าเมื่อไปถึงกลับไม่มีการเจรจาเกิดขึ้น โดยปลัดอำเภออ้างติดภารกิจประชุมทั้งวัน และเรียกผู้นำชุมชน คือนายส่างมน และนายจันต๊ะเข้าไปพบ และขอเลื่อนการเจรจาเป็นวันที่ 3 เม.ย.


 


สำหรับชุมชนบ้านใหม่หนองผึ้งดังกล่าวตั้งขึ้นในปี 2547 เมื่อชาวบ้านซึ่งเป็นชาวไทใหญ่ ถือบัตรสถานะบุคคลบนพื้นที่สูง (เขียวขอบแดง) ได้ซื้อที่ดิน ส.ป.ก. มาจากนางอรทัย รัตนพจน์ บ้างซื้อจากเจ้าของที่ ส.ป.ก. ที่มีที่ดินแปลงติดกันรวม 3 ราย พื้นที่กว่า 70 ไร่ เพื่อตั้งถิ่นฐานบ้านเรือน ซึ่งส่วนใหญ่จะซื้อกันคนละแปลงละ 20 ตารางวา ราคาแปลงละ 20,000 บาท โดยไม่รู้ว่าที่ดิน ส.ป.ก. ตามกฎหมายข้ามซื้อขาย แบ่งแยก โอนสิทธิ์ และต้องใช้ประโยชน์ด้านเกษตรกรรมเท่านั้น


 


อย่างไรก็ตาม จากเดิมที่ชาวบ้านซื้อกันแค่ไม่กี่สิบราย แต่หลังจากนั้นก็มีการชักชวนญาติพี่น้องที่เป็นชาวไทใหญ่ด้วยกันซึ่งอาศัยอยู่แถบ ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ซึ่งถือบัตรสถานะบุคคลบนพื้นที่สูง (สีเขียวขอบแดง) และส่วนหนึ่งถือบัตรอนุญาติทำงานแรงงานแต่งด้าวมาร่วมซื้อที่ดินเพื่อสร้างที่พักอาศัย


 


ปัจจุบันชุมชนบ้านใหม่หนองผึ้งมีประชากร 150 หลังคาเรือน จำนวนกว่า 1,000 คน ส่วนใหญ่ชาวบ้านรับจ้างกับเกษตรกร ใน อ.แม่แตง รับจ้างก่อสร้าง บางฤดูกาลก็รวมกันเช่าที่ดินของเกษตรกร ใน อ.แม่แตง ระยะสั้น เพื่อปลูกพืชไร่ เมื่อปี 2547 ชุมชนแห่งนี้เคยได้รับการแต่งตั้งจากนายสุวัฒน์ ตันติพัฒน์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ในขณะนั้น ให้เป็นหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็งด้วย


 


นายส่างมน ตียะ ผู้นำชุมชน กล่าวว่า ชาวบ้านไม่รู้ว่าที่ดิน ส.ป.ก.ห้ามมีการซื้อขายหรือเปลี่ยนมือ และไม่รู้ว่าต้องใช้ประโยชน์เฉพาะทำการเกษตรเท่านั้น ดังนั้นเงินที่เก็บมาตลอดชีวิตจึงหมดไปกับการซื้อที่ดินและค่าปลูกสร้างบ้าน หากจะมีการรื้อถอนอย่างที่ปลัดอำเภอแม่แตงกล่าวนั้นชาวบ้านต้องเดือดร้อนอย่างหนักแน่นอน จึงมาร้องเรียนกับนายอำเภอแม่แตงเพื่อขอความเป็นธรรม อนุญาตให้ชาวบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวต่อไปได้


 


อยากให้สังคมเห็นใจ เพราะที่ผ่านมาคนในชุมชนอยู่กันอย่างสงบเรียบร้อย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร  ทำมาหากินสุจริต หาเงินได้ก็เอามาสร้างบ้าน เพราะอยากมีที่ซุกหัวนอน นายส่างมนกล่าว


 


น.ส.สาธิตา หน่อโพ เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติพันธุ์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ปัจจุบันยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะออกมาในรูปใด บ้านเรือนชาวบ้านจะถูกรื้อถอนหรือไม่เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการเจรจาระหว่างราชการกับชาวบ้าน แต่ทางชาวบ้านก็มีข้อเสนอเดียวคือให้ชะลอการรื้อถอนก่อน เพราะอยู่อาศัยมาหลายปี ขณะเดียวกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้ความชัดเจนกับชาวบ้านด้วยว่าหากมีการรื้อถอนบ้านเรือนแล้วจะมีมาตรการรองรับอย่างไรให้ชาวบ้าน ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ เรื่องค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้าน


 


ทั้งนี้ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าววานนี้ (1 เม.ย.) ว่า ได้สั่งให้นายอำเภอแม่แตง และปฏิรูปที่ดินจังหวัด เข้าตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 รวมกว่า 200 แปลง บนพื้นที่ประมาณ 70 ไร่ โดยในเบื้องต้นพบว่ามีนายทุน 3 ราย ที่เป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว แบ่งขายให้กลุ่มชาวไทใหญ่ที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่อาศัยในประเทศไทย


 


โดยผู้ว่าราชการจังหวัดระบุว่า จะต้องมีการตรวจสอบด้วยว่ากระบวนการทั้งหมดในการแบ่งขายที่ดิน และนำชาวต่างด้าวกลุ่มนี้มาสร้างบ้านอยู่อาศัย มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังด้วยหรือไม่ หากพบก็จะดำเนินการลงโทษขั้นเด็ดขาด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net