Skip to main content
sharethis

ประเวศ วะสี


 


วิกฤตการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ก่อให้เกิดความวิตกกังวลกันว่าจะนำไปสู่ความรุนแรงนองเลือด แต่มองไม่เห็นทางออก หลายท่านเห็นว่าความแตกแยกเลยจุดที่จะสมานฉันท์กันได้ การจะรักษาโรคให้หายต้องรู้สมมุติฐานที่แท้จริงของโรค หลายอย่างที่นำมาเถียงกันเป็นเพียงปลายเหตุ ต้นเหตุอยู่ที่ความเชื่อเกี่ยวกับคุณทักษิณที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงและประนีประนอมกันไม่ได้


 


เนื้อที่มีเสี้ยนตำอยู่ย่อมสมานกันไม่ได้


เสี้ยนคือความเชื่อเกี่ยวกับคุณทักษิณที่แบ่งคนออกเป็น 2 ข้าง ข้างหนึ่งเชื่อว่าทักษิณเป็นคนดีมีความสามารถสนใจคนจนจะพาบ้านเมืองเจริญ อีกข้างหนึ่งเชื่อว่าทักษิณเป็นคนโกง ชอบใช้อำนาจ อันตรายต่อสถาบัน เป็นตัวแทนทุนต่างชาติ จะพาบ้านเมืองไปล่มจม


 


การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงไม่ใช่เรื่องหมากัดกันแต่เป็นเรื่องใหญ่ที่เชื่อว่าระบอบทักษิณอันตรายต่อบ้านเมืองต้องต่อสู้ และเขาเห็นว่ารัฐบาลเป็นนอมินีที่ปกป้องผลประโยชน์และต้องการช่วยในทักษิณพ้นผิด คนที่เชื่อเช่นนี้มิได้มีที่เฉพาะมาชุมนุมเท่านั้น ถ้าอนุมานจากผลการเลือกตั้ง ฝ่ายที่นิยมชมชอบทักษิณคงมีประ  14 ล้านคน ฝ่ายตรงข้ามประมาณ  12 ล้านคน นับเป็นความแตกแยกของคนไทยขนาดใหญ่ที่สุดขณะที่ยังไม่รู้ว่าจะหาทางออกจากความขัดแย้งใหญ่นี้ได้อย่างไร สิ่งที่เรารู้แล้วว่าไม่ได้ผล คือ


(๑)              รัฐธรรมนูญ ทั้งรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 เพราะเมื่อใช้รัฐธรรมนูญ 2550 ก็มีเรื่องทักษิณ การประท้วงขนานใหญ่ และรัฐประหาร ถ้าเรากลับไปหารัฐธรรมนูญ 2540 อีกจะแก้ปัญหาได้หรือ รัฐธรรมนูญ 2550 ก็ไม่หายขัดแย้ง ความพยายามจะแก้รัฐธรรมนูญก็ถูกมองว่าเพื่อจะช่วยทักษิณ และเป็นชนวนที่จะนำไปสู่ความรุนแรง


(๒)              รัฐประหาร ทำกันมาหลายครั้งแล้ว แก้ปัญหาบ้านเมืองไม่ได้


(๓)              ยุบพรรค เมื่อยุบพรรคไทยรักไทย ก็มีการตั้งพรรคพลังประชาชนขึ้นมาแทน สถานการณ์ความขัดแย้งก็เหมือนเดิม


(๔)             ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ใน 5-6 ปี ที่ผ่านไปมีการเลือกตั้งหลายครั้ง ผลก็ออกมาเหมือนเดิม แก้ความขัดแย้งไม่ได้


ถ้าเรายังวนเวียนอยู่ใน 4 เรื่องนี้ คือ รัฐธรรมนูญ รัฐประหาร ยุบพรรค ยุบสภา เราจะมีทางออกจากเขาวงกฏ แห่งความขัดแย้งหรือ ถ้าเช่นนั้นเราจะทำอย่างไร ขอเสนอ 3 วิธี ดังต่อไปนี้


 


 


 1. ยอมรับสภาพปัจจุบัน


และต่างฝ่ายพยายามทำให้ดีที่สุด


 


สภาพปัจจุบัน คือ พรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในฐานะมี ส.ส. จำนวนมากที่สุด อย่าไปคิดเปลี่ยนขั้วหรืออะไรเลย เรพาะมันจะขัดแย้งกันต่ไปไม่มีที่สิ้นสุด แต่ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดจากสภาพปัจจุบัน เช่น


(๑)         รัฐบาลต้องพยายามทำเรื่องดี ๆ อาจต้องปรับ ครม. อย่าให้ขี้เหร่เกิน ซึ่งเหมือนตบหน้าประชาชน อย่าพูดจาท้าทาย แต่มีวจีสุจริตชวนในคนมาร่วมมือกันทำงานสร้างสรรค์เพื่อประเทศ ต้องไม่ทำอะไรที่ทำให้สังคมเข้าใจว่าใช้อำนาจแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม


(๒)         การชุมนุมหรือเดินขบวนเรียกร้องอะไรก็เป็นสิทธิที่จะทำได้ในระบอบประชาธิปไตย แต่ต้องอยู่ในขอบเขตกฎหมาย และสันติวิธี รัฐบาลไม่ควรสลายการชุมนุมเพราะจะทำให้บานปลาย


(๓)         ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับ (2) ก็มีสิทธิชุมนุมหรือเดินขบวนแต่ต้องไม่ปะทะกัน


            ทุกฝ่ายต้องใช้วิถีอาริยะคือไม่ใช้วิธีอันธพาล ใช้เหตุผล ความสุภาพ เอาชนะกันด้วยหลักฐานข้อเท็จจริง


            (4)  หากสังคมเข้มแข็ง เข้ามากำกับดูแลให้เป็นไปตาม 3 ข้อข้างต้น ก็จะเป็นการให้เวลาแก่บ้านเมืองที่จะพัฒนาประชาธิปไตยบนวิถีอาริยะ


 


2. ถอนเสี้ยนออกจากเนื้อ


ดังกล่าวข้างต้นว่าเสี้ยนที่ตำอยู่ในเนื้อสังคมทำให้สมานฉันท์ไม่ได้คือความเชื่อเกี่ยวกับทักษิณที่ต่างกันคนละขั้ว ไม่มีทางอธิบายหรือไกล่เกลี่ยใดๆ ที่จะช่วยให้สมานฉันท์ได้ วิธีถอนเสี้ยนออกคือการทำความจริงให้ปรากฏซึ่งสามารถเห็นตรงกันได้


 


วิธีทำความจริงให้ปรากฏที่ดีที่สุด คือกระบวนการศาลยุติธรรม เพราะมีการสืบหาหลักฐานข้อเท็จจริง และไต่สวนมูลความโดยละเอียดและมีหลักการว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่จริง


 


ถ้าทุกฝ่ายเคารพความยุติธรรม มีกระบวนการยุติธรรมที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ปราศจากการแทรกแซง เราก็จะมีธรรมเป็นเครื่องยุติ


 


บ้านเมืองที่จะมีความเป็นประชาธิปไตยนั้น ผู้คนจะต้องเคารพความยุติธรรม ถือความยุติธรรมเป็นหลัก มีระบบความยุติธรรมที่เข้มแข็ง ถูกต้อง เป็นธรรม


 


คนไทยทุกฝ่ายจะต้องเข้ามาสนใจระบบความยุติธรรมและสนับสนุนให้เรามีระบบความยุติธรรมที่เข้มแข็งวิกฤตการณ์ใหญ่ของเราคราวนี้ลึกๆ แล้วเป็นวิกฤตความยุติธรรม


 


3. บทบาทของคุณทักษิณเอง


ที่จริงคุณทักษิณเป็นคนคนเดียวที่สามารถถอดชนวนความรุนแรงได้ชงัดที่สุด จริงอยู่คุณทักษิณอาจจะคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ใครๆก็มีสิทธิที่จะคิดเช่นนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ก็อาจจะทรงคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมแต่ไม่ทรงคิดแก้แค้น ทรงให้อภัย ทรงหลีกเลี่ยงที่จะให้คนไทยปะทะกันเองเสียเลือดเสียเนื้อทั้งๆ ที่มีคนที่ภักดีต่อพระองค์อยู่ไม่ใช่น้อย ทรงเลือกที่จะประทับอยู่อย่างสงบในประเทศอังกฤษด้วยยึดมั่นในอหิงสธรรม


 


ถ้าคุณทักษิณทบทวนตัวเองด้วยหลักธรรมทางพุทธ มีความนอบน้อมถ่อมตัว พยายามถอนตัวออกจากตัณหา มานะทิฐิ ให้อภัย ไม่คิดก่อเวร ใช้อหิงสธรรม หยุดเล่นการเมืองจริงๆ โดยสิ้นเชิง ไม่เคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจชั่วคราว แบบชวนเขมรตั้งกาสิโนที่เกาะใกล้ประเทศไทย หรือนำนายทุนใหญ่จากตะวันออกกลางมาค้าข้าว เพราะทำให้ฝ่ายสงสัยไม่หายสงสัยในเรื่องประโยชน์ทับซ้อนและเชื่อมโยงเป็นการเมืองไป ถ้าคุณทักษิณสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองขั้นพื้นฐาน (Transformation) จนคนเขามั่นใจ และหันกลับมารักใคร่นับถือไว้วางใจ คุณทักษิณก็สามารถทำประโยชน์อันยิ่งใหญ่ทั้งต่อประเทศไทยและต่อโลก


 


ผมพูดแบบนี้มาหลายครั้ง ไม่มีใครเชื่อว่าคุณทักษิณจะทำได้ แต่ถ้าทำได้จะเป็นการถอดชนวนความรุนแรงเฉพาะหน้าได้ชะงัดที่สุด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net