ประมวลข้อเสนอการเมืองใหม่ "พันธมิตรฯ" ในรอบ 48 ชั่วโมง

หมายเหตุ - ประมวลข้อเสนอ "การเมืองใหม่" จากคำปราศรัยของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บนเวทีเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาลในรอบ 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2551 จนถึงช่วงใกล้รุ่งสางของวันที่ 6 กรกฎาคม

 

 

4 กรกฎาคม 2551

"สุริยะใส" แถลงแกนนำเตรียมเสนอ "การเมืองใหม่" เผยดาวกระจาย สตช. จันทร์นี้ โต้ชุมนุมพันธมิตรไม่กร่อย ต้องนับรวมผู้ชมทางบ้านกว่า 20 ล้านคน - "สนธิ" ชี้ไทยเป็นยุคพรรคการเมืองบริษัท เริ่มเน่าตั้งแต่ พล.อ.ชาติชาย การเมืองเก่ามีแต่ตัวแทนทุน คนไทยมีประชาธิปไตยแค่ 4 วินาที ลั่นต้องทำลายการเมืองเก่าให้พินาศ ทักษิณติดคุก สร้างการเมืองใหม่ มี "70:30" เป็นตุ๊กตา "พิภพ" บอกการเมืองใหม่ชีวิตจะดีแน่เพราะไทยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ยก "เกาหลีเหนือ" โมเดล ยากจน-ถูกบอยคอตแต่มีที่อยู่ให้ประชาชน ลั่นถ้านักการเมืองไทยไม่โกงจะกระจายทรัพยากรทั่วถึง "สมศักดิ์" ชูแก้โจทย์จนกระจุกรวยกระจาย "สมเกียรติ" แนะการเมืองใหม่ต้องยึด ปตท. คืน ลดราคาน้ำมันลง

 

000

 

สุริยะใส กตะศิลา

ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

 

สุริยะใสแถลงแกนนำเตรีมเสนอ "การเมืองใหม่" เผยดาวกระจาย สตช. จันทร์นี้

เมื่อวันที่ (4 ก.ค.) เวลา 18.30 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวว่า แกนนำพันธมิตรจะขึ้นปราศรัยเพื่อเสนอรูปแบบและแนวคิดการเมืองใหม่ต่อประชาชน และผู้ร่วมชุมนุมโดยจะมีผู้ปราศรัยหลัก 3 คน ได่แก่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และ นายพิภพ ธงไชย

 

นายสุริยะใส ยังกล่าวอีกว่า ในสัปดาห์หน้า พันธมิตรฯจะใช้ยุทธศาสตร์ดาวกระจายอย่างเข้มข้นขึ้น โดยในวันที่ 7 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น.แกนนำทั้ง 5 และมวลชนพันธมิตรฯบางส่วนจะเดินทางไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อทวงถามความคืบหน้าของคดีความที่มีคนในรัฐบาลเป็นผู้ต้องหาที่ยังคั่งค้างอยู่ รวมถึงความคืบหน้าของคดีความที่แกนนำพันธมิตรและผู้ปราศรัยบนเวทีการชุมนุมถูกแจ้งข้อหา ซึ่งพบว่า มีอยู่กว่า 20 คดี ในตอนนี้ เพราะเรามีความเห็นว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังเลือกปฏิบัติ เพราะพยายามจะดำเนินคดีกับพันธมิตรฯเป็นพิเศษ

 

นอกจากนี้ การเดินทางไป สตช.ในครั้งนี้ จะไปทวงถามถึงหลักปฏิบัติของทางตำรวจต่อกรณีคำสั่งบังคับคดีของศาลแพ่งเพราะมีการพยายามบิดเบือนคำสั่งศาลโดยมุ่งหวั่งให้มีการสลายการชุมนุม

 

อย่างไรก็ตาม ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสบอุบัติเหตุในเย็นวันนี้ ระหว่างเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่บริเวณที่ชุมนุม ว่า ทางพันธมิตรฯ ขอแสดงความเสียใจและกำลังตรวจสอบข้อมูลว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลใด ทางแกนนำพันธมิตรจะไปเยี่ยมในภายหลัง

 

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ในวันเดียวกันกับที่การใช้ยุทธศาสตร์ดาวกระจายไปที่ สตช.ในช่วงเช้าทีมทนายของพันธมิตรฯจะเดินทางไปอุทธรณ์คำสั่งบังคับคดีของศาลแพงที่ระบุว่า ให้เปิดเส้นทางจารจรและให้ปิดเครื่องขยายเสียง ขณะที่ในเวลาบ่ายโมงแกนนำทั้ง 5 จะเดินทางไปฟังคำสั่งศาลแพ่ง ในคดีดังกล่าว ส่วนในวันพุธ (9 ก.ค.) พันธมิตรฯ จะใช้ยุทธศาสตร์ดาวกระจายเดินทางไปสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อทวงถามความคืบหน้าในคดีต่างๆ ในความรับผิดชอบของสำนักงานอัยการสูงสุด เพราะก่อนหน้านี้เราได้เดินทางไปทวงถามแต่ยังไม่ได้รับหนังสือตอบรับชี้แจงใดๆ ซ้ำร้ายยังมีพฤติกรรมล่าช้าอีกด้วย โดยเฉพาะคดียุบพรรคและคดีความผิดของคนในรัฐบาล

 

 

โต้ชุมนุมพันธมิตรไม่กร่อย ต้องนับรวมผู้ชมทางบ้านกว่า 20 ล้านคน

ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯในเวลานี้ ยังไม่กร่อยอย่างที่หลายคนวิจารณ์ เพราะยังมีผู้ชุมนุมเข้าร่วมโดยตลอด โดยเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ อีกทั้งยังมีผู้ชุมนุมทางบ้านผ่านทางสถานีโทรทัศน์ ASTV อีกหลายล้านคน เฉพาะตัวเลขของทางเคเบิลทีวีก็มีสมาชิกประมาณ 12 ล้านคน ในขณะเดียวกัน ผู้ที่มีจานดาวเทียม ASTV โดยตรงมีประมาณ 6-7 ล้านคน การชุมนุมพันธมิตรฯเป็นการชุมนุมในลักษณะพิเศษ เวลานับมวลชนของพันธมิตรฯ ต้องนับรวมมวลชนทางบ้านด้วย ซึ่งมีความพร้อมและความตื่นตัวทางการเมืองสูง เห็นได้ชัดจากกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช กล่าวผ่านรายการสนทนาประสาสมัคร ว่า จะมีการสลายการชุมนุม ในวันเดียวกันก็มีผู้เข้าร่วมการชุมนุมเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ยุทธศาสตร์หลักของพันธมิตรฯในเวลานี้ คือ การชุมนุมยืดเยื้อต่อไปเรื่อยๆ โดยจะมีไฮไลต์ในช่วงศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ นอกจากนี้ ในต่างจังหวัดเองก็เริ่มมีกิจกรรมเวลาการคู่ขนาน

 

นายสุริยะใส กล่าวว่า การที่ นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า การดำเนินการให้เห็นชอบให้กัมพูชา ขึ้นทะเบียนปราสาทเข้าพระวิหาร เป็นมรดกโลก เริ่มต้นจากรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นั้น ยืนยันว่า ไม่จริง เพราะเรื่องนี้ได้ดำเนินการมาตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ 1 เพราะเมื่อเดือน พ.ค.2546 มีการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมระหว่าง ไทย-กัมพูชา มีการนำเรื่องพื้นที่ทับซ้อน ในอ่าวไทย และเขาพระวิหาร มาหารือ มีมติ ครม.สนับสนุนให้ทางกัมพูชาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก การกล่าวเช่นนี้ของ นายนพดล ถือเป็นการกล่าวปัดความรับผิดชอบ

 

000

 

 

สนธิ ลิ้มทองกุล

1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

 

ไทยเป็นยุคพรรคการเมืองบริษัท เริ่มเน่าตั้งแต่ พล.อ.ชาติชาย

ต่อมา ในเวลา 21.00 น. ของคืนวันที่ 5 ก.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวชื่นชมพี่น้องที่หลั่งไหลมาทั่วสารทิศ ทุกชนชั้นมาด้วยหัวใจเดียวกัน เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่จังหวัดกระบี่ ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้เจอ นั่นคือการปฏิเสธการเมืองแบบเก่า

 

นายสนธิ ย้ำว่า เมื่อปี 2549 พี่น้องได้ร่วมกันขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกไปแต่ครั้งนี้นอกจากทักษิณต้องติดคุกแล้วจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ มาวันนี้คนไทยต้องฉุกคิดว่า ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการเมืองตั้งแต่ปี 2475 จนถึงวันนี้ 76 ปีแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้มีการร่างรัฐธรรมนูญร่างแล้วร่างอีกจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นทุนสามานย์ มีพรรคการเมืองที่เหมือนบริษัทจำกัด

 

แกนนำพันธมิตรฯ ผู้นี้ระบุว่า การเมืองเน่าเริ่มมาตั้งแต่ยุค พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เพราะมีทุนเข้ามา พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า คงไม่มีคนสติดีคนไหนที่ใช้เงินถึง 15-30 ล้านเพื่อให้ได้เข้ามานั่งในสภาแล้วรับเงินเดือนเดือนละแสนกว่าบาท เปรียบพรรคการเมืองเป็นแก๊งแล้วก็ต้องมีอันธพาลการเมืองอีก อย่างไรก็ดีในสมัยก่อนยังไม่มีคนที่ที่กล้าทุ่มเงินเป็นหมื่นๆ ล้าน ซึ่งก็เอาเงินมาจากกำไรจากการลดค่าเงินบาทในช่วงนั้น

 

 

การเมืองเก่ามีแต่ตัวแทนทุน คนไทยมีสิทธิแค่ 4 วินาที

นายสนธิ กล่าวว่า การเมืองระบบเก่ามีแต่ตัวแทนทุน แต่ไม่มีตัวแทนอาชีพ พร้อมเปรียบเทียบประเทศไทยเป็นผลประโยชน์ต้องมีการจัดสรรให้เท่าเทียมกัน แต่ปัจจุบันถูกผูกขาดจากคนเพียงกลุ่มเดียวหรือไม่กี่กลุ่มเท่านั้น ทั้งที่คนไทยทุกคนต้องเป็นเจ้าของ

 

"คนไทยมีสิทธิแค่ 4 วินาทีตอนหย่อนบัตรเลือกตั้งจากนั้นนักการเมืองไม่เห็นหัวแล้วนำสิทธินั้นของเราไปทำอะไรก็ได้ นี่คือความฉิบหายของบ้านเมืองนี้ เพราะถ้ามีการเปลี่ยนแปลงกกต.ใหม่เงินก็ยังสามารถง้างได้อีก หรือถ้ามีการยุบสภาแล้วมาขากถุยแล้วจ่ายอีกคนละ 300-500 บาทแล้วย้ายข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ผู้ว่าฯ เลือกตั้งก็เข้ามาอีก 300-400 เสียง แล้วอ้างว่าประชาชนเลือกผมมา" นายสนธิระบุ

 

นายสนธิ กล่าวยกตัวอย่างกรณีปราสาทพระวิหาร มีการแต่งตั้งรัฐมนตรีต่างประเทศ แล้วมีการย้ายอธิบดีกรมสนธิสัญญา ย้ายเจ้ากรมแผนที่ทหาร เลขาธิการสภาความมั่นคงเพื่อแลกกับสัมปทานน้ำมันแก๊ซธรรมชาติ ดังนั้นการเมืองแบบเก่ายังมองไม่เห็นผลดี มีแต่กัดกินไปถึงกระดูก ตับไตใส้พุง ต่อไปถ้าใครมีเงินหมื่นล้านมันก็ซื้อประเทศไทย สามารถเปลี่ยนแปลงสถาบันได้

 

 

ลั่นทำลายการเมืองเก่าให้พินาศ สร้างการเมืองใหม่ โดยมี "70-30" เป็นตุ๊กตา

"การเมืองเก่าคือแก๊งอันธพาล แก๊งขายชาติ ต้องทำลายให้พินาศฉิบหาย นอกจากทักษิณ ต้องติดคุกเฉลิม สมัครต้องออกไปแล้ว ไหนๆเราก็มากันแล้ว ต้องทำมากกว่านี้ เวลานี้พี่น้องทั่วประเทศเริ่มลุกขึ้นมาแล้ว ต่อให้แก้รัฐธรรมนูญอีกกี่ครั้งก็เป็นแบบนี้ เพราะเป็นการลงทุน" นายสนธิระบุ

 

นายสนธิ กล่าวถึงการเมืองใหม่โดยตั้งคำถามว่าที่ผ่านมาเราไม่เคยตั้งคำถามว่าประเทศไทยคืออะไร เพราะประเทศไทยเป็นที่รวมของทุกชนชั้น ทุกเชื้อชาติ ศาสนา การเมืองเก่าไม่เกิดโอกาสให้คนดี ประเทศไทยประกอบด้วยหลายส่วน ทั้งเชื้อพระวงศ์ ศักดินา ข้าราชการ พ่อค้าประชาชน คนยากคนจนแต่จะทำอย่างไรที่จะออกแบบให้ทุกส่วนได้มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ไม่ใช่ผูกขาด นี่คือตุ๊กตาที่วางเอาไว้ให้ช่วยกันขบคิดกัน

 

"การเมืองใหม่คือการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วมให้บทบาทภาคประชาชนในการบริหาร กำหนดทิศทางของประเทศเช่นกัน จะปล่อยให้ ครม.บริหารเพียงลำพังไม่ได้ เพราะมีบทเรียนมาแล้ว ที่ผ่านมาเคยพูดถึงระบบ 70-30 ซึ่งเป็นแค่ตัวเลขตุ๊กตาเท่านั้น" นายสนธิ ระบุและว่าเราต้องเริ่มต้นด้วยการขอฉันทมติทั่วประเทศ เพื่อหาหลักการปกครองประเทศก่อน จากนั้นไปขอประชามติแล้วออกแบบเป็นกติการ่วมกันว่าจะเป็นอย่างไร ให้ช่วยกันนำไปคิด

 

นายสนธิ ยังกล่าวถึงสถานะของตำรวจว่า ตำรวจนครบาลไม่ควรขึ้นกับ ผบ.ตร. แต่ควรขึ้นกับผู้ว่า กทม.และตัว ผบ.ตร.ต้องมาจากการคัดเลือกขององค์กรอิสระ ส่วนบทบาทของทหารการโยกย้ายแต่งตั้งไม่ต้องผ่านรัฐมนตรีกลาโหม แต่ให้อยู่ในการพิจารณาของสภากลาโหมที่ไม่มีรัฐมนตรีกลาโหมรวมอยู่ด้วย เมื่อได้รายชื่อก็นำขึ้นทูลเกล้าฯ ในฐานะที่ทรงเป็นจอมทัพวินิจฉัย เป็นต้น การเมืองใหม่ก็เหมือนกับการเอาประเทศไทยของเราคืนมาแล้วทำประเทศนี้ให้ดีขึ้น ทำเพื่อลูกหลานของเราในวันข้างหน้า

 

000

 

 

พิภพ ธงไชย

1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

 

"พิภพ" บอกการเมืองใหม่ทำชีวิตดีแน่เพราะไทยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ

ในเวลา 22.32 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า สิ่งที่เราบอกว่าการเมืองใหม่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นเป็นความจริงแน่ เพราะบ้านเมืองเราเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ ขนาดผลิตข้าวต่ำกว่ามาตรฐานของการผลิตประเทศอื่นๆ เรายังสามารถได้เป็นอันดับ 1-3 ของโลก ถ้าเกิดการเมืองใหม่ขึ้นมาทำให้นักการเมือง หรือคนที่บริหารจัดการบ้านเมืองทำเพื่อประเทศชาติและบ้านเมืองจริงๆ ทรัพย์สินเงินทองของเรามีมากมายอยู่ในดิน

 

นายพิภพ กล่าวต่อว่า บ้านเมืองไทยมีดินชั้นเลิศที่อุดมสมบูรณ์ อย่าแปลกใจที่บ้านเมืองเรายังมสีคนจน มีคนรวยกระจุกตัว ดินของแผ่นดินเรามี 320 ล้านไร่ หักไปสัก 75 ล้านไร่ให้เป็นป่าเขา เฉลี่ยคนไทยจะมีที่ดินคนละ 4 ไร่ แต่เพราะไม่มีการปฏิรูปที่ดิน ที่ดินจึงไปอยู่กับกลุ่มตระกูลร้อยกว่าตระกูลเท่านั้นเอง แล้วไว้เก็งกำไร

 

"ดูการเมืองเก่าที่เขาเถียงกันในสภาระหว่างคุณเฉลิม (อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย) กับเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) เถียงกันว่าใครมีที่ดินผิดกฎหมาย แต่ไม่มีใครพูดเรื่องปฏิรูปที่ดินเลย ฉะนั้น การเมืองใหม่ก็คือการปฏิรูปที่ดิน ทำให้ทุกคนอย่างน้อยต้องมีที่อยู่อาศัย" นายพิภพ กล่าว



 

ยก "เกาหลีเหนือ" โมเดล ยากจน-ถูกบอยคอตแต่มีที่อยู่ให้ประชาชน ทำไมไทยจะทำไม่ได้

นายพิภพ เล่าว่า ได้ไปประเทศเกาหลีเหนือ สลดใจมากเมื่อหันมาดูประเทศไทย เขาปกครองด้วยคอมมิวนิสต์ ยากจนมาก แถมถูกสหรัฐฯ บอยคอตอีก แต่เขามีที่ให้ประชาชนอยู่ทุกคน แล้วทำไมเราทำไม่ได้ แต่ข้อเสียของเขาคือขาดสิทธิและเสรีภาพของการทำมาหากิน การแสดงความคิดเห็น อันนี้พิสูจน์ได้ว่าถ้านักการเมืองไม่โกง การจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติจะทั่วถึง ไม่ไปกระจุกตัวอยูกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง สิ่งที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ พูดไม่ได้เป็นความฝัน ไม่ใช่ทำไมได้ ทำได้แน่นอน เพราะทรัพยากรธรรมชาติเราเหลือพอ เพียงแต่เรามีระบบการเมืองที่เลว คือระบบการเมืองที่ทุจริตคอรัปชั่น อยู่แต่ในพวกของตัวเอง

 

"เพราะฉะนั้น การเมืองใหม่ถ้าแก้ปัญหาคอรัปชั่นได้ ทุกอย่างก็จะอยู่อย่างเสมอภาค ทำมาหากินอย่างปกติสุข คนยากจนจะได้รับการดูแล หนี้สินเกษตรกรจะไม่มี การขนส่งสินค้าเกษตรใช้แบบขนส่งมวลชน ใช้รัฐเป็นคนจัดการ เกษตรกรไม่ต้องซื้อปิคอัพขนส่งออกจากไร่นาของตัวเอง นี่คือการเมืองใหม่ ปัญหาอยู่ที่ว่าเราจะสร้างการเมืองใหม่ได้อย่างไร ถ้าสร้างได้เมืองไทยจะเป็นเมืองทองสมชื่อ" นายพิภพ กล่าว

 

 

การเมืองเก่าเลือกตั้งแล้วมีซื้อเสียง ไม่มีตัวแทนประชาชนทุกอาชีพ

นายพิภพ กล่าวว่า การเมืองใหม่ ไม่ได้เป็นของใหม่ แต่ที่กลายเป็นของใหม่ในวันนี้เพราะเราจมปลักอยู่กับการเมืองเก่ามานาน จนกระทั่งมองไม่เห็นทางออก นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีออกไปวันนี้ พรรคพลังประชาชนออกไปวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์กลับเข้ามา ก็ยังเป็นการเมืองแบบเก่าอยู่ ถึงแม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะดูเป็นการเมืองน้ำดีกว่าก็ตาม แต่ก็ยังเป็นการเมืองแบบเก่า ยังไม่มีตัวแทนของพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกอาชีพเข้าไปอยู่ในสภา ก็ยังเป็นการเมืองเก่าอยู่ ยุบสภาการเลือกตั้งก็ยังเป็นการซื้อสิทธิขายเสียงอยู่ในกลุ่มของนักการเมือง นักวิชาการเถียงกับตนว่า การเมืองเป็นอาชีพ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญทางการเมือง ถ้าเอาชาวไร่ชาวนา เกษตรกร โชว์ห่วยเข้าไปมีหวังถูกต้มหมด เขาเข้าใจผิด เราไม่ต้องการนักการเมืองอาชีพที่มีอาชีพการเมือง เพื่อนำไปสู่โกงกิน เราไม่ต้องการแบบนั้น

 

"ถ้าไม่มีนักการเมืองอาชีพที่ร้อยเล่ห์เพทุบาย ทำไมตัวแทนแบบ โชว์ห่วย เกษตรกร นักอุตสาหกรรม ข้าราชการ ชนชั้นกลาง หรือแบบทหาร ทำไมจะไปตกลงกติการ่วมกันเพื่อให้เกิดความเสมอภาคทางเศรษฐกิจไม่ได้ เพราะไม่มีการโกง ไม่ใช่ทำแทนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง"นายพิภพ กล่าว และว่า อยากชี้แจงว่า สิ่งที่ 5แกนนำพันธมิตรฯ ฝัน และนายสนธิเสนอเป็นไปได้ เพียงแต่ต้องเปลี่ยนระบบบริหารจัดการบ้านเมืองใหม่ ไม่เอานักการเมืองที่อ้างตัวเองว่าเป็นอาชีพ หรือมีอาชีพการเมืองเข้ามาเต็มสภาไปหมด

 

นายพิภพ กล่าวว่า ในต่างประเทศ เมื่อเกิดวิกฤตถึงที่สุดแล้ว สิ่งที่เขาคิดก็ตรงกับเราในวันนี้คือทำยังไงที่จะสร้างการเมืองแบบใหม่ เพราะแบบเก่าประเทศจะล่มสลายแล้วนำไปสู่สงครามในที่สุด เขาคิดกันทั้งนั้นในโลกนี้ ของเราในปี 2540 หวังว่าได้การเมืองใหม่ ไม่มีเฉพาะส.ส.ในสภา มีปาร์ตี้ลิสต์ มีเลือก ส.ว. มีองค์กรอิสระ เราคิดว่าจะเกิดการเมืองใหม่ เรียกว่าประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ในที่สุดด้วยความโชคร้ายของเมืองไทย ที่ได้คุณทักษิณและไทยรักไทยมา แล้วรื้อรัฐธรรมนูญ 2540หมด แล้วเริ่มทุจริตคอร์รัปชัน มีนโยบายที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างที่รู้กัน

 

 

เผยไทยโชคดีพันธมิตรเสนอการเมืองใหม่ ไม่ต้องรอให้แพ้สงครามเหมือนญี่ปุ่น-เยอรมัน ก็

นายพิภพ กล่าวต่อว่า จากนั้นถึงแม้จะจับได้ว่ามีการโกงกินกันเป็นแสนๆ ล้านบาท แต่กลุ่มทุนเหล่านั้นก็ยังจะกลับมาได้อีกในรูปของการเลือกตั้ง ดังนั้นฉะนั้นถ้าไม่รื้อระบบการเลือกตั้งใหม่ การเมืองใหม่ไม่เกิด ถ้าเทียบกันแล้วประเทศไทย ถึงแม้จะไม่เคยเกิดสงคราม ไม่เคยแพ้สงครามเหมือนเยอรมันหรือญี่ปุ่นแต่ประเทศก็เกือบจะฉิบหายวายวอด เกือบจะเสียเขาพระวิหาร เราเสียเงินเป็นมหาศาล ในงบประมาณแผ่นดินล้านล้าน มีการแบ่งเค้กกันในสภา ฉะนั้นปล่อยต่อไป ใช้เงินสักสองหมื่นล้าบาทพรรคพลังประชาชนก็กลับมาอีก นี่ล่ะถึงต้องคิดการเมืองใหม่

 

จากนั้น นายพิภพ ได้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงในต่างประเทศ นับตั้งแต่ประเทศเยอรมัน ที่ภายหลังแพ้สงครามได้มีการคิดการเมืองใหม่ โดยคิดว่าพรรคการเมืองในเยอรมันต้องไม่เป็นเผด็จการ อย่างที่เคยเกิดเหตุการณ์ฟังฮิตเลอร์คนเดียว ซึ่งเหมือนประเทศไทยที่ฟังแต่ทักษิณคนเดียว เขาจึงได้ปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยแล้วให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น และปฏิรูปเศรษฐกิจบนโครงสร้างของการเมืองใหม่ รวมทั้งเปลี่ยนระบบการศึกษาทั้งระบบ ให้มีการสร้างจิตสำนึกทางการเมือง สถาบันการศึกษาต้องเข้ามาเรียนรู้เรื่องการเมืองกับภาคประชาชน

 

ส่วนที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นก็เช่นกัน ภายหลังแพ้สงครามเช่นกัน เมื่อสหรัฐฯ เข้ายึดครอบญี่ปุ่น ก็พยายามที่จะทำให้ญี่ปุ่นไม่กลับเข้าสู่สงครามอีกแต่ต้องฟื้นประเทศญี่ปุ่นให้ยืนได้ ประการแรกคือเขาจะล้มสถาบันจักรพรรดิไม่ได้ เพราะคนญี่ปุ่นซึ่งรวมใจไว้กับสถาบันจักรพรรดิจะแหลกสลาย เหมือนกับของเรา เราจะทำการเมืองอย่างไรก็แล้วแต่ สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องคงอยู่ ต่อมาเขาได้ให้ประชาธิปไตย และให้แยกศาสนาชินโตออกจากการเมืองไม่ให้เข้ามามีอิทธิพลทางการเมืองอีก และทำการปฏิรูปที่ดิน

 

นายพิภพ กล่าวด้วยว่า วันนี้ที่ 5 แกนนำพันธมิตรฯ และพันธมิตรฯ พยายามจะเสนอการเมืองใหม่ เพราะตระหนักดีว่า ตอนนี้วิกฤติทางสังคม การเมืองและเศรษฐกิจ รุนแรงมาก ถ้าปล่อยไปอย่างนี้เห็นชะตากรรมของประเทศชาติอย่างชัดเจนว่าจะล่มสลาย วันนี้เราโชคดีไม่ต้องให้สงครามเป็นตัวกำหนดให้เกิดการเมืองใหม่ แต่เราเห็น เรามีสติปัญญาว่าสังคมกำลังจะถูกนำพาไปด้วยระบบการเมืองเก่า ระบบเศรษฐกิจเก่าที่ผูกขาดและเอากำไรของกลุ่มทุนไม่กี่ตระกูล ระบบสังคมกำลังเหลวแหลก ระบบการศึกษาใช้ไม่ได้ ทั้งที่เราเป็นประเทศที่สามารถผลิตอาหารโลกได้ ฉะนั้นวันนี้ถึงวันที่ถึงจุดวิกฤตพอที่เราจะต้องคิดการเมืองใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศชาติและสังคมให้ดีขึ้น

 

000

 

 

สมศักดิ์ โกศัยสุข

1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

 

สมศักดิ์เผยมาชุมนุมพันธมิตรได้ความรู้กว่าไปมหาวิทยาลัย

เวลาประมาณ 23.00 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยหน้าทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ทุกคนที่มาที่นี้ได้ความรู้กว่าการเรียนในมหาวิทยาลัย ซึ่งความรู้นี้เราต้องเอาไปใช้ให้ประโยชน์ เอาไปเปลี่ยนแปลงประเทศแล้วสอนลูกหลานต่อไป การที่ประเทศเรามีปัญหาในวันนี้ เพราะมีความรู้จอมปลอม โดยเฉพาะคนในรัฐบาลนี้หลายคน

 

อย่างเช่น ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วไม่ไมีความรู้อะไรเลย จะมีก็แต่ยกตนข่มท่านไปวันๆ กรณีที่หนีออกมาจากโรงแรมที่กระบี่ได้ ยังมีหน้ามาบอกตัวเองว่าเป็นคนดี มีคนคอยช่วยเหลือ ทั้งๆ ที่ถูกคนไล่จนต้องหนีหัวซุกหัวซุน แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีความรู้อะไรเลย ซึ่งปกติรัฐมนตรีทั่วโลกเวลาเขาไปไหนต้องได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี แต่ถ้าไปไหนแล้วโดนไล่แบบนี้ ถ้าเขาเข้าใจประชาธิปไตยจริงลาออกไปนานแล้ว

 

 

โต้ "นพดล" บอกเขาพระวิหารของเขมร 45 ปี เป็นคนไม่รักประเทศทั้งที่ได้ทุนหลวง

กรณี นายนพดล ปัทมะ อีกคน ที่ยืนยันมาตลอดว่า ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมรมาแล้ว 45 ปี การลงนามครั้งนี้เราไม่เสียอะไรเลย แต่วันนี้ศาลสั่งระงับไม่ได้ดำเนินการ บอกให้เห็นว่าคนแบบนี้ คนที่เรียนทุนมหิดล จบเนติบัณฑิตจากอังกฤษ ได้ทุนอานันทมหิดล แต่ไม่รักประเทศ เรื่องความรู้เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ทำไม่ได้บ่งบอกว่ามีความรู้เลย นายสมัครก็เช่นกัน มาบอกว่าให้เคารพศาลโลก เพื่อราชอาณาจักรไทย หนุนให้เขมรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารขึ้นเป็นมรดกโลกในเดือนกรกฎาคมนี้ ก็ยืนยันว่าทำถูกต้อง

 

นอกจากนั้น สื่อเองบางสื่อไม่ได้เป็นสื่อ วันนี้ มีคอลัมน์ที่เขียนโดยเบญจมาศ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ซึ่งมีคุณยายอายุ 86 ปีเอามาให้ดู เนื้อหาเขียนว่าแกนนำพันธมิตรฯ อย่าง พล.ต.จำลองแกล้งโง่ เพราะการยกปราสาทพระวิหารขึ้นเป็นมรดกโลกไม่ได้ทำให้เราเสียดินแดน แต่กลับแกล้งโง่หวังล้มล้างรัฐบาลอย่างหน้ามืดตามัว ซึ่งเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าความรู้เป็นเรื่องสำคัญ ขนาดคนอายุ 86 ปี อ่านแล้วยังเข้าใจเลย คนเข้าใจว่าเป็นหนังสือพิมพ์แล้วจะเชื่อทั้งหมด แต่การอ่านต้องใช้สติ อย่าเชื่อเพราะว่าน่าเชื่อ แต่ต้องอ่านอย่างมีเหตุผล เพราะคนเขียนอาจจะไม่รู้จริง ไร้จริยธรรม หรือรับเงินใครมาก็มี ที่พูดมาก็เพื่อให้เห็นว่าบริโภคอะไรต้องไตร่ตรอง เพราะบางครั้งเป็นยาพิษ แต่อ่านอย่างมีสติปัญญา

 

ส่วนข้าราชการทุกวันนี้ อนุมานได้ว่าลึกๆ แล้ว เขาไม่ต้องการรัฐบาลแล้ว มีแต่อยากจะมาร่วมกับเรา แต่ยังมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่บางนายเท่านั้น ที่ยังไม่เอากับเรา ดังนั้น 10 โมงเช้า วันจันทร์นี้ เราจะไปเยี่ยมสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัน ไปให้รู้ว่าตำรวจจะอยู่กับประชาชนหรือว่าอยู่กับรัฐบาลชั่ว สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะข้าราชการไทยไม่มีสหภาพแรงงาน ซึ่งทั่วโลกเขามี ทำให้เราเห็นแรงงานออกมาเปิดโปงการคอร์รัปชั่นในหลายประเทศ แต่เราเคยชินกับการถูกขูดรีด เลยไม่กล้าทำอะไร

 

 

ย้ำการเมืองใหม่ต้องแก้ปัญหาจนกระจุกรวยกระจาย

นายสมศักดิ์ กล่าวถึงการเมืองใหม่ว่า วันนี้เรามีปัญหาเรื่องตัวแทน ที่ไม่ใช่ตัวแทนของประชาชาชนแต่เป็นตัวแทนของนายทุน ซึ่งการที่นายนพดล จงใจขายชาติ ครม.จงใจขายชาติ ด้วยการลงนามรับรองการขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และ ส.ส.จำนวน 278 คน ก็ลงมือไว้วางใจนายนพดล ทั้งๆ ที่ฝ่ายค้ายยกข้อมูลขึ้นมาอ้างแล้ว ชี้แจงไม่ได้ ก็ยังยกมือรับรองว่าถูกต้อง แบบนี้ ตามกฎหมายถือว่ามีความผิด เพราะจงใจเจตนาขายชาติ ถ้าเตือนแล้วยอมรับ ถือเป็นความผิดสำเร็จแล้ว แต่นี่เพราะศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองไว้จึงดำเนินการต่อไม่ได้ ซึ่งแสดงได้ว่าไม่ได้มีจิตสำนึกเลย

 

นอกจากนี้ การเมืองที่ดีต้องมีความชอบธรรมมาถ่วงดุล หรือที่เรียกว่า ธรรมาภิบาล ที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบและตรวจสอบได้ โดยให้อำนาจประชาชนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเองก็ต้องมุ่งรับใช้ประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่แค่คนบางคนเท่านั้น

 

"เวลาเราจะไปไหน ต้องถามว่า ประเทศมีปัญหาอะไร วันนี้คนยากจนมีเยอะ คนจนกระจาย คนรวยกระจุก โจทย์เรื่องนี้ คือ การกระจายรายได้ ด้วยการปฏิรูปภาษี ที่ดินทำกิน ปฏิรูปรายได้ คนทำธุรกิจไม่ต้องกลัว เพราะเมื่อคนมีรายได้แล้วก็จะใช้จ่ายซื้อของ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนได้ และสิ่งที่ต้องนำมาเป็นหลัก คือ เศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งรัฐบาลนี้ปฏิเสธโดยสิ้นเชิง มีแต่จะเอาคาสิโนมามอมเมาประชาชน นอกจากนั้นต้องสร้างการศึกษาให้ทั่วถึงด้วย" นายสมศักดิ์กล่าว

 

000

 

 

สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์

1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

 

"สมเกียรติ" โต้ "นพดล" มั่ว โทษขิงแก่ปูทางเรื่องเขาพระวิหาร

เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 51 เวลา 23.30 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรขึ้นเวทีเชิงสะพานชมัยมรุเชฐกล่าวว่า นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะมากล่าวหาว่า รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นรัฐบาลที่กรุยทางลงนามอนุสัญญารับปากหนุนกัมพูชาไว้ก่อนหน้านี้แล้วคงไม่ได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยนำ ครม.ไปประชุมร่วมกับ ครม.กัมพูชา ที่กัมพูชาเมื่อวันที่ 31 พ.ค.46 และเมื่อวันที่ 1 พ.ย.46 ที่ จ.อุบลราชธานี จนมีมติร่วมกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศ ที่จะร่วมมือกันพัฒนาเขาพระวิหารและบูรณะปฏิสังขรณ์ปราสาทพระวิหาร

 

การประชุมในครั้งนั้นได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อพัฒนาเขาพระวิหาร และมีข้อตกลงภายหลังการประชุมที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มี.ค.47 ที่กรุงเทพฯ โดยกัมพูชาจะเริ่มดำเนินการภายหลังจากได้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแล้ว ฉะนั้นจะมาอ้างว่าเป็นเพราะรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ คงไม่ถูกต้อง

 

ขณะเดียวกัน อยากถามอีกว่า รัฐบาลใดที่เปิดพรมแดนให้กัมพูชา ถ้าหากไม่ใช่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ จำได้หรือไม่เมื่อครั้งที่กองกำลังสุรนารี ได้เสนอปิดชายแดนบริเวณเขาพระวิหารไปยังผู้บังคับบัญชาระดับสูง ระบุกัมพูชาขาดความจริงใจที่จะร่วมแก้ไขปัญหาบริเวณเขาพระวิหาร พร้อมเห็นควรให้ผลักดันคนกัมพูชาที่อาศัยรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทยบริเวณเขาพระวิหารออกไป เพื่อเป็นการกดดันกัมพูชาขึ้น

 

ต่อมาศูนย์ปกิบัติการกองทักบก (ศปก.ทบ.) ได้สั่งการให้กองกำลังสุรนารี เตรียมใช้กำลังกดดันรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำดินแดนไทย แต่ก็ถูกยับยั้งจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ในขณะนั้น พร้อมทั้งสั่งให้เปิดพรมแดน ทั้งๆ ที่กัมพูชายังไม่แก้ไขปัญหาให้ไทย

 

อย่างไรก็ตามนายสมเกียรติ ไม่เห็นด้วยที่นายนพดลจะโยนความผิดไปให้รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ ข้อกล่าวหาที่ระบุเป็นรัฐบาลที่กรุยทางลงนามอนุสัญญารับปากหนุนกัมพูชาไว้ก่อนหน้า คงใช้ไม่ได้ เพราะรัฐบาล พล.อ.สรุยุทธ์ เป็นรัฐบาลที่ไม่เคยทำอะไรเลย

 

 

แนะประชาชนฉลองยาววันศาล รธน.พิพากษาแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา

นายสมเกียรติยังกล่าวถึงการเดินทางของนายนพดลที่ไปร่วมประชุมคณะกรรมการการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ คณะกรรมการมรดกโลก สมัยประชุมที่ 31 เมืองไครส์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ ก็ไปแทบไม่ทัน ทำไมนายนพดล ถึงให้เครดิตทั้งๆ ที่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ได้ทำอะไรเลย

 

นายสมเกียรติกล่าวต่อว่า "วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลไทย-กัมพูชาว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ วันนั้นจะเป็นวันตายของคนราวๆ 35 คน ผมไม่อยากให้พี่น้องเตรียมการมาเฉลิมฉลองกัน แต่ประเทสไทยรอคน 2-3 คนติดคุกก่อน เราวางแผนฉลองทั่วประเทศทุกถิ่นฐาน วันนั้นเป็นวันมหาประชาปิติ จะฉลองกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยยาวนาน จะฉลอง 2 เท่าของการชุมนุม คือ ราวๆ 80 วัน"

 

 

การเมืองใหม่ของสมเกียรติต้องยึด ปตท. คืน ลดราคาน้ำมันลง

นายสมเกียรติพูดถึงการออกแบบการเมืองใหม่ ที่แกนนำพันธมิตรกล่าวไปก่อนหน้านี้เพิ่มว่า ถ้าการเมืองใหม่ดีจริง ต้องลดการใช้น้ำมันจากสิบแสนล้านมาเหลือครึ่งหนึ่งเท่าเดิม ตอนนี้การเมืองใหม่ให้ ปตท. ได้กำไรสองแสนล้าน เราจะให้มันเหลือเท่ากับวันแรกที่มันแปรรูปไปคือเหลือหมื่นสองพันล้าน น้ำมันจะลดไปราวๆ ลิตรละ 30 บาท ขณะนี้น้ำมันลิตรละ 44 บาทแล้ว ฉะนั้นเราจะล้อม ปตท. เพื่อเอาคืนมาเป็นของประชาชน ปตท.โปรดจำเอาไว้ องค์กรคุณคือองค์กรผีดิบดูดเลือดคนไทย ตอนแปรรูปวันแรก นักการเมืองกดจองทางคอมพิวเตอร์หมดไปไม่กี่วินาที ราคาหุ้นพาร์ 35 บาท ตอนนี้ขายได้เกือบ 300 บาท กำไรเพียงเล็กน้อยประมาณ 60,000 ล้านบาท ก็เอาไปซื้อเสียงประชาชนเข้ามาจากการแปรรูปอันเดียว

 

 

ไม่อยากแพ้จันทร์นี้ต้องไปชุมนุม สตช. ถ้าต่ำกว่าหมื่นไม่เรียก "พันธมิตร"

นายสมเกียรติได้พูดติดตลกขอร้องประชาชนที่มาล่าลายเซ็นของแกนนำ 5 คน บอกว่าชนะก่อนแล้วค่อยเซ็น และขณะนี้แกนนำทั้ง 5 คน ได้เตรียมทำตรายางไว้แล้ว จะได้ประทับตราทีเดียว

 

นายสมเกียรติยังบอกว่า "หากพันธมิตรแพ้จะทำพิธีกรรมหลั่งน้ำตาร่วมกัน โยนผ้ากู้ชาติทิ้งใส่กองไฟ ผ้าพันคอสัปปะรังเคโยนลงน้ำคร่ำ พิธีมอบประเทศนี้ให้โจร กราบแผ่นดินว่าประชาชนยอมแพ้ความเลว หลังจากนั้นปรชาชนทั้งหมดลหลั่งน้ำตาร่วมกันแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนผมจะไปนอนในตาราง ถ้าเราแพ้จะเป็นแบบนั้น ไม่แพ้ใช่ไหมครับพี่น้อง เห็นหรือยัง หลั่งน้ำตา หลั่งน่ำตา ผ้าพันคอที่กู้ชาติ เปลี่ยนเป็นยกประเทศชาติให้ ผมจะเปลี่ยนสีใหม่เลย แล้วผมจะเข้าคุก ประชาชนหลั่งน้ำตาแยกย้ายไปยู่บ้านตามเวรตามกรรม ฯพณฯ ท่านเหล่ ฯพณฯ ท่านหอกหักกลายเป็นเทพยดาไปเลย เป็นไปได้อย่างไรสังคมไทย

 

ถ้าไม่ยอมแพ้ฟังผม … วันจันทร์นี้ต้องไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้าต่ำกว่าหมื่นแล้วไม่เรียกว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย องค์กรนี้จะต้องเป็นองค์กรชนะเลิศ ที่ประชาชนเรียกแขกได้ดีที่สุด ประชาชนต้องไปมากกว่าตอนไป กกต. อย่างแน่นอน"

 

 

อ้างนำสมัชชาคนจนได้ค่าชดเชยบิ๊กจิ๋ว 3 พันล้าน แต่ตอนนี้เงินหมดแล้ว

ผมคาดในใจว่า เมื่อคืนฝันว่าวันที่เราชนะคือวันที่เราชนะ คือวันที่สมัชชาคนจนชนะ คือวันที่ 99 ไม่มีคนปรบมือเลย แสดงว่าเราชนะก่อนใช่ไหมครับ ถ้าไม่ชนะก่อนคือกลับบ้านหนีก่อนใช่ไหมครับ

 

"ผมพาสมัชชาคนจนมาชุมนุมที่นี่ 99 วัน ไปล้อมทำเนียบของรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จิ๋วบอกว่าล้อมก็ดีเหมือนกัน เราจะได้ไม่เหนื่อยเดินทางออกมา หลังจากนั้น พล.อ.ชวลิตก็ใจดีมาก ให้เงินชดเชยแก่สมัชชาคนจนไปมากกว่า 3 พันล้าน สมัชชาคนจนเลี้ยงฉลองกันที่นี้แล้วกลับบ้านเลย ตอนนี้เงินค่าชดเชยอะไรที่ได้หมดแล้ว" นายสมเกียรติกล่าว

 

 

เชื่อ 28 ก.ค. พิพากษา "2 คนสำคัญ" แนะให้กราบเท้าผู้ชุมนุม-ลิ้นเลียพื้น 60 ครั้ง

ของเราก็เหมือนกัน วันที่ 99 โอ้โห ผมเห็นวันที่ 28 ก.ค. ดูไม่จืดเลย มันเป็นวันพิพากษาของคนสำคัญ 2 คน 28 ก.ค. ถ้าวันนั้น เราจะรอไหมครับ นายสมเกียรติยังอ้างว่าเพื่อนของเขาที่เป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีบอกว่าเพื่อนสนิทของคนหนึ่งนายหญิงบอกว่าตอนนี้เครียดหนักทั้งครอบครัว กำลังหาช่องทางหนี กำลังเข้าไปเรียนรู้วิธีการหนีของเจ้าพ่อตะวันออกคนหนึ่งที่ถูกจำคุกแล้วหนีไป ตอนนี้เขาเครียดมาก วันพิพากษาใกล้เข้ามาแล้ว ศาลไม่อนุญาตให้ไปต่างประเทศเพราะใกล้วันพิพากษา ใกล้วันสืบพยานแล้ว

 

"ซึ่งถ้าผมเป็นครอบครัวนี้ เห็นคนไทยอยู่ในศาสนาพุทธ ผมจะมาร่วมชุมนุมเลย แล้วกราบเท้าขออภัยพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งเอาลิ้นเลียพื้น 60 ครั้ง ผมจะทำแบบนั้นเลย" นายสมเกียรติกล่าว

 

000

 

 

5 กรกฎาคม 2551

เบิร์ดเดย์ 73 ปี "จำลอง" เสนอนักการเมืองใหม่ต้องเสียสละ-ไม่รับเงินเดือน "สนธิ" ย้ำการเมืองใหม่ไม่มีฝ่ายค้าน เพราะมีตัวแทนทุกอาชีพในสภา เตรียมพิมพ์โมเดลการเมืองใหม่แจกแสนเล่ม พิภพเสริมไม่มีฝ่ายค้าน เพราะทุกวิชาชีพถ่วงดุล ยึดโมเดล "สภาที่ปรึกษาฯ" ทำการเมืองใหม่ ลั่นมีคำตอบให้ชาวไร่ชาวนา "ภูวดล" ประชดถ้าเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ก็ยกประเทศให้ทักษิณไปเลย

 

000

 

จำลอง ศรีเมือง

1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

 

จำลองเสนอการเมืองใหม่คือเสียสละ-ไม่รับเงินเดือน

ขณะที่วานนี้ (5 ก.ค.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวต่อว่า การเมืองใหม่ในความคิดของตนนั้น ในฐานะที่ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว เคยเป็นหัวหน้าพรรคมาแล้ว ขอยืนยันการเมืองใหม่ในสายตาของตนเองว่า การเมืองไม่ใช่อาชีพ การเมืองคือความเสียสละ เพราะอาชีพนั้นคือการหากำไร และเราไม่ต้องการแบบนั้น เสียสละแบบไม่โกงทั้งต่อหน้าและลับหลัง โดยนักการเมืองทั้ง ส.ส.และส.ว.จะต้องไม่มีเงินเดือน ซึ่งทุกวันนี้ที่มี ส.ส.และ ส.ว.กินเงินเดือน ชาติจะต้องเสียเงินให้ปีประมาณ 800 ล้าน สู้เรานำมาพัฒนาให้คนยากคนจนดีกว่า สิ่งเหล่านี้เป็นไปได้ และเคยทำมาแล้ว

 

"สิ่งที่ผมนำเสนอไปนี้ ทำได้แน่นอน ผมเคยทำมาแล้ว ถึงผมรับเงินเดือนแต่ก็เอาไปช่วยคนอื่น ส.ส. ส.ว.ไม่จำเป้นต้องมีเงินเดือน รับแค่เบี้ยประชุมครั้งละ 1 พันบาทก็พอแล้ว เวลาเดินทาง เครื่องบินก็ขึ้นฟรีอยู่แล้ว แต่ผมไม่เคยขึ้นฟรี เพราะมีเงินบำนาญอยู่

 

"เมื่อคืนรายการรู้ทันประเทศไทย อ.เจิมศักดิ์ ที่มีนายทหารเรือ และอากาศ ที่ได้บอกว่าเงินประจำตำแหน่งมีทั้งนั้น มีทั้งพลเรือนและทหาร ท่านยกตัวอย่างเช่น ทหารชั้นผู้ใหญ่ที่มีตำแหน่ง มีเงินเดือน 5 หมื่นบาท และยังมีเงินประจำตำแหน่งอีก 5-6 หมื่นบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ให้ยกเลิกเรื่องนี้ไปเลย ข้าราชการจะได้ไม่มัวแต่ไปแสวงหาตำแหน่ง ต้องวิ่งเข้าหานักการเมือง เพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในตำแหน่งนานๆ เพื่อจะได้เงินเยอะๆ นี่คือการเมืองใหม่ในความคิดของผม และการเมืองใหม่จะดีแน่ๆ" พล.ต.จำลองกล่าว

 

ทั้งนี้ ก่อนที่ พล.ต.จำลองจะปราศรัย ได้มีการเปิดมิวสิกวิดีโอเพลง"แสงดาวแห่งศรัทธา" โดยมีภาพประวัติของ พล.ต.จำลองตั้งแต่วัยเด็ก วัยเรียน ช่วงที่เป็นทหาร เป็นผู้ว่าฯ กทม. เป็นผู้นำประชาชนในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬฯ มาจนภาพปัจจุบัน เพื่อเป็นการอวยพรวันเกิดครบรอบปีที่ 73 ของ พล.ต.จำลอง ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2551

 

000

 

 

สนธิ ลิ้มทองกุล

1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

 

"สนธิ" โต้ "จตุพร" กล่าวหาพันธมิตรเป็นกบฎหลังเสนอการเมืองใหม่

เวลาประมาณ 21.15 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีนายสนธิ ได้กล่าวว่า หลังจากมีการพูดถึงเรื่องการเมืองใหม่ไปเมื่อวานนี้ (4 ก.ค.) ทำให้ถูกโจมตีอย่างรุนแรงจากบรรดานักเลือกตั้งทั้งหลาย อย่างไร็ตามไม่ว่ากัน แต่อยากถามว่าคนบ้าเท่านั้นที่นำเงิน 15-30 ล้านบาทมาลงทุนเพื่อเข้าสภา ถ้าไม่บ้าก็ต้องเป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นหรือตัวแทนของพรรคการเมืองที่เป็นบริษัทจำกัด

 

นายสนธิ กล่าวถึงกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคพลังประชาชนที่ออกมากล่าวหาพันธมิตรฯว่าเป็นกบฎที่เสนอการเมืองใหม่แบบนี้ ซึ่งคนประเภทนี้ไม่เข้าใจว่าทุกอย่างเป็นอนิจจังต้องมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งแม้แต่ นายจตุพร ก็เคยจนแทบไม่มีจะกิน แต่วันนี้มีตำแหน่ง มีบ้าน มีรถ มีเงินเป็นล้านๆ ก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง

 

 

ลั่นไม่มีรัฐประหาร ถ้ามีต้องปฏิวัติร่วมกับประชาชน

นายสนธิ กล่าวว่า เวลานี้พี่น้องทั้งหลายกำลังถูกเกลียดชังจากพวกที่พยายามจะเข้ามาก่อรัฐประหาร แต่ถ้าจะเข้ามาก็ต้องมาปฏิวัติโดยประชาชนร่วมกัน ซึ่งการปฏิวัติหมายถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ไม่ใช่การรัฐประหารเหมือนที่ผ่านมา ที่เปลี่ยนอำนาจจากนายพลคนนั้นมาสู่นายพลคนนี้

 

นายสนธิ ย้ำว่า เวลานี้พี่น้องพันธมิตรฯกำลังร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ลูกหลานในอนาคต การเมืองใหม่คือธรรม ไม่ว่าใครจะมาปกครองก็ตาม ถ้าสามารถทำให้ประชาชนมีความสุข ได้รับโอกาสเท่าเทียมกัน แต่ถ้าบอกว่ามีกว่า 300 เสียง แล้วขายชาติ ขายแผ่นดินทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน อย่างนี้ต่อให้โคตรประชาธิปไตยก็ไม่เอา

 

 

เชื่อการเมืองใหม่จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 10 บาท

นายสนธิ ระบุอีกว่า การเมืองใหม่ จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 10 บาท โดยรัฐบาลใช้สิทธิผู้ถือหุ้นใหญ่ใน ปตท.51 เปอร์เซ็นต์เรียกประชุมผู้ถือหุ้นประกาศไม่จ่ายเงินปันผล 5 ปี นำเงินกำไรปีละกว่า 2 แสนล้านบาทมาคืนให้กับประชาชน เมื่อไม่จ่ายเงินปันผลก็จะทำให้ฝรั่งเทขายหุ้น ทำให้หุ้นตก รัฐบาลก็เข้าไปซื้อหุ้นกลับมาทั้งร้อยเปอร์เซ้นต์ ถามว่าตั้งแต่ ปตท.แปรรูปมา 6-7 ปี ประชาชนได้อะไรบ้าง มีแต่เจ็บตัว

 

นายสนธิ ยังได้ยกตัวอย่างการทำกำไรจากราคาน้ำมันของ ปตท.ถึง 3 ต่อ ตั้งแต่มีการซื้อน้ำมันดิบ มาจนถึงการกลั่น และจัดจำหน่าย และที่บอกว่ามีการชดเชยราคาก๊าซนั่นก็โกหกทั้งนั้น การเมืองเก่าบ้านราคาแพง แต่การเมืองใหม่ทุกคนต้องมีที่อยู่อาศัยอย่างพอเพียง และการเมืองใหม่หมดยุคนายทุนใหญ่ที่จะขูดรีดประชาชน ปิดโอกาสไม่ให้คนที่มีอำนาจ ทุนใหญ่กว่ารังแกคนที่อ่อนแอกว่า

 

 

การเมืองใหม่ไม่มีฝ่ายค้าน เพราะมีตัวแทนทุกอาชีพในสภา

นายสนธิ ย้ำว่า ปัญหาทุกอย่างในบ้านเมืองนี้ล้วนมีสาเหตุมาจากการเมืองเก่าที่มีลักษณะประชาธิปไตย 4 วินาที และการเมืองใหม่จะไม่มีเรื่องที่ มท.1 อนุมัติการนำเข้าปืนเข้ามาหนึ่งแสนกระบอกรับเงินกระบอกละ 5 พันบาท แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสมมุติไม่ต้องนำไปฟ้อง

 

แกนนำผู้นี้ยังกล่าวอีกว่า บางครั้งการเมืองใหม่ ไม่จำเป็นต้องมีฝ่ายค้าน เพราะมีตัวแทนจากทุกอาชีพ ทุกฝ่ายเข้าไปอยู่ในสภาอยู่แล้ว "เวลานี้เรามีฝ่ายค้านในสภาแล้วยังไง ประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ดี แต่มี 160 เสียง อภิปรายมีหลักฐานข้อมูลดี ชาวบ้านเห็นด้วย แต่พอลงมติฝ่ายรัฐบาลมี 280 เสียงชนะไปขาดลอย"

 

 

เตรียมพิมพ์เขียวการเมืองใหม่แจกแสนเล่ม

นายสนธิ กล่าวว่า ในเร็วๆนี้ จะพิมพ์หลักการแนวทางการเมืองใหม่เป็นลักษณะพิมพ์เขียวจำนวน 1 แสนเล่มแจกจ่ายประชาชนทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันแสดงความคิดเห็น

 

"เวลานี้เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อเอาบ้านเมืองกลับคืนมาสู่อ้อมอกของเราเท่านั้น แต่เรายังต่อสู้เพื่อลูกหลานของเราในวันข้างหน้าด้วย" นายสนธิ ระบุในตอนท้าย

 

000

 

 

พิภพ ธงไชย

1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

 

พิภพเผยการเมืองใหม่เริ่มเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์

เมื่อเวลา 22.11 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า หลังจากที่เราเริ่มพูดอย่างจริงจังเรื่องการเมืองใหม่ ก็กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ พูดกันทั่วไปหมด แล้วคนส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยว่าการเมืองใหม่เป็นทางออกของสังคมการเมืองบ้านเราเพราะวิกฤตมันสุดวิกฤตแล้ว

 

"จะคงการเมืองแบบเก่าไว้ ถามหน่อยว่าการเมืองแบบเก่า นักการเมืองออกมาตอบโต้ ต้องถามตัวเองว่า สิ่งที่เราเสนอว่าการเมืองใหม่จะแก้เรื่องนั้นเรื่องนี้ จะแก้ปัญหาโน้นปัญหานี้ ในสิ่งที่การเมืองเก่าทำไม่ได้ การเมืองเก่าถ้าจะตอบโต้การเมืองใหม่ต้องตอบโต้ในเนื้อหาสาระ ว่าที่เราถามว่าเรื่องโชว์ห่วยจะแก้ยังไง เรื่องทุนผูกขาดจะแก้ยังไง เรื่องน้ำมันจะแก้ยังไง ต้องโต้กันในเรื่องเหล่านี้ ถ้าจะอ้างว่าการเมืองเก่ายังดีอยู่ แต่โต้ไม่ได้" นายพิภพ กล่าว

 

นายพิภพ กล่าวว่า สิ่งที่อยากจะย้ำ คนเริ่มจะเบี่ยงเบนการเมืองใหม่ว่าเป็นลัทธิใหม่ แล้วอาจจะไม่รับในสิ่งที่เป็นจริงในสังคมไทย ไม่ว่าเรื่องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน บอกได้เลยว่าการเมืองใหม่เท่านั้น ที่จะรักษาชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ และดูแลปกป้องประชาชนได้ เพราะการเมืองเก่ามุ่งที่จะทำลายสิ่งเหล่านั้น เรื่องชาติก็จะกินชาติ เรื่องศาสนาก็ไม่เอาใจใส่ เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ปล่อยให้มีการดูหมิ่นในเว็บไซด์ต่างๆ นี่คือการเมืองเก่า เรื่องประชาชน ก็ไม่เอาใจใส่ความทุกข์ยาก น้ำมันแพงไม่มีทางออกที่จะให้ประชาชนว่าจะมีชีวิตอยู่ยังไงในท่ามกลางน้ำมันแพง จะปล่อยลอยตัวน้ำมันต่างๆให้ประชาชนช่วยเหลือตัวเอง นี่หรือคำตอบของการเมืองเก่าซึ่งใช้ไม่ได้

 

 

ลั่นการเมืองใหม่ให้คำตอบชาวไร่ชาวนาจะมีการปฏิรูปที่ดิน ประกันราคาข้าว ลูกหลานเรียนฟรี

นายพิภพ กล่าวต่อว่า อยากจะบอกกับพี่น้องชาวไร่ชาวนาว่า การเมืองใหม่จะให้คำตอบกับพี่น้องชาวไร่ชาวนาว่า ชีวิตของชาวไร่ชาวนาจะดีขึ้นอย่างไร การเมืองใหม่จะต้องนำไปสู่การปฏิรูปที่ดิน นำไปสู่การประกันราคาข้าว การรวมกลุ่มของชาวไร่ชาวนาในรูปของสหกรณ์การเกษตร และนำไปสู่การเพิ่มผลผลิตในที่ดินทำการ การส่งบุตรหลานเข้าเรียนหนังสือฟรีจนถึงมหาวิทยาลัย เหตุที่ตนกล้าพูดเช่นนี้ เพราะทรัพยากรของชาติ การเมืองเก่าได้กิน เสพ และทุจริตคอรัปชั่น จนกระทั่งเงินเป็นล้านล้านของงบประมาณแผ่นดินสูญเสียไปกับการทุจริตคอรัปชั่น แล้วทำไมเรื่องค่าเล่าเรียนบุตรหลานของการเมืองใหม่จะทำไม่ได้ ถ้าเราสามารถหยุดการทุจริตคอรับชั่นของการเมืองได้

 

นายพิภพ กล่าวอีกว่า นักการเมืองเก่าจะลดบทบาทลงไป โดยจะมีตัวแทนของภาคส่วนต่างๆ เข้ามาร่วมในสภาฯ เดิมทีการเมืองแบบประชาธิปไตยมีส่วนร่วมมักจะแยกการมีส่วนร่วมออกนอกสภาฯ เราก็เลยทำอะไรไม่ได้ การตรวจสอบรัฐบาลก็ทำไม่ได้ การเมืองใหม่จะทำให้กระบวนการมีส่วนร่วมเข้าไปอยู่ในสภาส่วนหนึ่ง ที่เรียกว่าตัวแทนของอาชีพต่างๆ ส่วนที่สงสัยว่าเป็นจริงหรือเรื่องตัวแทนของภาคต่างๆจะมาจากอะไรบ้างนั้น ก็อย่างเช่น กรณีของชาวนา เมื่อมีตัวแทนของเกษตรกรเข้าไปอยู่ในสภาฯ แล้ว เขาก็สามารถปกป้องชีวิตความเป็นอยู่และการทำมาหากินของเขาได้

 

 

ไม่มีฝ่ายค้าน เพราะทุกอาชีพอในสภากันสิ่งไม่ถูกต้องเข้าสภา

"ฉะนั้น ที่คุณสนธิ (ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ) พูดถึงว่าการเมืองใหม่ไม่จำเป็นต้องมีพรรคฝ่ายค้าน เพราะประชาชนทุกหมู่อาชีพเข้าไปอยู่ในสภา เพื่อปกป้องและคัดค้านในสิ่งที่สภาจะนำพาสิ่งที่ไม่ถูกต้องเข้ามา หรือการออกกฎหมายที่ไม่ถูกต้อง" นายพิภพ กล่าว

 

นายพิภพ กล่าวต่อว่า การมีตัวแทนภาคต่างๆเข้าไปอยู่ในสภา ในรัฐธรรมนูญปี 2540 ได้สร้าง สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) ซึ่งเดิมทีรัฐธรรมนูญต้องการให้เป็นผู้เขียนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งแผนพัฒนาฯ ทั้ง 7แผนที่ผ่านมาเป็นเรื่องของเทคโนแครต ข้าราชการและนักการเมืองเป็นผู้ร่วมกันเขียนแผน แผนนั้นก็ไม่เป็นจริงสำหรับชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นคนยากคนจน แต่ดีเฉพาะอุตสาหกรรมหรือกลุ่มทุนบางกลุ่ม หรือการพัฒนาประเทศที่เอื้อต้อกล่มทุนหรือกลุ่มชนบางกลุ่มเท่านั้น

 

นายพิภพ กล่าวอีกว่า แผนที่ 8 จึงเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการเขียนแผน ปรากฏว่าดีขึ้นเข้าถึงรากหญ้าคนยากจน แต่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ เพราะคุณทักษิณมาเป็นนายกฯ ปรับแผนนี้ทิ้งแล้วเสนอนโยบายประชานิยมเข้ามาแทนที่ นอกจากนั้นสภาที่ปรึกษาฯ ยังเป็นเพียงที่ปรึกษาให้ความเห็นต่อนโยบายของรัฐบาล แต่ไม่สามารถกำหนดนโยบายรัฐบาลได้

 

"ฉะนั้น ตัวอย่างของตัวแทนกลุ่มต่างๆ ปรากฏในรัฐธรรมนูญปี 2540 แล้ว วันนี้ที่เราเสนอการเมืองใหม่ ที่ให้มีตัวแทนทุกกลุ่มอาชีพเข้าไปอยู่ในสภาฯ ไม่ใช่ของใหม่สำหรับการเมือง เพียงแต่จะย้ายการเลือกกลุ่มอาชีพต่างๆแทนที่จะอยู่ที่สภาที่ปรึกษาฯ เพียงแต่ให้ความเห็น รัฐบาลจะทำหรือไม่ ไม่มีอำนาจไปเปลี่ยนแปลงให้ปฏิบัติได้ แต่การย้ายตัวแทนกลุ่มอาชีพต่างเข้าไปในสภาฯ ทำให้มีสิทธิมีเสียงในการกำหนดนโยบายได้" นายพิภพ กล่าว

 

 

ยกโครงสร้าง "สภาที่ปรึกษาฯ" เป็นโมเดลการเมืองใหม่

จากนั้น นายพิภพได้ยกตัวอย่างโครงสร้างสมาชิกในสภาที่ปรึกษาฯ ที่มีตัวแทนจากทุกสาขาอาชีพ พร้อมกับกล่าวว่า การเมืองใหม่จะย้ายคนเหล่านี้เข้าไปอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ส่วนที่มาจะใช้วิธีเลือกกันเอง เลือกกันโดยตรง หรือแต่งตั้ง นั่นคือวิธีการ แต่เนื้อหาสาระคือ การเมืองใหม่ต้องได้ตัวแทนจากกลุ่มอาชีพที่หลากหลายเพื่อไปนำเสนอปัญหาและนโยบายของกลุ่มอาชีพตัวเอง และเมื่อนำเสนอก็จะมีแลกเปลี่ยนข้ามกลุ่มอาชีพ ดูว่ากลุ่มอาชีพต่างๆจะมีส่วนส่งเสริมหรือกระทบกันอย่างไร นี่ล่ะเนื้อหาของการเมืองใหม่ เพราะผู้แทนฯในการเมืองเก่าไม่สามารถเป็นตัวแทนของทุกอาชีพได้

 

นายพิภพ กล่าวอีกว่า ดังนั้น การเมืองใหม่จึงไม่ต้องมีพรรคฝ่ายค้าน เพราะจะมีการค้านโต้แย้งในกลุ่มอาชีพต่างๆ และสุดท้ายจะออกมาในแบบผลประโยชน์ของทุกฝ่าย แล้วนำพาประเทศชาติไป แน่นอนการเมืองใหม่ต้องตอบคำถามได้ ทั้งชาวไร่ชาวนา ชนชั้นกลาง กรรมกร และกลุ่มทุนที่ลงทุนทางเศรษฐกิจได้ ว่าเขาจะมีอิสรภาพในการลงทุนที่ไม่ผูกขาดหรือถูกตัดตอนหรือไม่ กรรมกร ชนชั้นกลาง และชาวไร่ชาวนาจะมีชีวิตดีขึ้นหรือไม่ นี่ล่ะเป็นสิ่งที่อยากจะบอกกับนักการเมืองว่า อย่ามาโต้ในเรื่องที่ไร้สาระ ควรจะโต้ในสิ่งที่เป็นสาระ ว่าที่เราบอกว่าการเมืองใหม่จะสร้างชีวิตใหม่นั้น ถามหน่อยว่าการเมืองเก่าทำได้หรือไม่

 

"ฉะนั้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะพูดเนื้อหาสาระของการเมืองใหม่ให้มากขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมว่าเป้าหมายของเรายังอยู่ที่เอาทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยังไงเราก็ไม่ลืมตรงนึ้ แต่ขณะเดียวกัน เมื่อจัดการความถูกผิดของคุณทักษิณเสร็จแล้ว จัดการเรื่องพรรคพลังประชาชนเสร็จแล้ว เราจะร่วมกันสร้างการเมืองใหม่" นายพิภพ กล่าวทิ้งท้าย

 

000

 

 

สมศักดิ์ โกศัยสุข

1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

 

สมศักดิ์เตือนสื่อมวลชนทำหน้าที่ตรงไปตรงมา

ในเวลา 22.40 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตร กล่าวว่าขณะนี้พันธมิตรกำลังจัดการเมือง กำลังเปลี่ยนแปลงการเมืองแบบใหม่ ตราบใดที่การเมืองแบบเก่าที่เอื้อให้แก่นายทุนยังอยู่ ถือว่าเป็นอุปสรรคของเรา เราต้องไล่ออกไป

 

นายสมศักดิ์กล่าวถึงการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนว่าขณะนี้ ยังมีสื่อมวลชนบางสื่อที่เสนอข่าวการชุนนุมาของกลุ่มพันธมิตรฯ ในครั้งนี้ บิดเบือนความจริงออกไป ทำให้ผู้อ่านซึ่งเป็นประชาชนทั่วไป และเยาวชนรับทราบข้อมูลที่บิดเบือน และมีความคิดที่ผิดๆ กับคนที่มาชุนนุม ทั้งอยากให้ สื่อมวลชน ควรทำงานด้วยจรรยาบรรณของสื่อมวลชน นั่นคือการนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงออกไป ไม่ใช่ข่าวลือ เพียงอ้าง อาทิ การใส่เงิน 200-300 บาทในกล่องข้าว เป็นต้น

 

การเมืองใหม่สื่อต้องตรงไปตรงมาไม่เห็นแก่โฆษณา ไม่เห็นแก่นายทุน วันนี้กลไกของรัฐที่รู้ว่าเป็นปัญหาและไม่ช่วยประชาชน นั่นคือ ตำรวจ ดังนั้นวันจันทร์นี้เขาประมาทเราว่าอย่างดีก็ไปแค่จำนวนเท่าเดิม ดังนั้นขอชวนพ่อแม้พี่น้องไปร่วมชุมนุมกันให้มาก เพื่อโต้ตอบกับการกักประชาชนที่จะมาร่วมชุนนุม ซึ่งถือว่ามีความผิดขอให้พี่น้อง จดชื่อ ยศ มา ขณะเดียวกันแล้วทำไมคดีกลุ่ม นปก.บุกบ้านป๋าเปรม ทำไมตำรวจไม่เร่งดำเนินการ

 

นายสมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้พี่น้องทุกคนอดทน อย่าพูดคำว่าเหนื่อย และขอให้มาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกัน พวกเราต้องทำให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่การเมืองใหม่นั้น ต้องร่วมกันจากคนหลายระดับ ไม่ใช่ว่าลังเลอะไรอยู่ ไม่ใช่ว่ากลัว ไม่ใช่ว่ากลัวเป่านกหวีด แต่เราต้องทำให้ทั่วโลกรู้เห็นถึงการร่วมมือของประชาชนในการเปลี่ยนแปลงการเมืองในครั้งนี้

 

000

 

 

ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ

อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

 

ภูวดลประชดถ้าเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ก็ยกประเทศให้ทักษิณไปเลย

ในเวลา 23.20 น. ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ กล่าวว่าระบอบทักษิณทำให้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ลุกลาม และกล่าวว่าอย่าให้ถึงกับคนใต้ไม่เสียภาษีก็แล้วกัน รัฐไทยจะฉิบหาย

 

รัฐบาลไทยวันนี้สร้างแต่ความขัดแย้งให้กับประเทศ ตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงระดับประเทศ เพราะเกิดจากความชั่วกับความบัดซบของนักการเมืองที่ไปยอมก้มหัวให้กับอำนาจเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งข้าราชการที่เอาแต่บริหารบ้านเมืองด้วยความบัดซบ แล้วระบบบ้านเมืองไทยจะเดินต่อไปได้อย่างไร เพราะมีแต่การโกงกันทั้งสิ้น ดังนั้นไม่ต้องไปหานวัตกรรมการบริหารบ้านเมืองที่ไหน เพราะถ้าบริหารบ้านเมืองด้วยความโปร่งใส ประเทศก็จะเดินต่อไปได้ ฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่การเมืองใหม่จะเกิดขึ้นเพื่อเปลี่ยนแปลง และถ้าเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ก็ยกประเทศไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เสียเลย" ดร.ภูวดล ระบุ

 

ดร.ภูวดล กล่าวอีกว่า อยากถามว่าทหารส่วนใหญ่มีความรักชาติมากน้อยเพียงใด เพราะเห็นแต่เดินตามนักการเมืองพันธ์ชั่วช้าสามานย์ ส่วนนายนพดล ที่เป็นทนายหน้าหอของ พ.ต.ท.ทักษิณ วันดีคืนดีก็ได้เป็น รมว.ต่างประเทศ ถามว่ามีสำเหนียก หรือมียางอายหรือไม่ รวมทั้งตำรวจไทยในวันนี้ มีแต่รีดไถคนหาเช้ากินค่ำ และคนจน แต่คนนั่งรถเบนซ์กลับไม่กล้าแตะ อีกทั้งสถานเริงรมย์ที่เปิดอยู่ได้เพราะมีพวกตำรวจสนับสนุน ถามว่าทำไมถึงไม่มีความรัก เอื้ออาทรต่อคนยากคนจนบ้าง แต่กลับไปรับใช้ และไปเชลียร์ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วอย่างนี้ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่

 

โดย ศ.ดร.ภูวดล เคยกล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 0.10 น. ของวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา เรียกร้องให้โรงแรมในภาคใต้ไม่ต้องต้อนรับคณะรัฐมนตรีที่นำโดยพรรคพลังประชาชน โดยระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดที่หน้า รร.กระบี่เมอรี่ไทม์ เมื่อคืนเป็นอุทธาหรณ์ที่ดี จาการที่หมาหลงตัวหนึ่ง บังอาจ ถือว่าตัวเองกร่างแล้วเดินทางไปอวดศักดาที่ภาคใต้

 

"ผมจะบอกให้ ถ้าคุณไปภูเก็ตเมื่อคืนจะไม่มีชีวิตรอดมา ส่วนที่ไป จ.กระบี่ นั้น ถ้าหากโรงแรมนี้ไม่ใช่เป็นของคนใต้ ผมขอบอกเจ๊เลน คุณเท้งไว้ด้วย รร.เจ๊เลน ถูกเผาไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ขอร้องอย่างหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ ขณะนี้ประเทศนี้ประชาชนทุกหมู่เหล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตั้งแต่ จ.เพชรบุรี ยันจ.นราธิวาส ได้ลุกฮือขึ้นมาหมดแล้ว เพราะฉะนั้นท่านอย่าคิดแต่กำไร ทำธุรกิจแบบกำไรอย่างเดียว ท่านต้องคิดถึงชื่อเสียง เกียรติยศของความเป็นคนใต้ด้วย

 

เงินทองไม่ตายก็หาได้ แต่ศักดิ์ศรีของความเป็นคนใต้หาไม่ได้ ถ้าหากเราไปยอมรับเสนาบดีขกถุยรายนี้  เสนาบดีคนนี้ไม่มีสาระเลย และผมเชื่อว่าทั่วทั้งประเทศก็ไม่ยอมรับ คนๆ นี้ไม่มีสาระ เพราะฉะนั้นขอให้เป็นอุทธาหรณ์ครั้งสุดท้ายของผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมทั่วภาคใต้ หรือทั่วพระราชอาณาจักรว่าถ้าหากมีรัฐมนตรีเส็งเคร็งของรัฐบาลสุนัขรับใช้ของทักษิณไปแล้วทุกคนจงระวังตัวว่าทรัพย์สินของท่านจะถูกทำลาย เมื่อคืนดีอย่างที่พวกเราขอร้องต้นไม้สักต้นอย่าทำลาย นี่เป็นโรงแรมของพวกเรา ท่านไปฟังแต่ผู้ว่าฯ เส็งเคร็ง มันก็เชลียร์อย่างเดียว ผู้การฯ เมื่อเช้าก็พาออกมา ไม่อย่างนั้นไอ้คนๆ นี้ถูกย่างดิบไปแล้ว ที่ จ.กระบี่ พี่น้องที่รักทั้งหลาย แล้วก็แล้วไป เอาเป็นบทเรียน สอนลูกสอนหลานไว้ว่า วันนี้พวกเราไม่เคยกลัวนักการเมืองพันธุ์สุนัขทุกตัวในประเทศไทย"

 

000

 

 

6 กรกฎาคม 2551

"สุริยะใส" เผยสัดส่วนสตรีชุมนุมมากร้อยละ 70 ทำให้พันธมิตรยืนหยัดยาวนาน ชี้พันธมิตรชุมนุมเป็น "พฤตินัยการเมืองใหม่" เผยจัดตั้ง "แท็กซี่พันธมิตร" ร่วม 200 คันแล้ว ลั่นพันธมิตรฯ เคารพศาลแพ่ง แต่ทำเนียบมี 4 ด้าน อาจย้ายไป "ด้านที่ไม่รบกวน" ตกดึกผู้ชุมนุมแจมเรียกร้อง "ประหารชีวิต" ทักษิณ และ ครม.

 

000

 

 

สุริยะใส กตะศิลา

ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

 

สุริยะใสเผยสัดส่วนผู้ชุมนุมเป็นสตรีร้อยละ 70 ทำให้ยืนหยัดได้ถึงวันนี้

และในเวลา 00.09 น. วันนี้ (6 ก.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัย กล่าวว่าตลอดการชุมนุม 43 วัน เขาไม่เคยหลบไปนอนที่อื่น อยู่ในที่ชุมนุมตลอด แม้เพื่อนชวนไปกินข้าวข้างนอกก็ไม่ไป เพราะกินข้าวที่ไหนไม่อร่อยเท่ากินที่หลังเวที นายสุริยะใสได้บอกให้ผู้ชุมนุมปรบมือให้กับผู้หญิงที่มาชุมนุม โดยเขาบอกว่าผู้หญิงมาร่วมการชุมนุมพันธมิตรเป็นสัดส่วนมากถึง 70%

 

โดยเขายกตัวอย่างว่า หากผู้ชายออกบ้านเกิน 5 ทุ่ม แม่บ้านก็เลิกตามแล้ว แต่เมื่อไหร่ผู้หญิงออกจากบ้าน ผู้ชายไม่ใช่แค่โทรศัพท์ตาม แต่จะขับรถมาตามถึงที่ชุมนุม ดังนั้นการต่อสู้ที่มีผู้หญิงนำหน้าจะได้ผู้ชายมาร่วมด้วย และมีลูกหลานตามมาชุมนุม ผู้ชายมาม็อบไม่รู้จะกลับกี่โมง ออกม็อบตีหนึ่ง อาจกลับถึงบ้านหกโมงเช้า ซึ่งมีคนมาร้องเรียนกับพันธมิตรหลายครั้ง โดยนายสุริยะใสสรุปว่าเพราะมีผู้หญิงร่วมการชุมนุม การต่อสู้ของพันธมิตรจึงสามารถยืนหยัดมาได้จนถึงวันที่ 43

 

เขากล่าวต่อไปว่า เวลาขอลายเซ็น มีการเข้าแถวขอลายเซ็นแกนนำเป็นสิบ ยี่สิบคน บางวันเป็นร้อย มีวันหนึ่ง คุณป้าที่มาขอลายเซ็นบอกว่า หลานบอกว่าผู้ประสานงานพันธมิตรฯ หล่อมาก ก็ไม่รู้ว่ามาหลอกเอาลายเซ็นหรือเปล่า แต่ตนได้บอกไปว่าให้พาลูกหลานมาร่วมชุมนุมบ้าง เพราะรุ่นน้องๆ ต้องสืบต่อภารกิจของพวกเรา ซึ่งขณะนี้เริ่มมีคนหนุ่มสาวเข้ามาชุมนุม หลายคนมาเพราะพ่อแม่ และต้องการเข้ามากู้ชาติ

 

 

ยกบทวิเคราะห์เนชั่นให้พันธมิตรสร้าง "เรียลริตี้ 24 ชม." นวัตกรรมใหม่ทางการเมือง

นายสุริยะใสยังได้ยกบทวิเคราะห์ของหนังสือเนชั่นสุดสัปดาห์ ที่ระบุว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ คือวัฒนธรรมการเมืองใหม่ ซึ่งทำให้การชุมนุมเป็นเรื่องสนุกสนาน และไม่มีความรุนแรง โดยเป็นเรียลริตี้โชว์ทางการเมืองตลอด 24 ชั่วโมง เป็นอะคาเดมีแฟนเทเชีย จึงถือเป็นประวัติศาสตร์ของการต่อสู้ และเป็นนวัตกรรมใหม่ทางการเมือง โดยนายสุริยะใสขอให้ผู้ชุมนุมปรบมือให้กับตัวเอง

 

ส่วนสถานีโทรทัศน์พีทีวี ซึ่งปิดตัวเอง และตายไปพร้อมๆ กับตำแหน่งทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งข้ออ้าง คือ ขาดทุน นั่นแสดงให้เห็นว่าตั้งสถานีพีทีวี ขึ้นมาเพื่อหากำไร และค้าขาย โดยไม่ต้องการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนเหมือนสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี

 

"ถ้าจะฟื้นพีทีวี ขึ้นมา ก็ขอให้ทำเนื้อหาของข่าวสารมาแข่งขันกัน โดยมาสู้กันที่คุณภาพ ที่สำคัญเอเอสทีวี จวนเจียนจะปิดตัวลงหลายครั้ง แต่ด้วยแรงศรัทธาของประชาชนที่มีพลังมหาศาล จึงปลุกให้เอเอสทีวี คืนชีพขึ้นมายืนอีกครั้งหนึ่ง ฉะนั้นพีทีวี จึงไม่มีทางที่จะเป็นสื่อแท้ เพราะเป็นสื่อการเมืองชัดเจน โดยจะเห็นได้จากการเปิดตัวเมื่อเกิดวิกฤตทางการเมือง และไม่เข้าใจว่าแกนนำ นปก. จึงเป็นถึง ส.ส. และเป็นรัฐมนตรี ฉะนั้นเจตนารมณ์จึงชัดเจนว่าต้องการปกป้องระบอบทักษิณเท่านั้นเอง โดยไม่สนใจว่ารัฐธรรมนูญเปิดช่องหรือไม่ เพราะกฎหมายมาตรา 48 เขียนไว้ชัดเจนว่า ห้ามนักการเมืองถือหุ้นในกิจการสื่อ ไม่ว่าจะทั้งทางตรงหรือทางอ้อม รวมทั้งไม่สามารถใช้นอมินี หรือร่างทรง ไม่สามารถทำได้" นายสุริยะใส กล่าว

 

 

ไล่ส่ง "จตุพร" อ่านกฎหมายก่อนฟื้น "พีทีวี"

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ฉะนั้นจึงอยากให้นายจตุพร พรหมพันธ์ กลับไปเปิดดูกฎหมายว่าสามารถที่จะฟื้นพีทีวี ได้หรือไม่ หรือแม้กระทั่งสื่อโทรทัศน์บางช่อง และสื่อวิทยุบางคลื่นซึ่งเป็นของกรมประชาสัมพันธ์ และ อสมท. เริ่มจงใจบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอย่างชัดเจน โดยตนโดนเข้ากับตัวเอง

 

นายสุริยะใสเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งมีการติดต่อขอสัมภาษณ์ตนทางโทรทัศน์เรื่องการชุมนุม แต่มีการต่อสายโทรศัพท์คุยกับแม่ค้า เด็กนักเรียน ผู้ปกครอง และผู้ใช้ถนน รวม 4 คน กรณีคำสั่งศาลแพ่ง ซึ่งทั้ง 4 คนให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่ากลุ่มพันธมิตรฯ สร้างความวุ่นวายให้กับสังคม ตนจึงต่อว่าพิธีกรไปว่า ถ้าตนนอนหลับแล้วไม่ได้เข้าสายในรายการนี้ คนทั่วไปก็จะเข้าใจว่าเราเป็นอาชญากรแผ่นดิน ที่สำคัญคือเขาไม่ไปสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมชุมนุมว่ามีเหตุผลอะไรถึงได้เข้าร่วมชุมนุม ซึ่งถือเป็นสมดุลข่าวสาร แต่กลับไม่ทำ

 

"นี่คือวาระสุดท้ายของรัฐบาล เพราะเขาใช้สื่อที่มีอยู่ในหน้าตักมารบกับเราอย่างเต็มที่ โดยมีทั้งกรมประชาสัมพันธ์ และ อสมท. ซึ่งผมเข้าใจว่านายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ผอ.อสมท. คงเข้าใจ และคงไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง รวมทั้งต้องขอร้องไปยังสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ซึ่งต้องกล้าขัดขืนคำสั่งที่มิชอบมาพากล ทั้งนี้เราต้องให้กำลังผู้สื่อข่าว เพราะเขาต้องการกำลังใจจากเราเท่านั้น อย่าไปกล่าวหายกเข่ง และต้องให้โอกาสเขา เพราะวันนี้ระบอบทักษิณเขาใช้อำนาจที่สามานย์ และก้าวร้าว โดยเฉพาะใครที่ต่อต้านก็จะถูกสั่งย้าย แต่เชื่อว่าถ้าเราเป็นกำลังหนุนของสังคมไปเรื่องๆ หน่วยงานราชการ และองค์กรอิสระ รวมทั้งกระบวนการยุติธรรม ก็จะกลับมายืนอยู่เพื่อผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง ดังนั้นเราต้องช่วยกันตรวจสอบสื่อ อย่าให้ตกเป็นเครื่องมือของรัฐบาลแบบง่ายๆ" นายสุริยะใส กล่าว โดยเขาเสนอว่าผู้ชุมนุมควรช่วยกันมอนิเตอร์ (เฝ้าระวัง) สื่อแบบวันต่อวัน ถ้ามีช่องไหน หรือเล่มไหนบิดเบือนให้มาแจ้งหลังเวที



 

ลั่นพันธมิตรฯ เคารพศาลแพ่ง แต่ทำเนียบมี 4 ด้าน อาจย้ายไป "ด้านที่ไม่รบกวน"
ส่วนกรณีที่หลายคนถามว่าเมื่อไหร่การชุมนุมขับไล่รัฐบาลจะจบสิ้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ขณะนี้ตุลาการภิวัฒน์เริ่มทำงาน โดยในวันจันทร์นี้ เราจะเดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเราอาจจะต้องไปอัยการสูงสุดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อทวงถามถึงความคืบหน้าของแต่ละคดีความ เพราะยังไม่มีหนังสือชี้แจงออกมา โดยยุทธศาสตร์ดาวกระจายในสัปดาห์หน้าจะเข้มข้นขึ้น และมั่นใจว่าการชุมนุมของเราในขณะนี้ อย่างน้อยก็เป็นภูมิคุ้มกันให้กับกระบวนการยุติธรรม และไม่ให้อำนาจทางการเมืองแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้

 

"เราใจกว้างพอ เพราะเราเคารพคำสั่งของศาลแพ่ง ที่สำคัญทำเนียบรัฐบาลมี 4 ด้าน ถ้าเขาบอกว่าเรารบกวน เราก็จะไปชุมนุมในด้านที่ไม่รบกวน ซึ่งคงต้องรอสักระยะ เพราะในวันจันทร์นี้ จะมีหลักปฏิบัติที่ชัดเจนทั้งฝ่ายนักเรียน ฝ่าย ขสมก. และฝ่ายผู้ชุมนุม ที่สำคัญตำรวจ และพรรคพลังประชาชนพยายามบิดเบือนคำสั่งศาลว่าให้เปิดถนน 24 ชั่วโมง ซึ่งผมไปเปิดดูคำสั่งศาล 2 หน้า ไม่มีบรรทัดใดเลยที่ระบุว่าให้เปิดถนน 24 ชั่วโมง ดังนั้นใครกันแน่ที่บิดเบือนคำสั่งศาล" นายสุริยะใส กล่าว

 

 

วอนประชาชนอย่าลังเลร่วมสร้างการเมืองใหม่
ส่วนเรื่องการเมืองใหม่ที่มีการพูดถึงกันอย่างกว้างขวางนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า มีหลายคนมาถามผม มีความเห็นมาที่เวทีเยอะ บางคนเขียนเป็นเอกสาร เป็นงานวิจัย เป็นบทความยาว บทความสั้นหน้าเดียวสองหน้าก็มี ซึ่งทรงคุณค่ามาก

 

นายสุริยะใสกล่าวว่า ขอให้พี่น้องกำหนดตัวเองว่าการเมืองใหม่เปรียบเสมือนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ตลอดเวลา เป็นกระบวนการแบบที่ทุกคนแสดงความเห็นได้ สิ่งที่แกนนำเสนอเป็นเพียงตุ๊กตา สามารถปรับปรุงได้ อย่าลังเลในการแสดงความเห็น สามารถมาขออีเมลที่อยู่ผมได้ที่ด้านหลังเวที หรือกล่องรับความเห็นที่การ์ดพันธมิตร

 

นายสุริยะใสกล่าวว่า อยากให้พี่น้องประชาชนอย่าลังเลที่จะร่วมกันแสดงความคิดเห็นเรื่องการเมืองใหม่ และกำหนดตัวเองในฐานะผู้แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ โดยส่วนสำคัญของจุดมุ่งหมายที่สำคัญคือ การขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด และกำจัดระบอบทักษิณ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วการเมืองเก่าที่เละเทะจะหนักยิ่งกว่าเดิม

 

"สมมติว่า สิ้นปีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ติดคุก แต่ระบอบไม่ได้ติดคุกด้วย เพราะมีความเชื่อหลงเหลืออยู่เรื่องประชาชนซื้อได้ หรือลงทุนด้วยเงิน 5,000 ล้าน ก็สามารถยึดอำนาจรัฐได้ นอกจากนี้ระบอบทักษิณ ยังเชื่อว่าการเปิดการค้าเสรีแบบสุดขั้ว จะทำให้ประเทศพัฒนา ซึ่งถึงขั้นที่จะเปิดให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเขตการค้าเสรี แต่กลับทำให้วิกฤตการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะยุติ เพราะความคิดในระบอบทักษิณ เชื่อว่า ในพื้นที่ดังกล่าวมีทรัพยากรมหาศาล โดยไม่สนใจมิติทางวัฒนธรรม เป็นเหตุให้ระบอบทักษิณเป็นตัวสร้างปัญหา ซึ่งไม่รู้ว่าจะจบสิ้นเมื่อใด" นายสุริยะใส กล่าว

 

 

พันธมิตรชุมนุมคือ "พฤตินัยการเมืองใหม่" เผย "แท็กซี่พันธมิตร" มี 200 คันแล้ว

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า หัวใจของระบอบทักษิณ นั้น เขาอ้างประสิทธิภาพ ความเด็ดขาด ละความรวดเร็ว แต่มีผลประโยชน์แอบแฝง และมีวาระซ่อนเร้น แล้วระบอบทักษิณ ก็จะวิจารณ์เรื่องการมีส่วนร่วมในการชุมนุม ซึ่งทำให้ประเทศเสียโอกาส เพราะเลือกเขามาแล้วก็ต้องให้เขาตัดสินใจบริหารประเทศ โดยให้ประชาชนอยู่เฉยๆ และเขาพูดหลายครั้งว่าถ้า ส.ส.หรือรัฐมนตรีคนใดที่จะทุจริตการเลือกตั้ง ให้มาเอาเงินที่เขา แต่เขากลับเป็นโกงเพียงฝ่ายเดียว แต่หัวใจสำคัญ คือ การขับไล่รัฐบาล และระบอบทักษิณ ดังนั้นการเมืองใหม่ คือ หนทางที่จะกอบกู้วิกฤตประเทศชาติ

 

"เวลาเราพูดเรื่องการเมืองใหม่ จริงๆ ไม่ต้องตีความอะไรมาก เพราะการที่เราชุมนุมกันอยู่ทุกวันนี้ โดยพฤตินัยก็คือการเมืองใหม่ เพราะเป็นการเมืองที่ถูกชี้นำด้วยคุณธรรม และความถูกต้อง แต่ถ้าเมื่อใดเราพูดเรื่องการเมืองใหม่ แต่ถ้าวัฒนธรรมทางการเมืองของเราทุกคนยังเป็นแบบเก่า โดยเชื่อเรื่องการเลือกตั้งว่าคนที่เข้าไปในสภาจะสามารถตัดสินใจแทนเราได้ หรือยังเชื่อว่าการชุมนุมก่อความวุ่นวาย ซึ่งความคิดแบบนี้ไม่มีทางที่จะสร้างการเมืองใหม่ได้ ดังนั้นเราต้องเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนวิธีคิดด้วยการเป็นประชาชนแบบใหม่ โดยกล้าที่จะตั้งคำถามกับผู้มีอำนาจ ซึ่งระยะหลังคนยากคนจนที่มาร่วมชุมนุมเขาไม่ได้กลัวตำรวจ ผู้ว่าฯ หรือแม้แต่รัฐมนตรี เพราะเขาพร้อมที่จะเปิดโต๊ะเจรจาว่าเขาเดือดร้อนเรื่องอะไร และนั่นก็จะทำให้การเมืองใหม่กำลังจะตามมา" นายสุริยะใส ระบุ

 

นายสุริยะใสกล่าวในช่วงท้ายว่า หากมีแท็กซี่ที่มีพฤติกรรมไม่เหม่ะสม ขอให้จดเลขทะเบียนรถ และแจ้งที่การ์ดของพันธมิตร เพราะตอนนี้มีการขึ้นทะเบียนแทกซี่ที่จะให้บริการผู้ชุมนุมพันธมิตรแล้ว โดยขณะนี้มีแท็กซี่ให้บริการกว่า 200 คันแล้ว นายสุริยะใสกล่าวว่า ตอนนี้ได้ให้แทกซี่กลุ่มดังกล่าวตั้งเป็นชมรม เลือกหัวหน้ากลุ่ม จะมีการเปิดรับบริจาค เพื่อเป็น "วิทยุชุมชนแท็กซี่พันธมิตร" สู้กับกลุ่มแท็กซี่ของเนวิน

 

 

ตกดึกผู้ชุมนุมโผล่ปราศรัยเรียกร้องประหารชีวิตทักษิณและ 35 ครม.

สำหรับสถานการณ์ชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยล่าสุด เมื่อเวลา 00.40 น. นายบรรจง นะแส ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ควรไปได้แล้ว จะทรมานประชาชนไปถึงไหน ประชาชนมาชุมนุมวันละเป็นแสนยังไม่ไป ถ้าพวกเราเป่านกหวีด พี่น้องต่างจังหวัดจะมากันเป็นล้านมืดฟ้ามัวดิน ให้รู้ไปว่ารัฐบาลนี้จะหน้าด้านไปถึงไหน

 

นายบรรจงยังกล่าวว่า ขณะนี้นักรัฐศาสตร์ นักวิชาการ มึนไปหมดแล้ว เพราะการเปลี่ยนแปลงโดยพันธมิตรครั้งนี้ทำลายวิชารัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ย่อยยับ สื่อมวลชนยังล้าหลังบอกว่าผู้ชุมนุมถูกเกณฑ์มา ได้รับการจ้างมา ทั้งที่ตนเองอยู่ข้างเวที ดูตลอดเวลาว่าพี่น้องมารอบริจาคเป็นชั่วโมง คิวบริจาคยาวเหยียด ไม่รู้สื่อจะปิดหูปิดตาประชาชนไปถึงไหน สื่อไม่เป็นประชาธิปไตยจริง ยังอยู่กับทุนสามานย์ นักวิชาการ และนักเคลื่อนไหวทางสังคม ที่อยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ อ่านสื่อเดิมๆ ไม่มาลงพื้นที่ จึงไม่เข้าใจสิ่งที่พันธมิตรเสนอการเมืองใหม่

 

ในเวลา 02.28 น. มีการร้องเพลงเขาพระวิหารเป็นของไทย มีเนื้อหาบอกว่าเขาพระวิหารเป็นของไทย จังหวัดเสียมเรียบ พระตะบอง ซึ่งเป็นดินแดนของกัมพูชาเคยเป็นของไทย และในเวลา 2.50 น. มีผู้ชุมนุมคนหนึ่งเป็นคนไทยไปทำงานที่มาเลเซีย ได้ปราศรัยเป็นภาษากวางตุ้งและภาษาไทย ช่วงท้ายของการปราศรัยเขาได้เสนอให้มีการประหารชีวิต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ 35 คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน แบบกฎหมายมาเลเซีย โดยเขาให้เหตุผลว่าแม้เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ แต่ต้องใช้มาตรการนี้เพราะคนเหล่านี้เป็นคนชั่ว และบอกว่าจะไม่กลับไปทำงานที่บ้านถ้าไม่ชนะ

 

และ เวลา 03.10 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ได้กล่าวปราศรัย โดยเนื้อหาช่วงหนึ่งระบุว่า ศาสนาพุทธสอนว่าความดีชนะความชั่ว แต่ขณะนี้มีศาสนาเงินของระบอบทักษิณที่ความชั่วชนะเอาชนะความดี

 

โดยกำหนดการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยล่าสุด มีการนัดหมายไปชุมนุมดาวกระจายที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เขตปทุมวัน ในวันจันทร์ที่ 7 ก.ค. นี้ เวลา 10.00 น. และในวันพุธที่ 9 ก.ค. จะมีการไปชุมนุมยังสำนักงานอัยการสูงสุด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท