"เหมือนเบี้ยแลกขุน" สุริยะใสระบุจับ "ดา" พ่วง "สนธิ" ยอมไม่ได้

ศาลอนุมัติหมายจับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แล้วเมื่อวานนี้ (23 ก.ค.) ภายหลังตำรวจนครบาลเพิ่งจับกุม น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นผู้ต้องหาในคดีเดียวกันเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งยื่นคัดค้านการประกันตัว จนทำให้ น.ส.ดารณี ต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ

 

โดยเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 23 ก.ค. ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคำร้องของ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สิงห์ไกร รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน (รอง ผกก.สส.) สน.ดุสิต เรื่องขออนุมัติหมายจับนายสนธิ ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

 

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ณัฐนิติ หลุ๊ดหล๊ะ สารวัตรสืบสวนสอบสวน (สว.สส.) สน.ดุสิต ขึ้นเบิกความว่า ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ดูแลการบันทึกภาพและเสียงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ พบว่าเมื่อคืนวันที่ 20 ก.ค.2551 เวลา 21.45 - 22.15 น. นายสนธิได้ขึ้นปราศรัย โดยมีการกล่าวอ้างถึงเหตุการณ์ที่ น.ส.ดารณี กล่าวข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการบันทึกภาพและเสียงไว้ ก่อนจะถอดเทปเสนอผู้บังคับบัญชา และส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี

 

ขณะที่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ เบิกความว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานเบื้องต้นเห็นว่า คำพูดของนายสนธิเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยคดีมีอัตราโทษสูงเกินกว่า 3 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 (1) จึงเห็นสมควรขอให้ศาลอนุมัติหมายจับ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้ พนักงานสอบสวนได้ยื่นแผ่นวีซีดีบันทึกภาพการปราศรัยและบันทึกการถอดเทปคำปราศรัยของนายสนธิส่งศาลเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย

 

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า มีหลักฐานตามสมควรน่าเชื่อได้ว่านายสนธิกระทำผิดหรืออาจกระทำผิดกฎหมายอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกเกินกว่า 3 ปี จึงมีคำสั่งให้อนุมัติหมายจับตามคำร้อง และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งผลการดำเนินการตามหมายจับมาให้ศาลภายใน 7 วัน

 

 

"จงรัก" แจงมีคนร้องทุกข์-แนะให้มอบตัว

ต่อมา ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.)  และ พล.ต.ท.ภานุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้ร่วมกันแถลงข่าวการที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ นายสนธิ พร้อมแสดงหมายจับต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่า หากพบตัวนายสนธิที่ไหน ตำรวจสามารถจับกุมได้ทันที

 

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ตำรวจได้ตรวจสอบเทปวิดีโอพิจารณาตามเนื้อหาที่นายสนธิขึ้นปราศรัย และพบว่าน่าจะเข้าข่ายผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงสั่งการให้พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต นำหลักฐานเสนอต่อศาลอาญาเพื่อขอออกหมายจับ

 

"การออกหมายจับครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา นายสนธิได้ขึ้นเวทีพูดจาในลักษณะที่มิบังควร คดีนี้มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน จึงรวบรวมหลักฐานเสนอต่อศาล และศาลเห็นว่ามีมูลความผิด ทั้งนี้ขั้นตอนต่อไปตำรวจจะยังไม่ไปจับนายสนธิ แต่ต้องการให้นายสนธิเข้ามอบตัว จากนั้นก็ต้องสอบปากคำให้ความเป็นธรรมไปตามรูปคดีทุกประการ ส่วนการพิจารณาให้ประกันตัวหรือไม่นั้น ผบช.น.จะเป็นผู้พิจารณา" รอง ผบ.ตร.กล่าว

 

 

น.1 ลั่นไม่ให้ประกัน-ยึดมาตรฐาน "ดา"

ด้าน พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ได้รับการประสานทางโทรศัพท์จาก นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรว่า จะนำตัวนายสนธิเข้ามอบตัวสู้คดีและรับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน ในเวลา 09.00 น.วันที่ 24 ก.ค.นี้ที่ บช.น. ส่วนจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้นตอนนี้ยังตอบไม่ได้ ขอให้มามอบตัวก่อน เพราะนายสนธิมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง อยากให้มามอบตัวตามที่นัดหมายไว้ และยังไม่มีการต่อรองใดๆ

 

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว พล.ต.ท.อัศวิน ได้พูดในเชิงทิ้งเป็นปริศนาว่า "คนอย่างอัศวิน มีมาตรฐานเดียวกัน" ซึ่งน่าจะหมายถึงการไม่อนุมัติให้ประกันตัวในชั้นสอบสวนเช่นเดียวกับคดีของ น.ส.ดารณี

 

 

รองโฆษก ตร.อ้างป้องกันสังคมแคลงใจ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร. กล่าวถึงการออกหมายจับนายสนธิ ว่า กรณีนี้ตำรวจดำเนินการเหมือนกับกรณีของ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรอีกคนหนึ่ง และ น.ส.ดารณี หรือ "ดา ตอร์ปิโด" ที่ไม่ได้ออกหมายเรียกก่อน เพราะหากพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกก่อน คดีก็จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนโดยใช้ดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนเพียงฝ่ายเดียว แต่ตามกฎหมายความผิดฐานนี้มีโทษจำคุกเกิน 3 ปี พนักงานสอบสวนสามารถใช้อำนาจของศาลซึ่งเป็นองค์กรที่เป็นกลางในการพิจารณากับผู้ถูกกล่าวหาเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการสอบสวนได้

 

อย่างไรก็ดี เมื่อถูกถามถึงกรณี นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ซึ่งตำรวจใช้วิธีออกหมายเรียก พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า กรณีนั้นตำรวจสามารถใช้ดุลยพินิจในการออกหมายเรียกเพื่อให้คดีเข้าสู่กระบวนการสอบสวนได้ทันทีโดยไม่ต้องเกรงกลัวว่าตำรวจจะใส่ร้ายกลั่นแกล้งทางการเมือง เพราะสังคมไม่มีความคลางแคลงใจ แต่กรณีของ นายสนธิ นายสมเกียรติ และ น.ส.ดารณี หากตำรวจออกหมายเรียกโดยใช้ดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนเพียงฝ่ายเดียว อาจถูกกล่าวหาว่ากลั่นแกล้งผู้ถูกกล่าวหาได้ จึงเลือกวิธีออกหมายจับโดยให้ศาลใช้ดุลยพินิจแทน

 

พันธมิตรบุกจี้ ตร.สรุปคดี "จักรภพ"

วันเดียวกัน พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ประธานคณะกรรมการพลังแผ่นดิน กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วย พล.ร.อ.อรุณ เสริมสำราญ คณะกรรมการพลังแผ่นดิน และสมาชิกอีก 3 คน ได้เดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยืนหนังสือถึง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เร่งรัดการดำเนินคดีกับ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โดยมี พล.ต.ต.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองโฆษก ตร. ออกมารับหนังสือแทน

 

พล.อ.ปรีชา กล่าวว่า ต้องการถามหาบรรทัดฐานการดำเนินคดีกับนายจักรภพในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ว่าตำรวจทำคดีคืบหน้าไปถึงไหน ซึ่งหากภายในวันที่ 26 ก.ค.นี้ ตำรวจยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินคดี คณะกรรมการพลังแผ่นดินจะประชุมกันเพื่อกำหนดแนวทางเคลื่อนไหวและแจ้งให้ประชาชนรับทราบต่อไป

 

ด้าน พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร. กล่าวถึงคดีนายจักรภพว่า ตำรวจดำเนินการเหมือนกับคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงคดีอื่นๆ ซึ่งมีขั้นตอนการพิจารณาหลายขั้นตอน ขณะนี้อยู่ในขั้นของพนักงานสอบสวนกองปราบปรามดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งให้คณะกรรมการระดับกองบัญชาการ (กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง : บช.ก.) ลงความเห็น ก่อนส่งให้คณะกรรมการระดับ ตร. และ ผบ.ตร.ลงความเห็นในขั้นตอนสุดท้ายว่าสมควรสั่งฟ้องหรือไม่ ซึ่งคาดว่าทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามน่าจะรวบรวมพยานหลักฐานใกล้เสร็จสิ้นแล้ว

 

แหล่งข่าวจากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เปิดเผยว่า ทางกองปราบจะส่งสำนวนคดีนายจักรภพให้คณะกรรมการระดับ บช.ก.พิจารณาได้ภายในสัปดาห์หน้า

 

 

สุริยะใสแถลงยันสนธิไม่มีเจตนาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

ขณะที่บนเวทีการชุมนุมพันธมิตรปรชาชนเพื่อประชาธิปไตยสะพานมัฆวาน นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวเมื่อเวลา 18.00 น. สาเหตุที่ นายสนธิ ไม่เข้ามอบตัวในวันนี้ เพราะได้ข้อมูลที่ค่อนข้างเชื่อถือได้ว่า อาจมีการตุกติกของนายตำรวจบางนาย โดยอาจมีการกักขัง และอ้างว่า เลยเวลาราชการ จึงไม่สามารถส่งตัวให้ศาลได้

 

ทั้งนี้ ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ถึง 2 วัน ในวันพรุ่งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจสร้างเงื่อนไขขึ้นมาอีก ดังนั้น จึงอยากให้สื่อช่วยกันจับตามองฝ่ายการเมืองใช้ตำรวจกลั่นแกล้งหรือไม่

 

นายสุริยะใส กล่าวว่า เจตนารมณ์ของการเปิดโปงบันทึกการปราศรัยของ ดา ตอร์ปิโด นายสนธิ ระบุว่า ไม่สามารถเปิดซีดีได้ เพราะอาจผิดกฎหมาย ที่แสดงให้เห็นว่าไม่มีลักษณะของการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่เป็นการสรุปให้ตำรวจรีบดำเนินการ เพราะก่อนหน้านี้คดีอาญาของ นายจักรภพ เพ็ญแข ตำรวจไม่ได้ดำเนินการใดๆ

 

นอกจากนี้ แถลงการณ์ของพันธมิตรฯ เกือบ 10 ฉบับ ระบุชัดเจนว่า ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้น เมื่อดูเจตนาแล้ว ไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะไม่ให้ประกันตัว ส่วนกรณีที่ตำรวจมุ่งเล่นงาน ดา ตอร์ปิโด นั้น ตนไม่แน่ใจว่า พรุ่งนี้จะถือกรณีอ้างความชอบธรรมในการจับนายสนธิ และค้านการประกันตัวหรือไม่ นอกจากนี้ กรณีนี้ ดา ตอร์ปิโด ไม่ได้ดำเนินการเพียงคนเดียว ตำรวจจะสอบสวนและขยายความด้วยหรือไม่ เพราะมีวิทยุชุมชนคลื่นหนึ่งได้นำมาออกอากาศด้วย

 

นายสุริยะใส กล่าวว่า ประชาชนที่มาชุมนุม จะเห็นว่า ทั้ง 5 แกนนำทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีเจตนาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตรงข้ามกับรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรี ที่ออกมาจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ไม่ดำเนินการใดๆ อย่างไรก็ตาม ต่อจากนี้ ทางพันธมิตรฯจะต้องระวังมากขึ้น แต่ยังยืนยันเรื่องการปกป้องสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นจุดก่อตัวของพันธมิตรฯ

 

 

ตั้งข้อสงสัย "จงรัก" ยัน 8.00 น.ชุมนุมลานพระรูปเดินไป บชน.

นอกจากนี้ นายสุริยะใส ตั้งข้อสงสัยว่า พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อยู่เบื้องหลังกรณีนี้หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ กรณีเปิดลำโพงให้พันธมิตรฯ หรือการดำเนินการให้ผู้ปกครองของนักเรียน รวมทั้งคนของพรรคพลังประชาชน ร้องต่อศาลแพ่ง หากไม่เป็นความจริงขอให้ออกมาชี้แจง เพราะข้อมูลที่ได้มาเหล่านี้ มาจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอง

 

ขณะเดียวกัน ยังยืนยันด้วยว่า วันที่ 24 ก.ค.เวลา 08.00 น.พันธมิตรฯ จะไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า จากนั้นก็จะเดินทางไปให้กำลังใจนายสนธิ ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลอย่างแน่นอน

 

นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า วันที่ 25 ก.ค.นี้พันธมิตรจะไปชุมนุมที่สำนักงานของ ปตท. อย่างแน่นอนและทางพันธมิตรจะไม่จบเกม ตราบใดที่ยังไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะปกป้องอธิปไตยของชาติได้ และในวันที่ 12 ส.ค. พันธมิตรจะปรับขบวนเพื่อจัดงานเทิดพระเกียรติ ซึ่งระหว่างนี้จะมีการหารือกับแกนนำพันธมิตรอีกครั้ง

 

 

พันธมิตรหลั่งน้ำตาปลุกม็อบชุมนุม 9.00 น. วันนี้ลานพระรูป

สำหรับบรรยากาศเวทีพันธมิตรเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ และ น.ส.จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ พิธีกรเวทีพันธมิตร กล่าวปราศรัยทั้งน้ำตาบนเวที เชิญชวนคนที่รักนายสนธิให้มาร่วมชุมนุม ภายหลังศาลออกหมายจับนายสนธิข้อหาหมิ่นเบื้องสูง

 

น.ส.สโรชากล่าวว่า นายสนธิจะไปมอบตัวเช้าวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ และขอให้กลุ่มพันธมิตรไปให้กำลังใจนายสนธิ ที่จะเข้ามอบตัวที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยขอให้มารวมตัวกันมากๆ ในเวลา 09.00 น. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า

 

ปานเทพลั่นถ้ามีความรุนแรงเกิดขึ้น รัฐบาลต้องรับผิดชอบ

นอกจากนี้เมื่อผู้ปราศรัยกล่าวถึงกรณีนายสนธิ ผู้ร่วมชุมนุมต่างก็โห่ร้องและปรบมือด้วยเสียงอันดัง ขณะที่นายอมร รัตนานนท์ พิธีกรบนเวทีระบุว่า การชุมนุมในวันพุร่งนี้จะเป็นการชุนุมโดยสงบ อหิงสา แต่หากตำรวจไม่ปล่อยตัวนายสนธิภายใน 48 ชม. รัฐบาลต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

 

และเขายังกล่าวว่าการชุมนุมวันพรุ่งนี้ให้ระวังมีผู้ไม่หวังดีก่อความวุ่นวาย ขอให้ผู้ชุมนุมเชื่อเฉพาะแกนนำบนรถปราศรัย ส่วนนายปานเทพ พัวพงศ์พันธุ์โฆษกบนเวทีกล่าวว่า ความรุนแรงหากเกิดขึ้นไม่ใช่ฝีมือพวกเรา รัฐบาลต้องรับผิดชอบ

 

 

พล.อ.ปฐมพงษ์ อ้าง พล.อ.อนุพงษ์ ยืนเคียงข้าง

ขณะที่ในเวลา 20.30 น. พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด ได้ขึ้นเวทีอีกครั้งเริ่มกล่าวว่า เพิ่งไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ มารดาของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่วัดสมนัสวิหาร และได้คุยกันในฐานะทหารเสือพระราชินี กรณี น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล โดย พล.อ.ปฐมพงษ์อ้างว่า พล.อ.อนุพงษ์ บอกว่า "ผมเข้าใจพี่ ผมยืนอยู่ข้างพี่"

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการยืนยันเรื่องนี้จาก พล.อ.อนุพงษ์

 

พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า อยากบอกว่ารู้จัก พล.อ.อนุพงษ์ มานานในเรื่องความสุขุมรอบคอบ และว่า การเป็นระดับผู้บัญชาการก็เปรียบเหมือนเรือใหญ่จะขยับแต่ละทีลำบาก และว่า "กรณีของนางดารณี คนแบบนี้ให้เกิดขึ้นอีกไม่ได้แม้แต่คนเดียว"

 

 

ลั่นจัดการพวกหมิ่นโดยเร็ว

จากการที่มีคณะกรรมการพลังแผ่นดิน ผมได้รับข้อมูลว่ามี สถานีวิทยุ เวบไซต์ และบุคคลที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพจำนวนมาก โดยจะมอบข้อมูลและหลักฐานทั้งหมดให้กับคณะกรรมการพลังแผ่นดิน และมอบให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด มีหลักฐานพร้อม ถ้าไม่ดำเนินการถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต้องถูกดำเนินคดีตามมาตรา 157

 

"ขอบคุณคุณสนธิ และเอเอสทีวีที่ช่วยทำให้หน่วยงานของรัฐไม่กล้าละเลย จับกุมนางดารณี และผมขอยืนยันถวายชีวิตเพื่อพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระราชินี รวมทั้งยืนข้างพวกท่านตลอดไป" พล.อ.ปฐมพงษ์ ระบุและย้ำว่า "ในวันพรุ่งนี้ (23 ก.ค.) ผมจะไปที่ลานพระรูปฯ จะไปกับพวกท่านเพื่อยืนยันเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ของพวกเราและคุณสนธิ เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์"

 

พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า ขอให้นึกถึงพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 6 ที่พวกเราพี่น้องทหารได้ยึดถือว่า หนทางไปสู่เกียรติศักดิ์หอมหวลด้วยดอกไม้ แต่ไม่ได้มาง่ายๆ และต้องรักษาและหวงแหนเอาไว้ แต่ใครที่ไม่รักษาดินแดน เอาไปมอบให้คนอื่น คนแบบนั้นไม่สมควรอยู่ในแผ่นดินนี้ และขอประกาศให้คนไทยทั่วโลกให้รับรู้ว่าพวกเราจะไม่ยอมให้ใครมาหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันขาด และย้ำว่าพลังของเราเป็นพลังแผ่นดินที่คนคิดชั่วยังเกรง

 

 

แกนนำขึ้นเวที ไร้เงา "สนธิ" สมเกียรติชี้ประเทศไทยเกิดรัฐตำรวจ

 

ต่อมาเป็นการปราศรัยของแกนนำพันธมิตรยกเว้นนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ไม่มายังที่ชุมนุม โดยเมื่อเวลา 21.30 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ได้กล่าวปราศรัยโจมตีการทำงานของตำรวจว่า ปัจจุบันกลายเป็นรัฐตำรวจไปแล้ว เพราะมีหลายคดีที่เกี่ยวกับคดีหมิ่น แต่ตำรวจกลับไม่ทำอะไร แตกต่างจากคดีนายสนธิที่มีการออกหมายจับโดยเร็ว ทั้งที่ไม่มีเจตนาหมิ่นสถาบันแต่อย่างใด แต่ต้องการออกมาปกป้องสถาบัน

 

หลังจากนั้น นายสมเกียรติ ได้อ่านประกาศพันธมิตรฉบับที่ 6/2551 เรื่อง คำแนะนำในเรื่องการจัดเวทีชุมนุม ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย โดยมีเนื้อหาว่าจากการที่เวทีชุมนุมของพันธมิตรฯในต่างจังหวัดถูกคุกคาม แต่ตำรวจกลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จึงแนะนำให้ประชาชนดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และให้พิจารณางดจัดเวทีในพื้นที่ที่ไม่สามารถพึ่งพาตำรวจได้ และขอให้มาชุมนุมที่ กทม. อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกคนรอฟังการเป่านกหวีดครั้งใหญ่ในเร็วๆ นี้

 

 

จำลองอ้างบทความมติชนคนเบื่อละครน้ำเน่าแห่ชม ASTV

ขณะที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำกล่าวว่าหนังสือพิมพ์มติชนรายวันเขียนบทความว่าเป็นการรวมตัวกันเพื่อสร้างการเมืองภาคประชาชนที่กำลังมีอิทธิพลอย่างมากอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งยังมีการใช้การถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ไปทั่วประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกำลังเป็นที่นิยมกันอย่างยิ่งในหมู่คนที่เบื่อหน่ายละครนํ้าเน่า

 

พล.ต.จำลอง ยังกล่าวถึงกรณีหมายจับนายสนธิว่า คนที่ปกป้องสถาบันกลับถูกกล่าวหาว่าหมิ่นสถาบัน ตำรวจเอาหัวสมองไปไหน ตอนที่นายสนธิปราศรัยก็ไม่ได้เปิดเทปการปราศรัยของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล การที่ตำรวจทำเช่นนี้ จะสั่งให้ประชาชนหุบปากทั้งประเทศหรืออย่างไร อีกหน่อยก็จะไม่มีใครกล้าบอกว่าใครหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพราะกลัวว่าตำรวจจะจับติดคุก

 

 

พิภพยืนยันสนธิไม่หมิ่น เป็นการบอกตำรวจว่าเกิดอะไรขึ้น

ด้านนายพิภพ ธงชัยขึ้นปราศรัย กล่าวว่า สิ่งที่นายสนธิพูดจะเห็นได้ว่า พูดทั้งหมดเพื่อปกป้องสถาบันที่รักที่สุดของนายสนธิและพวกเรา การมาบอกกับสาธารณะว่ามีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและก้าวล่วงพระราชอำนาจในเว็บไซต์ หน้าสิ่งพิมพ์ต่างๆ รวมทั้งการพูดของ นปก. และกลุ่มอื่นๆ ที่สนามหลวง ก็เป็นหน้าที่เราที่จะต้องมาบอกตำรวจว่าเกิดอะไรขั้น ซึ่งนายสนธิก็ทำหน้าที่นี้ และตั้งคำถามกับรัฐบาลทำอะไรอยู่ถึงปล่อยเว็บล่วงละเมิดทำอย่างต่อเนื่อง ปิดๆ เปิดๆ รัฐบาลมีหน้าที่ต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

 

"ฉะนั้น ในวันนี้เมื่อรัฐบาลได้จับคนที่มีข้อหลักฐานว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปแล้วก็ขออำนาจศาลสั่งจำคุก ขณะที่นายสนธิมาบอกเล่าเรื่องนี้ ตำรวจมาอ้างว่าใช้มาตรฐานเดียวกันกับกรณีน.ส.ดารณี คือจะขอให้ศาลสั่งจำคุกต่อ มันไม่สมเหตุสมผล คนละกรณีกัน คนหนึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่าอาจจะหมิ่นฯ แต่อีกคนมาบอกว่าคนนั้นกำลังหมิ่นฯ ใช้มาตรฐานเดียวกันได้หรือ" นายพิภพ กล่าว

 

นายพิภพกล่าวว่าถ้า 5 แกนนำ ถูกจับพี่น้องจะไม่หยุดต่อสู้ใช่หรือไม่ ตราบใดที่เรายังไม่สามารถจัดการกับรัฐบาลที่เป็นรัฐตำรวจออกไปได้ใช่หรือไม่ นี่เป็นขบวนการที่มีแผนหาช่องทาง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ไม่ได้พูดก้าวล่วงอะไรเลย ตำรวจก็สั่งจับไม่มีหมายเรียกเลย รวมทั้งกรณีของนายสนธิวันนี้ด้วย ก็ออกคำสั่งจับทันที แต่ขณะคนก่อนหน้านั้นมีการพูดเป็นหลักฐานที่ชี้ชัดได้ว่าหมิ่นเหม่ฯ แล้วเราอ่านก็รู้สึกว่าเป็นการหมิ่นฯจริงๆ ตำรวจกลับไม่มีแม้แต่หมายเรียกหมายจับ แล้วตอนนี้คดีก็ไม่รู้ว่าไปถึงไหน อย่างนี่ถือว่าเลือกปฏิบัติ

 

 

ขู่ตำรวจกระทำการมิชอบโทษถึงคุกตลอดชีวิต

นายพิภพ กล่าวต่อว่า เชื่อว่าถ้านายสนธิยืนตรงนี้ก็จะบอกว่า ไม่ต้องหวั่นไหว เมื่อตัวนายสนธิถูกจับ นายสนธิเคยบอกว่าแม้นชีวิตก็ยอมพลีเพื่อรักษาราชบัลลังก์ ฉะนั้นนายสนธิก็จะยืนยันกับพวกเราว่าอย่าท้อแท้ท้อถอย เพราะนายสนธิจะยืนสู้กับพวกเราอย่างถึงที่สุด แต่หน้าที่ของพวกเราจะต้องป้องคนบริสุทธิ์อย่างนายสนธิ ลิ้มทองกุลชี้ให้สังคมเห็นว่าตำรวจกำลังใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม ใช้กฎหมายผิด อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้ ตำรวจอาจจะกลั่นแกล้งถึงแม้จะไปมอบตัวและให้การเรียบร้อย อาจจะอ้างต่อศาลว่าขอขังต่ออีก 48 ชั่วโมง และเมื่อเสร็จ 48 ชั่วโมงก็จะอ้างต่อขอขังต่อจนกว่าจะนำเรื่องขึ้นสู่ศาล

 

"ถ้าตำรวจทำอย่างนั้น ตำรวจจะหมดซึ่งศักดิ์ศรีของตำรวจ และถือว่าเป็นตำรวจที่รับใช้นักการเมืองอย่างสุดๆ ตำรวจต้องระวัง ว่าตำรวจไม่ได้มีอำนาจล้นฟ้าที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ ข้อที่ควรระวังมากที่สุดว่าถ้าตำรวจทำเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและไม่ชอบต่อเหตุ ตำรวจจะถูกจับติดคุกเช่นเดียวกัน" นายพิภพ กล่าว

 

นายพิภพ กล่าวต่อว่า การทำความผิดในคดีอาญาต้องถือเจตนาในคดีเป็นสำคัญ ถามหน่อยว่านายสนธิมีเจตนาหรือเปล่า แต่ที่ผ่านมายืนหยัดกับการรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ นายสนธินำเรื่องนี้มาพูดไม่ได้เป็นการหมิ่นฯ เห็นเจตนาชัดเจนว่าต้องการพิทักษ์สถาบันและพระบรมเดชานุภาพ หากถูกตำรวจกลั่นแกล้งในเรื่องนี้ ก็จะดำเนินคดีอาญากับตำรวจผู้นั้น ตามกฎหมายอาญา มาตรา 200 ซึ่งมีโทษจำคุกตลอดช่วิตหรือจำคุกตั้งแต่ 10-20 ปี เรามีข้อกฎหมายที่จะสู้กับตำรวจ ถ้าไม่ให้ความเป็นธรรมกับนายสนธิ ฉะนั้นตำรวจอย่าถือดีว่าตัวเองถือกฎหมายอยู่ในมือ ไม่ได้ถือกฎหมายฝ่ายเดียว เราก็มีกฎหมายอยู่ในมือเหมือนกัน

 

ทั้งนี้ นายพิภพได้ระบุถึงข้อบัญญัติของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 200 ด้วยว่า "ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการ อย่างใดๆ ในตำแหน่งอันการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใด มิให้ต้องโทษหรือให้รับโทษน้อยลงต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือน ถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

 

ถ้าการกระทำหรือไม่กระทำนั้นเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลหนึ่ง บุคคลใดต้องรับโทษ รับโทษหนักขึ้น หรือต้องถูกบังคับตามวิธีการ เพื่อความปลอดภัยผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือ จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท

 

 

ลั่นสถานการณ์ได้สร้างวีรบุรุษชื่อสนธิ และสมเกียรติแล้ว

นายพิภพ กล่าวว่า สถานการณ์ย่อมสร้างวีรบุรุษ และวีรสตรี วันนี้สถานการณ์ได้สร้างวีรบุรุษที่ชื่อ สนธิ ลิ้มทองกุล และสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เหลืออีก 3 แกนนำฯ กับอีก 1 ผู้ประสานงานฯ ซึ่งเราก็โดนกันไปคนละ 5 คดีแล้ว และศาลนัดไต่สวนครั้งแรกวันที่ 28 ก.ค.นี้ เป็นคดีที่ฟ้องที่ชัยภูมิ และฉะเชิงเทรา แต่เราก็ไม่หวั่นไหว

 

นายพิภพย้ำว่า ถึงแม้ 5 แกนนำฯ จะอยู่ในคุก เราก็จะไม่ยอมให้พี่น้องเจ็บตัว เราจะใช้สงบ สันติ อหิงสา นอนลง และถ่ายรูปตำรวจที่เข้ามาจับเรา แล้วแกนนำฯก็จะยอมให้ถูกจับ แต่ทันทีที่ 5 แกนนำฯถูกจับ จะมีการแต่งตั้ง 5 แกนนำฯ ใหม่นำพี่น้องต่อสู้ต่อไป ฉะนั้นวันนี้ไม่มีความหวั่นไหวใดๆ เพราะเรากำลังสู้กับอธรรม เรามีธรรมะอยู่ในหัวใจ เราสงบ สันติ อหิงสา ก็ให้รู้กันไปว่าบ้านเมืองนี้ธรรมะจะชนะอธรรมได้หรือไม่

 

นายพิภพ กล่าวด้วยว่า การศึกที่งวดเข้ามา ย่อมจะมีการดิ้นรนของศัตรูซึ่งเป็นฝ่ายอธรรม ซึ่งก็คือรัฐบาลและตำรวจเริ่มเห็นการคุกคามไปตามต่างจังหวัด เห็นชัดว่าฝ่ายรัฐบาลกำลังดิ้นอย่างสุดฤทธิ์โดยใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ ปล่อยไปได้ยังไง อย่างที่เวทีจังหวัดมหาสารคาม ให้รถบรรทุกเข้าไปชนเวที และใช้หนังสติ๊กยิงนายการุณ ใสงาม บาดเจ็บ แต่ตำรวจกลับนิ่งเฉย แสดงว่าตำรวจยอมเป็นขี้ข้าของรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลสร้างรัฐตำรวจขึ้นมาข่มขู่ประชาชนแล้ว พันธมิตรฯ ขอเชิญชวนพี่น้อง ถ้าที่ไหนตำรวจไม่ดูแลความปลอดภัย ให้มารวมตัวกันที่มัฆวานฯ ได้เลย

 

 

สมศักดิ์ให้กำลังใจผู้ชุมนุมให้หัวเราะเลิกร้องไห้

นายสมศักดิ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวกับผู้ชุมนุมว่า ร้องไห้น้ำตาไหลทำไม หัวเราะสิ ไปกลัวอะไรกับความไม่ยุติธรรม ในเมื่อเราเป็นผู้แสวงหาความยุติธรรม คนดีไม่มีวันพ่ายแพ้คนชั่ว เชื่อสิครับ อย่าสงสัย เปลี่ยนความรู้สึกนั้นให้เป็นพลัง ถึงไหนถึงกัน เท่าไหร่เท่ากัน ตาต่อตา ฟันต่อฟันมาสู้กัน พวกเราไม่ทอดทิ้งกัน ตาย ตายด้วยกัน ชนะ ชนะด้วยกัน ติดคุก ติดคุกด้วยกัน

 

กรณีที่เขาออกกฎเกณฑ์มาให้จับนายสนธิ เพราะต้องการทำให้พวกเราขวัญเสีย เพื่อจะทำให้พวกเราอ่อนแอ ดังนั้น เราจะเดินหน้าต่อสู้ต่อไป ส่วนพี่น้องพันธมิตรฯ ในต่างจังหวัด ขอให้เตรียมพร้อมเอาไว้ เพราะโอกาสที่เราจะแสดงพลังเพื่อที่จะจัดการกับคนเหล่านั้น มันใกล้ที่จะถึงแล้ว ฉะนั้นจึงอยากให้พี่น้องพันธมิตรฯ เข้มแข็งเอาไว้ และมั่นใจในว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ เราจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน

 

ก่อนที่นายสุริยะใส กตะศิลาจะขึ้นปราศรัย ได้มีการอ่านบทกวีโดยนายวสันต์ สิทธิเขตต์ และมีการแสดงมายากลคณะซุปเปอร์จิ๋ว โดยน้องกัน และน้องเกมนักเรียนชั้น ป.5 คั่น เมื่อการแสดงจบลง นายอมร อมรรัตนานนท์ โฆษกบนเวที ได้กล่าวว่า ผู้ชายที่มีปัญหาน่าจะปรึกษาน้องเกม เพราะแม้แต่เชือกน้องเขายังทำให้แข็งได้ ทำให้นายสำราญ รอดเพชร โฆษกอีกคนหนึ่งปรามว่า แบบนี้ไม่ค่อยสร้างสรรค์

 

 

สุริยะใสขึ้นเวทีชี้หมายจับ "สนธิ" มีนัยยะสำคัญ เหมือนได้เวลาเชือดแล้ว

ต่อมาในเวลา 00.20 น. ของวันที่ 24 ก.ค. นายสุริยะใส ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัย โดยตั้งข้อสงสัยกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯว่า การออกหมายจับมีนัยยะสำคัญ เพราะทันที่ศาลอนุมัติหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยกโขยงมานั่งแถลงข่าว ประหนึ่งเป็นชัยชนะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่สามารถดำเนินคดีกับนายสนธิ ได้

 

นายสุริยะใส กล่าวว่า ถ้อยแถลงที่ออกมาจากปากของ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุจะใช้มาตรฐานเดียวกับน.ส.ดารณี เชิงชาญศิลปกุล หรือ "ดา ตอร์ปิโด'" สมาชิก นปก. เป็นสิ่งที่พันธมิตรฯ ยอมรับไม่ได้ ตำรวจต้องใช้ดุลพินิจอยู่บนความเที่ยงธรรม ไม่เลือกปฏิบัติหรือกลั่นแกล้ง โดยเฉพาะผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งตามหลักกฎหมายยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์

 

"ถ้อยแถลงดังกล่าว ระบุชัดเจนว่า ตำรวจไม่สนใจมูลเหตุและพฤติการณ์แห่งคดี โดยเฉพาะที่มาที่ไประหว่างคำพูดของนายสนธิ กับดา ตอร์ปิโด จึงไม่แปลกที่ ตำรวจไปยื่นขอหมายจับต่อศาล โดยที่พันธมิตรฯไม่ทราบ ซึ่งหากรู้ล่วงหน้า ก็มีสิทธิ์คัดค้านการออกหมายจับ สามารถทำความเห็นชี้แจงต่อศาลว่า คำขอหมายจับจากตำรวจไม่ชอบอย่างไร แต่การดำเนินการของ สตช.เป็นไปแบบลุกรี้ลุกรน รวบรัดตัดตอน ประหนึ่งว่า เวลาเชือดนายสนธิมาถึงแล้ว" ผู้ประสานพันธมิตรฯ กล่าว

 

นอกจากนี้ นายสุริยะใส ตั้งข้อสงสัยอีกว่า พล.ต.อ.จงรัก อยู่เบื้องหลังกรณีนี้หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ ทั้งกรณีเปิดลำโพงโต้ตอบพันธมิตรฯ หรือการดำเนินการออกแบบให้ผู้ปกครองของนักเรียน รวมทั้งคนของพรรคพลังประชาชน ร้องต่อศาลแพ่ง เป็นเพราะถูกวางตัวจากนายใหญ่ให้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่หรือไม่ จึงจำเป็นที่จะต้องลงมาบัญชาการด้วยตัวเอง ทั้งที่ความจริงตามหน้าที่สายงานไม่เกี่ยวข้องกันเลย หากไม่เป็นความจริงขอให้ออกมาชี้แจง เพราะข้อมูลที่ได้มาเหล่านี้ มาจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอง

 

 

ยืนยันสนธิไม่หมิ่น เปรียบเทียบเหมือนบอกตำรวจจับขโมย

ขณะเดียวกัน นายสุริยะใส ได้ย้ำเจตนารมณ์ของการเปิดโปงบันทึกการปราศรัยของ ดา ตอร์ปิโด ว่า นายสนธิ ระบุชัดเจนว่า ไม่สามารถเปิดซีดีได้ เพราะอาจผิดกฎหมาย แสดงให้เห็นว่าไม่มีลักษณะของการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่เป็นการสรุปให้ตำรวจรีบดำเนินการ เพราะก่อนหน้านี้คดีอาญาของ นายจักรภพ เพ็ญแข ตำรวจไม่ได้ดำเนินการใดๆ สิ่งที่นายสนธินำมาพูดบนเวที เหมือนคนๆ หนึ่งกำลังชี้หน้าคนๆ หนึ่งให้ตำรวจจับว่าผิดซึ่งหน้า ขโมยทรัพย์สินคนอื่น ให้ตำรวจจับคนขโมย ไมใช่มาจับคนที่ชี้นิ้วว่าใครเป็นโจร ทำให้เชื่อถือกระบวนการยุติธรรมสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้แล้ว

ถ้าเขาไม่ให้ประกันตัว เราชุมนุมหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลดีไหม จะได้รู้กันพรุ่งนี้ ถ้าตำรวจตุกติกกับเรา และนายสุริยะใสยืนยันว่าผู้ชุมนุมที่ชุมนุมจะไม่มีการกดดันศาล มีแต่จะให้กำลังศาล เพราะพันธมิตรเป็นวัคซีนที่ดีของกระบวนการยุติธรรม ว่าจะไม่มีสิ่งแปลกปลอมไปทำลายล้างกระบวนการยุติธรรม

 

 

โบ้ยข้อหาหมิ่นใช้กับ นปก. เท่านั้น ตั้งข้อสังเกตคนปรบมือเวลา "ดา" ปราศรัย

นายสุริยะใสยังให้ความเห็นว่า "คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต้องใช้กล่าวหากับฝ่าย นปก. ไม่ใช่ฝ่ายพันธมิตรฯ แกนนำผู้ปราศรัยบนเวทีไม่มีข้อคลางแคลงใจแม้แต่น้อยว่าไม่จงรักภักดี กรณีของ "ดา ตอร์ปิโด" เชื่อหรือว่าดำเนินการตามลำพังคนเดียว อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้ แม้แต่ผมดูแล้วยังขนลุก ไม่สามารถฟังจบได้ เป็นถ้อยความที่รุนแรงมาก

 

"ที่น่าสนใจระหว่างที่นังดาปราศรัย ถ้าคนนั่งฟังจงรักภักดีด้วย ถ้าพูดจาหมิ่นเหม่พี่น้องต้องชี้หน้า ขว้างปาสิ่งของ ไล่ลงเวที แต่การกลับตรงกันข้าม ฝั่งโน้นไชโยโห่ร้อง ชอบใจ ไม่มีใครห้ามให้หยุด สาระที่นังดารณีพูดไม่ได้จบที่เวทีนั้นที่เดียว มีการขยายความในเครือข่าย มีการเปลี่ยนภาษา สาระ ไปออกรายการสดในวิทยุชุมชน แม้แต่ออกในพีทีวี เรามีหลักฐานและเตรียมดำเนินคดีกลับภายในสัปดาห์นี้"

 

 

สุริยะใสลั่นยอมไม่ได้เอาเบี้ยแลกขุน

นายสุริยะใสยังกล่าวต่อว่า แต่ตำรวจทำได้เพียงแค่จับ "ดา ตอร์ปิโด" ไม่สามารถสาวไปถึงขบวนการ เครือข่าย แม้แต่คนบงการข้างหลัง กรณีนายจักรภพ และดา ตอร์ปิโด เป็นแค่เบี้ยในหมากกระดาน ไม่ใช่ขุน ม้า เรือ เขายอมเสียได้ เขาเอาเบี้ยมาแลกกับขุนอย่างสนธิ พี่น้องยอมได้ไหม เสียขุนได้กินเบี้ยเราไม่ยอม เรื่องนี้มีนัยยะสำคัญ ถ้าเขาบรรลุจุดมุ่งหมาย ให้ตำรวจกลั่นแกล้ง สมเกียรติ สนธิ ซึ่งไม่รู้จะไปถึงแกนนำคนอื่นไหม เพราะทยอยโดนคดีเป็นว่าเล่น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผมไม่ขึ้นเวทีนะ หลังๆ จึงเลือกมาร้องเพลงแทน เพราะมีไอ้บ้าคนไหนมาเลือกจับ "ตั้ว ศรันยู" ไหม มันน่าอิจฉาจน "ปานเทพ" (พัวพงศ์พันธุ์) ต้องมาร้องเพลงบ้างล่ะ

 

 

ลั่นแกนนำถูกจับมีแกนนำชุดใหม่ ตายสิบเกิดแสน

ถ้าแกนนำทั้ง 5 ถูกจับ ก็มีแกนนำรุ่นสอง เราเตรียมไว้แล้ว รุ่น 2 เท่าที่ดูหน้าตาฮาร์ดคอร์ทั้งนั้น หนักๆ ทั้งนั้น อยากเจอของดีใช่ไหม ขบวนการต่อสู้เราในวันนี้เรียกว่าตายสิบเกิดแสนพอมีข่าวว่าถูกออกหมายจับ คนทยอยมาเรื่อยๆ ตีสี่ตีห้าไม่มีที่นั่งแล้ว ยกเว้นข้างหน้าจะลุกกลับเสียก่อน นายสุริยะใสกล่าว

 

นายสุริยะใสยังกล่าวในช่วงท้ายว่า ตำรวจได้เปลือยธาตุแท้ว่าเลือกปฏิบัติ กลั่นแกล้ง พันธมิตรทุกวิถีทาง แต่ผมเชื่อว่าศาลสถิตย์ยุติธรรมเข้าใจเจตนารมย์ของพวกเรา และจะอนุญาตให้ประกันตัวนายสนธิ ลิ้มทองกุล

 

นายสุริยะใสยังกล่าวว่า ขณะนี้มีการสร้างสถานการณ์ให้วุ่นวายในที่ชุมนุมพันธมิตรแต่ละจังหวัด เพื่อให้คนบางคนได้ลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ

 

 

ภูวดลขู่ ไม่มีความยุติธรรมให้สนธิ ประเทศจะนองเลือด

ในเวลา 01.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค. ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า วันนี้พี่น้องได้เเห็นธาตุแท้ของระบบขายชาติ ขายอธิปไตย และลบหลู่สถาบันอย่างเต็มที่ และรัฐตำรวจกำลังก่อตัวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ถ้าประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรมให้กับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ผมนับถือคุณสนธิเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง ถ้าประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรมให้นักสู้ผู้ศรัทธาในสถาบันพระมหากษัตริย์ ประเทศนี้ต้องนองเลือดแน่นอน

 

เขายังยืนยันว่านายสนธิเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่น้อยกว่าไอ้หน้าไหนในประเทศนี้ แล้วจะเชื่อข้อหาบิดเบือนจากตำรวจซึ่งเป็นสุนัขรับใช้ไอ้หน้าเหลี่ยมก็แล้วไป แต่น้ำเมื่อมันถูกต้มมาเรื่อยๆ ตั้งไฟมาถึง 60 วัน ทำให้เนื้อในหม้อมันละเอียดแล้ว เช่นเดียวกับการต่อสู้ของพันธมิตรฯ ซึ่งถูกบ่มเพาะมานานแล้ว ฉะนั้นวันนี้พี่น้องคือนักรบกู้ชาติ กู้ประชาธิปไตย โดยเป็นนักรบที่พร้อมจะหลั่งเลือด เพื่อต่อสู้กับระบบทุนนิยมสามานย์

 

นอกจากนี้ ศ.ดร.ภูวดล ยังกล่าวว่า เมื่อตอนเป็นนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 ได้ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าเมื่อเข้ามาเรียนแล้วจะสร้างความเจริญให้ประเทศนี้ให้ได้ แต่เมื่อจบออกมากลับต้องพบกับความสามานย์ มีนักการเมืองและนายทุนเลวๆ

 

เขากล่าวว่า ถ้าพันธมิตรสามารถถ้าเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้จะเปลี่ยนเครื่องแบบตำรวจจากสีกากีเป็นสีเหลือง เขายังตั้งคำถามว่าพี่น้องมียางอายไหม อายชาวโลกไหม ที่ประเทศนี้มีมือถือดาวเทียม แต่คนถูกนักการเมืองหลอกเหมือนควาย

 

 

เรียกร้องประชาชนหร่วมพันธมิตร เปลี่ยนประเทศนี้ได้ก่อนสิ้นเดือนถือเป็นพระคุณ

ศ.ดร.ภูวดล เรียกร้องให้ประชาชนทั่วพระราชอาณาจักรหลั่งไหลกันมาชุมนุมกับพันธมิตร โดยเฉพาะพี่น้องชาวใต้มาได้แล้วครับ พี่น้องชาวใต้ในกรุงเทพมหานคร จังหวัดใกล้เคียง และทั้ง 14 จังหวัด ไม่ให้พวกควายมันปกครองอีกต่อไป ชาวใต้กู้ชาติกู้แผ่นดินมาตลอด และเขาเรียกร้องให้พี่น้องเชื้อสายจีนทุกคนกรุณาให้ลูกหลานของท่านเลิกทำธุรกิจชั่วคราว มาร่วมชุมนุมเพื่อทำการล้างประเทศนี้ให้มันใสสะอาดได้เสียที

 

เขายังกล่าวว่าชาวไทยเชื้อสายลาว มอญ จีน มาเลย์ ล้วนเคารพราชวงศ์จักรีเหมือนกันหมด แต่วันดีคืนดีคนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์กลับถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี แล้วพี่น้องจะนั่งอยู่เป็นควายให้เขาสนตะพายได้อย่างไร ต่างจังหวัดเลิกจัดได้แล้ว แพ็กกระเป๋าเข้ามากรุงเทพมหานครเป็นหมื่นเป็นล้า น ถ้าสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ก่อนสิ้นเดือนนี้จะเป็นพระคุณกับลูกหลานของเรา พี่น้องต้องท้าทายความอยุติธรรมของประเทศนี้ได้แล้วตั้งแต่วินาทีนี้ ศ.ดร.ภูวดลกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท