ตามที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอดส์ สมัยที่ 22 (22nd Meeting of UNAIDS Programme Coordinating Board :PCB) ในระหว่างวันที่ 22-25 เมษายน 2551 ที่โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ จ.เชียงใหม่ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐและเอกชน ตัวแทนผู้ติดเชื้อ ผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ และนักวิชาการจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกจำนวน 400 คน เข้าร่วมประชุม นั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. (23 เม.ย.) ตัวแทนกลุ่มภาคประชาสังคม และกลุ่มรณรงค์ด้านสุขภาพจาก เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอดส์/เอชไอวีภาคเหนือตอนบน ร่วมกับกลุ่มรณรงค์เพื่อการรักษาเอดส์ และ Health Gap global access project ราว 200 คน ได้รวมตัวกันชุมนุมที่บริเวณด้านหน้าโรงแรม เพื่อยื่นข้อเสนอต่อยูเอ็นเอดส์ ให้เพิ่มความสำคัญต่อนโยบายรองรับการดูแลสุขภาพประเด็นเอชไอวี/เอดส์ ให้กับกลุ่มคนเข้าถึงยาก เช่น กลุ่มชาติพันธ์ แรงงานข้ามชาติ ชายรักชาย พนักงานบริการ ผู้ต้องขัง และคนงานพลัดถิ่น เพื่อให้เข้าถึงระบบการดูแลสุขภาพ และคัดค้านการประกาศสงครามปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลไทย
โดยในการชุมนุม ได้มีการนำเครื่องขยายเสียง ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นกล่าวโจมตีรัฐบาลนาย
ซึ่งความพยายามกำจัดยาเสพติดเมื่อปี 2546 ภายใต้การนำของอดีตนายกรัฐมนตรีพ.ต.ท.
นาย
ด้านนาง
"และเป็นเรื่องน่ากลัวอย่างยิ่ง ที่รัฐบาลไทยจะนำนโยบายซึ่งสร้างความเสียหายเช่นนั้นกลับมาใช้อีก เพราะจะเห็นว่า นอกจากทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางแล้ว สงครามปราบปรามยาเสพติดในปี 2546 ยังเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการเข้าถึงบริการที่จำเป็นของผู้ใช้ยา ไม่ว่าจะเป็นการรักษาเชื้อเอชไอวี ข้อมูลเพื่อการป้องกัน การรับคำปรึกษา และการเข้าถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ เนื่องจากผู้ใช้ยาถูกกดดันให้หลบซ่อนตัว"
นาย
"ดังนั้น รัฐบาลไทยควรมีการปรับเปลี่ยนวิธีการ เพราะนโยบายเช่นนี้จะกระทบต่อกลุ่มผู้ติดเชื้อและกลุ่มผู้ใช้ยาที่จำเป็นต้องใช้ยาในการบำบัด รวมไปถึงกลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มแรงงานข้ามชาติ พนักงานบริการที่ต้องตกกลายเป็นเหยื่อ หรือถูกละเมิดสิทธิด้านต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้ รัฐบาลจะต้องปรับนโยบายและหาทางแก้ไขให้ถูกต้องด้วย ไม่ใช่เหมารวมเช่นนี้"
มีรายงานว่า นอกจากจะมีการชุมนุมคัดค้านสงครามปราบปรามยาเสพติดในระหว่างการประชุมของคณะกรรมการบริหารของยูเอ็นเอดส์ (UNAIDS PCB Meeting) ที่เชียงใหม่ในครั้งนี้แล้ว ยังมีนักกิจกรรมด้านเอดส์ ยังได้รวมตัวกันชุมนุมที่หน้าสถานทูตไทยที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในเวลาเดียวกันด้วย
และในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ ก็จะมีการจัดการรณรงค์อีกครั้งในหลายเมืองใหญ่ทั่วโลกอีกครั้งหนึ่ง เพื่อต้องการเน้นถึงบทบาทของยูเอ็นเอดส์ที่สามารถส่งเสริมให้มีบริการป้องกันและรักษาโดยเฉพาะเพื่อช่วยชีวิตคนงานพลัดถิ่นและผู้พลัดถิ่นซึ่งไม่มีบัตร รวมทั้งผู้ใช้ยาได้ หากไม่มีบริการเฉพาะเช่นนี้ เป้าหมายการเข้าถึงอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ ผู้ชุมชุมได้ยื่นข้อเรียกร้องแก่ นาย
1.ให้ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงและภาคประชาสังคมมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทุกระดับ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จของนโยบายและโครงการด้านเอชไอวีและยาเสพติด
2.ยุติสงครามปราบปรามยาเสพติด เพราะการใช้วิธีปราบปรามและบังคับเพื่อควบคุมและป้องกันการใช้ยาไม่ได้ผล และที่ผ่านมาไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้
3.ให้ความสำคัญกับนโยบายและมาตรการด้านสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุขควรเป็นผู้นำในการประสานความร่วมมือและใช้วิธีการทางสาธารณสุข เพือแก้ปัญหายาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพ และต้องมีบทบาทนำโดยทันที
4.หน่วยงานนานาชาติควรให้ความสนับสนุนและแสดงจุดยืนร่วมต่อการส่งเสริมการลดอันตราย องค์การสหประชาชาติต้องส่งเสริมศักยภาพและสนับสนุนงบประมาณแก่รัฐบาลไทยและประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อส่งเสริมนโยบายลดอันตราย และให้การสนับสนุนวิธีแก้ปัญหาการระบาดของเอชไอวีในบรรดากลุ่มเสี่ยง ทั้งนี้โดยใช้วิธีการที่สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนและมีข้อมูลสนับสนุน
5.เคารพสิทธิมนุษชนและสิทธิพลเรือน นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ต้องยุติการก่ออาชญากรรมในนามการปราบปรามยาเสพติด รัฐบาลต้องปรึกษาหารือกับภาคประชาสังคมเพื่อพัฒนาแผนการที่ตอบสนองทั้งเป้าหมายด้านความปลอดภัยของสาธารณะกับด้านสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ด้านกระบวนการยุติธรรม ต้องได้รับการอบรมเพื่อให้สามารถช่วยลดตราบาป และมีความรู้ความเข้าใจดีขึ้นเกี่ยวกับนโยบายและแนวคิดด้านสาธารณสุขและการลดอันตราย
6.ส่งเสริมให้บุคคลทุกคนในไทยเข้าถึงบริการอย่างเท่าเทียม เป้าหมายการเข้าถึงบริการด้านเอชไอวีอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมไม่อาจเป็นจริงได้ หากปราศจากการดำเนินงานตามนโยบายลดอันตรายที่มีข้อมูลสนับสนุน นอกจากนี้ ต้องจัดให้มีบริการเฉพาะสำหรับกลุ่มที่มักถูกปิดกั้นโอกาส โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ยา ชนกลุ่มน้อย ผู้ขายบริการทางเพศ ผู้ต้องขัง และคนงานพลัดถิ่น
ข้อเสนอต่อ PCBจากการประชุมหารือในกลุ่มองค์กรภาคประชาชนเพื่อการมีส่วนร่วม ในการประชุมบอร์ดบริหารโครงการของยูเอ็นเอดส์ นโยบาย 1. ผลักดันให้มีนโยบายลดอันตรายจากสารเสพติด (Harm Reduction) ในระดับประเทศในทุกระดับประเทศ รวมทั้งประเทศไทย โดยเรียนรู้จากบทเรียนที่ผ่านมา 2. ผลักดันให้มีการทบทวนกฎหมาย ที่ล้าสมัยและไม่สอดคล้องกับความต้องการในปัจจุบัน และเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงการรักษา รวมให้ความรู้และความเข้าใจประเด็น HIV/AIDS ต่อผู้กำหนดนโยบาย 3. ผลักดันให้รัฐบาลทุกประเทศระบุหน่วยงานที่รับผิดชอบในประเด็นต่าง ๆ ให้ชัดเจน โดยงานไม่ทับซ้อนและมีนโยบายในการทำงานที่เชื่อมประสานกัน การเข้าถึงการรักษา 1. ผลักดันรัฐบาลให้กำหนดมาตรการในการพัฒนาสุขภาพแบบองค์รวมและจัดให้มีการบริการที่เป็นมิตรโดยเน้นถึงการเข้าถึงการรักษา การบริการ การป้องกัน การดูแล สำหรับกลุ่มคนที่ถูกละเลย (เช่น กลุ่มผู้ใช้ยา กลุ่มแรงงานข้ามชาติ กลุ่มความหลากหลายทางเพศ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มผู้ต้องขัง กลุ่มพนักงานบริการ) 2. UNADIS จะต้องผลักดันให้มีแผนงานที่จะแก้ไขปัญหากลุ่มเปราะบางต่อ เอชไอวี/เอดส์ ยาเสพติด ที่เป็นรูปธรรม เช่น การสันบสนุนการดำเนินงานลดอันตราย (Harm Reduction) การรักษาด้วยยาต้านไวรัส (ARV) และ การสนับสนุนทางด้านวิชาการที่จำเป็นต่อการแก้ไขปัญหา การมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม 1.ผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในทุกมิติและทุกระดับ · การกำหนดนโยบายและกฎหมาย · การกำหนดมาตรการเรื่องการรักษาพยาบาล · การกำหนดวิธีการใช้เงินจากแหล่งทุน และงบประมาณภาครัฐ อย่างพอเพียงและต่อเนื่อง · การพัฒนาศักยภาพชุมชน 2. ผลักดันให้มีคณะทำงานในเรื่องการลดอันตราย และการพัฒนาระบบบริการสุขภาพในกลุ่มที่ถูกละเลย เช่น · กลุ่มเด็กที่มีเชื้อเอชไอวี · กลุ่มผู้ใช้ยา · กลุ่มผู้ต้องขัง · กลุ่มชาติพันธุ์ · กลุ่มความหลากหลายทางเพศ · กลุ่มพนักงานบริการ สิทธิมนุษยชน 1.นโยบายของภาครัฐต้องคำนึกถึงสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (เช่น สิทธิทางเพศ สิทธิการเข้าถึงการรักษา สิทธิในการมีที่อยู่อาศัย) 2.ผลักดันให้มีมาตรการในการปรับเปลี่ยนทัศนคติในกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชน เพื่อลดการเลือกปฏิบัติและการตีตราในกลุ่มคนที่มีความแตกต่าง เช่น การรับสมัครงานไม่ควรมีการเลือกปฏิบัติ. |
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)