Skip to main content
sharethis

เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. วันนี้ (30 พ.ค.) นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงที่ทำเนียบรัฐบาล กรณีคณะกรรมการสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีมติเบื้องต้นว่าตัวเขาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีพฤติกรรมความผิด ตามกฎหมายอาญามาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินีรัชทายาท หรือ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางจำคุก 3-15 ปี


 


โดยนายจักรภพ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง และเตรียมทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีภายในวันนี้ มีผลในต้นสัปดาห์หน้า เพื่อจะได้สะสางงานและเตรียมส่งไม้ให้กับผู้รับผิดชอบต่อด้วยความราบรื่น


 


นายจักรภพ กล่าวว่า การบรรยายต่อหน้าผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่เป็นชนวนของเรื่องนี้ เป็นการบรรยายทางวิชาการและเปิดกว้างต่อคนทั้งหลาย ไม่มีการหลบเร้น และเป็นคำบรรยายที่เกิดขึ้นมานานถึง 10 เดือน ก่อนที่จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี เพราะฉะนั้น จึงอยากเรียนในประเด็นแรก ว่าตนจะต่อสู้ในคดีนี้ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่หวังเพียงความยุติธรรมและความเป็นธรรมสำหรับตนเองเท่านั้น แต่หวังไปถึงว่าตนจะมีส่วนในการวางบรรทัดฐานเพื่อให้สงคมนี้ฉ้อฉลน้อยลง ทำลายกันด้วยวิชามารได้ยากขึ้น และหวังว่าจะทำให้เกิดแสงสว่างทางปัญญาได้มากขึ้น


 


"ลำพังตัวผมคนเดียว ผมไม่ถอยแน่ เพราะผมไม่อาจปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำตัวเป็นพระเจ้าที่ชี้นำประเทศนี้ได้" นายกจักรภพ กล่าว


 


รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ในช่วง 3 วันที่ผ่านมาทุกอย่างไปตกหนักอยู่ที่นายกรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นธรรม เกิดกระแสข่าวที่ไม่เป็นมงคลเกิดขึ้นมากมาย โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะโค่นล้มรัฐบาล มีการรุกเข้ามาของผู้เล่นตามแผนที่วางเอาไว้แล้วของคนภายนอก ในขบวนการวิชามารทั้งหมดนี้ ดังนั้น ตนจึงสรุปในใจว่าจำเป็นต้องรักษาขุนไว้ให้รอด เพื่อประชาธิปไตยจะได้ชัยชนะในบั้นปลาย


 


"ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีข่าวออกมาทั้งบนดินและใต้ดิน ทั้งข่าวว่าผมเสี้ยมตัวใหญ่ในฟากรัฐบาลให้ชนกันเพื่อตัวจะได้อยู่รอด ข่าวว่ามีผลประโยชน์เกี่ยวข้องก็เลยไม่ยอมลุกขึ้นจากเก้าอี้ ข่าวเหล่านี้เป็นความสามานย์ที่คนกุข่าวจะต้องชดใช้บาปกรรมของตนเอง ในไม่ช้านี้ แต่ก็เป็นตัวอย่างว่าคนในฟากรัฐบาลเราเองบางครั้ง ก็เผลอสายตาสั้น ไปร่วมแห่กับฝ่ายตรงกันข้ามด้วย สิ่งที่มีความสำคัญและเป็นบทเรียนคราวนี้ก็คือ พุทธภาษิตที่ว่า "วินาศกาเล วิปริตพุทธิ เมื่อถึงคราววินาศ ปัญญาย่อมวิปลาสไป" นั้น ต้องพยายามไม่ให้เกิดขึ้น" นายกจักรภพ กล่าว และว่า เมื่อเรื่องนี้ไม่เป็นไปตามหลักเหตุผล แต่เป็นเกมอำนาจล้วนๆ และนายกรัฐมนตรีก็เป็นผู้ได้รับผลดังกล่าวนั้น จึงต้องตัดสินใจถอดตนเองออกจากเกมอำนาจนี้ เพื่อรักษาเรือลำใหญ่ไว้ให้รอด จึงขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้


 


นายจักรภพ ยังหวังว่าการลาออกครั้งนี้ น่าจะส่งผลให้คนหยุดพูดเรื่องการรัฐประหารเสียที และน่าจะมีผลยุติความเคลื่อนไหวของกลุ่มใดๆ ที่อ้างเหตุผลทางการเมืองมาเคลื่อนไหว ถ้าหากเกมนี้ยังดำเนินต่อไป โดยมุ่งตีเมืองขึ้นไปเรื่อยๆ ก็หวังว่ารัฐบาลจะตัดสินใจอย่างชัดเจนในการพิทักษ์บ้านเมือง ให้พ้นจากมือของผู้ที่ไม่ปรารถนาดีเหล่านี้


 


นอกจากนี้ นายจักรภพ ยังกล่าวถึง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีว่า ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ตั้งแต่ต้นจนนาทีสุดท้าย ตนมีความศรัทธา มีความเคารพในวิถีทางทางการเมืองของท่าน และจะยึดหลายอย่างในตัวท่านเป็นแบบอย่างในทางการเมืองต่อไป ท่านนายกฯ เป็นผู้ใหญ่ให้แนวทางที่เป็นสติปัญญาและความสว่างกับนักการเมืองรุ่นหลัง ให้ได้รู้แนวทางที่จะเดินต่อไป นายกฯ มีความหมายและความสำคัญในการรักษาบ้านเมืองในระยะนี้ เพราะฉะนั้นเหตุใดก็ตามที่จะนำไปสู่ผลกระทบต่อตัวท่านโดยตรง ตนจะยอมไม่ได้ นี่เป็นเหตุผลที่ต้องแถลงลาออกจากตำแหน่ง


 


"เหตุผลง่ายๆ ก็คือ เราต้องรักษาท่านนายกฯ และรัฐบาล ไว้ให้รอดในระยะนี้ เพื่อประชาธิปไตยจะได้รอดในระยะยาว"


 


ในช่วงท้าย นายจักรภพ ยังได้กล่าวคำขอโทษผู้สนับสนุนตนเอง ที่ทำให้ผิดหวัง ที่มีวันนี้เกิดขึ้น แต่หวังว่าเมื่อได้ฟังเหตุผลจะมีความเข้าใจว่าตนไม่ได้มีความคิดจะลาออก ไม่ได้ทำอะไรผิด จะพิสูจน์ตนเองในทางกฎหมายต่อไป และจะวางบรรทัดฐานไม่ให้คนใช้เรื่องแบบนี้เพื่อการทำร้ายกันได้ง่ายเหมือนที่เกิดกับตนอีกด้วย ขอให้ผู้สนับสนุนทราบว่าไม่ใช่ความอ่อนแอ ทดท้อ ไม่ใช่การถอย ถอดใจทั้งสิ้น นี่เป็นเพียงขั้นตอนทางการเมือง ซึ่งเราต้องรักษาส่วนรวมไว้เท่านั้น


 


'สมัคร'เผยปรับครม.เมื่อ'จักรภพ'ลาออกมีผลสัปดาห์หน้า


 


นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ก่อนให้การต้อนรับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประเทศฝรั่งเศส และนำตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพ ว่า การปรับคณะรัฐมนตรีภายหลังที่นายจักรภพ เพ็ญแข ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น จะตัดสินใจเมื่อการลาออกของนายจักรภพมีผลแล้ว โดยตนไม่เคยได้ยินเรื่องการสลับตำแหน่งรัฐมนตรี และไม่ขอตอบว่าได้พิจารณาบุคคลใดเป็นพิเศษ


 


นายสมัคร กล่าวต่อว่า จะไปร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำและหารือร่วมกับรัฐมนตรีสังกัดพรรคพลังประชาชนอย่างแน่นอน โดยเป็นการประชุมเดือนละครั้งอยู่แล้ว


 


สื่อเทศชี้จักรภพอาจติดคุก หากผิดจริงคดีหมิ่นเบื้องสูง


 


สำนักข่าวต่างประเทศเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ว่า นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศลาออกแล้ว ภายหลังถูกกล่าวหาว่าหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โดยกล่าวแถลงข่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า เขาไม่ได้ทำสิ่งใดผิด แต่จำเป็นต้องลาออก เพราะมีแรงกดดันต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลอย่างสูงให้เขายอมลาออก พร้อมทั้งยืนยันว่า เขาไม่มีเจตนาที่จะหมิ่นสถาบันเบื้องสูง และจะพิสูจน์เรื่องนี้ผ่านกระบวนการศาล


 


เอเอฟพีรายงานระบุว่า นายจักรภพถูกกล่าวหาว่ากล่าวคำพูดหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ระหว่างการแถลงปาฐกถาต่อสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อปี 2007 เกี่ยวกับเหตุการณ์รัฐประหารที่ล้มอำนาจพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และทำให้กองทัพผงาดขึ้นมาบริหารประเทส ขณะที่เอเอฟพีระบุว่า การลาออกของนายจักรภพถือเป็นความเสียหายอีกครั้งของพรรคพลังประชาชน ซึ่งกำลังเผชิญเหตุการณ์ชุมนุมประท้วง ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่าจะเกิดเหตุการณ์ปฎิวัติรอบใหม่


 


ด้านเอพีรายงานว่า การลาออกของนายจักรภพมีขึ้นก่อนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีกำหนดจะชุมนุมประท้วงใหญ่ในวันศุกร์นี้ โดยกลุ่มพยายามกดดันให้รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ลาออก ฐานพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 นอกจากนี้ กลุ่มยังได้โจมตีนายจักรภพอย่างหนักว่าหมิ่นสถาบันเบื้องสูง


 


'กุเทพ'บอกปรับครม.แทน'จักรภพ'ขึ้นอยู่กับนายกฯ


 


นายกุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวเมื่อวันที่ 30 พ.ค. ถึงการปรับคณะรัฐมนตรีที่จะมาแทนตำแหน่งของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งแถลงข่าวประกาศลาออกจากตำแหน่งหลังถูกต้องข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ว่า ในการประชุมพรรควันนี้ (30 พ.ค.) ไม่มีการพูดถึง แต่เรื่องนี้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรีที่จะเห็นว่าผู้ใดเหมาะสม ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองก็อาจจะต้องนำเรื่องเข้าสู่การประชุมกรรมการบริหารพรรคต่อไป แต่จะให้ระบุแน่ชัดว่าเมื่อไหร่นั้นไม่สามารถบอกได้


 


'จตุพร' พร้อมใช้ตำแหน่งส.ส.ประกันตัว 'จักรภพ' 


 


นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในฐานะอดีตแกนนำ นปก. กล่าวว่า ขณะนี้แม้ตำรวจจะระบุ ว่า นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีมูลความผิดแต่ยังต้องต่อสู้ในชั้นอัยการ ศาลต่อไป จึงถือว่านายจักรภพยังมีความบริสุทธิ์อยู่จนกว่าศาลจะตัดสินออกมา แต่ขณะนี้สถานการณ์การเมืองถูกแปรเจตนาจนอาจสร้างความเข้าใจผิดให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม นปก.ในฐานะที่เคยร่วมรบกันมา ยืนยันจะไม่ถอยหนี พร้อมจะยืนเคียงข้าง รับชะตากรรมกับนายจักรภพด้วยกัน และวันที่นายจักรภพไปพบพนักงานสอบสวน ตนจะใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวนายจักรภพ ขณะนี้เรื่องรัฐธรรมนูญ กับนายจักรภพถูกใช้เป็นเงื่อนไขของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯ แถลงชัดเจนว่า ได้ข้ามข้อเรียกร้องเรื่องการถอยแก้รัฐธรรมนูญ กับการให้นายจักรภพลาออกมาสู่การล้มรัฐบาล เท่ากับเป็นการฉายภาพของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า จุดยืนที่แท้จริงคือการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย แม้นายจักรภพจะลาออก และถอยเรื่องแก้รัฐธรรมนูญออกมา แต่กลุ่มพันธมิตรฯจะไม่ยุติการชุมนุม เพราะเป้าหมายที่แท้จริงคือต้องการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย


 


'มาร์ค'ชี้เรื่อง'จักรภพ'ให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้า 


 


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเมื่อวันที่ 30 พ.ค. ถึงกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมแถลงลาออกจากตำแหน่ง ว่า ตนไม่รู้ว่านายจักรภพจะแถลงอย่างไร หากลาออกจริง ต่อไปก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ส่วนเรื่องการถอนญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.) ของพรรคพลังประชาชน (พปช.) เห็นว่าถ้าถอนญัตติดังกล่าว จะทำให้บรรยากาศต่าง ๆ คลี่คลายลงได้ โดยรัฐบาลเดินหน้าแก้ไขตามที่ประชาชนคาดหวัง โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งนี้ หากรัฐบาลคลี่คลายโดยเร่งทำงาน ความเชื่อมั่นก็จะกลับมา ส่วนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น หากรัฐบาลชัดเจนว่าจะถอนญัตติออก พันธมิตรฯก็ไม่มีเหตุผลที่จะชุมนุมต่อ


 


'การทำประชามติขณะนี้หลายฝ่ายไม่สบายใจ เนื่องจากต้องใช้งบประมาณถึง 2 พันล้าน ในภาวะสังคมปัจจุบัน พร้อมทั้งตั้งคำถามว่าอาจถูกดึงเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาของบางฝ่ายหรือไม่' นายอภิสิทธิ์ กล่าว


 


ที่มา ไทยรัฐออนไลน์และมติชนออนไลน์


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net