ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 29 กรกฎาคม 2551





เศรษฐกิจ

 

บินไทยอ่วมไตรมาส 2 ขาดทุน 4.1 พันล้าน

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - แหล่งข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นางจินดา เทพพัตรา ที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ ปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้มีหนังสือลงวันที่ 14 ก.ค.2551 ถึงนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะรองประธานกรรมการการบินไทย ระบุว่า จากการติดตามผลการดำเนินงานของการบินไทย พบว่าเริ่มประสบปัญหาเกี่ยวกับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 โดยการบินไทยเริ่มขาดทุนเมื่อเดือนพ.ค.จากประมาณการเบื้องต้นคาดว่าจะมีผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของปี 2551 ที่มีรายได้รวม 47,540 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 51,723 ล้านบาท ส่งผลให้มีผลขาดทุนสุทธิ 4,183 ล้านบาท

 

สาเหตุหลักของผลการขาดทุนมาจากรายได้เพิ่มขึ้นเพียง 6% น้อยกว่าค่าใช้จ่ายรวม เนื่องจากเป็นช่วงโลซีซัน และอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาคืออยู่ที่ 75% ขณะที่ค่าน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นถึง 5,764 ล้านบาท คิดเป็น 40% จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นต่อเนื่อง และไม่สามารถปรับค่าธรรมเนียมพิเศษเพื่อชดเชยค่าน้ำมันได้ทันกับราคาที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการบินไทยได้เปลี่ยนนโยบายการตัดค่าเสื่อมราคาของเครื่องบินจาก 20 ปี เป็น 15 ปี ทำให้ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นกว่า 1,500 ล้านบาท

 

นอกจากนั้น การบินไทยยังถูกกลุ่มผู้ใช้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ รวม 35 ราย ร่วมกันฟ้องร้องต่อศาลแพ่งแห่งมหานครนิวยอร์ก กล่าวหาว่า การบินไทยร่วมกับสายการบินอื่นอีก 38 สายการบิน กำหนดราคาค่าธรรมเนียมพิเศษเพื่อชดเชยค่าน้ำมัน และค่าธรรมเนียมอื่นๆ อันเป็นการละเมิดต่อกฎหมายป้องกันการค้าที่ไม่เป็นธรรมของประเทศสหรัฐ (Sherman Act or Antitrust Law) และกฎหมายประชาคมยุโรป (EU Law)

 

ขณะที่การบินไทยยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดนโยบาย การบริหารจัดการ มาตรฐานและวิธีการปฏิบัติงานที่สามารถทำได้จริงตามที่กำหนดไว้ในแผนกลยุทธ์ โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างองค์กร รวมถึงโครงสร้างเงินเดือนที่รวมภาษีที่มีความล่าช้า และแผนปฏิบัติการในเรื่องการบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ และบูรณาการทั้งในเรื่องราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย

 

รวมทั้งบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด ซึ่งการบินไทยถือหุ้น 39% ก็ขาดทุนกว่า 200 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมัน การเช่าเครื่องบินเพิ่ม 5 ลำ และการรับพนักงานเพิ่มขึ้น ดังนั้น สคร.จึงได้ประสานไปยังกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ การบินไทย เพื่อเร่งรัดให้ดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าว

 

ด้านแหล่งข่าวจากบริษัทการบินไทย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา กรรมการการบินไทย 6 คน ได้ลงชื่อแจ้งหนังสือไปยังนายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการการบินไทย ประกอบด้วย 1.พลตำรวจเอกวุฒิชัย ศรีรัตนวุฒิ 2.นายอมรศักดิ์ นพรัมภา 3.พลเรือเอกเดชา อยู่พรต 4.นายวิศิษฐ์ ลิ้มปะนะ 5.นายวิกรม คุ้มไพโรจน์  และ 6.พลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต

 

เพื่อขอให้ทบทวนมติคณะกรรมการการบินไทยเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา กรณีการอนุมัติแต่งตั้งบริษัทตัวแทนขายพื้นที่ระวางสินค้าประจำสถานีต่างๆ ตามที่ฝ่ายบริหารการบินไทยเสนอดังนี้ 1.บริษัท CTI Holding จำกัด เป็นตัวแทนการขาย (GSA General Sales Agent) ประจำสถานีฮ่องกง เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน

 

2.บริษัท CTI Holding จำกัด เป็นตัวแทนการขาย (GSA General Sales Agent) ประจำสถานีปักกิ่งประเทศจีน 3.บริษัท Pacific Air จำกัด เป็นตัวแทนขาย (GSA General Sales Agent) ประจำสถานีไทเป ประเทศไต้หวัน 4.บริษัท CH Aviation Pte เป็นตัวแทนการขาย (GSA General Sales Agent) ประจำสถานีสิงคโปร์

 

อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการดำเนินการตามที่ฝ่ายบริหารเสนอคณะกรรมการหลังจากที่คณะกรรมการได้อนุมัติไปแล้วนั้น ยังมีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการคือต้องให้ฝ่ายกฎหมายตรวจรับรองร่างหนังสือสัญญา ก่อนลงนามในสัญญา โดยผู้จัดการฝ่ายการพาณิชย์และไปรษณียภัณฑ์ เป็นผู้แทนบริษัทกับฝ่ายผู้แทนของ GSA

 

แหล่งข่าวกล่าวว่า กรรมการทั้ง 6 คน พิจารณาแล้วเห็นว่าในชั้นนี้มีปัญหาที่ต้องพิจารณาว่ากรณีดังกล่าว เข้าหลักเกณฑ์ร่วมการงาน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 หรือไม่ หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายดังกล่าว คณะกรรมการก็ไม่มีอำนาจอนุมัติ

 

ดังนั้นเพื่อความรอบคอบในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว กรรมการทั้ง 6 คน เห็นว่าควรต้องดำเนินการเพื่อป้องกันความเสียหายโดยด่วน จึงขอให้ฝ่ายบริหารการบินไทย ส่งเรื่องดังกล่าวไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยด่วนที่สุด ว่าเรื่องดังกล่าวเข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมายดังกล่าวหรือไม่  และให้คณะกรรมการการบินไทยท่านอื่นทราบข้อเสนอของกรรมการทั้ง 6 คนด้วย และขอให้ประธานคณะกรรมการการบินไทย รับสั่งการให้ฝ่ายบริหารยับยั้งขั้นตอนการลงนามในสัญญาดังกล่าวไว้ก่อน เมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกาตอบข้อหารือเป็นประการใด จึงดำเนินการให้ถูกต้อง

 

ส่วนความเคลื่อนไหวการซื้อขายหุ้นการบินไทย วานนี้ (28 ก.ค.) เปิดตลาดที่ 16.90 บาทต่อหุ้น ก่อนที่จะปิดตลาดที่ 16.30 ลดลง 0.50 บาทต่อหุ้น มูลค่าซื้อขาย 21.85 ล้านบาท

 

พาณิชย์ชี้ปัญหาเขาพระวิหาร ไม่ฉุดการค้าไทย-เขมร

ไทยรัฐ - นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ กล่าววานนี้ (28 ก.ค.) ถึงกรณีความขัดแย้งเรื่องพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหารระหว่างไทย-กัมพูชา ว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการค้าไทย-กัมพูชา โดยสถานการณ์อยู่ในขั้นปกติ แม้ประชาชน 2 ประเทศจะมีความไม่เข้าใจต่อประเด็นดังกล่าวอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าไม่เกิน 1 เดือนนี้ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สถานะปกติ และแม้ช่วงแรกชาวกัมพูชาอาจซื้อสินค้าไทยลดลง แต่ เป็นเพียงระยะสั้น เพราะหลังจากเลือกตั้งเสร็จสิ้นทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จึงอยากแนะนำให้นักลงทุนไทยอย่าชะลอการลงทุนและใช้ ประโยชน์จากความร่วมมือกลุ่มแอคเมคส์ประกอบด้วยไทย เวียดนาม พม่าและลาว

 

พาณิชย์สั่งเลื่อน จัดงานแสดงสินค้าในกัมพูชา รอสถานการณ์ปกติ

นางสมจินต์ เปล่งขำ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ได้สั่งให้เลื่อนจัดงานแสดงสินค้า (ไทยแลนด์ เอกซิบิชัน) ในกัมพูชาที่กำหนดจัด 3-4 งาน ในเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ออกไปก่อน จนกว่าจะมั่นใจต่อสถานการณ์ภายในกัมพูชาจะไม่มีอะไรที่รุนแรง และเมื่อสถานการณ์คลี่คลายเร็วก็จะให้จัดตามกำหนดได้ โดยเชื่อว่าหลังการเลือกตั้งในกัมพูชาแล้วเสร็จสถานการณ์น่าจะปกติ

 

"อาจจะชะลอการจัดงานไม่ถึง 2 เดือน เพราะคนไทยกับคนเขมรใกล้ชิดกัน ไม่เชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อการค้าขาย แม้ช่วงแรกอาจมีกระแสต่อต้านบ้าง แต่สุดท้ายการค้าก็คงเดิม เพราะสินค้าไทยเป็นที่ต้องการในกัมพูชา" นางสมจินต์ กล่าว

 

นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาไม่ส่งผลกระทบภาพรวมการค้าของ 2 ประเทศ เชื่อว่าไม่เกิน 1 เดือนนี้ ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ จึงอยากแนะนำให้นักลงทุนไทยอย่าชะลอการลงทุน และใช้ประโยชน์จากความร่วมมือกลุ่ม ACMECS ประกอบด้วย ไทย เวียดนาม พม่า และลาว ให้เป็นประโยชน์

 

นางจิรนันท์ วงศ์มงคล อัครราชทูตที่ปรึกษา ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา กล่าวว่า แม้ไทยและกัมพูชาจะมีปัญหากัน แต่มูลค่าการค้าระหว่าง 2 ประเทศ 6 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มขึ้นถึง 70% มูลค่าประมาณ 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

นายสมศักดิ์ รินเรืองสิน ประธานสมาคมนักธุรกิจไทยในกัมพูชา กล่าวว่า นักธุรกิจไทยในกัมพูชายังดำเนินการค้าปกติ เชื่อว่า รมว.ต่างประเทศคนใหม่จะทำให้ปัญหาคลี่คลายได้

 

หวั่นลดแวต3%ไม่แก้เงินเฟ้อ

โพสต์ทูเดย์  — บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า การใช้มาตรการภาษีของรัฐบาล เช่น การปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตรวมถึงแนวความคิดของกระทรวงพาณิชย์ต้องการให้ปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) เพื่อช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อ น่าจะส่งผลให้ราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องปรับตัวลดลงไปทันที ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อ ผู้บริโภค

 

อย่างไรก็ตาม การลดภาษีอาจทำให้ปริมาณการใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้น แต่การขยายตัวของความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้โดยสุทธิแล้ว ราคาสินค้าอาจจะไม่ปรับตัวลงมากตามประมาณการในข้างต้น

 

โดยเฉพาะการปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งจะทำให้อำนาจซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้น แต่ก็อาจทำให้ราคาสินค้าไม่ได้ลดลงไปมากตามสัดส่วนการปรับลดของภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากผู้ประกอบการอาจจะใช้เหตุผลดังกล่าวในการผลักภาระต้นทุนที่ตนต้องแบกรับไว้ในช่วงก่อนหน้าไปยังผู้บริโภค

 

เนื่องจากจะเห็นได้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้นในอัตรา ที่สูงกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ต่อเนื่องเป็นเวลา 10 เดือนติดต่อ กันแล้ว โดยล่าสุดในเดือน มิ.ย. 2551 ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นถึง 18.6% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกัน ปีก่อน

 

นอกจากนี้ การใช้มาตรการทางการภาษียังอาจมีผลกระทบต่อภาคการเงินและเศรษฐกิจ ประการแรกคือผลต่อฐานะการคลังของรัฐบาลเอง ซึ่งอาจต้องประสบกับการ ขาดดุลงบประมาณมากขึ้นกว่าที่ประเมินไว้เดิม

 

ประการต่อมาจะมีผลกระทบต่อภาคการเงิน เนื่องจากแนวโน้มการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลต่อปริมาณสภาพคล่องในระบบ และทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินและสถาบันการเงินไม่ปรับตัวลดลงตามอัตราเงินเฟ้อทั่วไป

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า มาตรการลดภาษีสรรพสามิตจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ส.ค. ปรับลดลงจากเดือน ก.ค. 0.7-0.8% และส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของเดือน ส.ค ที่แต่เดิมเคยกังวลว่าจะเป็นตัวเลขสองหลักนั้น อาจจะอยู่ที่ 8-9% เท่านั้น

 

นอกจากนี้ หากมีการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มลง ก็ประเมินว่า การปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มทุกๆ 1% อาจจะลดอัตราเงินเฟ้อ ทั่วไปลงได้ 0.5-0.7% ซึ่งหากมี การปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ลงจาก 7% เป็น 3% ก็อาจ ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง 2-2.8% เมื่อเทียบกับกรณีอัตราภาษีเดิม

 

ทำให้อัตราเงินเฟ้อในช่วงครึ่งหลังของปีลงมาอยู่ที่ 6.5-7.5% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 8.5-9.5% และทำ ให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยของทั้งปีอาจ ต่ำกว่า 7% ได้

 

 





คุณภาพชีวิต

 

รฟท.เตรียมพร้อมให้บริการรถไฟชั้น 3 ฟรีกับ ปชช.

ไทยรัฐ - นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าววานนี้ (28 ก.ค.) ถึงการเตรียมพร้อมในส่วนของการให้บริการรถไฟชั้น 3 ฟรีกับประชาชนที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ว่า ขณะนี้ได้เตรียมขบวนรถไว้ 164 ขบวน ซึ่งผู้จะใช้บริการจะสังเกตได้ง่ายเพราะจะมีสัญลักษณ์ป้ายสีเขียวคาดสีขาวบนตัวขบวนรถ โดยคาดว่าทั้ง 6 เดือนที่ให้บริการฟรีนั้นจะทำให้การรถไฟสูญรายได้รวม 250 ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้การรถไฟจะได้รับการชดเชยจากรัฐบาล

 

"ยุทธนา"ลั่นไม่เกิน 4 ปีรฟท.ลดขาดทุน

เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า จะใช้นโยบายเชิงรุกในการบริหารงาน โดยจะเน้นการ บริการประชาชนเป็นหลัก เช่น ความสะอาดบนรถไฟ สถานีรถไฟ ให้บริการที่ตรงเวลา และสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้ผู้โดยสาร คาดว่าภายในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้า ตัวเลขการขาดทุนของการรถไฟฯ จะลดน้อยลงอย่างแน่นอน

 

"จะส่งเสริมการให้บริการ การท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดประชาชน เข้ามาใช้บริการมากขึ้น โดยจะทำ คู่ขนานไปทั้งในส่วนเชิงพาณิชย์ และคาดว่าอีกไม่นานตัวเลขการขาดทุนคงน้อยลงกว่ารัฐวิสาหกิจอื่น โดยจะมีการประเมินผลงานทุกๆ เดือน ซึ่งส่วนตัวผมต้องประเมินผลทุก 6 เดือนอยู่แล้ว" นายยุทธนา กล่าว

 

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ฝ่ายบริหารทรัพย์สินเร่งดำเนินการสำรวจสัญญาที่การรถไฟฯ ทำไว้กับเอกชนประมาณ 1 หมื่นสัญญา จาก 130 สถานีทั่วประเทศ เพื่อให้มีการบังคับตามสัญญาให้ถูกต้อง ซึ่งเชื่อว่าหากดำเนินการตามแผนฟื้นฟูรถไฟจะมีสถานะเท่าเทียบกับรัฐวิสาหกิจอื่นๆ

 

สำหรับโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของการรถไฟฯ อาทิ โครงการแอร์พอร์ต ลิงก์ ซึ่งเป็นโครงการที่เร่งด่วนต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง โครงการรถไฟทางคู่ และโครงการมักกะสันคอม เพล็กซ์ก็ต้องเร่งมือด้วย และจะให้การสนับสนุนโครงการโลจิสติกส์

 

ทั้งนี้ เชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจากผู้บริหารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเน้นการบริหารจัดการเข้ามาทำงาน และเชื่อว่าอาจจะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง เพราะตำแหน่งรองผู้ว่าการรถไฟฯ ก็ยังว่างหลายตำแหน่ง รวมถึงการรับฟังความคิดเห็นจากสหภาพรัฐวิสาหกิจการรถไฟที่ต้องให้ความสำคัญ

 

นอกจากนี้ จะเร่งรัดแผนฟื้นฟูรถไฟเพื่อลดภาระหนี้สิน โดยจะเจรจาให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือเชิงสังคมรวมถึงเร่งรัดการจัดตั้งบริษัทลูกเข้ามาบริหารการเดินรถ บริหารทรัพย์สิน ฯลฯ

 

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคมกล่าวว่า กระทรวงคมนาคมต้องการให้งานเดินหน้าไปได้ และต้องให้โอกาสแก่ผู้บริหาร ซึ่งหากจะมีการปรับเปลี่ยนใดๆ ก็ต้องพิจารณาดูว่าอยู่ในอำนาจของใคร เพราะบางตำแหน่งจะเป็นหน้าที่ของ ครม.

 

"คาดว่าสัปดาห์หน้าคงมีการพูดคุยกับผู้ว่าการรถไฟฯ คนใหม่ ต้องให้เวลาเพราะมีปัญหาค่อยข้างเยอะและเป็นเรื่องที่หมักหมมมานาน" นายสันติ กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม การรถไฟฯ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก เนื่องจากเกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ จุดนี้เป็นเรื่องสำคัญหากสามารถทำให้การรถไฟฯ มีประสิทธิภาพ จะช่วย เพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันทางอุตสาหกรรมของประเทศได้ดีขึ้น

 

 





ต่างประเทศ

 

หุ้นดาวโจนส์ดิ่ง 240 จุด น้ำมันยังต่ำกว่า 125 ดอลลาร์

ไทยรัฐ - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วานนี้ (28 ก.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯดิ่งลงกว่า 240 จุด หลังนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจในตลาดการเงินของประเทศ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 125 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

 

โดยปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดการซื้อขาย เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า บรรดาธนาคารและสถาบันการเงินจะได้รับผลกระทบรอบใหม่ จากวิกฤติเครดิตตึงตัวและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่ฟื้นตัว ตามการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) นักลงทุนจึงเทขายหุ้นและหันไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าแทน

 

ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 11,131.08 จุด ร่วงลง 239.61 จุด หรือ 2.11% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 2,264.22 จุด ดิ่งลง 46.31 จุด หรือ 2.00% ดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,234.37 จุด ลดลง 23.39 จุด หรือ 1.86%

 

ด้านดัชนีหุ้นยุโรป ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ 5,312.60 จุด ลดลง 40.00 จุด หรือ 0.75% ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 6,351.15 จุด ลดลง 85.56 จุด หรือ 1.33% และดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 4,324.45 จุด ลดลง 52.73 จุด หรือ  1.20% 

 

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ปรับเพิ่ม 1.46 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไปอยู่ที่ระดับ 124.73 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 125.84 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ทะยานขึ้น 1.32 ดอลลาร์สหรัฐฯ

 

ประชาธิปัตย์เตรียมคัดสรรคนลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. [29 ก.ค. 51 - 05:06]

ไทยรัฐ - นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ในวันนี้ (29 ก.ค.) เตรียมหารือกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อพิจารณาคัดสรรรายชื่อบุคคลผู้มีความเหมาะสมลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 5 ต.ค. 2551 นี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าทางพรรคประชาธิปัตย์จะสามารถคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมได้ในต้นเดือนสิงหาคมนี้

 

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะเสนอชื่อนายอภิรักษ์ ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ต่ออีกสมัยหนึ่งนั้น นายอภิรักษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบเรื่อง แต่หากมีการเสนอชื่อจริงก็มีความพร้อม

 

ซีพีพีอ้างกวาดเก้าอี้ 91 ที่นั่งครองเสียงข้างมากเกิน 2 ใน 3

เว็บไซต์คมชัดลึก - นายเขียว กัณหะฤทธิ์ โฆษกพรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน แถลงเมื่อวันจันทร์ (28 ก.ค.) ว่าจากการคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่พรรคซึ่งประจำการอยู่ตามคูหาเลือกตั้งทั่วประเทศ พบว่า พรรคซีพีพีน่าจะกวาดที่นั่งมาครองได้เกิน 2 ใน 3 หรืออย่างน้อย 91 ที่นั่งจากทั้งหมด 123 ที่นั่งในรัฐสภา ในขณะที่พรรคสม รังสีได้เพียง 26 ที่นั่ง พรรคฟุนซินเปกและพรรคนโรดม รณฤทธิ์ ได้ 2 ที่นั่งเท่ากัน ส่วนพรรคสิทธิมนุษชนได้ 3 ที่นั่ง

 

ผลการนับคะแนนเลือกตั้งล่าสุด ณ ช่วงเย็นวันจันทร์ที่นับไปได้ 11 จังหวัด จากทั้งหมด 24 จังหวัดแล้วนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้งของกัมพูชาเปิดเผยว่า พรรคซีพีพีกวาดคะแนนเสียงไปได้ร้อยละ 59.8 ในขณะที่พรรคฝ่ายค้านของนายสม รังสีได้ไปเพียงร้อยละ 22.9 ส่วนที่เหลือเป็นของผู้สมัครจากพรรคเล็กพรรคน้อย อย่างไรก็ตาม นายตุน สะเรย์ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการเลือกตั้งกัมพูชา (คอมเฟรล) กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะประกาศชัยชนะ แต่แนวโน้มชี้ให้เห็นว่าพรรคซีพีพีจะได้รับชัยชนะ

 

ทางด้านพรรคการเมืองขนาดเล็ก 4 พรรคต่างประกาศไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ พร้อมเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยนายสม รังสี ผู้นำพรรคที่มีชื่อเดียวกัน กล่าวว่า จะร่วมกับประชาชนกัมพูชาเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ ขณะที่นายเข็ม โสกา ผู้นำพรรคสิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้ประชาคมโลกอย่ายอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้เพราะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นมากมาย ในส่วนของพรรคฟุนซินเปก และพรรคนโรดม รณฤทธิ์นั้น ได้ออกแถลงการณ์กล่าวหารัฐบาลว่าตัดรายชื่อผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทิ้งเป็นจำนวนมาก แล้วไปเพิ่มให้แก่ผู้สนับสนุนพรรคซีพีพีแทน นอกจากนี้ นายเข็ม โสกา ยังกล่าวด้วยว่าทั้ง 4 พรรคกำลังพิจารณาว่าอาจจะผนึกกำลังกันเป็นพันธมิตรเพื่อท้าทายอำนาจของพรรคซีพีพี

 

ด้านผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งกล่าวว่า เกิดปัญหาผู้มีสิทธิ์ออกเสียงถูกลบชื่อออกจริง แต่ไม่คิดว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้นในวงกว้างเหมือนเช่นที่พรรคฝ่ายค้านอ้าง

 

ทั้งนี้ หากผลการเลือกตั้งออกมาตามที่พรรคซีพีพีกล่าวอ้างจริง พรรคอื่นๆ แทบจะไม่มีอำนาจต่อกรกับนายฮุน เซน ซึ่งปกครองประเทศมายาวนานถึง 23 ปีเลย แถมนายกฯ เขมร วัย 57 ปี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้นำที่อยู่ในอำนาจยาวนานที่สุดในเอเชียยังยืนยันด้วยว่า จะกุมบังเหียนต่อไปจนกระทั่งอายุ 90 ปี ด้านนายเก็ก กาลาบรู นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนชื่อดังของกัมพูชากล่าวว่า คนเขมรพากันโหวตให้ฮุน เซนเพราะต้องการให้มีอำนาจไปจัดการเรื่องปราสาทพระวิหารมากขึ้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท