ข่าวมอนิเตอร์ ประจำวันที่ 4 พ.ค. 2551

การเมือง

มทภ.1 รับกองทัพไม่สบายใจสถาบันถูกพาดพิง วอน ปชช.ช่วยกันปกป้อง

เว็บไซต์แนวหน้า - พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายมีการดึงชาติและสถาบันมาโจมตีกันว่า เราเป็นห่วงเรื่องชาติบ้านเมือง เพระเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ เราไม่อยากให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ซึ่งทุกคนทราบดีแล้ว่าการเมืองมาโดยความถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ส่วนการบริหารต่างๆ ก็ถือเป็นเรืองของรัฐบาลจะต้องแก้ไข คิดว่าถ้าต่างฝ่ายต่างลดทิฐิ พยายามเข้าอกเข้าใจกัน และนึกถึงประโยชน์ชาติบ้านเมือง คิดว่าบ้านเมืองจะไปได้ และไม่เกิดความรุนแรง

 

เมื่อถามถึงกรณีที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยทหารช่วยกระตุ้นจิตสำนึกประชาชนให้เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปฏิบัติใดๆ ก็ตาม เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติของประบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้ทำเฉพาะเมื่อสั่ง ซึ่งทหารทุกคนจะต้องมีคำว่าสถาบันอยู่ในหัวใจ เพราะสถาบันเป็นที่ยึดเหนี่ยวของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งพล.อ.อนุพงษ์ได้เน้นย้ำให้กำลังพลทุกคนดำเนินการในเรื่องนี้ เพื่อพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อถวายพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศ์ศานุวงศ์ ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพบก ซึ่งเราทำมาทั้งชีวิต

 

เมื่อถามว่า ทางกองทัพภาคที่หนึ่งจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีจิตสำนึกรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ พล.ท.ประยุทธ์กล่าวว่า มีอยู่ 2 ประการ คือ ส่วนที่เราจะทำให้กับประชาชน คือการเข้าไปสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการฝึก และผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ที่จะให้เผยแพร่ อีกส่วนคือการให้ความรู้แก่พลทหาร ที่เข้ามารับราชการทหาร

 

"เราทุกคนจะต้องมีความรักและสามัคคี ประเทศชาติจึงจะไปได้ ไม่เช่นนั้นประเทศเราจะต้องถอยหลัง ผมขอฝากให้ทุกคนช่วยกันรักชาติบ้านเมืองจะเห็นว่าสถาบันของเราถูกก้าวล่วง ซึ่งทางเราเองเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็รู้สึกไม่สบายใจ ผมคิดอยู่เสมอว่า จะทำอย่างไรให้บ้านเมืองของเรามีความสงบเรียบร้อย และทำอย่างไรที่จะเทิดทูนพระองค์ท่านเหนือสิ่งอื่นใด แต่ขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคนรวมทั้งสื่อมวลชนด้วยที่จะต้องช่วยกัน อยากฝากให้ทุกคนช่วยกันดูแล อย่าให้แหลกยับไปในสมัยนี้เราจะต้องหันหน้าเข้าหากัน และลดทิฐิซึ่งกันและกัน สิ่งต่างๆ ของให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนทหารเองก็จะเป็นกลไกหนึ่งที่จะป้องกันและรักษาชาติบ้านเมือง"พล.ท.ประยุทธ์กล่าว

 

เมื่อถามว่า ฝ่ายการเมืองไม่ควรดึงสถาบันลงมาเกี่ยวข้องใช่หรือไม่ พล.ท.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกคนทราบดีว่าควรจะทำอย่างไร หรือ จะพูดอย่างไร เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่ารัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองได้ พล.ท.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องให้เวลา เพราะรัฐบาลเพิ่งทำงานได้ไม่กี่เดือน แต่คิดว่าน่าจะดีขึ้น ส่วนความขัดแย้งในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ก็ให้ฝ่ายการเมืองเขาว่ากันไป ในส่วนของเรามีหน้าที่ในการสนับสนุนในสิ่งที่ถูกต้อง เราจะปฏิบัติตามกติกา ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะดำเนินการ

 

เมื่อถามว่า พล.อ.อนุพงษ์กำชับเรื่องการวางตัวของกำลังพลต่อสถานการณ์การเมืองที่เป็นอยู่วันนี้หรืออย่างไร พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผบ.ทบ.กำชับอยู่เสมอว่าบทบาทหน้าที่ของทหาร คือทำหน้าที่ของทหารเท่านั้น การเมืองให้ถือเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องแก้กันไป ตรงนี้สั่งชัดเจน ขอให้ทุกคนได้วางใจว่า ทหารจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

 

เมื่อถามว่า หากเกิดการเผชิญหน้ากันจริงๆ ทหารจะทำอย่างไร พล.ท.ประยุทธ์กล่าวว่า ตอนนี้มันยังไม่มีการเผชิญหน้า ถ้าทุกคนช่วยลดทิฐิ ก็ไม่มีการเผชิญหน้า ทหารก็ทำหน้าที่ของทหาร ยังไม่มีคำสั่งอื่นใด ยังไม่มีการร้องขอกำลัง ไม่มีการสั่งการใดๆ ทั้งสิ้น ขอให้สบายใจว่าทหารยังอยู่ในกรมกอง ท่านผบ.ทบ.ได้สั่งการเอาไว้ชัดเจน

 

 

"ปชป." ยินดียิ่ง กองทัพจัดกิจกรรมกระตุ้นสังคมเทิดทูนสถาบันเบื้องสูง

พรรคประชาธิปัตย์ - นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก สั่งการไปยังกำลังพลของกองทัพ ให้กระตุ้นสังคมเทิดทูนสถาบันเบื้องสูงว่า ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง เพราะที่ผ่านมามีความพยายามของคนบางกลุ่มในการกระทำการอันเป็นการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง

 

ทั้งนี้ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวในการสัมมนา เมื่อวานนี้ (2พ.ค.) ว่า จะมีการปฏิวัติเกิดขึ้น โดยมีการบุกจับรัฐมนตรีถึงบ้าน จากนั้นจะนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ว่า นายสมัครควรมีความระมัดระวังในการพูดเรื่องดังกล่าว เนื่องจากมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทย หากนายสมัครรู้รายละเอียดเรื่องปฏิวัติ ในฐานะของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ควรมีหน้าที่ปกป้องรักษาประเทศไทย และควบคุมไม่ให้มีการปฏิวัติเกิดขึ้น

 

 

"วีระ" อัดยับ "แม้ว" เจตนาหยามธงชาติ - โวย ตร.ไร้สิทธิชี้ผิด!

ผู้จัดการออนไลน์ - นายวีระ สมความคิด ประธานคณะกรรมการอำนวยการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชัน (คปต.) ให้สัมภาษณ์ในรายการ ค้นคนโกง ทางสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี นิวส์วัน ดำเนินรายการโดยนายกานต์ จอมอินตา ถึงกรณีที่ เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนในนามของประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน ได้ดำเนินการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อกล่าวโทษกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ พร้อมพวก ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการดัดแปลงธงชาติไทย โดยมีการเพิ่มข้อความ "THAKSIN" และ "WELCOME THAKSIN" ลงบนธงชาติ แต่ปรากฏว่าที่ประชุมของตำรวจก็พิจารณาและสรุปผลออกมาแล้วว่าเรื่องนี้ไม่มีความผิด

 

นายวีระ กล่าวว่า จริงๆ แล้วเรื่องนี้ ตำรวจไม่มีสิทธิ์ตัดสิน เพราะตำรวจกลุ่มที่ไปพิจารณากันนั้นไม่ใช่เจ้าของสำนวน ซึ่งแท้จริงแล้วหากตนฟ้องร้องกับพนักงานสอบสวนคนใด คนนั้นก็เป็นเจ้าของสำนวน เป็นผู้ดูแลคดี และกรณีนี้เป็นการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร ซึ่งต้องส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาว่า อัยการสูงสุดจะดำเนินการเอง หรือให้พนักงานสอบสวนคนใดเป็นคนดำเนินการ ไม่ใช่มาสรุปเอาเองแล้วไม่ดำเนินการต่ออย่างนี้

 

ในเรื่องดังกล่าว ตนก็คิดอยู่แล้วว่าทางฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องหาทางออกในประเด็นนี้โดยการ หยิบกฎหมายอาญามาตรา 118 ที่บัญญัติไว้ว่า คนกล่าวโทษจะต้องพิสูจน์ว่าเขาเหยียดหยามอย่างไร ซึ่งผมก็หาหลักฐานพิสูจน์แล้วว่า การนำธงชาติที่เพิ่มข้อความ และไปติดที่ขอบอัศจรรย์ ซึ่งอยู่ในระดับเท้าของคนที่นั่งอยู่บนอัศจรรย์ เวลาคนชมฟุตบอลนั่งเชียร์อยู่ ก็เหยียบลงไปที่ธงเลย เป็นการบ่งบอกได้ชัดว่ามีเจตนาเหยียดหยาม ธงชาติไทย ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่าไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องดังกล่าวนั้น ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะมีภาพหลักฐานแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าในวันที่จัดงานต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นประธานสโมสรฯ บรรดาแฟนคลับก็ถือธงชาติไทยที่เพิ่มข้อความว่า "WELCOME THAKSIN" มาต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย ดังนั้นจะมาปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นคงไม่ได้

 

อีกทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นถึงประธานสโมสร ก่อนที่ใครจะนำธงไปติด ก็ต้องมีการพูดคุยปรึกษากับทางสโมสรอยู่แล้ว ดันนั้นเรื่องนี้ จึงต้องเป็นความรับผิดชอบของ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างเลี่ยงไม่ได้ซึ่งเรื่องนี้ ประเทศชาติและรัฐบาลเป็นผู้เสียหาย แต่รัฐบาลกลับไม่ทำอะไรเลย และการที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีจะทำหนังสือทวงถามไปยังสโมสรฟุตบอลแมนเชนเตอร์ซิตี้นั้น ตนคิดว่าเท่านั้นยังไม่พอ เพราะรัฐและประเทศ เป็นผู้เสียหายที่มีคนเหยียดหยามธงชาติของเรา ดังนั้นเพียงแค่ทำหนังสือไปทวงถามนั้นคงน้อยเกินไป

 

"ผมซึ่งเป็นประชาชนธรรมดา ผมทำได้เพียงแจ้งความผ่านพนักงานสอบสวนเท่านั้น ผมไม่สามารถเอาคดีเข้าสู่ศาลได้โดยตรง แต่หากรัฐเป็นผู้เสียหาย รัฐสามารถฟ้องศาลได้โดยตรงให้ศาลไต่สวนได้โดยตรง และเรื่องนี้คนที่ได้ประโยชน์ ก็คือคุณทักษิณ ที่บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของตัวเองว่านอกจากจะเป็นเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลแล้ว ยังเป็นผู้ยิ่งใหญ่ถึงขนาด มีชื่อตัวเองติดอยู่บนธงชาติ ซึ่งเป็นประเทศอื่นเค้าไม่ทำกัน ขนาดชื่อของประธานาธิบดี และประมุข ของประเทศใดๆ ก็ยังไม่เคยมี และหากทำจริงคนของประเทศนั้นๆ ก็คงไม่ยอม แต่ประเทศไทยทำไมถึงทำได้ และเรายอมได้อย่างไร เรื่องนี้คุณทักษิณได้ประโยชน์ แต่ประเทศชาติเสียหาย และรัฐบาลไทยไม่ทำอะไรปล่อยให้ผมทำ ซึ่งผมก็ทำได้แค่ผ่านตำรวจ และตำรวจก็มาสรุปเอง และมาบอกว่าไม่เข้าข่ายเหยียดหยาม รู้ได้ยังไง คุณไม่มีสิทธิ์ตัดสิน ต้องให้ศาลตัดสิน คุณเป็นแค่ต้นทางจะมาตัดตอนอย่างนี้ได้ยังไง"

 

นายวีระ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในส่วนคนไทยคนอื่นนั้น ตนคิดว่าคนไทยไม่ควรอยู่นิ่ง น่าจะร่วมกันส่งจดหมาย หรือทักท้วง ในเรื่องดังกล่าว ว่าเพราะเหตุใดตำรวจถึงมาตัดสินแทนอัยการ และศาลอย่างนี้ ทั้งที่จริงแล้วตำรวจควรนำเอาคดีความเข้ากระบวนการแล้วให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน

 

 

"สุริยะใส" ชี้ลิ่วล้อแจ้งจับพันธมิตรหมิ่นธงแก้เกี้ยว-พา "แม้ว" ซวย

ผู้จัดการออนไลน์ - นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.) กล่าวถึงกรณีที่มี ส.ส.นครราชสีมาคนหนึ่งของพรรคพลังประชาชนเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยโดยอ้างว่ามีการกระทำลบหลู่ธงไตรรงค์ว่า ตาม พ.ร.บ.ธง พ.ศ.2552 มาตรา 5 ระบุไว้ชัดเจนว่า ธงชาติ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 6 ส่วน ยาว 9 ส่วน ด้านกว้างแบ่งเป็น 5 แถบตลอดความยาวของผืนธง ตรงกลางเป็นแถบสีน้ำเงินแก่กว้าง 2 ส่วน ต่อจากแถบสีน้ำเงินแก่ออกไปทั้งสองข้างเป็นแถบสีขาวกว้างข้างละ 1 ส่วน ต่อจากแถบสีขาวออกไปทั้งสองข้างเป็นแถบสีแดงกว้างข้างละ 1 ส่วน ธงชาตินี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ธงไตรรงค์

 

นายสุริยะใส กล่าวว่า หากเปรียบเทียบภาพที่ปรากฏในกลุ่มพันธมิตรฯ และธงทักษิณแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะธงทักษิณ เป็นธงชาติหรือธงไตรรงค์ที่ถูกนำไปปักชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ลงในผืนธง ส่วนของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ใช่ธงชาติและการเพ้นท์สีหรือปักชื่อ วิทยากร ก็เป็นเพียงผืนผ้าที่มีลักษณะคล้ายๆ ธงชาติไทยเท่านั้น

 

นอกจากนี้หากดูจากเจตนาแล้วต่างกันอย่างสิ้นเชิง คงไม่ต้องตีความว่า การเอาชื่อ พ.ต.ท. ทักษิณไปปักไว้บนธงชาติจริงๆ นั้นเหมาะสมหรือไม่

 

อย่างไรก็ตาม นายสุริยะใส กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีตำรวจกองปราบฯ จะดำเนินอย่างจริงจังเพื่อห้าข้อยุติในเรื่องนี้โดยเร็วและไม่ให้ผู้คนเกิดความสับสนหรือลามปามกลายเป็นเรื่องอื่น และพันธมิตรฯ พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ หากผิดจริงก็พร้อมรับผิดชอบ ในขณะเดียวกันก็จะได้เป็นการพิสูจน์กันด้วยว่าตำรวจใช้มาตรฐานใดในการดำเนินคดีกับกรณีธงชาติที่มีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ปักหราอยู่ในธงชาติซึ่งเป็นธงไตรรงค์ ตาม พ.ร.บ.ธง พ.ศ.2522 อย่างแจ่มแจ้ง

 

"ส.ส.นครราชสีมาที่ยอมเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน หวังปกป้องนาย แต่กลับไม่รู้เลยว่าวิธีการดังกล่าวกำลังจะทำให้นายซวยโดยไม่รู้ตัว หรือทำให้เรื่องบานปลายโดยไม่จำเป็น" นายสุริยะใสระบุ

 

 

ส.นักข่าวชี้ "สมัคร" หยาบกระด้าง

โพสต์ทูเดย์ - สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ สมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย เครือข่ายสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนในเอเซียอาคเนย์ และองค์กรยูเนสโก ได้จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก หรือ World Press Freedom Day โดยมีการแถลงผลการศึกษาเรื่อง "วิวาทกรรมสมัครกับสื่อ" และอภิปรายเรื่องวิวาทกรรมสมัครกับสื่อ

 

น.ส.บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์ อุปนายกฝ่ายบริหาร สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย แถลงผลการวิจัยผลการศึกษารอบพิเศษ ของ วิวาทะกรรมนายสมัครกับสื่อ โดยศึกษาจากคำสัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนของนายสมัคร ซึ่งชี้ให้เห็นว่า กลยุทธ์การสื่อสารของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ เป็นการสื่อสารทางเดียว ใช้ภาษาข่มขู่รุนแรง บิดเบือน ไม่สุภาพ หยาบกระด้าง พูดความไม่จริงบ่อยๆ ชอบสร้างเรื่องเพื่อลดทอนน้ำหนักของประเด็นคำถาม สร้างเรื่องใหม่ขึ้นมากลบเกลื่อนประเด็นสำคัญ ด้วยการใช้เทคนิคการสร้างบทวิวาทกรรมกับสื่อ

 

โดยเฉพาะการตอบคำถาม จะตอบไม่ตรงประเด็น ขาดสาระสำคัญ ประกอบกับมีท่าทางสีหน้า และน้ำเสียงไม่พอใจ ซึ่งทางสมาคมนักข่าวขอเรียกร้องให้นายสมัคร ทบทวนการสื่อสารของตนเอง เพื่อประโยชน์ของประชาชนในการรับรู้ข่าวสาร เพราะสื่อมวลชนทำหน้าที่ตามบทบาท ในการถามคำถาม โดยไม่ได้มีอคติ

สำหรับวันสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนโลก จะเป็นวันที่ผู้ทำงานด้านสื่อ ได้มีโอกาสกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของเสรีภาพในการแสดงออกของสื่อมวลชน หลังพบว่า สื่อมวลชนทั่วโลกถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ด้วยการเซ็นเซอร์ข่าว และงานเขียน รวมถึงการถูกคุมขังและถูกฆ่า

 

 

ครูหยุยแฉการเมืองส่งร่างทรงแทรกซึมองค์กรปชช.

เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ เลขามูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก และอดีต ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าวในงานสัมมนาทางวิชการเรื่อง "บทบาทภาคประชาชนกับการพัฒนาประเทศ" ที่จัดโดย คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) ว่า ไม่เกินเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ สภาพัฒนาการเมืองจะเกิดขึ้น โดยจะมีการเลือกตั้งจากภาคประชาชนจังหวัดละ 1 คน ใน 3-4 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ ในเดือนกรกฎาคม 2551 - มกราคม 2552 จะมีสภาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ โดยเริ่มต้นในทุกอำเภอทั่วประเทศจะต้องคัดเลือกตัวแทน 1 คน ก่อนที่จะคัดเลือกสภาฯของจังหวัดละ 1 คน และสุดท้ายระดับชาติ ซึ่งองค์กรเหล่านี้จะขับเคลื่อนตามพื้นที่และความเชื่อของตัวเอง

 

"เชื่อว่าองค์กรเหล่านี้จะคานการทำงานของการเมืองระดับบนได้ แต่ก็อาจจะมีการบิดเบือน เพราะทราบว่าขณะนี้ฝ่ายการเมืองได้เตรียมส่งคนของตัวเองเข้ามาสมัครบ้างแล้ว อย่างไรก็ตาม บทบาทขององค์กรประชาชน หรือเอ็นจีโอจำนวนมาก จะตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ การทุจริต หรือการเป็นรัฐมนตรีเงา แต่อาจทำให้คนเหล่านี้ท้อใจได้เพราะเมื่อตรวจสอบมาก็จะมีการโทรและส่งข้อความมาด่ามากขึ้นเช่นกัน" นายวัลลภ กล่าว

 

ด้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มการเมืองไม่ได้มองประโยชน์ของประชาชนซึ่งเปรียบเหมือนหุ้นส่วนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างแท้จริง เพราะเราต้องเปิดรับทุนจากต่างประเทศในระบบเศรษฐกิจแบบตลาด คงไม่สามาราถคาดหวังจากรัฐบาลได้ เว้นแต่กลุ่มทุนบางกลุ่มเท่านั้น กระบวนการของภาคประชาชนภายใต้ระบบเช่นนี้จะถูกลดทอนพลังและคงจะขับเคลื่อนให้เข้มแข็งได้ยาก

"ขณะเดียวกัน คงจะคาดหวังจากนักการเมืองไม่ได้ เพราะนักการเมืองเมื่อเลือกตั้งเข้ามาแล้วก็ตัดขาดจากประชาชน อยากจะทำอะไรก็ทำโดยอ้างว่าเป็นเสียงประชาชนส่วนใหญ่ ไม่เหมือนสินค้าที่มี อย. และ สคบ.ควบคุมคุณภาพสินค้า หากสินค้าไม่ดีก็สามารถคืนสินค้าได้ จึงขอแนะให้ประชาชนเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองก่อน ซึ่งเชื่อว่า ในที่สุดประเทศชาติบ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย"น.ส.รสนา กล่าว

 

 

 

สว.เล็งยื่นรัฐตั้งสสร.แก้ไขรธน.

เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ ใกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลยังยืนยันที่จะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ขณะนี้มีการถกเถียงกันมากในเรื่องดังกล่าว ถือเป็นวิกฤติรัฐธรรมนูญ การที่นักการเมืองอ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีที่มาไม่ชอบ เพราะมาจากการรัฐประหาร แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่รัฐบาลจะรวบรัดให้มีการแก้ไขโดยด่วน เพราะจะเกิดความวุ่นวายไม่สิ้นสุด อย่างไรก็ตาม ไม่ได้คัดค้านเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่จะต้องมีกระบวนการที่ถูกต้องชอบธรรม ขณะนี้ ส.ว.ส่วนหนึ่งได้ปรึกษาหารือกันเพื่อจะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญโดยเสียงของสมาชิกทั้ง 2 สภา จะยื่นญัตติให้รัฐบาลมีกระบวนจัดตั้ง ส.ส.ร.เพื่อศึกษาเนื้อหารัฐธรรมนูญว่ามีจุดอ่อนหรือมีปัญหาอย่างไร ใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี เชื่อว่าจะมีประโยชน์ต่อการแก้ไขรัฐธรรมอย่างแท้จริง

 

"เมื่อกล่าวหาว่ารัฐธรรมนูญปี 50 ไม่ชอบด้วยกระบวนการ แต่รัฐบาลกลับจะรวบรัดแก้ไข ถือว่าไม่ชอบเช่นเดียวกัน เป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติการณ์ ดังนั้น จะต้องใช้กระบวนการตามระบอบประชาธิปไตย ใช้เวลาให้รอบคอบพิจารณา เพื่อศึกษาทบทวนข้อบกพร่อง ฟังเสียงประชาชน เปรียบเหมือนการปลูกบ้านก็ต้องตามใจผู้อยู่ ไม่ใช่มีอำนาจแล้วจะทำโดยไม่ฟังเสียงใคร รัฐธรรมนูญแบบน็อคดาวน์ไม่มีใครอยากใช้ อยากอยู่" น.ส.รสนา กล่าว

 

 

"เหลิม" โชว์ไอเดียตั้งก.นครหลวงรื้อการปกครอง กทม.

เว็บไซต์คมชัดลึก - ที่ทำการพรรคพลังประชาชน มีการจัดสัมมนาการบริหารจัดการภาค กทม.ประกอบด้วย ส.ส.กทม. ส.ก. ส.ข. และอดีตผู้สมัครส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน โดยมีนายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ประธานคณะกรรมการประสานงานภาค กทม.เป็นประธานการประชุม โดยร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ร่วมบรรยาย

 

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวในฐานะ ส.ส.กทม.ว่า สมัยที่ตนเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เคยเสนอให้พรรคผลักดันพ.ร.บ.เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ กทม. ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ คัดค้านเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามตนมีความตั้งใจมานานที่อยากจะเปลี่ยนแปลงกทม. เพราะการบริหาร กทม.เปรียบเหมือนการบริหารอำนาจ 3 ส่วน คือส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น รวมถึงมีงบประมาณจำนวนมาก ซึ่งผู้ว่าฯกทม.ก็เป็นเหมือนนายกรัฐมนตรี

 

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ที่ผ่านมาภารกิจของผู้ว่า กทม. มีมาก การบริหารงบประมาณขาดธรรมาภิบาล และความโปร่งใสในการตรวจสอบ จึงขอเสนอแนวทางเปลี่ยนแปลงการบริหารราชการ กทม.ดังนี้ 1.ตั้งกระทรวงนครหลวงจำนวน 50 เขต มีรัฐมนตรีเป็นผู้บริหารจัดการ โดยรวมเขตรอบตะเข็บปริมณฑลบางส่วนมาเป็นเขต กทม.ด้วย และเมื่อมีการเพิ่มเขตปกครอง นายกเทศบาลแต่ละเขตต้องมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องนี้ตนเคยคิดร่วมกับนายพิจิตต รัตตกุล สมัยตอนที่ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

 

ร.ต.อ. เฉลิม กล่าวว่า 2.พื้นที่ กทม.แบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ ฝั่งพระนคร 3 ส่วน ฝั่งธนบุรี 1 ส่วน ซึ่งอาจมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯให้ดูแล 4 คน 3.การจัดตั้งเทศบาลนครหลวงจำนวน 12-50 เขต ตามเกณฑ์ประชากร เพื่อกระจายอำนาจให้ประชาชนได้เลือกผู้ปกครอง และมีความใกล้ชิดกับผู้บริหารมากขึ้น และ4.รูปแบบการจัดตั้งกระทรวงการปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งประเทศ

 

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ข้อเสนอเหล่านี้ตนจะให้ภาค กทม.พรรคพลังประชาชน หารือกันว่าเห็นด้วยหรือไม่ โดยให้เหตุผลชัดเจน นอกจากนี้ภาคกทม.ต้องส่งตัวแทน ไปดูติดตามดูงานที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อที่จะได้รับทราบภาพรวมของ กทม.ด้วย

 

"ผมเป็นสมาชิกคนหนึ่งของพรรค ที่แม้จะไม่มีตำแหน่งใดๆ ในภาคกทม. แต่ถือว่าเป็นสมาชิกคนหนึ่ง เรียกผมเมื่อไหร่ก็จะมา หากมีอะไรให้ทำก็เสนอมาได้เลย พร้อมที่จะทำให้ ขอให้สบายใจว่าผมไม่มีวันทุจริตเด็ดขาด แม้แต่เศษเสี้ยวแดงเดียว ของๆ หลวงผมก็ยังไม่เคยใช้ ขอยืมตัวข้าราชการมาทำงานอยู่คนเดียว ภาคกทม.เป็นภาคที่อ่อนไหวง่าย แพ้ง่าย ชนะง่าย ต้องมาดูแลใกล้ชิด และขอยืนยันว่าไม่มีวันปล่อยให้กลุ่มพันธมิตรฯใช้อำนาจบาตรใหญ่เหมือนรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ"ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

 

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยที่จะมีการเคลื่อนไหวเอาม็อบมาชนม็อบและทราบว่าสมาชิก กทม.เห็นด้วยกับตนแน่ วันนี้ตนจะได้เจอนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ ในฐานะโฆษกกลุ่มมหาประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งตนจะขออ้างมติภาค กทม.ที่เห็นว่าไม่สมควรจัดม็อบชนม็อบ ไปขอให้นายประชา ยุติการจัดการชุมนุม แต่แสดงความเห็นได้ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย หากชุมนุมไปจะทำให้มีการนำไปเป็นข้ออ้างเหมือนวันที่ 19 กันยายน 2549 อีก

 

 

"หนูนา" ย้ำแก้รธน.ต้องฟังชท.-7พค. "เติ้ง" ร่วมวงพรรคร่วม

เว็บไซต์คมชัดลึก - นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคชาติไทยเห็นด้วยที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 เพราะมีข้อบกพร่องหลายจุด โดยเฉพาะในมาตรา 237 ส่วนมาตรา 309 ยังไม่ได้มีการพูดกันเลยเพราะเป็นประเด็นที่มาจากพรรคพลังประชาชน ซึ่งล่าสุดร่างที่พรรคพลังประชาชนให้มากับพรรคร่วมรัฐบาลคือคงหมวด 1และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญ 2550 ส่วนหมวดที่เหลือเอารัฐธรรมนูญปี 2540มาใส่ไว้ก็แน่นอนว่าเป็นการสลายมาตรา 309 ไปโดยปริยาย

 

"เรื่องนี้ก็ต้องคุยกันก่อนเพราะว่ายังไม่เห็นด้วย เนื่องจาก 1.ตอนที่เราเข้าร่วมรัฐบาลเราก็มีเงื่อนไขอันหนึ่งว่าต้องไม่แตะต้อง คตส. 2.คือการเอารัฐธรรมนูญปี 2540มาใส่ตั้งแต่หมวด 3 ไปก็ไม่เหมาะสม เพราะรัฐธรรมนูญปี 2540 มีจุดบกพร่องอยู่เยอะมันต้องได้รับการแก้ไขปรับปรุงการเอามาใส่ทั้งก้อนก็ต้องเอามาปรับปรุง"

 

นางสาวกัญจนา กล่าวว่า เราต้องดูถึงกระบวนการที่มาของรัฐธรรมนูญปี 2550 หลายคนก็ตั้งเป็นประเด็นไว้ว่าไม่ได้เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากกระบวนการประชาธิปไตย และต้องยอมรับด้วยว่าผู้ที่ร่างรัฐธรรมนูญตอนนั้นมีกระแสไม่ชอบพรรคไทยรักไทยเดิมหรือพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นกลุ่มคนที่มีอคติกับรัฐบาลเดิม ดังนั้นรัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นรัฐธรรมนูญที่ชิงชังนักการเมืองมาก มองนักการเมืองไม่ดีต้องการให้นักการเมืองอ่อนแอ อย่างมาตรา 237 กรรมการบริหารคนใดปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิดหรือกระทำเองก็ต้องถูกสั่งให้ยุบพรรค จะบอกว่าตอนที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกมา และยังไม่มีการเลือกตั้งแต่ละพรรคจะมีกรรมการบริหารพรรคเยอะมาก พรรคประชาธิปัตย์ก็ 60 กว่าคน พรรคชาติไทยก็ประมาณนั้นมาบอกว่าทำไมเราไม่สกรีนเราก็บอกว่าการที่ให้เขาเป็นกรรมกาบริหารพรรคส่วนหนึ่งก็เป็นเกียรติข้อบังคับพรรคจึงเปิดให้ บางคนอยู่พรรคมานานก็ให้เป็นกรรมการบริหารพรรค ถ้ามีรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตั้งแต่ต้นเราก็จะให้มีกรรมการบริหารพรรคน้อยที่สุดจะได้ดูแลได้ง่าย ซึ่งต่อให้ยุบพรรคชาติไทยไปก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียงได้

 

เมื่อถามว่าหากพรรคพลังประชาชนยังยืนกรานที่จะแก้ไขมาตรา 309 พรรคชาติไทยจะดำเนินการอย่างไรจะส่งร่างมาประกบหรือไม่ นางสาวกัญจนา กล่าวว่า เราคงไม่มีพลังขนาดนั้นเราเป็นพรรคเล็กๆ แม้จะร่างก็ไม่สามารถส่งได้อยู่ดี พรรคเรามีอยู่แค่นี้ เชื่อว่าคงรับฟังซึ่งกันและกัน

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าอดีตชมรม สสร. 50 ได้ออกมาเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลออกจากพรรคร่วมรัฐบาลหากพรรคพลังประชาชนทำผิดสัญญาประชาคม 5 ข้อ นางสาวกัญจนากล่าวว่า ถ้าเราจะทำอะไรก็คงจะเป็นการพิจารณาร่วมกันในพรรค ถ้าเขาแนะนำก็ฟังแต่การตัดสินใจอยู่ที่เรา เสนอมาก็ฟังแต่คนที่จะตัดสินใจและได้รับผลจากการตัดสินใจก็คือพรรค ก็ยินดีรับฟังแต่ทำตามหรือไม่เป็นการตัดสินใจของเรา

 

"บางพรรคพูดฟังดูดีเนอะว่าพรรคไหนทำผิดก็ต้องยอมรับผิดสิ ก็อยากฝากบอกไปว่าพรรคคุณไม่โดนบ้าง ถ้าพรรคคุณโดนบ้างคุณก็ไม่มีวันพูดแบบนี้หรอก ซึ่งเรื่องนี้อาจจะพูดตรงไปนิดหนึ่ง เพราะความจริงทุกคนก็รู้หมดแหละว่าพรรคไหนทำอะไร อย่ามาพูดว่าพรรคตัวเองดีกว่าพรรคอื่นเลยเรารู้กันอยู่ เพราะตอนนี้ก็เหมือนไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ แต่เมื่อคุณไม่เจอไฟฉายส่องไป คุณก็พูดได้ แต่เราก็รู้กันอยู่ "

 

เมื่อถามว่าแบบนี้การเกิดรัฐประหารก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรประเทศชาติไทยได้เลย นางสาวกัญจนา กล่าวว่า พูดตรงๆ การเกิดรัฐประหาร 2549 ประเทศหยุดเฉยๆ เลยไม่ได้เกิดอะไรขึ้นมาเลยตอนแรกเราก็ยินดีว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเพราะตอนนั้นก็คิดว่ามันมีความไม่ชอบมาพากลเยอะ แต่ปรากฏว่าคนที่เข้ามาไม่สามารถทำให้ประเทศชาติขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ประเทศชาติไม่มีประสิทธิภาพหยุดชะงัก เขาไม่สามารถแก้อะไรได้เราก็สูญเปล่า ความแตกแยกก็ยังคงแตกแยกอยู่ นับวันยิ่งหนักขึ้นทุกวัน ส่วนที่ใครๆ เกรงว่าสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นเพราะมองเห็นทางสมานฉันท์ไม่ค่อยมี ซึ่งตนคาดการณ์ไม่เก่ง แต่ก็มองไม่เห็นทางที่จะไปด้วยกันได้อีกฝ่ายก็ต้านอีกฝ่ายก็สนับสนุน ไม่รู้ออกจุดไหนเดาไม่ถูก ซึ่งตอนนี้พรรคพลังประชาชนก็คงไม่หยุดในการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องมาคุยกันว่าเขาไม่ฟังเราแล้วเราจะทำอย่างไร

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าในวันที่ 7 พ.ค.นี้นายบรรหารจะเดินทางไปร่วมหารือกับพรรคพลังประชาชนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นางสาวกัญจนา กล่าวว่า เห็นตามข่าวว่าท่านจะไปด้วยตัวเอง

 

 

ปชป.ย้ำแม้กก.บริหารโดนใบแดง แต่จะไม่แก้ ม.237

เว็บไซต์เดลินิวส์ - นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณที่พรรคพลังประชาชนออกมาระบุว่า จะมีการให้ใบแดงกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เรื่องนี้ เป็นข่าวลือมาประมาณ 2 สัปดาห์ ว่ามีกระบวนการที่จะให้ใบแดงกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ อย่างน้อย 3 คนโดยกำลังไปค้นหาช่องทาง ว่าจะให้ใบแดงกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ และกระบวนการนี้เป็นประบวนการที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ กกต.ระดับล่าง ที่อยู่ในกลุ่มอำนาจเก่า ไม่เกี่ยวกับ กกต.กลาง ทั้ง 5 คน ใความพยายามที่จะจับผิดให้พรรคประชาธิปัตย์โดนใบแดง เพื่อนำมาเป็นตัวประกันและต่อรองในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 โดยยืนยันว่า ถึงแม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะโดนเรื่องใบแดง เราก็ยืนยันว่าจะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 โดยเด็ดขาด เราพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

 

ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเพียงการสร้างกระแสและกดดัน กกต. เช่นเดียวกับการที่นายกรัฐมนตรี ได้พูดเรื่องการให้ใบแดงใบที่ 2 นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน จึงอยากขอให้ล้มเลิกกระบวนการกดดัน กกต. นอกจากนั้นเรายังเชื่อว่ากกต.จะมีความหนักแน่นเป็นธรรม ในการพิจารณาใบเหลือง ใบแดง

 

 

คุณภาพชีวิต

ปลัดแรงงานแนะเลิกหวย-เหล้า ปรับขึ้นค่าจ้างครั้งนี้อยู่ได้แน่

เว็บไซต์เดลินิวส์ - นายจุฑาธวัช อินทรสุขศรี ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้างกลาง กล่าวว่า การพิจารณาปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำครั้งล่าสุด 2-11 บาท ได้คำนึงให้นายจ้างอยู่ได้และลูกจ้างอยู่ดี อิงอัตราเงินเฟ้อล่าสุด หากใช้อัตราเงินเฟ้อเดิมที่มีการเสนอค่าจ้างขั้นต่ำจะได้แค่ 8 บาท ปัจจัยค่าจ้างขั้นต่ำเป็นส่วนหนึ่งในการผลิตของผู้ประกอบการเท่านั้น ยังมีเรื่องวัตถุดิบอื่นที่ต้องใช้เป็นฐานการผลิตที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นหากต้นทุนเพิ่ม ผู้ที่จะได้รับผลกระทบหนักคือผู้บริโภคทั่วไปที่ราคาสินค้าจะเพิ่มอีก ยืนยันว่ามติการปรับขึ้นค่าจ้างเหมาะสมแล้วและจะไม่ทบทวนอีก แต่อาจมีการพิจารณาค่าจ้างอีกครั้งในช่วยปลายปีหรือต้นปี 2552 หากอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นอีก อยากฝากลูกจ้างว่าอัตราที่ปรับขึ้นน่าจะพออยู่ได้ไปรอดแน่นอน โดยขอให้เลิกดื่มเหล้าและเลิกเล่นหวย

 

 

ต่างประเทศ

พรรคฝ่ายค้านซิมบับเวยืนยันว่าผู้นำพรรคเป็นประธานาธิบดีอย่างถูกต้อง

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - พรรคเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตย พรรคฝ่ายค้านซิมบับเวออกแถลงการณ์ว่านายมอร์แกน ทีสวานกีไร ผู้นำพรรคเป็นประธานาธิบดีซิมบับเวอย่างถูกต้อง พร้อมทั้งปฏิเสธผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่29มีนาคมที่ผ่านมา ที่ชี้ว่า นายทีสวานกีไลได้รับคะแนนเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ซึ่งจะต้องลงเลือกตั้งอีกเป็นครั้งที่ 2 กับประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ้

 

ทั้งนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งซิมบับเวเพิ่งจะประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการหลังล่าช้าไปเกือบ5สัปดาห์ โดยปรากฏว่านายทีสวานกีไรได้รับชัยชนะด้วยคะแนนเสียง47.9ขณะที่ประธานาธิบดีมูกาเบ้ได้รับ 43.2 ซึ่งจากการที่ทั้งคู่มีคะแนนเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งทำให้ต้องจัดการเลือกตั้งในรอบที่ 2 แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดวัน ท่ามกลางความหวั่นเกรงว่าจะเกิดเหตุนองเลือดขึ้น

 

 

ไข้หวัดนกแพร่ระบาดในเกาหลีใต้ 6 จังหวัดแล้ว

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - กระทรวงเกษตรเกาหลีใต้พบไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช5เอ็น1ระบาดในฟาร์มอีกแห่งหนึ่งห่างจากกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ300กิโลเมตร การพบแหล่งแพร่ระบาดของโรคครั้งล่าสุดทำให้สถิติไข้หวัดนกระบาดในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นเป็น 23 กรณี ในพื้นที่ 6 จังหวัดทั่วประเทศ มีเพียง 3 จังหวัดที่ยังไม่พบการระบาดของโรค ได้แก่ จังหวัดคังวอน ชุงชองเหนือ และเกาะเชจู ขณะเดียวกัน หน่วยงานกักโรคปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ระบุว่า มีการปิดบังข่าวไข้หวัดนกระบาดในจังหวัดคิยองซังเหนือเมื่อเดือนเษายนที่ผ่านมา

 

ก่อนหน้านี้กระทรวงเกษตรเกาหลีใต้แถลงเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่าตั้งแต่เกิดการระบาดของเชื้อไข้หวัดนก ทางการทำลายสัตว์ปีกจำนวน 5 ล้านตัว ในฟาร์ม 25 แห่งทั่วประเทศ และเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันต่อต้านไข้หวัดนก พร้อมกับระดมกำลังตำรวจและทหารหลายร้อยนายเข้าร่วมดำเนินการกักกันและคัดแยกสัตว์ปีกที่ติดเชื้อโรคไข้หวัดนกด้วย

 

 

ผู้นำสหรัฐเสนอของบประมาณเพื่อใช้ในสงครามอิรักและอัฟกานิสถาน

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุชผู้นำสหรัฐเสนอของบประมาณประจำปี ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ต่อรัฐสภาอย่างเป็นทางการ โดยประธานาธิบดีบุชร้องของบประมาณจำนวน 7 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อใช้ในการสงครามอิรักและอัฟกานิสถานต้นปีหน้าให้ทันกับช่วงที่ประธานาธิบดีคนใหม่จะเข้าบริหารประเทศต่อไป การเสนองบประมาณดังกล่าวรวมถึงงบประมาณจำนวน 770 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่จะใช้ในการให้ความช่วยเหลือครั้งใหม่ เพื่อจัดการกับปัญหาขาดแคลนอาหารและราคาอาหารแพงที่ส่งผลให้มีผู้หิวโหยจำนวนมากและเป็นเหตุให้เกิดการประท้วงทั่วโลก

 

ทั้งนี้หากสภาอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมในปีนี้และปีหน้าก็จะทำให้มีงบประมาณสำหรับการใช้จ่ายในสงครามอิรักและอัฟกานิสถานกว่า 8 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าสภาจะอนุมัติเงินก้อนน

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท