Skip to main content
sharethis

ตามที่มีกระแสข่าวในหนังสือพิมพ์ในประเทศไทยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ชักชวนนักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย ซึ่งประกอบด้วย นายวาลิด อาเหม็ด จัฟฟาลี รองประธานบริษัท ซาอุดิซีเมนต์ (SCC) ซึ่งเป็นบริษัทซีเมนต์รายใหญ่ที่สุดในซาอุดิอาระเบีย และเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของกลุ่มบริษัท EA Juffali & Brothers กลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมและพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดในซาอุดิอาระเบียและภูมิภาคตะวันออกกลาง เข้ามาลงทุนทำนา หรือเช่าที่ดินทำนา หรือการส่งข้าวออกขายต่างประเทศ โดยขณะนี้ได้มีการจัดตั้งบริษัทรวมใจชาวนาขึ้นมาเพื่อรองรับการเข้ามาลงทุนของนักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย นั้น


 


นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถีหรือไบโอไทย ซึ่งเป็นองค์กรที่ติดตามปัญหาเกี่ยวกับนโยบายด้านอาหาร การเกษตรและความหลากหลายทางชีวภาพ ได้แถลงว่า ไบโอไทยขอคัดค้านการลงทุนจากนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในการทำนาและทำธุรกิจเกี่ยวกับการค้าข้าวในประเทศไทย


 


เนื่องจากเป็นการนำต่างชาติเข้ามาแย่งชิงการใช้ประโยชน์จากที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และการเกษตรซึ่งควรจะถูกสงวนไว้สำหรับคนไทยเท่านั้น ขณะนี้ชาวนาเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศเป็นชาวนาไร้ที่ดิน การนำนักธุรกิจน้ำมันที่มีเงินมากมายมหาศาลเข้ามาลงทุน เป็นการเข้ามาแย่งชิงการใช้ที่ดินจากมือของเกษตรกรซึ่งมีอยู่น้อยอยู่แล้ว เป็นการสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นมากขึ้นไปอีก


 


"ที่สำคัญคือกลุ่มนักลงทุนกลุ่มนี้ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรต่อประเทศไทยเลย เพราะความรู้และเทคโนโลยีในการทำการทำนาหรือทำการเกษตรของไทยมีมากกว่าอยู่แล้ว การที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชักชวนให้กลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนครั้งนี้ เป็นวิธีคิดที่เปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามายึดครองภาคการผลิต ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและอธิปไตยทางอาหารของประเทศที่ไม่อาจยอมรับได้" นายวิฑูรย์ กล่าว


 


ผู้อำนวยการไบโอไทยยังกล่าวอีกว่า การเข้ามาลงทุนทำการเกษตรและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาตินั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ประเด็นเรื่องความมั่นคงทางอาหารเป็นเรื่องใหญ่ของทุกประเทศนั้น ประเทศไทยต้องมีนโยบายที่ชัดเจนที่จะต้องสร้างความมั่นคงทางอาหารและอธิปไตยทางอาหาร โดยไม่ปล่อยให้ประเทศที่ร่ำรวยจากน้ำมัน หรือประเทศอุตสาหกรรมเข้ามาใช้ประโยชน์จากที่ดินและทรัพยากรของเรา


 


 "สังคมไทยต้องตรวจสอบบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรให้ดี เพราะอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยผู้นี้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน และมีความเชี่ยวชาญในการจัดตั้งบริษัทนอมินี ซึ่งอาจทำให้มีการหลบหลีกเงื่อนไขทางกฎหมาย หรือใช้กลไกทางนโยบายของรัฐในการนำนักลงทุนต่างชาติเข้ามาใช้แย่งชิงและใช้ประโยชน์จากชาวนายากจนของประเทศไทยอย่างไม่ถูกต้องได้" นายวิฑูรย์ กล่าวและว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ปรารถนาดี ต่อเกษตรกรไทยและประเทศไทย ควรแนะนำให้นักลงทุนจากต่างชาติทำสัญญาซื้อข้าวระยะยาวจากชาวนาในประเทศไทยโดยตรง หรือทำสัญญากับรัฐบาลไทยในการซื้อข้าวโดยมีราคารับซื้อที่แน่นอน และเป็นการทำสัญญาซื้อขายระยะยาว เพราะจะช่วยทำให้ราคาข้าวของไทยมีเสถียรภาพ และจะเป็นประโยชน์ต่อชาวนาไทยและประเทศไทยมากกว่า


 


นายวิฑูรย์ ยังกล่าวด้วยว่าจะได้นำประเด็นความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับนักลงทุนจากต่างชาติ รวมทั้งบทบาทของบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศที่กำลังเข้ามาฉกฉวยสถานการณ์วิกฤติการณ์เรื่องอาหารเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่จะสร้างผลกระทบต่อเกษตรกร มาหารือกับเครือข่ายของภาคประชาชน เช่น เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) เครือข่ายหนี้สินชาวนา และเครือข่ายเพื่อการปฎิรูปที่ดิน เพื่อกำหนดแนวทางในการเคลื่อนไหวคัดค้านในเรื่องดังกล่าวภายในสัปดาห์หน้า


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net