Skip to main content
sharethis


วงเสวนา "กรณีปัญหาที่ดินไทใหญ่" ระหว่างการจัดมหกรรมชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย เมื่อ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา จากซ้ายไปขวา ดร.ประสิทธิ์ ลีปรีชา, นายประเสริฐ สุรินทร์ และน.ส.ประดิษฐา ปริยแก้วฟ้า


 



การจับกุมชาวบ้านเมื่อ 3 เม.ย. 2551 ที่ผ่านมา


 


เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถ.นิมมานเหมินทร์ เป็นวันที่ 2 ของการจัดงานมหกรรมชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย ประจำปี 2551 ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 6 -9 สิงหาคม 2551 โดยในช่วงบ่ายมีการนำเสนอ กรณีศึกษาด้านชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง ดำเนินรายการโดย ดร.ประสิทธิ์ ลีปรีชา นักวิชาการสถาบันวิจัยสังคม ม.เชียงใหม่


 


โดยในช่วงเสวนาดังกล่าว มีการนำเสนอหัวข้อ "กรณีปัญหาที่ดินไทใหญ่" โดย น.ส.ประดิษฐา ปริยแก้วฟ้า จากมูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของกลุ่มชาติพันธุ์ (หรือแมฟ) และนายประเสริฐ สุรินทร์ ผู้แทนชุมชนบ้านใหม่หนองผึ้ง ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่


 


อนึ่ง สำหรับชุมชนบ้านใหม่หนองผึ้งดังกล่าวตั้งขึ้นในปี 2547 เมื่อเจ้าของที่ ส.ป.ก. เดิม ที่มีที่ดินแปลงติดกันรวม 3 ราย พื้นที่กว่า 70 ไร่ ต้องการขายสิทธิที่ดิน คนเฝ้าสวนซึ่งเป็นชาวไทใหญ่ ถือบัตรสถานะบุคคลบนพื้นที่สูง (เขียวขอบแดง) จึงขอซื้อต่อ แต่เงินไม่พอจึงพากันชักชวนครอบครัวและญาติพี่น้องช่วยกันซื้อที่ดินคนละแปลงๆ ละประมาณ 80-100 ตารางวา ราคาตารางวาละ 20,000 บาท โดยไม่รู้ว่าที่ดิน สปก. ตามกฎหมายข้ามซื้อขาย แบ่งแยก โอนสิทธิ์ และต้องใช้ประโยชน์ด้านเกษตรกรรมเท่านั้น


 


และจากเดิมที่มีชาวบ้านไทใหญ่เข้ามาอาศัยไม่กี่สิบราย ต่อมาก็มีการชักชวนญาติพี่น้องที่เป็นชาวไทใหญ่ด้วยกันซึ่งอาศัยอยู่แถบ ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ซึ่งถือบัตรสถานะบุคคลบนพื้นที่สูง (สีเขียวขอบแดง) และส่วนหนึ่งถือบัตรอนุญาตทำงานแรงงานแต่งด้าวมาร่วมซื้อที่ดินเพื่อสร้างที่พักอาศัย


 


จนปัจจุบันชุมชนบ้านใหม่หนองผึ้งมีบ้านกว่า 150 หลังคาเรือน ประชากรกว่า 1,000 คน ส่วนใหญ่ชาวบ้านรับจ้างทำเกษตรกรรมตามฤดูกาล โดยเมื่อปี 2547 ชุมชนแห่งนี้เคยได้รับการแต่งตั้งจากนายสุวัฒน์ ตันติพัฒน์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ในขณะนั้น ให้เป็นหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็งด้วย


 


และเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้เคยทำหนังสือร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดให้ชะลอการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง แต่ไม่เป็นผล โดยในวันถัดมา ส.ป.ก. และเจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังเข้าตรวจสอบและจับกุม (อ่านข่าวย้อนหลัง)


 


000


 


รัฐยกเหตุผลต่างด้าวยึดที่ สปก. รื้อหมู่บ้าน ทั้งที่เคยอบรม "ชุมชนเข้มแข็ง"


น.ส.ประดิษฐา ปริยแก้วฟ้า กล่าวว่า จากหน้าหนังสือพิมพ์เคยมีข่าว "ต่างด้าวบุกรุกที่ดิน" ข่าวค่อนข้างออกมาแรง บอกว่าต่างด้าวมาแย่งที่ดินคนไทย จากข่าวที่ออกมาชาวบ้านได้มาที่มูลนิธิ มาร้องเรียนว่ากำลังจะถูกไล่รื้อ และถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุกในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นคดีอาญาที่หนัก และยอมความไม่ได้ ช่วงที่มีการกวาดล้าง คนในหมู่บ้านถูกแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือ คนที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลยจะส่งไปควบคุมตัวที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ส่วนคนที่ถือบัตรแสดงสถานะบุคคลที่เป็นบัตรสี (บัตรที่ออกสำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ ไม่ใช่บัตรประชาชน) คนกลุ่มนี้จะถูกตั้งข้อหาเดินทางออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต และวงเงินประกันตัวอยู่ที่ 70,000 บาท


 


พื้นที่หมู่บ้าน คือ บ้านใหม่หนองผึ้ง อยู่ที่ ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เป็นที่ดิน สปก.4-01 ซึ่งเดิมรัฐจัดสรรให้เกษตรกร 3 รายทำประโยชน์ในที่ดิน ต่อมามีนายหน้านำที่ดินมาขายให้ชาวบ้านกลุ่มนี้ ชาวบ้านที่ซื้อจะได้ สำเนา สปก.4-01 และสัญญาซื้อขายที่ดิน ตกตารางวาละ 23,000 บาท ซื้อตั้งแต่ปี 2547


 


ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ อย่างอำเภอก็ยอมรับว่ามีชุมชนนี้อยู่จริงตั้งแต่ปี 2547 มีการเรียกแกนนำไปอบรมเรื่องต้านภัยยาเสพย์ติด ให้เป็นชุมชนเข้มแข็ง ต่อมาเมื่อเดือนเมษายน 2551 ที่ผ่านมา ก็มีกวาดล้างหมู่บ้านถือว่าหมู่บ้านผิดกฎหมายนี้ตั้งขึ้นอย่างไม่ถูกต้อง ทั้งที่เคยยอมรับในปี 2547 มีการเรียกชาวบ้านไปสำรวจและอบรมตลอดมา แต่ตอนนี้ถือว่าหมู่บ้านนี้ไม่ถูกต้อง


 


 


ชาวบ้านสร้างบ้านตั้งแต่ 2547 เจ้าหน้าที่ไม่เคยห้าม


นายประเสริฐ สุรินทร์ ตัวแทนจากหมู่บ้าน ตอนแรกพวกเราไปอยู่ในที่ สปก. ก็ไม่รู้ว่าสามารถทำบ้านได้หรือเปล่า ตอนนี้มีบ้าน 150 หลังคาเรือนแล้ว ตอนสร้างเมื่อปี 2547 เจ้าหน้าที่ ผู้ปกครอง อบต. อำเภอ เขาไม่พูด ไม่อะไรว่าทำได้หรือไม่ ก็ไม่บอก กระทั่งปี 2551 ก็เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นมา ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จะอยู่อย่างไร ชาวบ้านมีลูกๆ เรียนที่ ร.ร.ปางกว้าง อ.แม่แตง 96 คน ถ้าพวกผมไม่ได้อยู่ตรงนั้น ถ้ามีการรื้อถอน พวกผมจะไปอยู่ตรงไหน ก็สงสารเด็กๆ ตาดำๆ


 


เดิมพวกผมทำงานก่อสร้าง ทำไร่ทำสวน มันโยกย้ายไปเรื่อยๆ ไม่มีที่ซุกหัวนอนปลายตีน ต่อมาได้มาอยู่บ้านใหม่หนองผึ้งเหมือนมีที่พักอาศัยก็ดีใจ เก็บเงินเก็บทองมา 20 ปี อยากมีที่อยู่อาศัยอย่างสงบสุข ได้ทำเพื่อในหลวง อยู่ในประเทศไทยที่อยู่เย็นเป็นสุข ชนเผ่าทุกชนเผ่าหนีพิษหนีภัยมาทั้งนั้น หนีความตาย ความลำบาก หนีทุกข์ หนียาก มาประเทศไทย ซึ่งพวกผมก็ยินดีอย่างยิ่ง


 


อยู่ที่นี่ทำงานได้วันละ 100 กว่าบาท พอเลี้ยงครอบครัวได้ เมื่อก่อนอยู่บ้านเกิดทำงานได้ 100 หนึ่ง ต้องแบ่งให้คนอื่นสามส่วนสี่ส่วนทำให้ไม่พอเลี้ยงครอบครัว แต่มาอยู่ที่นี่ เหมือนหนีร้อนมาอยู่เย็น


 


"ถ้าให้เราย้ายไปอยู่ที่อื่น อยู่ในเมืองเชียงใหม่ ต้องไปเช่าบ้าน เจ้าของบ้านเกิดหงุดหงิดก็ต้องไปหาที่อื่นอีก ถ้าหมดหน้าการหน้างานก็ต้องโยกย้ายกันอีก ลูกหลานก็ต้องย้ายโรงเรียนอีก ที่เขาจะมารื้อบ้านใหม่หนองผึ้งก็หนักใจ ไม่รู้ร้อนหรือหนาว แต่ผมก็อดทนอยู่ อยากได้คำตอบตอนนี้ว่าจะอยู่ได้หรือไม่ ถ้าได้อยู่อย่างสงบสุขก็ยินดีอย่างยิ่ง" นายประเสริฐกล่าว


 


นายประเสริฐเล่าว่า ตอนนี้เหลือชาวบ้านอยู่กันประมาณ 30-40 กว่าหลังคาเรือน จาก 150 หลังคาเรือน เพราะถูกจับไปมากพอสมควร บางคนกลัว บางคนไม่กล้าอยู่ จะอยู่ก็กลัวถูกจับอีก พวกชาวบ้านเงินไม่มี ทำงานรับจ้างกินไปวันๆ มีเงินก็ส่งลูกเรียนหนังสือ


 


 


ยืนยันชาวบ้านไม่ได้บุกรุกป่า รับจ้างเลี้ยงชีพ ไม่คิดทำสิ่งผิดกฎหมาย


ต่อมา ประสิทธิ ลีปรีชา ผู้ดำเนินรายการ ถามเพิ่มเติมว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเกี่ยวพันกันระหว่างปัญหาสัญชาติกับเรื่องบุกรุกที่ดินหรือไม่ และพี่น้องในชุมชนทำอาชีพอะไรในชีวิตประจำวัน


 


ประเสริฐ ตอบว่า ชาวบ้านมีอาชีพรับจ้างในสวน รับจ้างทั่วไป บางคนทำงานในเมือง บางคนไปทำงานในกรุงเทพ ชาวบ้านในชุมชนถือว่าหาเช้ากินค่ำ ยืนยันว่าชาวบ้านที่บ้านใหม่หนองผึ้ง ไม่ได้ทำลายทรัพย์สิน ไม่ได้บุกรุกป่าทั้งสิ้น เรื่องยาเสพย์ติด เรื่องสิ่งที่ผิดกฎหมายก็ไม่แตะต้อง ตอนนี้มีการมีงานก็ทำงาน  มีประเพณี การอยู่การกิน เรื่องวัฒนธรรม ถ้าพวกเรามีเงินทองมาจัดงาน ถึงเข้าพรรษาก็จะมีปอยส่างลอง มีเงินเล็กก็จะเล็ก มีเงินน้อยก็จัดไปตามน้อย ก็อยู่กันอย่างสงบ ชาวบ้านอยากให้ลูกเรียนหนังสือเพื่อจะได้ไม่ทุกข์ยากลำบากเหมือนพวกพ่อแม่


 


 


เชื่อเพราะปัญหาไร้สัญชาติจึงนำไปสู่การกวาดจับ


น.ส.ประดิษฐา กล่าวว่า เพราะชาวบ้านไร้สัญชาติจึงนำไปสู่การกวาดจับ มีการประโคมข่าวว่ามีการจับคนต่างด้าว ซึ่งถ้าชาวบ้านมีบัตรประชาชนเป็นคนไทย คงไม่กวาดล้างกันรุนแรงขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เดือนเมษายน ปี 2551 ทางอำเภอเคยมาสำรวจสถานะบุคคล เดิมมีคนประมาณ 300-400 คน พอทราบว่าที่หมู่บ้านนี้มีการสำรวจสถานะบุคคลจึงทำให้เกิดแรงจูงใจ ทำให้คนในเมืองเข้ามาฝากชื่อ ทำทะเบียนประวัติกันที่หมู่บ้านด้วย โดยมีชาวบ้านประมาณ 1,500 คนรอการพิสูจน์สัญชาติ


 


เรื่องสัญชาติยังมีปัญหาสำคัญ ในแนวทางการแก้ไขปัญหานี้ เพราะคนต่างด้าวไม่สามารถทำอาชีพเกษตรกรรมได้ ถือเป็นอาชีพเกษตรกรรมสงวนให้คนไทยทำ ถ้าเอาที่ สปก.4-01 ไปให้คนต่างด้าวก็ไม่ได้ ก็จะผิดวัตถุประสงค์


 


ส่วนเรื่องคดีนั้น ก็มีศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนบนพื้นที่สูง (ศปส.) และเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองเข้ามาช่วยเข้ามาดำเนินการช่วยเหลือ มีการยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอให้สภาทนายความเพื่อช่วยคดี


 


ส่วนคดีที่ชาวบ้านถูกดำเนินคดีขณะนี้ ข้อหาหลักๆ ตอนแรก สำหรับผู้ไม่มีบัตรแสดงสถานะบุคคลถูกตั้งข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนคนที่ถือบัตรสีถูกตั้งข้อหาออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งคดีตอนนี้จบแล้ว แต่มีคดีอาญาแทนคือถูกดำเนินคดีบุกรุกที่ สปก. ในเวลากลางคืน 57 คน และจะมีดำเนินคดีเพิ่มอีก 100 กว่าคน


 


 


เสนอรัฐตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ปัญหา มีมาตรการรองรับ


สำหรับข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหานั้น น.ส.ประดิษฐา กล่าวว่า สิ่งที่คณะทำงานคุยกันคืออยากให้รัฐตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาที่มีอยู่อย่างเป็นรูปธรรม เพราะชาวบ้านมีสถานะเป็นบุคคลต่างด้าวก็จริง แต่เขาซื้อที่ สปก.4-01 ก็จริง แต่ชาวบ้านก็เก็บเงินมาทั้งชีวิตเพื่อสร้างค่าบ้าน เฉลี่ยหลังหนึ่งตกประมาณ 500,000 กว่าบาทรวมทั้งที่ดินและค่าบ้าน ถ้ารัฐจะไล่เขาออกไป ควรหามาตรการรองรับด้วย


 


ส่วนประเสริฐ สุรินทร์ ตัวแทนชุมชนใหม่หนองผึ้ง กล่าวว่า "อยากทราบว่าคดีคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว พวกเราบุกรุกที่ดินจริงหรือไม่ ทุกวันนี้อยู่ด้วยความกลัว นอนก็กลัว จะเดินทางไปไหนก็กลัว กลัวเจ้าหน้าที่มารื้อถอน รื้อบ้าน เพราะเก็บเงินมาทั้งชีวิต เก็บมาปีละนิดละหน่อย ตอนนี้พวกผมอยากมีที่อยู่ ไม่อยากโดนแดดโดนฝน ถ้ามีย้ายขึ้นมาจริงๆ พวกเราจะย้ายไปไหน เด็กตาดำๆ ก็ต้องโยกย้าย บ้านก็เอาไปไม่ได้ ออกประเทศไทยก็ออกไม่ได้ ถ้าจะสู้ชีวิตก็ต้องสู้ที่เมืองไทย จะล้มหายตายจากก็คงตายที่เมืองไทยเพราะมันอยู่เย็นเป็นสุข"


 


"อยากรื้อถอนบ้านเราไปก็ต้องเอาวางบ้านเราไว้บนแผ่นดินไทย ถ้ามันเดือดร้อนจริงๆ ขอให้รองรับพวกเราด้วย ขอให้มีที่อยู่ พวกผมยอมทุกอย่าง ขอให้มีที่อยู่ครับผม" นายประเสริฐกล่าว


 


 


ข่าวประชาไทย้อนหลัง


ชาวไทใหญ่ร้องจนท.ระงับรื้อถอนชุมชน, ประชาไท, 3 เม.ย. 51


http://www.prachatai.com/05web/th/home/11728


 


จับทันทีไม่มีเจรจา บ้านใหม่หนองผึ้งร้องระงับการรื้อถอนไม่เป็นผล, ประชาไท, 4 เม.ย. 51


http://www.prachatai.com/05web/th/home/11748


 


รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ สั่งรื้อชุมชนบ้านใหม่หนองผึ้งภายใน 30 วัน!, ประชาไท, 20 เม.ย. 51


http://www.prachatai.com/05web/th/home/11905


 


กรรมการสิทธิฯ ระบุชาวบ้านใหม่หนองผึ้งเป็นเหยื่อ ควรเยียวยาไม่ใช่จับกุม, ประชาไท, 29 เม.ย. 51


http://www.prachatai.com/05web/th/home/11999


 


ข่าวประชาธรรม : ชาวไทใหญ่จี้ ส.ป.ก.ทำตามข้อตกลงเร่ง "ตั้ง กก.-ถอนแจ้งความรุกที่ดิน", ประชาไท, 13 มิ.ย. 51 http://www.prachatai.com/05web/th/home/12500


 


เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองฯ ยื่นหนังสือ กรณีเจ้าหน้าที่รัฐจับกุม-ไล่รื้อชุมชนไทใหญ่, ประชาไท, 12 พ.ค. 51 http://www.prachatai.com/05web/th/home/12129

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net