"จำลอง" ชูต้าน แก้ รมธ. 51 ไปสู่ปลายที่การเมืองใหม่ 

วันที่30 ส.ค) เวลา 21.50 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล โดยย้ำถึงจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของการต่อสู้ พันธมิตรฯ ชุมนุมมาแล้ว 98 วัน จำเป็นที่แกนนำจะต้องมานั่งทบทวนวัตถุประสงค์ของการชุมนุม โดยเฉพาะจุดมุ่งหมายของแกนนำก็ยังเหมือนเดิม คือ ต้องฟังเสียงผู้ชุมนุมส่วนใหญ่มาเป็นตัวตั้ง พร้อมสอดแทรกความคิดเห็นจากคณะกรรมการที่พันธมิตรฯตั้งขึ้นมา สุดท้ายมาจบที่แกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน

      

พล.ต.จำลอง ยืนยันว่า พันธมิตรฯจะไม่ทิ้งจุดมุ่งหมายเดิม คือ การต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 50 จะไม่ปล่อยให้รัฐบาลทำเรื่องเสียหายให้เกิดขึ้น พันธมิตรฯ จำเป็นต้องลุกขึ้นมาต่อต้าน และเรียกร้องให้รัฐบาลออกไป ขณะเดียวกันเมื่อออกไปแล้ว พันธมิตรฯ ก็ยังจะเดินหน้าชุมนุมต่อไป รัฐบาลจะใช้ข้อแม้ลาออก แล้วเปลี่ยนขั้วสลับสับเปลี่ยนแล้วกลับสู่อำนาจอย่างเดิม พันธมิตรฯ จะไม่ยอมให้เกิดอย่างแน่นอน

      

"หากมีการเปลี่ยนขั้ว เรื่องอุบาทว์จะวนเวียนอยู่ในวงจรการเมืองไทยเรื่อยไป พันธมิตรฯ จำเป็นที่จะต้องให้สร้างการเมืองใหม่ เพื่อให้เกิดสิ่งที่พันธมิตรฯต้องการ คือ ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 50 เรียกร้องให้รัฐบาลลาออก จากนั้นต้องมีการเมืองใหม่ ใครจะกล่าวหาว่าพันธมิตรฯ ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกแล้วจะเอาวา ก็ปล่อยไป พันธมิตรฯ มาชุมนุมชาติได้หรือใครได้ พันธมิตรฯ มีเหตุผลพร้อมมูล นายกรัฐมนตรีจะลาออกหรือไม่ก็แล้วแต่ ยืนยันพันธมิตรฯ จะชุมนุมต่อ เพื่อให้ได้ซึ่ง 3 ข้อที่เรียกร้อง" พล.ต.จำลอง กล่าว

 

"สนธิ" ยันเอา "สมัคร" ออกก่อน แล้วอาจเดินต่อเนื่องเลย

ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยว่า ได้เป็นตัวแทนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างประเทศหลายแห่งและต้องแปลกใจกับความโง่ความไร้เดียงสาจึงได้อธิบายสภาพการเมืองไทยให้ทราบว่า พรรคการเมืองเปรียบเหมือนบริษัท ส.ส.ส่วนใหญ่ใช้เงินคนละ 15-20 ล้าน แล้วแต่พื้นที่ และคงไม่มีใครสติแตกที่นำเงินสะสมมา หรือกู้เงินมาลงสมัครเลือกตั้งเพื่อให้ได้มา 1 เสียงกับเงินเดือนๆละกว่า 1 แสนบาท ซึ่งคนที่ทำแบบนี้ก็คือคนบ้าเท่านั้น

      

นายสนธิ กล่าวว่า กว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ของ ส.ส.ในเมืองไทยเป็นแบบนี้ ก็แปลว่าพรรคการเมืองเป็นบริษัทจำกัด และต้องดูว่าใครเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ถ้าเป็นพรรคไทยรักไทยก็มี พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่วน ส.ส.ก็เข้ามารับจ้างยกมือ เพื่อแลกกับการทำมาหากินในโครงการงบประมาณ และมีแนวโน้มจะมีการซื้อเสียงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

      

"นักการเมืองและผลประโยชน์ นี่ไม่ใช่เป็นประชาธิปไตย อุปโลกการเลือกตั้งแบบนี้ว่าเป็นประชาธิปไตย ถ้าเลือกตั้งต้องใช้เงินคนละ 30 ล้านบาท ถ้าการเลือกตั้งเป็นแบบนี้ ไม่เอาดีกว่า" นายสนธิระบุและย้ำว่าไม่ใช่ปฏิเสธให้พี่น้องประชาชนลงคะแนน แต่ปฏิเสธการไม่ให้ความรู้กับชาวบ้าน เพราะประชาชนต้องมีสิทธิเข้าสู่ข่าวสารอย่างเท่าเทียมกัน

      

นายสนธิ กล่าวว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่ค่การเลือกตั้งอย่างเดียว เพราะจะต้องมีช่องทางในการเรียกร้องความยุติธรรมด้วยและว่า ถ้ารัฐบาลไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 จัดการตามกฎหมายกับคนที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่ทุจริตการเช่าซื้อรถเมล์ 7 พันคัน ไม่ทุจริตโครงการผันน้ำจากแม่น้ำโขง และถ้ารักชาติ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องออกมาประท้วง ดังนั้นรัฐบาลแก้ปัญหาได้ง่ายนิดเดียวคือต้องแก้ที่ตัวเองเท่านั้น

      

นายสนธิ ย้ำว่าไม่ขัข้องกับการเลือกตั้ง แต่ต้องให้มีที่มาสะอาดบริสุทธิ์ และส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งต้องมีผลจากการทำความดี ไม่ใช่แค่ยกมือไว้ขอคะแนนเสียงเท่านั้น และว่า ถ้า ส.ส.หัวละ 30 ล้านบาทลงทุน 9 พันล้านบาทก้ได้เข้ามาบริหารประเทศ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก็เป็นการประมูลประเทศใครลงทุนมากกว่าก็ได้ไป

      

"ดังนั้นประเด็นหลักของการต่อสู้ในครั้งนี้คือกูจะไม่ยอมมึงอีกต่อไป นี่เป็นภารกิจศักดิ์สิทธิ์ ต้องให้สมัครออกไปก่อน จากนั้นค่อยมาว่ากันว่าในขั้นต่อไปจะเดินเมื่อไหรอย่างไร อาจจะเดินต่อเนื่องไป แต่ตอนนี้ สมัครต้องออกไป" นายสนธิระบุอย่างไรก็ตามในตอนท้าย นายสนธิ กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้ช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดคือช่วงเวลาตั้งแต่ตีสองไปจนถึงประมาณ 8-9 โมงเช้าเพราะเป็นช่วงของการอ่อนล้า ดังนั้นขอให้พี่น้องต้องระมัดระวัง

 

"สมศักดิ์" บอก "หมัก" ออก หรือยุบสภาใครมาก็ไล่ต่อ

นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ในทำเนียบรัฐบาล ว่า คนอย่างเนวิน มันใหญ่จัง ทำไมกลไกของรัฐสยบกับคนเลวๆอย่างนี้ มันเป็นวงจรฝนตกขี้หมูไหลจริงๆ ทักษิณหนีไป เอาสมัครมา 111ศพหัวขาดก็ยังชักใยอยู่ทั่งที่รัฐบาลบอกว่าอย่ายุ่งกับการเมือง หลอกว่าจะไปลอนดอน แต่ไปจ้างคนชุมนุมที่สนามกีฬาหัวหมากแล้วไปที่สนามหลวง แล้วบอกว่าดึกๆจะไปลานพระบรมรูปทรงม้า      

 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มาขับไล่รัฐบาลแบบนี้เพราะเป็นรัฐบาลที่เลวที่สุด ในต่างประเทศเจอแบบนี้เขาไปแล้ว นักประชาธิปไตยคนจะเป็นได้ หน้าต้องไม่ด้าน แม้แต่คนพูดว่าเราไม่ดีก็ต้องรู้สึกว่าเราผิดอะไรหรือเปล่า แต่คนที่อ้างประชาธิปไตยว่ามาจากการเลือกตั้ง เมื่อผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิบไตยไปหย่อนบัตรมาขับไล่เป็นล้านที่ไหนก็ไปหมดแล้ว เขาไม่หน้าด้านอยู่

 

"การ์ดของเราเตรียมพร้อมตลอดเวลา เราชุมนุมโดยสงบ แต่ถ้าใครมาก่อกวน เรามีสิทธิจัดการได้อย่างเต็มที่ แต่สายสืบของเรารายงานว่า มีตำรวจไปอยู่ที่นั่นอยู่นอกเครื่องแบบส่วนหนึ่งเตรียมจะมาหาเรื่องเราด้วย ตำรวจไปอยู่กับโจรได้แสดงว่าตำรวจก็คือโจร หน้าที่ของตำรวจคือรักษาความสงบเรียบร้อยไม่ใช่ปลอมเป็นโจรมาตีหัวประชาชน"นายสมศักดิ์ กล่าว

      

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เพื่อความกระจ่างชัด เมื่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลาออกไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหา นายสมัครออกเอาใครก็ได้พล.ต.สนั่น ขจรประสาสน์ นายบรรหาร ศิลปะอาชา เอากระเรี่ยกระราด เอาใครก็ได้ในพรรคพลังประชาชนเราก็ไล่ต่อไป เพราะไม่แก้ปัญหา นายสมัครยุบสภาเราก็ไล่ต่อไป เพราะไม่ใช่แก้ปัญหา ไหนๆก็เล่นกันแล้ว ก็เล่นกันให้สุดตัวไปเลย เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ขอคารวะนักวิชาการที่แถลงการณ์ชัดเจนบนเวทีนี้ ต้องการให้ลูกหลานรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว

      

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า คนรถไฟจะหยุดงานอย่างสนิทจนกว่านายสมัครจะต้องออกไป น่าเสียดายที่ตำรวจไปเป็นเครื่องมือ เชื่อว่าตำรวจส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ตำรวจที่ใหญ่เลวที่มารังแกผู้หญิง คนชรา ถือว่าตำรวจเลวเท่านั้นที่มาทำอย่างนี้ได้ ภาคใต้มีปัญหาพวกนี้ขี้ขลาดตาขาววิ่งเต้นไม่ให้ถูกย้าย

      

อย่าไรก็ตาม นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ต้องขอบคุณทหารที่ไม่ปฏิวัติ เป็นการยกระดับ การต่อสู้ครั้งนี้ยกระดับสองอย่างคือ ทหารที่คนบอกว่าประเทศไทยเดี๋ยวทหารก็ปฏิวัติ และแก้ข้อกล่าวหาว่าเดินขบวนเพื่อให้ทหารปฏิวัติเป็นสายล่อฟ้า พิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้นพิสูจน์ชัดว่าเพราะรัฐบาที่เป็นทายาทอสูรทักษิณ ถ้ามียางอาย เป็นประชาธิปไตย ออกไป การนัดหยุดงานก็ไม่เกิด ไปใช้ตำรวจมาทุบตีให้เสียภาพพจน์ไปทั่วโลกก็ไม่เกิด นี่คือการทำลายการท่องเที่ยว

      

นายสมศักดิ์ ยังขอร้องสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ ตั้งแต่พรุ่งนี้ให้หยุดงานหมด สหภาพฯในเอกชน ที่ไหนหยุดได้หยุดไปเลย หยุดงานเพื่อชาติเพราะโกงกินเป็นแสนๆล้าน ยอมหนามยอกเอาหนาม

      

นายสมศักดิ์ ได้กล่าวขอบคุณพี่น้องทหาร เจอในการชุมนุมหลายพันคน ซึ่งได้ขอให้ถอดเครื่องแบบทหารออกเพราะกลัวการสงสัยให้ร่วมเป็นประชาชนธรรมดาดีกว่า ที่สนามหลวงมีพวกตำรวจนอกเครื่องแบบไปมั่วปนอยู่ ที่นี่ก็มีทหารนอกเครื่องแบบไปจัดการมันได้ ขอให้พี่น้องสบายใจได้ และอย่าตื่นตระหนก การบัญชาการไปไหนอย่างไรตนรับผิดชอบ ใครจะไปพูดยังไงอย่าไปฟัง

      

นายสมศักดิ์ กล่าวยืนยันถึง สามอย่างไม่เอา รัฐธรรมนูญไม่แก้ ยุบสภาไม่เอา ลาออกไม่เอา ถ้าลาออกแล้วเราต้องมีการเมืองใหม่ เมื่อนั้นมันถึงจะหยุด อย่างไรก็ตาม ย้ำว่า ข้อให้จำไว้กฎหมาย มาตรา 68 เมื่อภัยเข้าใกล้ตัวเรามีสิทธิป้องกันตัวได้ อหิงสาไม่ได้หมายความว่ายืนให้ทำร้าย เรามีสิทธิ์ป้องกันตัว ไม่มีรัฐบาลที่ไหนในโลกที่จะไปจ้างอันธพาลมารบกวนประชาชนผู้บริสุทธิ์ เขาจะฟังว่าประชาชนมาเรียกร้องอะไร แล้วเขาจะแก้ปัญหา แต่นี่เอาทีวีมาด่ามาสู้ ไม่เคยตอบโต้ที่เราถาม

      

นายสมศักดิ์ เรียกร้องให้คนในต่างจังหวัดขอให้มาร่วมชุมนุม เพราะยังมีเวลาพอจะมาทัน แต่การเปลี่ยนแปลงในการต่อสู้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงทุกวินาที ใครอยากสร้างวีรกรรมให้มาที่นี่ได้ ให้ทุกท่านได้สร้างคุณงามความดีให้กับแผ่นดิน ส่วนพี่น้องที่อยู่กระบี่ ภูเก็ต กำลังทำหน้าที่ ก็ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น

 

 

 

 

 "สมเกียรติ" ปรึกษาศาล เตรียมฟ้องกลับตำรวจทำร้ายประชาชน

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยในทำเนียบรัฐบาล โดยได้กล่าวถึงมติที่ประชุม 6 พรรคร่วมรัฐบาลที่จะบริหารประเทศต่อ โดยยังให้นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป และอ้างว่าการประชุมร่วมของ 2 สภาในวันอาทิตย์นี้ จะหาทางออกของวิกฤติทางการเมืองขณะนี้ได้ นอกจากนี้จะดำเนินการกับพันธมิตรอย่างนุ่มนวล ทั้งที่ก่อนหน้านี้ สภาก็ด่าพันธมิตรฯ มาตลอด ตนเพิ่งถูกรุมด่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แถมยังเรียกร้องให้ลาออก โดยอ้างว่าเพราะถูกดำเนินคดีข้อหากบฏ จึงได้ท้าไปว่า ถ้าลาออก รัฐมนตรีทั้ง 35 คนก็ต้องลาออก เพราะเป็น ส.ส.สัดส่วนเหมือนกัน แล้วใน 35 คนนั้น ล้วนแต่มีปัญหา ลาออกแล้วจะลาออกตาม

      

ส่วนสภาชุดนี้ 2 เดือนที่ผ่านมา ได้ยกมือเห็นด้วยกับรัฐมนตรีที่ยกแผ่นดินไทยให้กับเขมร เมื่อมีการเสนอกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางนักการเมือง เพื่อพิพากษานักการเมือง สภาชุดนี้ก็ทำกฎหมายให้ตกไปจึงไม่คิดว่าสภาจะแก้ไขปัญหาได้ ถ้าแก้ได้คงแก้ไปนานแล้วตอนที่นำสมัชชาคนจน มาล้อมทำเนียบเป็นเวลา 99 วัน เมื่อปี 2539 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไข 125 ปัญหา ที่เกี่ยวกับผลกระทบจากโครงการของรัฐ ปัญหาที่ดิน ผลกระทบจากการสร้างเขื่อน และราคาผลผลิตทางการเกษตร เรื่องหนี้สิน

      

วันนี้ได้ไปกราบเรียนอดีตผู้พิพากษาท่านหนึ่ง โดยได้นำภาพตำรวจตีประชาชนระหว่างพยายามสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอดีตผู้พิพากษาบอกว่า ภาพที่ตำรวจใช้ไม้หน้าสามตีนั้น ไม้หน้าสามไม่ใช่อาวุธปกติ แต่เป็นอาวุธพยายามฆ่า

      

นอกจากนี้ ได้นำภาพที่ประชาชนถูกตีจนสลบ แล้วตำรวจเอาเท้าเหยียบหน้า และภาพที่ตำรวจเอาปืนจ่อหัวประชาชนในทำเนียบรัฐบาล ขณะที่พวกเราท่องคำว่าอหิงสาคือไม่ใช้ความรุนแรง ทั้งที่จริงอหิงสาไม่ได้หมายความว่าไม่ต่อสู้ แต่มหาตมะ คานธี เคยบอกว่า อะไรที่ทำได้ก็ต้องทำ

      

สำหรับภาพตำรวจเอาปืนจ่อหัวนั้น อดีตผู้พิพากษาบอกว่า ถือเป็นการตระเตรียมฆ่า ส่วนรูปคนที่เจ็บหนักแล้วเอาเท้ากระทืบซ้ำนั้น ท่านบอกว่าเป็นเจตนาฆ่า เพราะบาดเจ็บแล้วยังกระทืบซ้ำ

      

"อดีตผู้พิพากษาคนนั้นท่านจบปริญญาเอก ท่านบอกผมว่า ให้ไปดูหมายศาลหน่อย ที่เขาฟ้องแพ่งให้พันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบรัฐบาล แล้ววันรุ่งขึ้นมีการไปร้องศาล ให้ศาลแต่งตั้งพนักงานบังคับคดีมาติดหมายศาลที่ทำเนียบ ลองไปเอาหมายศาลมาดูซิ ว่ายังไง ถ้าติดแล้วไม่ออกให้กระทืบมน ให้ตีมัน ศาลว่าอย่างนั้นหรือเปล่า ถ้าศาลไม่ได้ว่าอย่างนั้น ท่านว่า ฟ้องเมื่อไหร่ชนะเมื่อนั้น ตำรวจเป็นจำเลยทันที"

      

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า วันจันทร์นี้ จะมอบหมายให้นายวัชระ เพชรทอง ไปคัดคำบังคับคดีของศาล เพื่อจะดูว่าศาลได้สั่งให้กระทืบ หรือใช้ไม้หน้าสามหรือไม่ ถ้าไม่มีให้ไปฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เลย ฟ้องเมื่อไหร่ชนะเมื่อนั้น เพราะศาลในโลกนี้ไม่มีหรอกที่จะบอกว่า ถ้าติดหกมายศาลแล้วไม่ทำตามให้พยายามฆ่า ให้ใช้ไม้หน้าสามตี ให้กระทืบ หรือให้เอาปืนจ่อหัว ไม่มีที่ไหนทำหรอก นอกจากศาลสมัคร

      

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ขณะนี้นายสมัครกำลังร่างแถลงการณ์ยุบสภา หรือลาออก ซึ่งถ้ายุบสภา ต้องรอลงพระปรมาภิไท ส่วนลาออก ไม่ต้อง แค่เปล่งเสียงก็พ้นตำแหน่งเลยโดยกฎหมาย วันพรุ่งนี้จึงเป็นลมหายใจเฮือกสุดท้าย จะเอาปัญหาต่างๆ ไปแก้ไขในสภาที่ขายชาติ ยกเขาพระวิหารให้เขมร แล้วก็บอกว่าจะอะลุ่มอะหล่วยต่อพันธมิตรฯ จะพูดถึงพันธมิตรในแง่บวก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เคยพูดถึงพันธมิตรฯ ในแง่ลบตลอด

      

"เขาเคยกล่าวว่าเราเป็นแก๊งข้างถนน เขาบอกว่าฝ่ายเขามามากแล้ว จะขอฆ่าคืนบ้าง แล้วก็บอกให้เลือกข้าง มาวันนี้บอกว่าจะเลือกข้างพันธมิตรบ้าง แต่จะไม่ลาออก เพื่อจะอยู่โกงกินงบประมาณ 18 แสนล้านต่อ"นายสมเกียรติกล่าวประชด

 

"พิภพ" ย้ำมาเพื่อการเมืองใหม่ การเมืองคุณธรรม

นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เชื่อว่า พรรคพลังประชาชนจะทำทุกทางเพื่อไม่ให้ นายสมัคร สุนทรเวช ยุบสภา แต่จะให้ลาออกไป ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลก็ร่วมเสวยสุขในอำนาจรัฐ ซึ่งคนเหล่านี้ต้องการอยู่ในอำนาจรัฐให้นานที่สุด

      

นายพิภพ ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลต้องการให้เกิดความรุนแรง และให้ทหารออกมาปฏิวัติ เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ประโยชน์โดยไม่ต้องถูกดำเนินคดีในศาล จะได้มีเหตุผลในการลี้ภัยไม่ต้องถูกจำคุก อย่างไรก็ดีเหตุการณ์เหล่านี้ทั้งการสลายการชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯได้ทำให้ศาลแพ่งทุเลาคำสั่งบังคับคดีให้รื้อถอนออกไปพ้นทำเนียบฯ และย้ำว่าหากรัฐบาลใช้ความรุนแรงก็จะหมดความชอบธรรม ไม่ได้รับการยอมรับ

      

นายพิภพ ย้ำว่า ประชาชนที่เข้ามายึดทำเนียบฯเป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ เป็นการใช้สิทธิ์ในอำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชน เป็นการมาทวงสิทธิ์คืนจากรัฐบาลฉ้อฉลเพื่อส่งต่อเพื่อการเมืองใหม่ การเมืองที่มีคุณธรรม

      

นายพิภพ กล่าวว่า ถ้า นายสมัคร ไม่ลาออกหรือยุบสภาในวันพรุ่งนี้แสดงว่าต้องการอยู่ต่อจนถึงการผ่านงบประมาณและเวลานี้ถามว่าถ้านายสมัคร ไม่สามารถใช้ทำเนียบฯ ออกมติใดๆได้ก็ไม่มีความชอบธรรมในการเป็นรัฐบาล ดังนั้นต้องยึดทำเนียบฯจนถึงที่สุด

      

นายพิภพ กล่าวย้ำว่า ในรัฐบาลขณะนี้มี 3 แนวทางคือ ลาออก ยุบสภา และใช้ความรุนแรง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ใช้ความรุนแรงเขาก็จะหมดความชอบธรรมและแพ้ทันที

      

นายพิภพ เรียกร้องสันติวิธีและอหิงสา แต่ไม่ได้หมายความต้องอยู่เฉยๆ เพราะมีหลายขั้นตอน แต่หลักการเหล่านั้นมีหลายขั้นตอน ซึ่งขั้นตอนต่อไปเรียกร้องให้มีการนัดหยุดงานทั่วประเทศนานต่อนื่องเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันจันทร์นี้เป็นต้นไปถ้าเป็นอย่างรัฐบาล นายสมัคร จะอยู่ไม่ได้แน่นอน

 

เรียบเรียงจาก : ผู้จัดการ