Skip to main content
sharethis

สถานการณ์การชุมนุมติดต่อกันเป็นวันที่ 35 ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ล่าสุดภายหลังจากที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ส่งสัญญาณให้ผู้ชุมนุมรอฟังเสียงนกหวีดอีกครั้ง และนายประเสริฐ เลิศยะโส อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อ่านแถลงการณ์เป็นภาษาไทยและภาษาเขมร เมื่อวันศุกร์ (27 มิ.ย.) เรียกร้องให้ประชาชนทั้งสองประเทศออกมาขับไล่ระบอบฮุนเซน และระบอบทักษิณ เทิดทูนสมเด็จพระนโรดม และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


 


 


สุริยะใสเผยแกนนำเป่านกหวีดครั้งสุดท้ายไล่รัฐบาลสัปดาห์นี้


วานนี้ (28 มิ.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในเวลานี้ว่า เงื่อนไขปราสาทเขาพระวิหารนี้เพียงพอแล้วที่เราจะเป่านกหวีดในครั้งสุดท้าย แต่ต้องหารือกับแกนนำทางพันธมิตรอีกที


 


ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีข้อสรุปในวันใด นายสุริยะใสกล่าวว่า สัปดาห์นี้แน่นอน เรากำลังจะเป่านกหวีดหมดเวลาให้กับทางรัฐบาล เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจในการเป่านกหวีดหมดเวลามากแค่ไหนว่าจะคว่ำรัฐบาลได้ นายสุริยะใสกล่าวว่า ไม่แน่ใจ แต่ครั้งนี้มันก็ต้องเต็มที่ แต่ถ้าไม่สำเร็จ ก็อาจจะต้องมีการปรับกลยุทธ์กันอีกที และต้องชะลอไปก่อน แต่เราจะไม่มีการเคลื่อนย้ายไปไหน เพราะเราเคยประกาศไว้แล้วว่า ไม่ชนะไม่กลับ


 


โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน หลังจากที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล นำมวลชนพันธมิตรไปล้อมหน้าทำเนียบได้สำเร็จเคยประกาศว่าจะไล่รัฐบาลให้ได้ในเวลา 2 วัน และเมื่อพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวมาแล้วมาเกือบหนึ่งสัปดาห์ จึงมีการส่งสัญญาณอีกครั้งจากนายสุริยะใสตามที่เป็นข่าว ว่าจะเป่านกหวีดไล่รัฐบาลภายในหนึ่งสัปดาห์


 


 


พิภพยืนยันพร้อมทำตามคำสั่งศาล หลังถูกนร.ฟ้อง


ด้านนายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึง กรณีที่โรงเรียนราชวินิตมัธยมยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง ขอให้รื้อถอนเวทีและงดการใช้เครื่องขยายเสียง รวมทั้ง เปิดช่องทางจราจร ว่า ได้รับมอบหมายจากแกนนำพันธมิตรฯ ให้ไปพบกับอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และรักษาราชการแทน ผอ.โรงเรียนราชวินิตมัธยม เพื่อหารือเกี่ยวกับเสียงที่รบกวนการเรียน การสอน และได้แก้ไขแล้ว โดยงดการใช้เสียงในช่วงที่มีการเรียนการสอน ส่วนการเปิดเส้นทางการจราจร ได้เชิญอาจารย์จากทั้ง 2 โรงเรียนมาดูพื้นที่แล้ว และทำความเข้าใจกันว่า จะเปิดเส้นทางที่ไม่กระทบต่อการชุมนุม ในชั่วโมงเร่งด่วน เพราะหากเปิดการจราจรทั้งหมด อาจทำให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้ามาก่อความวุ่นวายได้


 


นอกจากนี้ ยังให้ชุดรักษาความปลอดภัยพันธมิตรฯ ขยายเขตจัดระเบียบการขายสินค้า ออกไปนอกพื้นที่โรงเรียน เพื่อรักษาความสะอาด ขณะเดียวกัน จะชดใช้ค่าเสียหายให้กับโรงเรียนราชวินิตมัธยม จากการที่ทำให้ต้นไม้ที่นักเรียนปลูกไว้เสียหาย และจะไม่มีการพูดคำหยาบคายบนเวที อย่างไรก็ตาม หากศาลแพ่งมีคำสั่งออกมาอย่างไร พันธมิตรก็พร้อมปฏิบัติตามโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ขณะนี้ยังไม่ต้องการแสดงความเห็นเพราะเกรงจะเป็นละเมิดอำนาจศาล


 


 


จำลองโต้ครู ร.ร.ราชวินิต ยันม็อบขับถ่ายเป็นที่เป็นทางเพราะลงไปคุมเอง


สำหรับการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ์ วานนี้ (28 มิ.ย.) นั้น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรได้ปราศรัยเมื่อเวลา 21.00 น. โดยช่วงหนึ่งได้ชี้แจงข้อกรณีคณะครู ร.ร.ราชวินิต มัธยม กล่าวหาว่ากลุ่มพันธมิตรขับถ่ายเรี่ยราด โดยกล่าวว่า ครูโรงเรียนนี้ แค่เดินไกลหน่อยก็ฟ้อง เสียงดังหน่อยก็ฟ้อง แล้วหาว่าพวกเราปัสสาวะ และอุจจาระเรี่ยราดไปหมด ขอปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้ ทำไมต้องกล่าวหากันถึงขนาดนั้น กลัวว่าศาลจะไม่เห็นด้วยหรืออย่างไร ซึ่งเป็นการดูถูกมาก ตนเป็นผู้ว่าราชการมา 6 ปี และเป็นถึงผู้ว่าที่ได้รับรางวัลแมกไซไซคนเดียวในประเทศไทย และกรุงเทพฯ ของเราได้รับว่าเป็นเมือง 1 ใน10 เมืองน่าท่องเที่ยวที่สุดในโลก จากที่ตอนแรกเป็นเมืองที่สกปรกที่สุดติด 1 ใน 6 ของโลก ก่อนหน้าที่ตนจะเข้ามาเป็นผู้ว่าฯ กทม.
 
"คนที่เคยเป็นถึงผู้ว่าฯ จะมาปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ผมได้เดินไปดูรถสุขา กทม. โดยเฉพาะห้องน้ำหญิงจะมีคิวที่ยาวมาก เนื่องจากห้องไม่พอ ผมจึงเดินไปตัดแถวให้เข้าห้องน้ำผู้ชาย เพราะห้องน้ำชายมีมาก โดยผมเป็นคนยืนเฝ้าห้องน้ำเอง ลองคิดดู อดีตรองนายกฯ อดีตผู้ว่าฯ แมกไซไซเฝ้าห้องน้ำให้ด้วยตัวเอง แล้วจะมาหาได้ไงว่า อุจจาระ ปัสสาวะเรี่ยราด" พล.ต.จำลอง กล่าว


 


 


สนธิปูดทหารต่อสายคนบ้านเลขที่ 111


เมื่อเวลาประมาณ 22.15 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีโดยตั้งข้อสังเกตถึงคำพูดช่วงหนึ่งของการปราศรัยของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ว่าเป็นครั้งแรกที่ไล่ทหาร ดังนั้นตนเองจึงจำเป็นต้องพูดถึงบทบาทของทหารในวันนี้เสียที เพราะอัดอั้นมานาน


 


นายสนธิ ระบุว่า ในวันที่ 20 ก.ค.ที่จะถึงนี้จะมีการจัดงานมหกรรมถวายสังฆทานถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสที่พระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 62 ปี โดยงานดังกล่าวจัดที่ลานพระบรมรูปทรงม้า แต่คนที่จะมาเป็นประธานในพิธีคือ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตุลาการรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุติบทบาททางการเมืองพร้อมกับ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่น่าเสียใจก็คือมีชื่อของนายทหารที่จะเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้คือ พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ พี่ชายของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีชื่อ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่เคยถูกนายนพดลสั่งให้หุบปากเข้าร่วมในพิธีพร้อมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เช่น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกเข้าไปร่วมด้วย


 


"ผมอยากฝากไปถึง พล.อ.บุญสร้าง พล.อ.ประวิตร ที่ไปร่วมงานด้วยว่า ถ้าเป็นงานที่จัดโดยกองทัพก็ไม่ว่าอะไร แต่นี่เป็นงานที่จัดโดยคนที่มีมลทินทางการเมือง ทหารเสือพระราชา ทหารเสือพระราชินียังสบายดีอยู่หรือ ถามว่า พล.อ.ประวิตร เป็นอดีตทหารเสือพระราชินี ทีรัฐบาลชุดนี้จาบจ้วงทำไมไม่ออกมาต่อต้าน เงียบไม่เคยพูด แต่จู่ๆ ก็เป็นโบรกเกอร์ให้ สุดารัตน์ เชื่อมต่อไปยัง พล.อ.อนุพงษ์" นายสนธิ ระบุ


 


นายสนธิ ย้ำว่า ถ้าบทบาทของทหารในกองทัพเป็นแบบนี้จะมีไปทำไม พร้อมกันนี้ยังได้ระบุอีกว่า ในงานเลี้ยงรุ่นที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) รุ่น 6 ที่มี พล.อ.อนุพงษ์ เป็นประธานได้พูดในงานอย่างภาคภูมิใจว่าจะมีแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานด้วยคือ คุณสุดารัตน์


 


"เขาน่าจะรู้ว่า คุณสุดารัตน์เป็นมือไม้ของระบอบทักษิณ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุบพรรคในข้อหาเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แค่คุยด้วยยังไม่สมควร แต่นี่ยังไปแสดงความสนิทสนม ดังนั้น เวลานี้ประชาชนเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งของสถาบันพระมหากษัตริย์ ประชาชนเท่านั้นที่เป็นทหารเสือของพระราชาและพระราชินี" นายสนธิ ระบุ


 


นายสนธิ ยังเปิดโปงอีกว่า เวลานี้มีคนพยายามเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เหมือนกับสมัย 19 กันยายน 2549 ซึ่งพวกเราจะไม่ยอมอีกแล้ว ที่ผ่านมาเขาพยายามยั่วยุให้พวกเราเข้าไปในทำเนียบฯเพื่อจะได้ปราบปรามทั้งสองฝ่าย แต่เราต้องการการเมืองใหม่ที่มีประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงเท่านั้นและนี่คือความขมขื่นที่เราต้องมาสู้ที่นี่ เป็นศึกที่ใหญ่หลวง พร้อมเตือนไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของใครเป็นอันขาด และอย่าเพิ่งท้อใจเป็นอันขาด


 


 


บอกผู้ชุมนุมเสียงนกหวีดต้องรอกระบวนการศาล


แกนนำพันธมิตรฯ ผู้นี้ยังระบุอีกว่า ตำแหน่ง ผบ.ทบ.เป็นสิ่งสมมติ แต่มวลชนคือของจริง บ้านเมืองมีปัญหาทั้งเรื่องการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ มีปัญหาเรื่องอธิปไตยกลับถูกตวาดให้หุบปาก ก็หุบปากจริงๆ ดังนั้นทหารวันนี้คิดอย่างเดียวคือขอให้อยู่ในตำแหน่งนานๆ เท่านั้น


 


"ผมรู้ว่ามีลูกน้องของ พล.อ.ชวลิต และ พล.อ.ประวิตร กำลังหาช่องทางเพื่อตั้งรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งพวกเราไม่ยอม และไม่เคยมีการต่อสู้ใดที่ได้มาง่ายๆ" นายสนธิระบุและว่า เสียงนกหวีดมีแน่แต่ต้องรออีกนิด ต้องรอกระบวนการที่ศาล


 


นายสนธิ ย้ำว่า สิ่งเดียวที่พันธมิตรฯ ปฏิเสธมาตลอด คือ เรื่องนองเลือด เพราะสิ่งที่เราต้องชนะด้วยพลังบริสุทธิ์เท่านั้น และมันเป็นพลังประชาธิปไตยรุ่นใหม่ได้ปลูกฝังลงไปแล้ว


 


 


เผยสุดสัปดาห์นี้ สนธิปราศรัยชี้ทหารตกต่ำ ชูประชาชนสูงส่ง


ทั้งนี้ตลอดสุดสัปดาห์นี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เริ่มปราศรัยวิจารณ์ทหารและเรียกร้องให้ออกมามีบทบาท โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายสนธิปราศรัยว่านายทหารในปัจจุบัน ไม่เหมือนนายทหารที่เขารู้จักมาก่อนตลอดชีวิต


 


เพราะทหารที่เขาเคยรู้จัก หากเกิดกรณีนายจักรภพออกมาจาบจ้วง จะต้องเดินไปตบปากมันแล้ว นายทหารพวกนี้ถวายสัตย์ปฏิญาณ สาบายต่อหน้าธงไชยเฉลิมพลำไท ดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยาทำไม คุณสวนสนามไปทำไม แต่งตัวเพื่อให้สวยงามให้มันเท่หรือ แต่พอถึงเวลาแสดงความจงรักภักดี กลับก็ไม่ทำอะไรแม้แต่นิดเดียว นี่ยังไม่นับการมีผู้เจตนาล้มล้างสถาบัน มีเว็บไซต์ มีไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่ไม่ยอมเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี แต่ทหารยังนั่งเฉยๆ ตีกอล์ฟ พวกคุณสบายดีหรือเปล่า คุณแน่ใจหรือว่าคุณเป็นทหาร


 


และนายสนธิยังกล่าวว่า ผู้ชุมนุมที่นั่งกันอยู่ที่นี่ ใจกล้ากว่าคุณเยอะเลย อธิปไตยของชาติ ทหารไม่รู้เลยหรือ ในรัชกาลปัจจุบันพื้นที่แม้ 1 ตารางนิ้วก็ไม่ยอมเสีย พวกคุณรู้หรือเปล่าพระองค์ทนทุกข์ระทมขมขื่นขนาดไหน พระองค์ท่านพูดไม่ได้ หน้าที่ทหารเสือพระราชา พระชินี ต้องนั่งเฉยๆ หรืออย่างไร แสดงออกหน่อยว่าเป็นทหารเสือพระราชา พระชาชินี


 


"ไม่มีครั้งไหนทหารไทยตกต่ำขนาดนี้ ไม่มีครั้งไหนที่ประชาชนจะสูงส่งขนาดนี้ ทั้งหมดนี้คือคนที่ค้ำจุนประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่คนอื่นเลย" นายสนธิกล่าว


 


 


พันธมิตรโคราชบุกค่ายสุรนารี ทวงคำตอบแม่ทัพกรณีเขาพระวิหาร


สำหรับความเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ในต่างจังหวัดนั้น เมื่อ เวลา 15.00 น. ที่ด้านทิศตะวันตก ไนท์บาร์ซ่าวัดบูรพ์ ฝั่งหน้าโรงแรมดิไอยรา ถ.จอมพล ในเขตเทศบาลนคร นครราชสีมา นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ประธานสมัชชาประชาชนอีสาน 19 จังหวัด พร้อมทันตแพทย์ศุภผล เอี่ยมเมธาวี แกนนำภาคีมวลชนคนโคราชเพื่อประชาธิปไตย และเครือข่ายพันธมิตรโคราช ยืนถือป้ายที่มีข้อความเกี่ยวกับการทวงเขาพระวิหารคืนจากกัมพูชา พร้อมกับร้องตะโกนขับไล่นักการเมืองระบอบทักษิณ


 


จากนั้นได้เดินขบวนเพื่อทวงคืนเขาพระวิหาร ไปตามถนนในตัวเมือง โดยมีรถปิกอัพสองคันติดเครื่องขยายเสียงแล่นนำหน้า และตามหลัง ส่วนด้านบนแกนนำฯ จะทำการผลัดเปลี่ยนกันขึ้นพูดปราศรัยเพื่อปลุกระดม สร้างจิตสำนึกให้คนโคราชรักแผ่นดินเกิด และออกมาร่วมกันทวงคืนเขาพระวิหาร ที่เป็นของประเทศไทย และมีการแจกจ่ายใบปลิวแถลงการณ์ของกลุ่มภาคีมวลชนคนโคราช ฯ เรื่องรักษาอธิปไตยเหนือดินแดน และทวงคืนเขาพระวิหาร ตลอดเส้นทางที่ผ่านร้านค้า และแหล่งชุมชน พี่น้อง ประชาชน ส่งเสียงร้องตะโกนสนับสนุน พร้อมโบกมือทักทายให้กำลังใจ


 


นอกจากนี้ยานพาหนะที่สัญจรผ่านไป-มา ได้กดสัญญาณแตร เพื่อเป็นแสดงอารมณ์ร่วมอีกด้วย ท่ามกลางกระแสข่าวม็อบนปก. เดินทางมาต่อต้านการชุมนุมของเครือข่ายพันธมิตรโคราช จนท.ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบหลายสิบนายได้ระดมกำลัง ป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น


 


ผู้ชุมนุมเดินทางมาถึงกองทัพภาค 2 ค่ายสุรนารี เพื่อมาทวงคำตอบ พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 หลังจากเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมาได้เดินทางมายื่นจดหมายคำถามถึงจุดยืนเรื่องเขาพระวิหารของกองทัพภาค 2 ซึ่งรับผิดชอบชายแดนด้านประเทศกัมพูชา และสาเหตุการปิดช่องเอเอสทีวี ในเขตค่ายสุรนารี แต่เนื่องแม่ทัพภาคที่ 2 ติดภารกิจ จึงมอบให้ พ.อ.ชินกาจ รัตนจิตติ ผอ.กองกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 2 (กกร.ทภ.2) ที่เป็นผู้รับจดหมายคำถามครั้งแรกมาชี้แจงคำตอบแทน แต่ริ้วขบวนไม่สามารถเดินเท้าเข้าไปในค่ายสุรนารีได้ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร มทบ. 21 หลายสิบนายมายืนขวางกั้นไว้


 


 


เรียกร้องให้ทหารแสดงจุดยืนรักชาติ ปกป้องเขาพระวิหาร อย่าทิ้งประชาชน


ทันตแพทย์ศุภผล แกนนำภาคีมวลชนคนโคราช ได้ทวงคำถามจากทหารกองทัพภาค 2 พร้อมอ่านแถลงการณ์มีเนื้อหาทวงถามท่าทีเรื่องเขาพระวิหารจากทหาร และลงท้ายว่า "พวกเราประชาชนชาวอีสานตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าจะปกปักรักษาแผ่นดินนี้ด้วยชีวิต อย่างถึงที่สุดและพวกเราจึงใคร่ขอตั้งคำถามถึงบรรดา ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ผู้รักชาติรักแผ่นดิน ที่กินเงินเดือนจากภาษีของพวกเราว่า พวกท่านอยู่ที่ไหนกัน ทำอะไรอยู่ ไม่รู้หรือว่าแผ่นดินกำลังถูกขายออกไปโดยคนไทยที่ไม่รักชาติแต่ขายชาติ ในทำเนียบรัฐบาล ขอให้พวกท่าน ทหารตำรวจข้าราช การ ร่วมมือกับประชาชน ออกมาแสดงท่าทีและแสดงความรักชาติด้วยการกระทำ อย่างจริงจัง เปิดเผยตามที่ถวายสัตย์ปฏิญาณไว้ต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เดินหน้าปกป้องแผ่นดินเขาพระวิหาร รักษาอธิปไตยเหนือแผ่นดินไทยดำเนินการตามกฎหมายต่อ รัฐบาลขายชาติ อย่างถึงที่สุด"


 


หลังอ่านคำแถลงการณ์ จากนั้นแกนนำฯได้ทำพิธีมอบธงชาติและดาบ ให้แก่นายทหารที่จงรักภักดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าประชาชนได้มอบเครื่องมือประกาสิทธิ์ในการปกป้องอำนาจอธิปไตย โดย พ.อ.ชินกาจ รัตนจิตติ ผอ.กองกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 2 ( กกร.ทภ.2 ) เป็นผู้รับมอบ


 


ด้าน พ.อ.ชินกาจ ผอ.กองกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 2 ได้ตอบคำถามกลุ่มผู้ชุมนุมว่า "จุดยืนของทหาร กองทัพภาคที่ 2 จะรักษาอธิปไตย และไม่ให้ใครมาแบ่งแยกดินแดนอย่างเด็ดขาด ทหารทุกนายได้ปฏิญาณตนว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้อง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ส่วนการปิดกั้นการแพร่ภาพข้อมูลของช่องเอเอสทีวี นั้นเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน เรายังเปิดให้พี่ น้อง ชาวค่ายสุรนารีได้รับชมเหมือนเดิม ไม่ได้ปิดกั้นการรับรู้ข่าวสารแต่อย่างใด"


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่ตอบคำถามท่ามกลางเสียงปรบมือ และผู้ชุมนุมได้ร้องตะโกนว่า "ทหารอย่าทิ้งประชาชน" ตลอดเวลา หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้วกลุ่มผู้ชุมนุมจึงได้ตั้งขบวนอีกครั้งเพื่อเดินไปลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม)


 


 


พันธมิตรฯ อุดรเจอฝ่ายต้านชุมนุมเผชิญหน้า


ขณะที่ จ.อุดรธานี กลุ่มต้านพันธมิตรฯ นำโดยนายขวัญชัย สาระคำ ประธานชมรมคนรักอุดร ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอุทัย แสนแก้ว อดีตนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลไชยวาน น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ตั้งเวทีปราศรัยที่สนามทุ่งศรีเมือง ได้ประกาศเชิญชวนผู้ชุมนุมกว่า 400 คน เดินทางไปปิดเวทีชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ จะมาเปิดเวทีปราศรัยบริเวณหน้าหน่วยบรรเทาสาธาณภัย ริมหนองประจักษ์ศิลปาคม อ.เมืองอุดรธานี ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อทั้งสองกลุ่มเผชิญหน้ากัน ได้เกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง และหวิดปะทะกัน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100 นาย คอยรักษาความสงบเรียบร้อย ก่อนที่กลุ่มต้านพันธมิตรจะประกาศชัยชนะ และกลับมาชุมนุมที่เดิม โดยระบุว่าได้แสดงพลังแล้วและไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง


 


 


ที่มา: แนวหน้า เดลินิวส์ คมชัดลึก มติชน และผู้จัดการออนไลน์


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net